คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทนำ
"เฮ้ออออ
หมดหวังแล้วสิเรา" ชายหนุ่มนั่งคอตกอย่างปลงๆ ก่อนที่หูของเขาจะได้ยินเสียงบางอย่างเข้า
ตึ๊ง
"เอ๊ะ?!! " เสียงข้อความแจ้งเตือนจากเมลล์ดังขึ้นอีกครั้ง จนเขารีบเงยหน้าขึ้นมองคอแทบเขล็ด
"เฮ้ย!!! " ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่เขาอุทานออกมาเสียงดังขนาดนี้เป็นเพราะอะไร
"....เย่!!!!" นั่นเป็นเพราะว่าทางมหาลัยได้ตอบรับการเข้าสมัครของเขา แถมยังนัดวันเวลามาให้สัมภาษณ์อีกด้วย ชายหนุ่มแทบจะเก็บความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ จนเผลอกระโดดโลดเต้นอย่างดีอกดีใจ พร้อมรอยยิ้มที่กว้างจนแก้มแทบฉีก
"เอ๊ะ? ว่าแต่ทำไมพี่เขาถึงรู้กันว่าเรากำลังหาที่เรียนต่ออยู่” ความสงสัยเริ่มเข้ามาแทนที่ความดีใจทันที ก่อนที่ใบหน้าที่ยิ้มก่อนหน้านี้จะเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน
"หรือว่า.....ช่างมันเถอะเนอะ" เจ้าตัวบอกกับตัวเองก่อนจะกลับมายิ้มแย้มอย่างเดิม โดยไม่สงสัยต่อเลยว่า ทำไมพี่ชายที่หายหน้าหายตาไปห้าปีถึงส่งข้อความมาหา พร้อมกับข้อมูลเว็บของมหาลัย และอีกฝ่ายรู้ได้ยังไงว่าเขากำลังหามหาลัยเรียนต่อ ทั้งๆที่ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา อีกฝ่ายแทบไม่เคยติดต่อกลัยมาหาเลยสักครั้ง จะแวะกลับมาหาหน่อยก็ไม่มี
ร่างโปร่งเริ่มกลับมาหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกครั้ง ทั้งๆที่เหลือกันอยู่แค่สองคนพี่น้องแท้ๆ แต่ถึงพวกเขาจะไม่ต้องทำงานเพราะมรดกที่พ่อและแม่ทิ้งไว้ก่อนพวกท่านจากไป แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ตัวเขารู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ต่อให้มีงานมากมาย มีทองกองเป็นภูเขา มันก็เทียบไม่ได้หรอก กับสิ่งที่เขาต้องการ สิ่งที่เขาเฝ้าหามาตลอด สิ่งที่เรียกว่า ‘ครอบครัว’ เมื่อนึกถึงความหลังที่ไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่ของเขา พลันมันก็ทำให้น้ำตาไหลออกมา ก่อนเจ้าตัวจะปาดมันทิ้งออกไป
"ไม่ๆ เราจะไม่ร้อง เราต้องเข้มแข็งไว้สิ กันต์ นายต้องเข้มแข็งนะ ฮึ๊บ!!!" เขาทำท่าฮึดสู้ ก่อนที่จะตอบเมลล์กลับไปให้ทางมหาลัย ว่าเขาตกลงเรื่องวันสัมภาษณ์ ใบหน้าเนียนเริ่มกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะปิดแล็บท็อปแล้วเดินมาย่อนตัวลงบนเตียงขนาดคิงไซท์ลายมิกกี้เม้าส์สีแดง แล้วซุกหน้าลงกับหมอนข้างใบโต
"ถ้าเราสัมภาษณ์ผ่าน ก็คงต้องไปอยู่หรอสินะ อืมมมมมม" เขาฟัดหน้าลงกับหมอนในมือไปมาอย่างกับเด็กอายุห้าขวบ ก่อนสีหน้าของเขาจะหมองลง
"คงจะไม่ได้กลับมาบ้านพักใหญ่เลยสิเรา" ถึงแม้ว่าตลอดเวลาห้าปีที่เขาจะอยู่คนเดียว แต่บ้านหลังนี้ก็เคยมีความสุขมาก่อน เคยมีเสียงหัวเราะ มีรอยยิ้ม ถึงแม้ว่าหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นจะทำให้บ้านหลังนี้เปลี่ยนไปเงียบเหงา และพี่ชายของเขาก็เปลี่ยนไป เอาแต่เก็บตัวเงียบ และมักทำตัวเย็นชาใส่เขาอยู่เสมอ ก่อนที่จะทิ้งให้เขาอยู่คนเดียว ในบ้านหลังนี้
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น
แต่บ้านหลังนี้ก็เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆมากมาย จนเขาไม่อาจจะละทิ้งบ้านหลังนี้ไปไหนได้
ก็มันเป็นบ้านของเขานี่นะ บ้านที่เคย.... เป็นที่อยู่ของครอบครัว.... ของเขา...
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
"เอาล่ะ!!! วันนี้แล้วสินะ ที่เราจะต้องไปสัมภาษณ์" ร่างโปร่งพูดกับตัวเองอยู่หน้ากระจก ก่อนจะยิ้มให้กำลังใจตัวเองพร้อมกับเดินไปหยิบเอกสารที่เขาเตรียมไว้ เผื่อจะต้องใช้รายงานตัวด้วย พร้อมกับกระเป๋าสะพายหนังสีดำ แล้วรีบวิ่งออกไปสวมรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาลอ่อน และไม่ลืมที่จะล็อคประตูบ้านให้เรียบร้อย เมื่อเช็คว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เขาถึงเดินออกมายังนินจาสีดำคู่ใจของเขา แล้วขึ้นคร่อมมัน ก่อนจะบิดออกไปด้วยความเร็วไม่มากและไม่ช้าเกินไป เผื่อเวลาหาอะไรกินที่มหาลัยด้วยเลย
"เอารวดเดียวไปถึงเลยแล้วกัน กำลังหิวๆด้วยพอดี" เขาว่าจบ ก็บิดเพิ่มความเร็วขึ้น ก่อนที่จะหักโค้งไปตามทางที่เขาจำมาจากแผนที่และใบบอกทางในเว็บสมัคร และไม่นานเขาก็มาหยุดอยู่หน้ามหาลัยที่มีตัวอักษรเด่นชัดว่า ‘HMP University’ โอโห้ ตั้งชื่อซะอินเตอร์สุดๆเลยแฮะ เขาคิดก่อนที่จะขับนินจาสีดำเข้าไป และแน่นอนว่าช่วงนี้ยังเป็นช่วงปิดเทอม ทำให้นักเรียนนักศึกษาส่วนใหญ่หยุดพักผ่อนและกลับบ้านไปหาครอบครัว หรือไม่ก็ไปเที่ยวสังสรรค์กัน....
ซึ่งมันควรจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรอ???
แล้วไอ้พวกเสื้อเชิตสีขาวกับกางเกงสีดำมากหน้าหลายตาพวกนี้มันอะไรกัน?!!! บางคนก็ถือกระเป๋ามาบ้าง บางคนก็ถือหนังสือ ถือสมุดบ้างล่ะ บางคนก็นั่งจับกลุ่มคุยกัน บ้างก็นั่งกินขนม กินน้ำอัดลมกัน แต่พอเขาบิดเจ้ารถมอเตอร์ไซค์เข้ามาเท่านั้นแหละ พวกนั้นก็มองมาที่เขาเป็นตาเดียวกันหมดเลย แถมยังมองแบบ ‘ไอ้หมอนี่เป็นใครกัน’ ไม่ก็ ‘นี่ตัวอะไรเนี้ย’ อะไรประมาณนี้ แต่เดี๋ยวนะ ไอ้ตัวอะไรเนี้ย มันฟังยังไงๆอยู่นะ
เขาขับวนดูรอบตึกก่อนที่จะเจอที่จอดรถสำหรับนักศึกษาเข้า เขาค่อยๆขับเข้าไปจอด พร้อมกับถอดหมวกกันน็อคสีดำออก ก่อนเขาจะขยี้หัวตัวเองเล็ก เพื่อให้ผมที่ยังเปียกอยู่ฟูขึ้น เขามองหัวเองผ่านกระจกมองข้าง แล้วยกมือขึ้นจัดทรงผมให้เข้าที่ ก่อนจะเดินออกจากที่จอดรถ แล้วเดินไปตามทาง ในมือก็ดูเมลล์ที่ทางมหาลัยส่งมา แต่ในระหว่างที่เขาเดินมา เขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาหลายๆคู่ที่มองมาทางเขาเป็นระยะๆ แถมบางคนยังมองเขาอย่างกับว่าเขาเป็นเนื้อ(?)ชิ้นดีอีกต่างหาก เล่นเอาเขาขนลุกไปหมดทั้งตัว แล้วรีบสาวเท้าเดินเร็วขึ้น สายตาก็สอดส่องหาตึกธุรการไปด้วย
"แล้วตึกธุรการมันตึกไหนว่ะเนี้ย มหาลัยก็ออกจะกว้างขนาดนี้” เขาบ่นกับตัวเอง แล้วก้มลงดูหน้าจอโทรศัพท์ของตนเองอีกครั้ง ในขณะเดียวกันขาของเขาก็ยังคงเดินต่อไป โดยไม่ทันระวังว่าข้างหน้าของเขามีชายคนหนึ่งยืนอยู่
ปึก!!!
"อ๊ะ!!! ขะ ขอโทษครับ" เขารีบขอโทษขอโพยอีกฝ่ายทันที เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นคนผิดที่เดินชนอีกฝ่ายเข้า แม้ว่าตัวเขาที่เป็นคนชนจะลงไปนั่งกองกับพื้นก็ตาม
"...." ชายคนนั้นไม่ตอบอะไร แต่ยืนมือมาให้ร่างเล็กจับ ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับแล้วจับมืออีกฝ่ายลุกขึ้น
"ขะ ขอบคุณนะครับ" เขาบอกอีกคนก่อนที่จะเผลอมองสำรวจใบหน้าของชายตรงหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขามีดวงหน้าคมผิวเนียนขาวอย่างกับคนไม่เคยออกแดด ดวงตาดำเรียบนิ่งไร้อารมณ์ ผมสีดำตัดสั้น ถูกจัดทรงให้ตั้งขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเรียบนิ่งไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ มันสร้างความรู้สึกกดดันแปลกแต่มันกลับดูเข้ากันกับอีกฝ่ายไม่ใช่น้อย แต่ก๋อนที่เขาจะได้คิดอะไรเตลิดไปมากกว่านี้ อีกฝ่ายก็พูดขึ้นเรียกสติเขา
"กำลังมองหาอะไรอยู่งั้นหรอ" อีกฝ่ายถามขึ้นเรียบๆ
"อะ อ่อ ผมกำลังหาห้องธุรการน่ะครับ ก็เลยเผลอมองโทรศัพท์จนไม่ดูทาง แฮะๆ” เขาว่าก่อนที่จะยกขึ้นเกาแก้มตัวเองแก้เก้อ ชายหนุ่มมองท่าทางนั้นนิ่งๆก่อนจะพูดขึ้นว่า
"เดี๋ยวฉันพาไปเอง เดี๋ยวนายจะไปเดินชนใครเข้าอีก" ว่าจบก็ก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว จนร่างเล็กหน้าเหวอ แต่ก็รีบตั้งสติแล้วเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว
"เออ คือ ถ้าไม่รังเกียจผมขอทราบชื่อคุณได้มั้ยครับ" เขาถามอย่างเก้ๆกังๆ ร่างสูงชำเรืองมองมาเล็กน้อยก่อนจะเดินต่อไป จนร่างเล็กหน้าเสีย
"ศิล"
"เอ๊ะ?!!"
"ชื่อของฉัน คือศิส" ศิลพูดแล้วเดินต่อไปเงียบๆ ปล่อยให้ชายหนุ่มร่างเล็กยิ้มออกมา
"ยินดีที่ได้รู้จักนะครับศิล ผมกันต์นะครับ" เขาบอกพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ แต่ก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ตอบอะไรกลับมา ทั้งสองเดินกันมาเงียบๆ ระหว่างทาง กันต์ก็มองสำรวจสถานที่ต่างๆไปด้วย แล้วพอเวลามีนักศึกษาเดินผ่าน พวกนั้นก็มักจะมองมาที่เขา ไม่ก็มองเขาสลับกับร่างสูงที่เดินอยู่ข้างๆ จนกระทั่งพวกเขาทั้งสองเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องที่มีป้ายติดว่า ‘ห้องธุรการ’ เขายื่นนิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะหันมามองร่างสูงข้างๆ
"ขอบคุณนะครับศิล" ว่าจบเขาก็ยิ้มน้อยๆ แล้วเปิดประตูเข้าไปในห้อง ทิ้งให้ร่างสูงยืนนิ่งข้างอยู่หน้าประตู เมื่อรลับร่างของชายตัวเล็ก ศิลก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้าหากันน้อยๆ
"ทำไมเราถึงต้องพาหมอนี้มากัน แปลกจริง" เขาบ่นกับตัวเองเบาๆ
แล้วใบหน้าก็กลับมาเรียบนิ่งไร้อารมณ์อีกครั้ง แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ไปไหน
แต่กลับนั่งอยู่ที่โซฟากน้าห้องธุรการแทน และตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ว่าทำไมเขาถึงต้องทำแบบนี้ แต่เขาก็สะบัดหัวไปมาตัดความรำคาญที่กวนใจอยู่
แล้วหยิบโทรศัพท์ไอโฟนสีดำรุ่นล่าสุดออกมา กดดูอะไรบางอย่างในระหว่างรอให้ใครบางคนออกมาจากห้องข้างๆ
✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿
ความคิดเห็น