คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Arc 1 - คาเฟ่
1
“นายโดนเธอปฏิเสธเหรอ?”
“อ่า”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งทำท่าที และน้ำเสียงที่ผิดหวังตอบกลับไปหาเพื่อนๆ ของเขาที่ถามมาทั้งสองคน
พวกเขากำลังนั่งคุยกันอยู่ที่ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งที่มีคนอยู่ไม่มากนัก เครื่องดื่มและขนมอบถูกวางเรียงอยู่บนโต๊ะเล็กๆ ที่มีเก้าอีพอสำหรับสามคน แสงแดดยามบ่ายอ่อนๆ ส่องทะลุผ่านกำแพงกระจกที่เผยให้เห็นภายในตัวร้าน นับเป็นบรรยากาศที่ดีมากสำหรับร้านคาเฟ่ที่อยู่ในบริเวณตัวเมือง
แต่หากตัดภาพมามองดูบรรยากาศของกลุ่มเพื่อนกลุ่มนี้ ก็จะเห็นได้ชัดเลยว่ากำลังตึงเครียดกันอยู่พอตัวเลย
“แล้ว.. เธอได้บอกอะไรกับนายมาอีกไหมอะ”
“อ่า นั้นสิ คนแบบเธอไม่มีทางที่จะปฏิเสธนายไปเฉยๆ แน่”
เพื่อนของเขา “ก้อง”เด็กหนุ่มเนิร์ดใส่แว่น เปิดปากถามก่อนใคร จากนั้น “นน” เพื่อนสนิทชายของเขาอีกคนหนึ่งที่มีท่าทีน่าเกรงขามในกลุ่มจึงพูดเสริมขึ้นมา
“เธอบอกว่าเธอกำลังจะมีแฟนเร็วๆ นี้น่ะ”
“--แฟนเหรอ? เอาจริงดิ้”
“เออ สิวะ ฉันก็พึงจะรู้นี้แหละ.. ”
ก้องทำหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนถามให้แน่ใจ ดูจากสายตาของคนทั่วไปแล้วคงไม่จำเป็นต้องถามให้มากความ ว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่ที่สำคัญ คือพูดถึงใครต่างหากละ
เอฟ คือคนที่ถูกสายของเพื่อนทั้งสองคนจับจ้องอยู่ ณ ตอนนี้ เขาเป็นเด็กนักเรียนที่กำลังจะได้ขึ้น ม.ปลาย ในอีกไม่นานนี้ เช่นเดียวกันกับเพื่อนของเขาทั้งสองคน
เอฟเป็นคนที่มีทักษาด้านภาษา ความจำ และการคาดเดาเป็นอาวุธ เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่มีฐานะแบบพอใช้ ซึ่งที่บริเวณข้างบ้านของเขาได้เปิดเป็นธุรกิจหอพักเล็กๆ โดยมีน้องสาวของพ่อเขาเป็นเจ้าของ
นอกจากหน้าตาที่แสนธรรมดา ตามไสตล์พระเอกโชเน็นแล็ว ก็แทบไม่มีอะไรเลยสักอย่าง เรียกได้ว่าครบสูตรพระเอกโชเน็นที่ควรจะมีฮาเร็มซัก 6-7 คนแบบอนิเมะเรื่องอื่นจริงๆ
แต่ก็ดูเหมือนว่าทักษะด้านการคาดเดาของเขาจะใช้กับผู้หญิงไม่ได้เลยสักนิด ชั่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งนัก สำหรับพวกอกหักแบบเขา ;-;
“เห้อ..” เพื่อนของเขาทั้งสองคนที่ถูกเรียกออกมาเพื่อพูดคุยในวันหยุดแบบนี้ต่างก็ถอนหายใจออกมาพร้อมๆ กันราวกับจับเวลาไว้
“หมดหวังแล้ววะ ตัดใจซะเถอะ ต่อให้แกจะจีบเธอต่อไปยันม.6 ก็คงไม่ติดหรอก”
ไอ้นนที่มีท่าทีชำนาญการที่สุด จู่ๆ ก็เปลี่ยนลักษณะท่านั่งขึ้นมา เขาทำหน้าราวกับโล่งใจ จากนั้นจึงยกเท้าซ้ายขึ้นว่างบนหัวเข่าขาขวาแล้วกอดอกสักพัก พูดบอกให้เอฟตัดใจพลางหลับตาลง พร้อมกับยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ
คำพูดแบบนั้นทำให้เอฟขมวดขิ้วลงจนต้องเอ่ยปากปฏิเสธขึ้นมาในทันที เด็กหนุ่มไม่อยากยอมรับสถานการณ์แบบนี้ที่เขาต้องเผชิญ ความรู้สึกของเขาแรงซะจนอยากร้องไห้ออกมาซะเดี้ยวนี้
“ฉันก็เห็นด้วยนะ ตอนแรกก็เข้าใจว่าแค่ข่าวลือธรรมดา แต่ถ้าจู่ๆ เล่นเซอร์ไพรส์ว่าเอาจริงกันแบบนี้เห็นทีคงต้องยอมตัดใจจริงๆ และอีกอย่าง เรื่องอกหักหรืออะไรแบบนี้ใครๆ เขาก็เจอกันทั้งนั้นแหละ”
“อะ-”
“แล้วส่วนใหญ่คนที่ออกมาจากจุดนั้นได้ ก็ได้เริ่มต้นใหม่อะไรใหม่ๆ จนเจออะไรที่ดีกว่าเดิมกันทั้งนั้น ถ้าขืนจมปลักต่อไป ระวังจะได้ไปนรกไม่รู้ตัวนะ”
ก้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วกอดอก เขาหลับตาลงพลางพูดความคิดของตัวเองออกมาเช่นนั้นแล้วพยักหน้าให้
นนที่เห็นท่าทีของก้องก็รีบพูดเสริมประโยคให้ทันที คำพูดของเจ้านนทำเอารู้สึกว่ามันเคยตกนรกยังไงอย่างงั้น
เอฟอยากจะเอ่ยปากขัดสักเล็กน้อย แต่ก็ถูกท่าทีที่ดูจริงจังของเพื่อนของเขาข่มเอาไว้ จนเอฟต้องกัดฟันเถี่ยงไม่ออกกับคำพูดของเพื่อนชายทั้งสอง
ไอ้ก้องมันเป็นเด็กหัวหมอ ถ้ามันจะพูดอะไรที่ดูฉลาดแบบนั้นขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก แต่ไอ้เจ้านนเนี้ยสิ สมองก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร แค่อาศัยว่ามีประสบการณ์มากกว่าแล้วพูดขึ้นมาแบบนี้เนี้ย โคตรจะน่าหงุดหงิดเลย!
เขาคิดเช่นนั้นในใจก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทั้งที่พวกเขาสามคน รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากนัก แต่ทำไมมันถึงได้ดูมั่นใจกับคำพูดตัวเองขนาดนั้นกันนะ แต่หากพิจารณาดูแล้วที่พวกเขาพูดออกมาได้คงเพราะไม่เคยอกหักแน่นอน
“คร้าบๆ .. เรื่องแบบนั้นได้ยินมาจนเอียนแล้ว ขืนปล่อยให้พวกแกพูดต่อหูฉันคงได้พังแน่ๆ(-_-*)”
“แล้วนี้จะเปิดเทอมแล้ว ตั้งจะว่าจะคุยกันหรือเปล่าล่ะ?-”
“หึ.. ดูไม่ออกหรือไงครับคุณ นน ดูท่าแล้วเจ้าเอฟมันคงตั้งใจว่าจะไม่คุยกับเธออีกเลยชัวร์ ถามแปลกๆ ไม่สมกับที่เป็นผู้ชาญการเลยนะ”
“พูดอะไรของแกน่ะ”
ก้องยิ้มออกมาแล้วทำสีหน้าพึงพอใจราวกับภาคภูมิใจในชัยชนะ แล้วตอบกลับมาโดยทิ้งคำถามไว้ให้กับนน นนที่รู้ตัวว่าพูดเรื่องที่ทำให้ดูไม่ฉลาดขึ้นมาหน่อย จึงรีบทำท่าเหมือนไม่รู้เรื่องแล้วดึงหน้านิ่งหวังหักหน้าไอ้ก้องในทันที
ส่วนก้องที่นานๆทีจะได้พูดเรื่องที่ตัวเองไม่ค่อยถนัด ก็ถือโอกาสโชว์ความสามารถในการพูดอย่างเอาจริงเอาจังขึ้นมา
“อย่างน้อยต้องขอขอบใจที่พวกนายยังอยู่นะ ถ้าหลังจากนี้พวกนายย้ายไปเรียนที่อื่นล่ะก็ ฉันตายชัวร์เลย”
เอฟรู้สึกซาบซึ้งที่เขายังมีเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้คอยอยู่ด้วย การพูดคุยครั้งนี้ทำให้เขาใจเย็นลงได้มาก หากเทียบกับช่วงเวลาที่นอนจิตตกอยู่บ้านหลังโดนปฏิเสธ
“อย่าพูดอะไรที่ลดคุณค่าตัวเองลงสิคร๊าบ.. ไอ้เอฟ-อกหัก”
“ขอล่ะถ้าเปิดเทอมแล้วอย่าเรียกฉันด้วยชื่อแบบนั้นนะ ไม่งั้นได้อายบ้านแตกแน่”
เอฟรี่ตาลงแล้วทำคอตกเล็กน้อยพลางเอ่ยปากพูดออกมาโดยหวังว่าจะไม่โดนเรียกด้วยแบบนั้นอีก
ก้องรู้จักกับเอฟมาตั้งแต่ประถม เพราะแบบนี้สองคนนี้ถึงได้เป็นที่ปรึกษาที่ดีต่อกันเสมอไม่ว่าจะในสถานะการณ์แบบไหนก็ตาม นนที่เห็นดังนั้นจึงได้แต่นั่งมองอยู่เฉยๆ
“คร็าบๆๆ ไอ้เอฟ-อกหัก ถ้าเรียกแบบนี้จะได้มี อ อ่าง สามตัวในชื่อไปเลยนะ เท่ดีออก ”
“ไม่เท่โว๊ย ถ้าอยากเท่ก็ใช่เองสิ”
ก้องยิ้มระรื่นแล้วพูดต่อ เอฟจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แผวเบา ก้องที่ไม่อยากเถี่ยงอะไรต่อจึงได้แต่เกาหัวแล้วเอ่ยปากพูด “อืม,อ่า”เพียงอย่างเดียว
“อืม.. อันที่จริงฉันก็กะไว้แล้วแหละว่าแกจะต้องแห่วแน่ๆ หน้าตาน่ากลัวแบบแกไม่มีใครเข้าอยากได้เป็นแฟนหรอก”
“เมื่อตะกี้แกว่าไงนะ-- ไอ้นน..”
เอฟถูกพูดแทงใจดำใส่ทำเอาขอบตาเขากระตุก เอฟฝืนยิ้มแบบเฝื่อนๆ ในแบบของคนที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาจึงทำได้แต่เงียบปากแบบคนไร้ทางไปต่อก็เท่านั้น
หลังจากนั้นเอฟก็ได้พูดคุยกับเพื่อนของเขาในร้านคาเฟ่นั่นพอสมควร หลังจากนี้เพียงไม่ถึงหนึ่งเดือนก็จะเริ่มเปิดภาคเรียนแล้ว พวกเขาทั้งสามคนตัดสินใจเรียนต่อ ม.4 โรงเรียนเดิม เช่นเดียวกันกับคนที่หักอกเอฟไปไม่นานนี้ด้วย
เอฟคิดว่าจะลองลืมเธอให้ได้สักนิด หากทำได้บ้างล่ะก็อาจจะสามารถทำอะไรสักอย่างที่สามารถผลักดันตัวเองในตอนนี้ขึ้นมาจากหลุมพรางทางความรักก็ได้ เพราะหากเขาต้องเผชิญอยู่กับสถานการณ์นี้ไปอีกสามปีล่ะก็ เขาคงได้ตายด้านทั้งหัวใจแน่ๆ (=^=")
ลึกๆ แล้วเอฟไม่ได้อยากลืมเธอเลย แต่หากว่าไม่ลองทำตามคำแนะนำของเพื่อนดู ก็คงเป็นการเสียมารยาท แถมอีกอย่างเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ด้วย ดังนั้นคงมีแต่ต้องฝืนทำเท่านั้น แต่จะทำน่ะมันไม่ง่าย แค่คิดว่าจะทำก็ยังลำบากใจเลย
ถ้ามีอะไรที่เขาทำได้บ้างก็คงจะดี อะไรที่ช่วยเหลือเขาได้ อะไรที่ทำให้เขาหายปวดหัวและปวดใจกับเรื่องของเธอได้มากกว่านี้ จะเช่าแฟนก็คงจะไม่ใช่เรื่องหากไม่ใช่ในญี่ปุ่นหรือในเรื่อง **“kanojo okarishimus”
**‘สะดุดรักยัยแฟนเช่า’ อนิเมะและมังงะแนวโชเน็นชื่อดังของญี่ปุ่น
ยิ่งเป็นสังคมไทยล่ะก็ คงจะได้ประนามว่าเป็นพวก ‘ขายบริการ’ หรืออะไรทำนองนี้แน่ แต่ขายที่ว่าก็ไม่ได้หมายถึง ‘ขายตัว’ เสียหน่อย อาชีพที่ขายบริการก็มีอยู่ถ่มไปไม่ใช่รึยังไง
ไม่ว่าจะเด็กเสริฟกาแฟหรือคนเปิดประตูโรงแรม พวกนี้ก็เป็นงานบริการเหมือนกันแท้ๆ
เอฟคิดวนไปไกลถึงเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับบทสนธนาในตอนนี้เลย เมื่อเขารู้สึกตัว เขาก็คิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง
จะฝืนกลับไปจีบใหม่ดีไหม? แต่หากจะทำอย่างนั้นก็คงมีแต่ต้องรอให้เขาเลิกกัน.. ไม่ซิ คิดแบบนี้มันมีแต่พวกหวังผลประโยชน์คิดกันนี้หว่า
เขาคิดวนซ้ำอยู่เช่นนั้นขณะที่บทสนธนาของเขาและเพื่อนๆกำลังดำเนินไปในร้านคาเฟ่ที่ขณะที่ภายในร้านเริ่มมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่เขากลับบ้านกลับบ้าน
ความคิดเห็น