ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึกไม่ลับตอนเป็นนักศึกษาพยาบาล

    ลำดับตอนที่ #1 : เมื่อก้าวขาเข้ารั้วมหาวิทยาลัย

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 51


    ก่อนอื่นเราคงต้องแนะนำตัวกันก่อนมั้ง
    ข้าเจ้าชื่อ หนูปุยแล้วกันเนอะตอนนี้เป็นพยาบาลจบใหม่ๆเลยแต่ก่อนที่จะมาถึงวันนี้เนี่ยเจออะไรมาบ้างมาดูกัน

    4 ปีก่อน.......
    สมัยนั้นยังเป็นเด็กมัธยมผมสั้นเต่อหัวฟูแว่นหนา ที่บังเอิญว่าสอบติดคณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้โดยความสามารถ ขอข้ามความดีใจไปก่อนเนอะเอาเป็นว่าถึงตอนที่หิ้วกระเป๋าเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลับแล้วและเป็นวันแรกที่ขนของเข้าหอพัก
    มาหวิทยาลัยขอนแก่น แนะนำก่อนว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน เป็นที่ๆเด็กๆหลายคนอยากมีโอกาสได้เข้าไปศึกษาต่อ 
    ตอนที่เข้าไปวันแรกนั้น เด็กปี1ส่วนมากก็จะได้อยู่หอพักในมหาวิทยาลัยกัน เช่นกันหนูปุยก็เลือกอยู่หอพักหญิงที่24 โดยคำแนะนำของพี่ๆที่มาแนะนำในวันเลือกหอพักว่า
    "น้องเรียนพยาบาลเหรอ อยู่หอคอนแวนต์ดิ ใกล้คณะพยาบาลไปเรียนง่าย เนี่ยหอคอนแวนต์เนี่ยมี 4 หอในรั้วเดียวกัน 21 23 24 25 เลือกเลย เนี่ยหอคุณหนูเลยนะมีแต่สาวๆอยู่แถมอีกข้างติดหอแพทย์ด้วย"
    ด้วยความพาซื่อก็รู้สึกว่าเออ..ดีเหมือนกันตอนนั้นยังไม่เอารถไปใช้อยู่ใกล้ๆน่าจะไปเดินไปเรียนได้อ่ะลงเลย หอ24 ละกัน
    แต่วันหลังๆโน่นแหละกว่าจะรู้ความจริงว่าไอ้หอคอนแวนต์ที่พี่ๆเรียกเนี่ย มันมีชื่อจริงซ้อนอีกชื่อว่า..
    "หอบ้านนอก T_T' "
    คงไม่ต้องบรรยายมั้ง.....ข้าวหากินยากมากๆ ไม่มีร้านอาหารผุดขึ้นแถวๆนั้นเล้ย ตกกลางคืนมาเปลี่ยวก็เปลี่ยว นอกจากใกล้คณะแล้วไม่มีอะไรดีเลยซักอย่าง....อยู่วันแรกกอดคอรูมเมทร้องไห้เพราะไม่มีที่กินข้าว อ้อ...หอบ้านนอกเนี่ยพักห้องละ 4 คนคะห้องน้ำรวม ความที่เป็นเด็กใหม่ยกห้อง ไม่มีพี่มีน้องเรียนที่นี่เราไม่รู้กันจริงๆว่าเราจะทำยังไงและจะไปกินข้าวที่ไหน ที่เดียวที่รู้จักคือคอมเพล็ก
    เอ่อ...ศูนย์อาหารและบริการน่ะมีร้านข้าว ธนาคาร สหกรณ์ ร้านขายเสื้อ ประมาณนี้ยที่อยู่ห่างออกไปเกือบ2 กิโลได้มั้ง ทั้งห้องมีรถมอเตอร์ไซด์ใช้1คันเมทสองคนเลยอาสาไปซื้อ
    สิ่งที่ได้กลับมาคือข้าวไข่เจียว แล้วอยู่ด้วยกันมีแต่ลูกคุณหนู ไม่ใช่พ่อแม่รวยนะแต่ว่าพ่อแม่ไม่เคยปล่อยให้อดไง แบบว่าเป็นที่รักของบ้านอยากได้อะไรได้หมดพอมาเจอข้าวไข่เจียวที่คงจะเจียวอย่างเดียวไม่เติมอะไรเลย....มันจืดไงเลยพร้อมใจกันเติมความเค็มให้ด้วยน้ำตา......
    พอคนนึงร้องอีกสามคนก็ชักทนไม่ไหวร้องตามเป็นแถวโทรกลับบ้านกันจ้าละหวั่นคิดถึงพ่อแม่
    คิดถึงที่นอนนุ่มๆ กับข้าวอร่อยๆและน้องหมาที่เลี้ยงไว้.....มองไปทางไหนที่นี่ก็ไม่ใช่บ้าน
    เราอยากกลับบ้าน.....
    อาการโฮมซิกของพวกเราชาวหอก็อยู่ต่อไปอีกหลายเดือนทีเดียวกว่าจะปรับตัวได้ ระยะเวลาในเดือนแรกที่เริ่มเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยเป็นช่วงที่ปรับตัวอยากลำบากที่สุดเพราะเราเจอหลายด้านเหลือเกิน ทั้งที่อยู่อาศัย จำทางไม่ได้ เพื่อนใหม่ คณะก็ใหม่ และที่ร้ายที่สุดรุ่นพี่และการเข้าเชียร์........
    วันแรกที่เราได้รู้จักรุ่นพี่คือวันมอบตัวเข้าศึกษา(ฟังดูเหมือนติดคุกเนอะ)พี่ๆสโมสรนักศึกษาคณะพยาบาลเป็นคนมาต้อนรับและแจกสมุดรวมถึงบอกระเบียบและแนะนำการเข้าเชียร์เป็นครั้งแรก
    "นี่คือเสื้อนักศึกษาที่ถูกระเบียบนะคะ กระโปรง เข็มขัด และรองเท้าขาวเท่านั้นห้ามมีลายใดๆเด็ดขาด กิ้บพี่ขอ10ตัวนะคะรวบผมดีๆด้วย"
    สิงที่ทำได้คือยืนมองพี่ตัวอย่างที่ใส่เสื้อนักศึกษาตัวหลวมโพรกยาวเกือบถึงข้อศอกับกระโปรงสีกรมท่ายาวเลยเข่าลงมาเกือบฝ่ามืออย่างงงๆ อะไรกันเนี่ย....ผ่านเชียร์มหาลัยสองวันโดยรุ่นพี่มหาลัยโฮ่ โดนประธานเชียร์ด่าจนร้องไห้กว่าจะได้กัลปพฤกษ์ช่อที่41 มาเป็นของฉันเนี่ยก็จะตายแล้วนะ
    มีเชียร์คณะอีกหรือนี่......
    พี่ๆทยอยกันมาแนะนำสตาฟ ทั้งประธานเชียร์ รองประธาน สวัสดิการ สตาฟพยาบาล พี่เทคนิคเชียร์
    พี่ลีด และ....สตาฟปกครองตบท้าย เพิ่งรู้นี่แหละว่าสตาฟปกครองเนี่ยเป็นสิ่งมีชีวิตที่เสียงดังชวนผวาและสยองกว่าหนังสยองขวัญทุกเรื่องที่เคยดูมา
    เพราะพี่แกมาพร้อมคำว่า "ระเบียบ....เชียร์!!!!"ขอให้เพิ่มเสียงตะโกนขึ้นด้วยเป็นราวๆ300 เดซิเบล
    มานเป็นใครวะเนี่ย....ตกใจหมดเลย แต่ก็ต้องยืนนิ่งๆยืดอกขึ้นและตั้งแถวให้ตรงแบบอัตโนมัติหารู้ไม่ว่านั่นแค่เบาะๆถ้าจะเทียบกับการเข้าเชียร์อีก1เดือนเต็มๆถัดมา....
    จากนั้นมาทุกวันเราต้องเข้าไปซ้อมเพลงเชียร์คณะกับพี่เทคนิคเชียร์ในตอนเย็นหลังเรียนเสร็จแล้ว
    ก่อนจะได้เข้าทดสอบในห้องเชียร์ในวันถัดมาเพื่อทดสอบว่าน้องร้องเพลงเชียร์ได้รึเปล่า ถูกรึเปล่า
    มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอกเพราะในห้องเชียร์ไม่ได้มีแค่ประธานเชียร์ รองประธานเชียร์ และสตาฟอื่น
    แต่มันมีสตาฟปกครองอีกฝูกเบ้อเริ่มที่ยืนคุมระเบียบอยู่ ซึ่งอยู่ดีๆก็จะแหกปากขึ้นว่า
    "ระเบียบเชียร์ จะยุกยิกทำไมหะ"
    "เอ้า....กินแรง กินแรงอร่อยมั้ย...อิ่มหรือยังคนสองร้อยเสียงมีแค่นี่เหรอ!"
    "เอ้า หลับครับ หลับ...เพื่อนเขาตั้งใจตัวเองมาหลับ ดี"
    ฮือๆอีกร้อยแปดแสนอย่าง ทรมานใจน้องใหม่ที่สุดเลย มานจะกดดันพวกฉันไปถึงไหนเนี่ย
    มันมีใครกล้าหลับวะเสียงพี่ออกจะขนาดนี้ ไอ้เรื่องตะเบ็งเสียง เรื่องตบมือ ตบหน้าขาให้จังหวะเนี่ย
    ก็เอาซะเต็มที่จนแดงไปหมด วันดีคืนดีไปอาบน้ำตกใจ หน้าขาช้ำทั้งสองข้างชนิดเขียวม่วงเชียว
    ยังไม่รู้สาเหตุอีกแน่ะ...เป็นไรว้า...วันหลังไปเข้าเชียร์อีกแล้วเจอเพลงที่ตบหน้าขาอีกโน่นถึงได้สำนึกว่าไอ้รอยเขียวๆเนี่ยมาจากที่ใด....
    แต่การเข้าเชียร์ก็ให้อะไรเยอะเหมือนกันนะไม่ใช่แค่น้องต้องร้องเลงเชียร์ได้เท่านั้น แต่เรารู้จักกันหมด รู้จักระเบียบ รู้จักเคารพพี่(โดยเฉพาะสตาฟปกครอง กลัวเป็นที่สุดเจอไกลเป็นสิบเมตรยังยกมือไหว้ ป่านนั้นก็ยังโดน
    "ไม่เคยเคารพกันเลย วันนี้ไปกินข้าวมันเดินชนแขนพี่ มันเดินชนอาจารย์หน้าตาเฉย...ดี)
    ถามจริง....ใครมันจะกล้าคะพี่ขา...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×