ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mask Secret Unit ทีมล่ามหาประลัย

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่0.อดีตที่ต้องสะสาง

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 60


    //นี่เงาพูด นายถึงพิกัดรึยังฉลาม// หน้ากากเงาผู้สวมหน้ากากสองสีกรอกเสียงไปตามอุปกรณ์สื่อสารขนาดจิ๋วที่ติดอยู่ที่หู

    //ครับคุณเงา ผมถึงพิกัดแล้ว// เสียงนุ่มติดจะเย็นชาตอบกลับมา 

             ดวงตาที่มองผ่านเลนส์สีแดงของหน้ากากขยายขึ้นเล็กน้อย เขายกมือขึ้นกางอากาศ แล้วทำท่าเหมือนกำลังกดแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ แต่ความจริงแล้วมันเป็นหนึ่งในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกซ์ที่เชื่อมต่อกันกับเลนส์ของหน้ากากของเขา โกดังร้างก่อนหน้านี้ที่เห็นเพียงแค่ภายนอกก็เปลี่ยนเป็นภาพโฮโรแกรมที่สามารถมองเห็นทะลุถึงภายใน ปรากฏภาพโฮโรแกรมสีแดงรูปร่างเหมือนคนอยู่ภายในอีกประมาณ 8-10 คน

    //เป้าหมายมีประมาณสิบคนครับ ติ๊ด แมงป่อง นายพอไหวมั้ย// ประโยคแรกเขาบอกกับผู้เป็นหัวหน้า ก่อนที่จะกดเปลี่ยนสัญญาณบอกเพื่อนร่วมภารกิจที่อยู่อีกฝั่งของโกดัง

    //โห่ แค่นี้จิ๊บๆสบายมาก ติ๊ด หัวหน้าให้พวกผมเอาไงต่อดีครับ// เขาตอบเพื่อนสนิทกลับไป แล้วกดติดต่อมาที่เงาที่ยืนรออยู่บนต้นไม้ห่างจากโกดังไปไม่มาก

    //ยืนยันเป้าหมายแล้ว สิ้นค้าที่พวกมันขนมาละ อยู่ในโกดังด้วยรึเปล่าแมงป่อง// ผู้เป็นหัวหน้าวิเคราะห์จากข้อมูลที่ถูกส่งมา พร้อมกับกดสัญญาณติดต่อไปที่ร่างสูงอีกคน

    //ครับ ยืนยันเรียบร้อย ของที่พวกมันส่งมาอยู่ในรังในโกดังครับ// อีกฝ่ายตอบกลับมาเสียงทะเล้นตามปกติ

    //โอเคดีมาก ติ๊ด โซ่ตวงมีอะไรน่าสงสัยแถวนี้บ้างรึเปล่า// เขากดช่องการติดต่อสื่อสารไปที่เจ้าหน้าที่สื่อสาร(จำเป็น)ของหน่วยพิเศษ ที่นั่งอยู่บนรถบิ๊กไบท์สีดำของตนที่พึ่งถอยออกมาสดๆร้อนๆ ห่างจากจุดที่พวกเขาสามคนอยู่ใกล้พอสมควร

    //ยัง ตอนนี้ยังไม่มีอะไรน่าสงสัย นายคิดว่าพวกนั้นจะเรียกกำลังเสริมหรอเงส// ร่างเล็กถามกลับเสียงนิ่งๆ

    //ก็...แค่ลางสังหรณ์น่ะ เหมือนภารกิจของอนูบิสกับความมืด...// ร่างโปร่งเผลอกำมือแน่นเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่เบาลง มันเต็มไม่ด้วยความเศร้ามากมายจนโซ่ตวงสัมผัสได้

    //เฮ้ มันจะไม่เกิดขึ้นอีก ฉันจะคอยตรวจสอบทุกๆวิเลย ไม่ต้องห่วง// เขาปลอบอีกฝ่าย พร้อมกับกดไปที่ปุ่มเล็กๆบนมอเตอร์ไซค์ของเขา ก็ปรากฏภาพโฮโรแกรมสีฟ้าขึ้น เป็นภาพกล้องวงจรปิดที่เขาแฮกได้ตอนมาตรวจสถานที่รอบๆ

    //ขอบคุณนะเพื่อน ติ๊ด ทั้งสองคนพร้อมมั้ย// เขาบอกกับเพื่อนตัวเล็ก แล้วกดประชุมสัญญาณติดต่อ

    //พร้อมครับ/พร้อมครับ// สองเสียงตอบกลับพร้อมกัน

    //ดีมาก อณุมัติให้เก็บกวาดได้!!!// เขาบอกเสียงเข้ม ก่อนจะกระโดดลงจากต้นไม้อย่างรวดเร็วพร้อมกับมีดสั้นที่โพล่ออกมาจากแขนเสื้อทั้งสองข้าง แล้วพุ่งเข้าไปในโกดังพร้อมๆกับสมาชิกในทีมทั้งสอง

    "พวกแกเป็นคะ แอ่ก" กระสุนไฟฟ้าถูกยิงออกจากกระบอกปืนของอดีตมหารเรืออย่างฉลามจนล้มลงไปนอนกระตุกอยู่บนพื้น ก่อนที่เขาจะเล็งปากกระบอกปืนไปที่ชายชุดสูทอีกสองคนที่พุ่งเข้ามาหาเขา แต่เขาเร็วกว่ายิงสกัดใส่จนล้มลงไปกองกับพื้นไม่ต่างจากคนเมื่อกี้ แมงป่องเองก็หยิบอาวุธของเขาออกมาใช้บ้าง ซึ่งนั่นก็คือมีดบินแบบนินจาออกมาปาใส่เหล่าชายชุดสูทอย่างชำนาญ

    "พวกแกต้องการอะไร เงินหรอ อยากได้เท่าไหร่ บะ บอกมะ อ่อค" ชายชุดสูทสีเทาพยายามเกรียกกร่อมทั้งสอง แต่ก็ถูกมีดสั้นสองเล่มปักเข้าที่ข้างหลังจนล้มลงไปเสียก่อน 

    "โทษทีนะ แต่พวกเราไม่สนใจเศษเงินของคุณหรอก" เงาบอกกับร่างของชายที่หมดสติอยู่ แล้วเดินหลีกไปยืนอยู่ตรงกล่องไม้สีน้ำตาลสามกล่อง ฉลามกับแมงป่องเองก็ตามมาดูด้วยเหมือนกัน

    "หัวหน้าคิดว่ามันคืออะไรครับ" แมงป่องถามอย่างสงสัยแล้วเตรียมที่จะเปิดกล่องโลหะออก แต่ร่างโปร่งห้ามไว้ก่อน

    "เดี๋ยวๆอย่าพึ่ง พวกนายใช้อินเทอร์น่อนตรวจสอบภายในก่อน เผื่อจะเป็นของอันตราย" ทั้งสองพยักหน้าอย่างเชื่อสั่ง ก่อนที่จะยกมือขึ้นแตะที่ข้างหน้ากากเพื่อสแกนวัตถุภายในกล่อง ให้แน่ใจว่าจะไม่ใช่ของอันตรายหรือระเบิดละนะ

    "ผลสแกนบอกว่าไม่มีอันตรายครับหัวหน้า ไม่มีร่องรอยของระเบิดหรือสารเสพติดครับ" แมงป่องที่สแกนเสร็จเรียบร้อยบอก

    "แต่พบร่องรอยของพลังงานบางอย่างครับ" ฉลามพูดเสริม ร่างโปร่งที่ได้ยินผลงานตรวจสอบก็นิ่งไป

    "โอเค งั้นช่วยกันตรวจสอบของข้างไหนเถอะ" สิ้นสุดคำสั่งทั้งสามก็เริ่มงัดแงะกล่องโลหะพวกนี้ออก และพบว่าสิ่งของที่อยู่ภายในคือก้อนโลหะสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ขนาดสองฝ่ามือ อีกกล่องเป็นลูกบาศก์สี่เหลี่ยมสีฟ้าใสที่สามารถมองเห็นทะลุแกนพลังงานสีขาว อีกกล่องเป็นเหมือนก้อนผลึกสีม่วงที่เป็นทรงสี่เหลี่ยมเหมือนทั้งสองกล่อง

    "วัดค่าคาร์บอนแล้ว อุปกรณ์ของฉันบอกว่ามีอายุยาวนานมาก....เราต้องเอากลับไปที่องค์กรก่อน" เงาบอกเสียงเข้ม จนทั้งสองต้องลอบกลืนน้ำลาย

    //ติ๊ด โซ่ตวงภาระกิจลุลวง นายรีบมาสมทบเร็ว อ่อ ฝากติดต่อพวกวิทย์ศาสตร์ด้วย บอกพวกนั้นว่าเราเจอบางอย่าง// เขากดติดต่อไปยังร่างเล็กที่คอยตตรวจสอบพื้นที่ภายนอกอยู่

    //รับทราบ ฉันจะติดต่อให้ แล้วบางอย่างที่ว่าเนี่ยมันคืออะไรหรอ// โซ่ตวงถามกลับพร้อมกับกดบินหน้าจอโฮโรแกรม แล้วเตรียมตัวสตาร์ทเครื่องบิ๊กไบท์ แล้วขี่ออกไปสมทบกับพวกเงาที่ยังยืนอยู่ภายในโกดังพร้อมกับวัตถุลึกลับทั้งสาม

    //ฉันว่านายต้องมาดูด้วยตัวเองแล้วละ ติ๊ด// ตอบจบก็กดตัดสัญญาณไปซะดื้อๆ จนร่างเล็กได้แต่ส่ายหน้าไปมากับอารมณ์ของเพื่อนสนิทที่ดูจะไม่ค่อยคงที่สักเท่าไหร่


                  เอี๊ยดดด


                เสียงล้อบิ๊กไบท์ที่บดไปกับถนนคอนกรีตหน้าโรงงานดังขึ้น บ่งบอกได้ว่าเจ้าหน้าสื่อสารชั่วคราวของทีมพวกเขามาถึงที่นี่แล้วเรียบร้อย

    "ไหนหรอ ของบางอย่างที่ของนาย" ร่างเล็กเดินมาถึงก็เอ่ยปากถามตั้งแต่หน้าทางเข้ามาแต่ไกล

    "เดินมาใกล้ๆสิเห้ย ไกลขนาดนั้นคงจะเห็นมั้ง-*-" คิ้วเรียวใต้หน้ากากกระตุกนิดๆกับความกวน แบบไม่รู้ตัวของเพื่อนร่างเล็ก 

    "ฉันก็แค่ถามก่อนเฉยๆนี่ หงุดหงิดอะไรของนายเนี่ย" โซ่ตวงถามกลับพร้อมกับขมวดคิ้วใต้หน้ากากโซ่ ร่างโปร่งที่ได้ยินคำถามก็ส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

    "เอาละๆ ช่างเรื่องนั้นเถอะ เรากลับมาโฟกัสที่เจ้า 'สิ่งนี้' กันเถอะ" เขาบอกแล้วโชว์เจ้าลูกบาศก์ผลึกสีม่วงนี่ขึ้นให้อีกฝ่ายเห็นชัดๆ

    "วัดค่าคาร์บอนแล้ว พบว่ามันมีอายุเก่าแก่มากครับ พอรู้มั้ยครับ ว่ามันคืออะไร" ฉลามที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามถามขึ้น ในมือของเขาถือก้อนโลหะสีเหลี่ยม ข้างๆกันมีแมงป่องที่ถือลูกบาศก์สีฟ้าใสไม่ต่างกัน

    "ฉันไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่รู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ" โซ่ตวงยกมือขึ้นขับปลายคางอย่างที่ชอบทำเป็นประจำเวลามีเรื่องต้องให้ใช้ความคิด

    "นี่ ถ้ามันคิดยากขนาดนั้นก็ไม่ต้องคิดก็ได้นะครับ พี่โซ่ตวง" แมงบอกพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้น จนร่างเล็กหลุดออกจากความคิด

    "ก็ฉันจำได้ว่าเคยเห็นมันผ่านๆนี่" เขาบอกแล้วทำท่ากอดอกอมลมเหมือนเด็กๆ ถึงจะมีหน้ากากปิดก็เถอะ เงาที่มองอาการเด็กๆของอีกฝ่ายก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ไม่บ่อยนักนะเนี้ย ที่เพื่อนสนิทของเขาจะหลุดมาดนิ่งๆแบบนี้ ถึงส่วนใหญ่จะหลุดเวลาอยู่กับพวกเขาก็เถอะ

    //ติ๊ด!!! เจ้าหน้าที่โซ่ตวง พวกเราหน่วยวิทยาศาสตร์กำลังจะถึงพิกัดของพวกคุณแล้ว กรุณารออีกสักครู่นะครับ โอ้ว แล้วก็ทางเราเรียกหน่วยภาคสนามมาคุ้มกันแล้วเรียบร้อย ส่วนเรื่องเก็บกวาด พวกเราจะจัดการเอง พวกคุณก็เตรียมตัวกลับไปพักผ่อนได้แล้วละครับ เหนื่อยหน่อยนะครับ// เสียงอุปกรณ์สื่อสารของร่างเล็กดังขึ้น เรียกความสนใจจากหนุ่มๆทั้งสาม

    //ก็นิดหน่อยครับ พวกเราจะคุ้มกันที่นี่ไว้จนกว่าพวกคุณจะมาถึงนะครับ ติ๊ด// โซ่ตวงตอบกลับไป ก่อนที่จะกดปิดอุปกรณ์สื่อสาร พร้อมกับยืนพิงกล่องเหล็กแก้เมื่อย

    "พวกหน่วยวิทย์หรอ" เขาพยักหน้ารับ

    "รออีกห้านาที ให้พวกเรารอจนกว่าพวกเขากับภาคสนามจะมา พวกเราถึงคอยกลับไปพักกันได้ เขาบอกมาแบบนั้น" เขาหยักไหล่เบาๆอย่างไม่ใส่ใจ

    "ดีจัง ผมจะได้กลับไปนอนต่อ" เจ้าของหน้ากากแมลงสีม่วงแดงบอกอย่างขี้เกียจ

    "หึ อย่างนายทั้งชีวิตก็คงมีแต่นอนนั่นแหละ" ฉลามที่ยืนกอดอกอยู่ บอกเสียงนิ่งๆ จนเจ้าตัวหันควับ

    "หมายความว่าไงห๊าาา" แมงป่องเริ่มโวยวายเหมือนเด็กๆ

    "ก็หมายความตามนั้นแหละ" เงายืนมองการทะเลาะกันเป็นเด็กๆของลูกทีมก็รู้สึกเหนื่อยใจ นี่หน่วยเขามีแต่พวกที่ชอบทำตัวนิสัยเหมือนเด็กมอปลายหรอเนี่ย ร่างโปร่งได้แต่หัวเราะแห้งๆในลำคอ

    "จริงสิ โซ่ตวง นายได้ข่าวจอมยุทธ์บ้างมั้ย" โซ่ตวงที่ควักไอโฟนของตนออกมากดเช็คข้อมูลหยุดชะงัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้น

    "อืมมม ก็นิดหน่อยนะ รู้สึกว่าหมอนั่นจะพาทีมย่อยไปจัดการกับมาเฟียอิตาลีน่ะ" เงาพยักหน้าอย่างเข้าใจ

    "เหอะๆ ถ้าหมอนั่นยังอยู่ละก็ เชื่อเลยว่าเข้ากับแมงป่องเป็นปี่เป็นขลุ่ยแน่ๆ" เขาว่าติดตลก

    "หึ ฉันว่ามีหวังได้ฉิบหายวายป่วงกันหมดแน่ๆหน่วยเรา ถ้าสองคนนี้ได้อยู่ด้วยกันน่ะ" ร่างเล็กบอกแล้วทำท่าลูบแขน เรียกเสียงหัวเราะจากผู้เป็นหัวหน้าและเพื่อนสนิทได้อย่างดี



    5 นาทีผ่านไป



             ในที่สุดหน่วยวิทยาศาสจร์ก็มาถึง พร้อมกับรถตู้ของหน่วยภาคสนาม และรถคอนเทนเนอร์สำหรับขนย้ายเจ้าสิ่งที่หน่วยพิเศษเจอ โดยที่มีหน้ากากจระเข้ หัวหน้าหน่วยประจำหน่วยวิทยาศษสตร์มาร่วมขนย้ายด้วยตนเอง เขาเป็นที่นับถือของพวกนักวิทยาศาสตร์หลายคนมาก เพราะด้วยทักษะความรู้ต่างๆของเขานั้น ถือว่าสูงมาก แต่ที่รู้ๆกันอยู่แล้วในองค์กรว่า หน้ากากจระเข้นั้น 

              ไม่สิ นอกจากเขาแล้ว หญิงสาวเจ้าของฉายาฮาร์ลีย์ ควินน์ แห่งหน่วยวิทยาศาสตร์เองก็เช่นกัน หัวหน้าหน่วยสื่อสารและข่าวกรอง หน้ากากเม่นแคระ ต่างก็เคยเป็นหนึ่งในสมาชิกของหน่วยพิเศษ รุ่นแรกกันทั้งสิ้น และพวกเขาทั้งสามยังพวงตำแหน่งเพื่อนสนิทที่มีอยู่ไม่มากของหัวหน้าหน่วยพิเศษเงาด้วย 

    "ไงพวก งานนี้เหนื่อยหน่อยนะ" จระเข้ทักทายทั้งสองอย่างเป็นกันเอง ซึ่งทั้งสองเองก็ทักทายกลับเช่นกัน

    "ก็นิดหน่อยนะ ได้ยืดเส้นยืดสายหน่อยก็ดี" ร่างโปร่งตอบยิ้มๆ

    "จระเข้ นายดูสิ คราวนี้ฉันก็ได้อยู่เฉยๆอีกแล้วอ่ะ ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเฝ้าสังเกตการ" โซ่ตวงหาจังหวะได้ก็รีบฟ้องร่างสูงกว่าทันที

    "น่าๆ นายก็รู้ว่าตอนนี้ยุทธ์ไม่อยู่ นายก็ต้องเป็นคนคอยสังเกตการแทน อย่างอนเป็นเด็กๆเลยน่า" ร่างสูงบอกอย่างอ่อนโยน แล้วยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ อย่างที่พวกเขาชอบทำเวลาอยู่ด้วยกัน

    "อ่ะแฮ่ม!!! เกรงใจหน่อยพ่อรูปหล่อ ลูกน้องนายมองกันใหญ่แล้ว โซ่ตวงนายหลุดขรึมแล้วนะ" เงาบอกแล้วยกมือขึ้นกุมหน้ากากของเขา ภายนอกมันอาจจะดูเหมือนเขากำลังระอากับเพื่อนทั้งสอง แต่ความจริงแล้วเขากำลังกลั้นขำต่างหาก!!! 

    "อ่ะ อ้าว หรอโทษทีๆ" โซ่ตวงผละออกจากจระเข้ ก่อนที่จะกลับมายืนนิ่งเก็กขรึมเหมือนเดิม จนทั้งสองหลุดหัวเราะ แต่พวกเขาก็หัวเราะกันอยู่ได้ไม่นานก็ต้องหยุดเงียบ เพราะลูกน้องของจระเข้เดินเข้ามารายงานผลการตรวจสอบอย่างละเอียดของวัตถุที่พวกเขาพบ

    "ขออนุญาตินะคะ" หญิงสาวหน้ากากสัตว์น้ำกล่าวขออนุญาติทั้งสามอย่างมีมารยาท ในมือของเธอถือกระดานหน้าจอกระจกใสมีกรอบสีดำที่ระบุผลการตรวจสอบต่างๆของวัตถุทั้งสามชิ้นอยู่

    "โอ้ เสร็จแล้วหรอคุณปลาวาฬ พวกนาย นี่คุณปลาวาฬเลขาฉันเอง" หญิงสาวเจ้าของชื่อปลาวาฬก้มหน้าลงน้อยๆอย่างทำความเคารพ 

             จนทั้งเงาและโซ่ตวงต้องทำตามอย่างรวดเร็ว ร่างสูงที่เห็นคนทั้งสองทำท่าลุกลี้ลุกลนก็หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะรับกระดานดิจิตอลจากเลขาสาวมาถือไว้ แล้วเลื่อนดูข้อมูลผลการตรวจอย่างช้า ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนไหววูบเล็กภายใต้หน้ากากสีเขียวแก่ ก่อนที่มันจะกลับมานิ่งเป็นปกติเหมือนเดิม

    "ผลการตรวจสอบเป็นยังไงบ้าง" เงาถามอย่างเป็นการเป็นงาน จนจระเข้เองก็ต้องกลับมาสวมบทหัวหน้าหน่วยวิทย์อีกครั้ง

    "ผลการตรวจบอกว่ามีอายุคาร์บอนยาวนานมาก" ประโยคแรกของเขาทำให้โซ่ตวงและเงามองหน้าอย่างรู้ๆกัน แล้วหันกลับมาฟังสิ่งที่จระเข้พูดต่อ

    "เราตรวจพบว่าภายในวัตถุมีแหล่งพลังงานมหาศาลมาก วัตถุสีม่วงมีพลังงานที่คล้ายคลึงกับสสารมืดที่เราตรวจพบที่นิวยอร์กเมื่อเดือนก่อนไม่มีผิด" เมื่อฟังมาจนถึงตอนนี้โซ่ตวงก็พูดขัดขึ้น นายจะบอกว่าไอ้ก้อนสี่เหลี่ยมสีม่วงนั่นมีพลังงานสสารมืดงั้นหรอ คนตัวสูงกว่าพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้

    "แล้วมีปริมาณพลังงานมากขนาดไหนครับ" ฉลามที่เดินเข้ามาสมทบกับแมงป่องถามอย่างมีชั้นเชิงจนจระเข้ต้องดีดนิ้วเบาๆ

    "ถามได้เข้าเป้า"

    "จากที่เราตรวจสอบและลองใช้โฮโรแกรมในการวาดแผงผังดูแล้ว พบว่ามีพลังงานพอที่จะ...." จระเข้ที่ไรอ่านข้อมูลหยุดชะงักไป จนทั้งสี่แปลกใจ

    "ที่จะอะไรหรอจระเข้" โซ่ตวงถามแทนทั้งสามคน

    "ที่จะทำลายประเทศใหญ่ๆได้หนึ่งประเทศ" ทันทีที่ร่างสูงพูดจบ มันเหมือนกับว่าเวลารอบๆตัวพวกเขาช้าลงอย่างแปลกๆ

    "ทำร้ายประเทศได้หนึ่งประเทศ" แมงป่องพึมพำ

    "เรื่องนี้ชักจะบานปลายแล้วสิ" ฉลามบอกอย่างลอยๆ ขณะที่สมองของเขากำลังประมวลผล

    "เรื่องใหญ่ขนาดนี้ สงสัยพวกเราต้องรายงานเบื้องบนแล้วละ" เงาบอกกับโซ่ตวงและจระเข้ ทั้งสองเองก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน

    "แล้วผลการตรวจสอบของลูกบาศก์อีกสองก้อนนั่นละครับ" ฉลามที่นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้มีวัตถุสี่เหลี่ยมเพียงแค่ชิ้นเดียวก็ท้วงขึ้นหน่อยๆ

    "อืม ผลการตรวจลูกบาศก์อีกสองชิ้นปรากฏว่า วัตถุที่เป็นโลหะนั่นมีพลังงานบางอย่างที่คล้ายคลึงกับสนามแม่เหล็กโลก และมันสามารถทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่สามารถใช้งานได้ รวมทั้งเปลี่ยนแปลงกระบวนการของอุปกรณ์ไฟฟ้าให้สามารถเคลื่อนไหวได้ ส่วนลูกบาศก์ที่เป็นสีฟ้านั่นมีพลังงานบางอย่างที่สามารถเคลื่อนย้ายมวลสารไปในมิติอื่นได้"

    "มิติอื่น!!!" แมงป่องอุทานอย่างตกใจ ผิดกับฉลามที่ยังรักษาท่าทางนิ่งๆไว้ แม้ว่าตัวเขาเองจะตกตะลึงด้วยเช่นกัน

    "แต่ในทางวิทยาศาสตร์แล้ว เทคโนโลยีของมนุษย์ยังไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนี้เลยนะ ไม่ใช่แค่ย้ายมวลสาร แต่กับสามารถทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าสามารถเคลื่อนไหวได้" เงาบอกออกมา หลังจากที่นิ่งใช้ความคิดไปครู่หนึ่ง

    "มันก็จริงของนาย แต่นายฟังนี่นะ วัตถุที่ใช้สร้างลูกบาศก์ทั้งสามนั่น หน่วยของฉันตรวจสอบและวิเคราะห์หลายครั้งแล้ว แต่ผลปรากฏว่า สิ่งที่ใช้สร้างมันนั้น 'ไม่มีอยู่บนโลก' ของเรา" จระเข้เน้นย้ำตรงประโยคสุดท้ายเสียงเข้ม จนทั้งสี่ยืนนิ่ง

    "เรื่องนี้มันชักจะแฟนตาซีขึ้นเลยๆแล้วแฮะ" แมงป่องว่าติดตลก จนทั้งสี่คนหันไปมอง

    "อุ๊ย ขอโทษครับ" เขารีบกล่าวขอโทษทันที เมื่อรู้ว่าตนไม่ควรพูดอะไรเล่นๆในสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้

    "แต่พวกเราคิดว่าจะเอามันกลับไปตรวจสอบให้ลึกกว่านี้ที่ห้องแล็ปน่ะ เพื่อจะได้อะไรเพิ่มเติม" เจ้าของหน้ากากสองสีพยักหน้าเข้าใจ

    "ถ้าอย่างนั้น มีอะไรคืบหน้าแล้วบอกพวกกเราด้วยนะจระเข้" คำพูดของโซ่ตวง เรียกรอยยิ้มเล็กๆจากหัวหน้าหนุ่มได้ไม่ยาก

    "แน่นอน เดี๋ยวมานั่งรายงานให้ฟังเลย" พูดไปก็ขยี้หัวคนตัวเล็กกว่าไปด้วย จนเงาเริ่มรู้สึกว่า เหมือนจะมีบรรยากาศแปลกๆยังไงไม่รู้

    "งือออ หัวยุ่งหมดแล้ว" ร่างเล็กโวยเบาๆ

    "หึหึหึ พวกนายกลับไปพักผ่อนกันเถอะ เดี๋ยที่เหลือพวกฉันจัดการเอง" จระเข้บอกแล้วเตรียมจะเดินแยกออกไป แต่ร่างโปร่งก็เอ่ยรั้งเอาไว้เสียก่อน

    "เดี๋ยวจระเข้!!!"

    "มีอะไรหรอเงา" ร่างสูงถามอย่างสงสัย

    "อาการของอนูบิสกับความมืดเป็นยังไงบ้าง" เงากลั้นใจถามออกไป ทั้งๆที่ตัวเองก็รู้คำตอบอยู่แล้ว 

    "เออ อาการยังโคม่าอยู่เลย ขอโทษนะเงา" ร่างสูงบอกพร้อมกับก้มหน้าหลบสายตาของร่างโปร่ง

    "เห้ย ไม่เป็นไร เรารู้ว่าจระเข้ทำเต็มที่แล้ว ไม่เป็นไร" เขาบอกเสียงเบาลง จนไม่แน่ใจว่า เขาบอกกับอีกคนหรือบอกกับตัวเองกันแน่ อาการของเขามันคงจะชัดเจนเกินไปจนเพื่อนทั้งสองต้องเดินเข้ามาตบบ่าเบาๆ

    "ไม่ต้องห่วง นายก็รู้นี่ว่าน้องๆของนายน่ะทึกจะตาย อีกไม่นานพวกเขาต้องฟื้นแน่ๆ" เงาฝืนยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้ทั้งสอง

    "โอ้วแล้วก็หัวหน้าไวเวิร์นน่ะ เออ หมายถึงพ่อของนายน่ะ เขามาเฝ้าพวกอนูบิสทุกวันเลยละรู้มั้ย นายเองก็ไปคุยกับเขาหน่อยเถอะ" จระเข้ทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินแยกออกไปเดินดูการทำงานของลูกน้องในฐานะหัวหน้าหน่วย

    "ฉันก็เห็นด้วยนะเงา นายจะหลบหน้าเขาต่อไปแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ" ร่างเล็กบีบบ่าเขาเบาๆอย่างให้กำลังใจ

    "แต่นายก็รู้นี่ว่าเขาโทษฉันเรื่องที่เกิดขึ้นกับน้องๆน่ะ" เงาพูดกลับ

    "แต่เรื่องมันผ่านมาครึ่งปีแล้ว พ่อนายเขาเขาคงจะเข้าใจนายแล้วละ ลองไปคุยดูเถอะ" โซ่ตวงยังคงยืนยันคำเดิม ที่จะให้ผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและหัวหน้าของเขาไปคุยสะสางเรื่องในอดีตกับผู้เป็นพ่อ อย่างหน้ากากไวเวิร์น หนึ่งในสามขั่วอำนาจหรือเบื้องบนที่พวกเขาพูดถึงกันก่อนหน้านี้ หรือถ้าพูดง่ายๆก็คือพ่อของเขา หน้ากากไวเวิร์น คือหนึ่งในสามของผู้ก่อตั้งองค์กรนั่นเอง!!!

    "อืม ฉันจะลองทำตามที่นายบอกดูนะ" เงารับคำ ก่อนจะเดินแยกออกไป และไม่ลืมที่จะหันมาสั่งกับผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสาม

    "พวกนายเองก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนได้แล้ว เจอกันพรุ่งนี้ที่หน่วยตอนสิบโมง ห้ามสาย" ว่าจบ เสียงร้องโอดครวญของแมงป่องก็ดังตามไล่หลังเขามา จนร่างโปร่งหลุดยิ้ม 

             เขาเดินมาจนถึงรถจักรยานยนต์คันโปรดของเขา 'ฮอนด้า cbr250'่ มอเตอร์ไซค์ที่น้องๆของเขาทั้งสองอนูบิสกับความมืดซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้เขา เขาลูบมันเบาๆ แล้วก้าวขาขึ้นคร่อม พร้อมกับสตาร์ทรถพุ่งทยานออกไปอย่างรวดเร็ว โดยจุดหมายปลายทางของเขาก็คือโรงพยาบาลขององค์กร 'ฮิลล์ลิ่ง'




              โรงพยาบาลขององค์กร Mask Unit


    ฮิลล์ลิ่ง (healing)





                แอ๊ดดดด





    "ขออนุญาติครับ" เงาที่เปิดประตูเข้ามาในห้องผู้ป่วยบอกอย่างมีมารยาท

    "..." ในห้องปรากฏร่างของชายหนุ่มที่สูงประมาณร้อยแปดสิบนั่งอยู่บนโซฟา 

             เขาหันหน้ามามองร่างโปร่งนิ่ง จนเขารู้สึกกดดัน บรรยากาศในห้องนิ่งเงียบและมาคุมาก มีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่ดังอยู่ในห้องผสมไปกับเครื่องวัดชีพจรที่ยังคงดัง ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด จากเตียงคนไขทั้งสอง เขาเดินเข้ามาพร้อมกับดอกคาเนชั่นสีขาวที่ทั้งสองชอบ ก่อนจะหยิบมันออกมาจากช่อที่ถือ แล้วจัดใส่แจกันอย่างเบามือ โดยที่ทุกการกระทำของเขายังคงอยู่ในสายตาของไวเวิร์นหนุ่มทุกอย่าง จนกระทั่งเขาจัดใส่แจกันเสร็จ

    "พี่มาหาเราแล้วนะอาร์ท เราด้วยออย" มือที่สวมทับด้วยถุงมือสีขาวยกขึ้นลูบหัวชายหนุ่มทั้งสองที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง โดยปราศจากหน้ากากปิดบังใบหน้าอย่างอ่อนโยน

    "เงา ไม่สิ โอ๊ค มานั่งคุยกับพ่อหน่อย" สุรเสียงนิ่งดังขึ้นจากชายหนุ่มที่เอนหลังพิงโซฟาดังขึ้น เรียกให้เขาหันไป

    "ตะ แต่คุณพ่อ ยะ ยังโกรธผมอยู่ไม่ใช่หรอครับ" เงาท้วง แต่ก็ยอมเดินมาตามคำสั่งอยู่ดี

    "หึ!!! แล้วพ่อสมควรที่จะโกรธรึเปล่าละ" ไวเวิร์นถามกลับมานิ่งๆ

    "สะ สมควรครับ" เงาตอบเสียงอู้อี้ ก้มหน้าหลบสายตาผู้ได้ชื่อว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้า

    "ถ้ารู้อย่างนั้นแล้วก็ดี จำไว้นะโอ๊ค จำบทเรียนนี้ไว้ ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามที่ลูกคิดเสมอไปหรอกนะ" ชายหนุ่มวัยกลางคนถอดหน้ากากสีขาวออก เผยให้เห็นใบหน้าที่ยังคงอ่อนเยาว์เกินกว่าที่จะเป็นคุณพ่อลูกสามด้วยซ้ำ เขาวางหน้ากากลงบนโต๊ะเบาๆ แล้วยกมือขึ้นเสยผมสีดำที่ถูกตัดสั้นและไถข้างของตนขึ้นไป ยิ่งเสริมความหล่อให้เขาดูดีขึ้นอีก

    "ครับพ่อ ผมรู้ว่า...ผมทำผิด ผิดมากอย่างไม่น่าให้อภัย ต่อให้ผมขอโทษกี่แสนกี่ล้านครั้งมันก็คงไม่พอ" เงา ไม่สิ โอ๊คเองก็ถอดหน้ากากของตนออกเช่นกัน เผยใบหน้าที่ถอดแบบพิมพ์มาจากผู้เป็นพ่อแบบเป๊ะๆ แต่ต่างกันตรงที่ว่า พ่อของเขาดูหล่อเข้มน่าหลงไหล แต่ของเขามันหล่อคมออกหวานๆเสียมากกว่า

    "เรื่องมันเกิดไปแล้วก็ปล่อยมันไปซะโอ๊ค เรากลับไปเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่เราสามารถแก้ไขปัจจุบันไม่ให้ซ้ำรอยอดีตได้ รู้ใช่มั้ยว่าพ่อพูดถึงอะไร" ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

    "ลูกต้องคิดอยู่เสมอนะว่า ชีวิตนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว จะหาที่ไหนอีกไม่ได้แล้ว" เขาบอกขณะที่กำลังใช้นิ้วโปร่งไล่ไปตามใบหน้าของโอ๊ค

    "เพราะฉะนั้น ถึงกฎขอบัญญัติของ M.U. จะบอกว่า ต่อให้เสียแขนเสียขาก็ต้องทำภารกิจให้สำเร็จ แต่พ่อขอ ขอร้องลูก ไม่ว่าตะเกิดอะไรขึ้น พ่อไม่อยากให้ลูกตาย หรือเป็นอะไรไป เหมือนอย่างน้องๆ" ร่างสูงบอกน้ำเสียงเศร้าๆ แล้วมองไปยังร่างไร้สติทั้งสองบนเตียงผู้ป่วย

    "ครับ แน่นอน ผมสัญญา มันจะไม่เกิดขึ้นอีก และจะไม่มีวันเกิดซ้ำสอง"

    "ผมสัญญา" โอ๊คบอกอย่างหนักแน่น แต่ภายในดวงตาคู่สวยนั้นกลับไหววูบ จนคนสูงวัยยังสังเกตเห็น

             ไวเวิร์นที่ตอนนี้ไร้หน้ากากยกยิ้มที่หาได้ยากออกมา เขายกมือขึ้นลูบหัวลูกชายคนโตของเขาเบาๆ แต่ลูบไปได้สองสามที โอ๊คก็โพล่เข้ากอดไวเวิร์นหนุ่มอย่างรวดเร็ว จนเขาตกใจ แต่ไม่นานก็ยกยิ้มบางๆ แล้วกอดตอบผู้เป็นลูก พร้อมกับลูบหลังอย่างปลอบๆไปด้วย ไม่นานเขาก็ได้สัมผัสได้ถึงความชื้นที่บ่าจากเสื้อเชิ้ตสีขาวที่สวมอยู่ ร่างในอ้อมกอดของเขาสั่นเบาๆ บ่งบอกได้อย่างดีว่า ตอนนี้ลูกชายของเขากำลังร้องไห้อยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ร้องแบบฟูมฟายปานใจจะขาด 

             แต่เป็นการร้องไห้เงียบๆ โอ๊คปล่อยให้น้ำตาที่เขาอัดอั้นไว้ระบายออกมาให้หมด เพื่อที่วันพรุ่งนี้เขาจะได้กลับมาสดใส เป็นพี่ชายที่แสนใจดี และเฮฮา ไม่ใช่จอมอมทุกข์ที่แบกรับทุกอย่างไว้แบบนี้ เวลาผ่านไปราวๆสิบนาทีเห็นจะได้ ร่างโปร่งถึงยอมผละออกจากอกของผู้มีอายุมากกว่า พร้อมกับเช็ดน้ำตาแรงๆ จนไวเวิร์นต้องจับมือให้เขาหยุดเช็ดเพราะกลัวว่าดวงตาสีนิลคู่นี้จะแดงไปมากกว่านี้ เขาค่อยๆไล่ปลายนิ้วไปตามขอบตา เกลี่ยคราบน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะเป็นอีกครั้งของวันที่ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นจอมเย็นชาไร้อารมณ์จะมีรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา

    "ทำไมลูกพ่อขี้แงแบบนี้เนี่ย" ไวเวิร์นกอดผู้เป็นลูกไว้หลวมๆ น้อยครั้งที่พวกเขาพ่อลูกจะได้กอดกันแบบนี้ 

             ตั้งแต่ที่แม่ของเขาตายไป พ่อก็พูดน้อยลง เก็บตัวเงียบ แต่ก็ยังพูดคุยกับเขาอยู่บ้าง แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อครึ่งปีก่อน ภารกิจของทีมที่เขาได้รับ จนทำให้น้องๆทั้งสองของเขาอยู่ในอาการโคม่ามาจนถึงตอนนี้ และพ่อของเขาก็โมโหมากจนไม่ฟังอะไร หลุดมากผู้ชายเย็นชาและคุณพ่อแสนดี ก่อนที่จะกลับมาตีบทขรึมผลักไสไล่ส่งเขา ตีตัวออกห่างจากเขา แม้แต่หน้าก็ไม่มองตลอดครึ่งปี

              เชื่อเถอะ การที่คุณถูกคนในครอบครัวหลบหน้า นิ่งใส่ เย็นชาใส่ ทำเหมือนคุณไม่มีตัวตนน่ะ มันโครตจะเจ็บปวดเลย และเขาต้องทนอยู่แบบนั้นมาตลอดครึ่งปี ครึ่งปีที่ต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ครึ่งปีที่ต้องถูกมองด้วยสายตาเย็นชา เดินผ่านไปราวกลับเป็นอากาศธาตุ แต่ต่อจากนี้มันจะไม่มีอีกแล้ว มันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก จะไม่มีวันที่โศกนาฏกรรมจะเกิดขึ้นซ้ำสอง ไม่มีวัน

    "ผมสัญญานะพ่อ ต่อไปผมจะไม่ให้เรื่องแบบนี้มันเกิดอีก" ร่างโปร่งบอกเสียงหนักแน่นสมกับที่เป็นหัวหน้าหน่วยพิเศษ จนผู้เป็นพ่ออดที่จะหมันเขี้ยวไม่ได้

    "ต้องอย่างนี้สิ ถึงจะสมกับที่เป็นหัวหน้าหน่วย" ไวเวิร์นหนุ่มพูดล้อเลียน

    "พ่ออ่ะ ก็ผมเป็นลูกชายของไวเวิร์นคนนี้นี่" โอ๊คบอกพร้อมรอยยิ้ม จนคนสูงวัยกว่ารู้สึกว่า เขาเริ่มจะหวงๆลูกชายคนนี้มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนซะแล้วสิ

    "หึ เรานี่มันจริงๆเลยนะ" ร่างสูงบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จนคนมองต้องยิ้มตาม

    "จริงสิ พ่อมีเรื่องบางอย่างจะต้องบอกลูกด้วย"

    "อะไรหรอครับ" ร่างโปร่งถามอย่างสงสัย

    "พรุ่งนี้ตอนเที่ยงจะมีเจ้าหน้าที่สองคนถูกส่งมาประจำการที่หน่วยของลูก" สิ้นคำพูดของเขา โอ๊คก็กระเงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว จนไวเวิร์นต้องเอียงหน้าหลบ เพื่อไม่ให้คางของเขาถูกกระแทกโดยหัวของลูกชายคนโต

    "พ่อว่าอะไรนะ" ไวเวิร์นถึงกลับต้องเบ้หน้าทันที เมื่อโดนเสียงแปดปรอดจากคนบนตักกระแทกเข้าหูเต็มๆ

    "ก็แค่สองคนเอง ห้ามเถียง ห้ามขัด ห้ามปฎิเสธ เพราะนี่คือคำสั่ง ตามนี้นะ" ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ จนคนฟังพยักหน้าตาม

    "ความจริง ผมอยากให้น้องๆกลับมาร่วมทีมเหมือนเดิมมากกว่าที่จะหาคนอื่นมาแทนที่" เขาบอกเสียงเศร้า แต่ก็ต้องยิ้มออกมาน้อยๆ เมื่อมีฝ่ามืออุ่นลูบหัวของเขาอยู่

    "จระเข้เพื่อนของลูกนะ บอกว่าอีกไม่นานทั้งสองคนก็คงตื่นแล้ว" เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความดีใจ ภายในดวงตาสีนิลมีแววประกายอย่างไม่ปิดบัง

    "จริงหรอครับพ่อ พ่อไม่โกหกใช่มั้ย" ร่างสูงพยักหน้า

    "ดีจัง" ร่างเล็กกว่าบอกยิ้มๆ ทั้งสองนั่งคุยกันต่อไปตามภาษาพ่อลูกจนเวลาล่วงเลยมาจนถึงยี่สิบเอ็ดนาฬิกา พวกเขาทั้งสองจึงพากันเดินออกมาจากห้องผู้ป่วยพิเศษ จนเดินมาถึงหน้าตึกโรงพยาบาลขององค์กร ที่มีมอเตอร์ไซค์สีดำสองคันจอดอยู่

    "เอาละ กลับบ้านเรากันเถอะ" ไวเวิร์นที่กลับมาสวมหน้ากากแล้วบอกอย่างอารมณ์ดี

    "ถ้างั้น แข่งกันมั้ย" เจ้าของหน้ากากสองสีพูดอย่างท้าทาย

    "เอาจริงหรอ" คิ้วเรียวใต้หน้ากากยกขึ้นเล็กน้อย แต่ฝ่ามือของเขากลับกำลังบิดเร่งความเร็วอยู่

    "ใครถึงบ้านหลังสุดต้องเลี้ยงสเต็ก" เงาบอก แล้วบิดเร่งความเร็วเช่นกัน

    "งั้น...เริ่ม!!!"








    OSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSOSO



    ฮัลโหลๆ มาแล้วคับกับตอนแรก มาเพิ่มความสงสัยให้คนอ่านก่อน ฮ่าฮ่าฮ่า


    อาจจะลงไม่ค่อยเป็นเวลาสักเท่าไหร่อ่ะ แน่นอนว่าใช้เวลาแต่งน๊านนาน ฮ่าฮ่าฮ่า


    แต่ไม่ต้องห่วง ยังไงก็ม่ายยยทิ้งหรอกครับ แถมมันต้องสนุกมากแน่ๆ ตอนแรกกะว่าจะไม่แฟนตาซีละ


    แต่คิดไปมา สปอยเลยว่าตอนหลังๆจะมีการเปลี่ยนแปลงเยอะมากแน่ๆบอกเลย


    และอาจจะมีการสูญเสียเกิดขึ้นกับลูกๆของท่าน และผมบอกเลยว่าทุกคน เน้น ทุกคนได้ออกหมดแน่ๆ


    แต่จะออกมาในแนวแบบไหนกัน อันนี้ก็ต้องรอลุ้นกันต่อไป เพราะบางคนอาจจะได้มาเป็นตัวหลักก็ได้


    เพราะอย่างนั้นโปรดติดตามนะครับ บางทีในแต่ละตอนก็อาจะธรรมดา แต่ก็น่าติดตามนะครับ^^


    แล้วพบกันตอนหน้านะครับ ซีร์ยูท์กู๊ดบ๊ายยยยย โอ้วก่อนจากกัน ผมขอเลื่อน 'วันปิดรับ' เป็น 'ตอนที่สาม' นะครับ 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×