ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Caress ...อุ้มรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : ยืดหยัด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 137
      2
      29 พ.ย. 64

    Chapter 1

    ยืนหยัด

     

    รถซีดานคันสีขาวแล่นเข้ามาภายในลานจอดรถของบ้านสองชั้นสไตล์นอร์ดิก ที่มักจะมีบรรยากาศที่อบอุ่น และใบหน้ายิ้มแย้มสดใสจากเจ้าของบ้านวิ่งออกมาต้อนรับเสมอ แต่ในวันนี้มันกลับเงียบเหงา และเศร้าหมองอย่างกับบ้านที่ไม่มีใครอยู่อาศัยมานานนับเดือน

    รองเท้าผ้าใบคู่โตพาเจ้าของร่างเข้ามาภายในตัวบ้าน ขณะ ที่เขากำลังใช้เท้าอีกข้างเขี่ยรองเท้าของตนให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนที่เจ้าของบ้านจะมาขย้ำหัวเขาจนกระจุย

    "มิซะคุง!!! "

    ร่างบอบบางของชายหนุ่มเซถอยหลังจนเกือบล้ม แต่เขาค้ำผนังไว้ได้ทัน เมื่อถูกหญิงสาวผมดำยาวสยายพุ่งตัวมากอดเขาและร้องไห้จนตัวสั่นเทิ้ม เธอคือหญิงอาภัพรักที่มีนามว่า 'มิคาสะ' พี่สาวเพียงคนเดียวของเขา

    "เดี๋ยวๆ ขอเข้าไปก่อน ของเยอะหนัก!!! "

    ชายหนุ่มชูถุงอาหารและขนมจากซูเปอร์มาร์เก็ตให้พี่สาวดู ทำให้เธอต้องรีบหลีกทางให้เขาเข้ามาในห้อง มิซารุวางทุกอย่างไว้บนโต๊ะในครัวและลากตัวพี่สาวของตนมายังโซฟา

    "ไหน เรื่องมันเป็นยังไง"

    มิคาสะปาดน้ำตา พูดไปร้องไห้ไปด้วยภาษามนุษย์ต่างดาวที่ทำให้ชายหนุ่มถึงกับย่นคิ้ว

    "ฉันก็บอกให้เลิกไปตั้งนานแล้วไอ้คนแบบนี้"

    แต่น่าแปลกที่เขากลับฟังเธอรู้เรื่องแทบทุกคำ ทั้งที่ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยแม้แต่น้อย นั่นอาจจะเป็นเพราะตอนเด็กๆ เธอเป็นคนขี้แยเลยมีแต่เขาเท่านั้นที่คอยปลอบใจพี่สาวคนนี้อยู่เสมอ

    "ฉัน.. รักเขา"

    "พี่ไม่ได้รัก"

    "...? "

    "พี่แค่เสียดายเวลามากกว่า...กับคนนี้กี่ปีล่ะ? "

    "4"

    "นั่นแหละ เสียเวลาให้ไอ้คนเฮงซวยนั่นตั้ง 4 ปี แค่ปีแรกมันก็ผิดนัดพี่ทุกเดือน เป็นฉันนะเลิกไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว! "

    เขาพูดอย่างเหลืออด ทั้งที่ไม่ใช่วิสัยของคนพูดน้อยแบบเขาเลยสักนิด แต่นี่มันสุดทนแล้วจริงๆ

    "ฉันไม่เอาแล้วล่ะ"

    "ดี ค่อยหาใหม่ก็ได้โลกนี้มันคงไม่ได้มีแต่คนเฮงซวยหรอกมั้ง"

    "ฉัน... ไม่อยากมีใครอีกแล้ว"

    "อะไรนะ? "

    มิซารุมองพี่สาวอย่างไม่เชื่อสายตา พอผู้หญิงที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยความรักเอ่ยออกมาแบบนี้ ก็ทำให้ภายในใจของมิซารุกระตุกไปวูบหนึ่ง เพราะว่ามิคาสะเป็นคนที่ขับเคลื่อนทุกอย่างในชีวิตด้วยความรัก

     

    เธอเรียนภาพยนตร์เพราะว่าสอบติดคณะเดียวกับแฟน แต่สุดท้ายตอนฝึกงานก็มีเหตุให้ต้องเลิกกัน

     

    เข้าทำงานที่สถานีโทรทัศน์ จนได้พบรักกับโปรดิวเซอร์หนุ่ม ทุ่มเทช่วยเขาทำโปรเจครายการ Wifeting star รายการที่ร่วมมือกันระหว่าง ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศจีน ที่เรตติ้งดีมากเพราะได้ซุปเปอร์สตาร์อย่าง 'หยางอี้ฟง' กับ 'หวังจื่อหลิน' มาเป็นแขกรับเชิญหลักของรายการจนตอนนี้โด่งดังระดับประเทศ ทั้งมิคาสะและเขาบ่มเพาะความรักสุกงอม จนถึงขั้นวางแผนจะแต่งงานกัน

    แต่จู่ๆ เขาก็เกิดไม่พร้อมขึ้นมาเสียอย่างนั้น…

    และกับคนล่าสุดทำให้เธออยากเปิดสตูดิโอ ก็เพราะว่าฟูจิโร่เป็นช่างภาพ ทั้งหมดนั่นล้วนขับเคลื่อนด้วย 'ความรัก' แทบทั้งสิ้น

     

    แต่ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ล่ะ... เธอจะเป็นยังไงต่อไป!?

     

     

    "ให้คิดใหม่อีกที"

    เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังที่เข้มพอๆ กับสีหน้าของเขา แต่ก็ไม่เท่ากับใบหน้าที่จริงจังยิ่งกว่าของคนเป็นพี่

    "คิดดีแล้ว... ฉันจะอยู่โสดแบบเธอ"

    "บ้าแล้ว"

    "ทำไมล่ะทีเธอยังทำได้! "

    แต่เขาและมิคาสะเราไม่เหมือนกัน ในฐานะของศิลปินตราบใดที่เขายังมีสัญญา ก็คงต้องพยายามโฟกัสกับมันและตั้งใจทำงานต่อไป เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้

    …ถึงแม้ว่าจะไม่อยากให้เป็นแบบนั้นก็ตาม

     

    "พี่ไม่เข้าใจ... "

    "ถ้ามันไม่ดี... ก็ไม่ขอมีซะดีกว่า"

    มิซารุพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง กับการตัดสินใจของพี่สาวในครั้งนี้ ...ถ้าปล่อยให้เธอมีคราวหน้า แล้วมิคาสะไปเจอคนแบบนี้อีกเขาก็คงไม่อยากให้เธอมีใครอีกแล้ว

     

    ดวงตาเจ็บปวดและว่างเปล่าที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เหม่อมองไปยังอีกฟากของห้อง ท่าทีของเธอทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดและสงสารขึ้นมาจับใจ มิซารุโน้มศีรษะของพี่สาวมาซบบ่าและลูบผมไปมาปลอบใจ

    "ไม่อยากมีอีกแล้ว"

    "คงต้องเป็นแบบนั้นแล้วล่ะ"

    ดวงตาคู่โตปิดลง เธอกอดและซบหน้าลงกับบ่าของน้องชาย

    "ร้องไปเถอะ ร้องจนกว่าจะพอใจแต่ฉันให้พี่ร้องได้แค่วันนี้วันเดียวนะ"

    "..."

    "พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานได้แล้ว คนที่บริษัทเขารอบอสกลับไปตรวจบัญชีอยู่"

    ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่คำปลอบโยนที่ชวนให้ซาบซึ้งใจเท่าไหร่นัก แต่อ้อมกอดของน้องชายและฝ่ามือของเขาที่กำลังลูบผมเธอในตอนนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยมากเหลือเกิน

    "แล้วนายก็… อย่าไปบอกแม่นะ ฉันไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง"

     

    สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่อาจปล่อยพี่สาวให้อยู่ตามลำพังได้ เพราะกลัวว่าอารมณ์หวั่นไหวในตอนนี้ จะทำให้เธอเกิดอยากทำร้ายตัวเองขึ้นมาแบบในหนังรักที่เธอชอบดู

     

    ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยความทรงจำของเขามากมาย ทำให้เธอต้องเอ่ยปากขอร้องให้มิซารุมานอนด้วย

    เธอนอนกุมมือของมิซารุไว้แน่น และเหม่อมองไปยังหน้าต่างบานกว้าง ที่ตรงนั้นมักจะเป็นจุดที่ผู้ชายคนนั้นมักจะยืนสูบบุหรี่อยู่เป็นประจำ ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพและเธอพร่ำบ่นว่าไม่ชอบมันมากขนาดไหน

    ...แต่เขาก็ยังคงทำ

     

    เมื่อมาลองนึกดูดีๆ แล้ว มีนับร้อยนับพันเรื่องที่เธอต้องอดทนกับเขามาโดยตลอด และคนที่คอยพูดเตือนสติเธอเสมอก็คือน้องชาย

    'พี่ไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อรอคอยใคร แล้วไอ้เวลาที่เสียไปมันย้อนกลับไม่ได้นะ'

    .

    .

    'และที่สำคัญ...'

    'ความรัก... มันไม่จำเป็นต้องอดทนขนาดนี้หรอกนะ'

     

    เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้เธอได้ตระหนักแล้วว่า คงถึงเวลาที่เธอควรทบทวนตัวเองใหม่อีกครั้ง ในเมื่อเขาไม่เคยรัก ไม่เคยห่วงเธอเลย เธอก็ควรหันกลับมารักและห่วงตัวเองสักที

    .

    .

    มีคนเคยกล่าวไว้ว่า…บางคนก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อมีความรักที่สมหวัง และมันอาจจะเป็น 'กรรม' ที่เคยทำมาตั้งแต่ชาติปางก่อนก็ได้

     

     

    "ผสมเทียม!!! "

    หนึ่งอาทิตย์ให้หลัง การตัดสินใจของเธอทำให้คนทั้งบ้านตกใจมาก โดยเฉพาะผู้เป็นแม่

    "ฟูจิโร่คุงเป็นหมันหรอ? "

    แม่อุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก นั่นทำให้น้องชายถึงกับหลุดยิ้มออกมา แต่มิคาสะส่ายหน้า

    "หนูอยากมีลูกค่ะ"

    "มีลูกมันเรื่องใหญ่มากเลยนะ"

    "มีลูก... หมายถึงลูกบอลที่กลมๆ หรอฮับ? "

    "ไม่ใช่จ่ะมิซาโอะคุง เวลาหม่ามี๊คลอดมิซาโอะออกมาและก็เลี้ยงจนโตเข้าโรงเรียน เขาเรียกว่ามีลูกจ่ะ"

    "อ๋อ~ มิซาโอะอยากมีลูก! "

    "ฮ่าๆๆ "

    "เอาแล้วไงแม่ เตรียมเก็บเงินไว้ขอสาวให้เจ้าตัวแสบได้เลย"

    "ว่าแต่น้อง เราก็เถอะ 23 แล้วเมื่อไหร่จะมีแฟนสักที"

    "มีไม่ได้!! ศิลปินที่ไหนเขามีแฟนกัน"

    "จ้าาาา พ่อศิลปินใหญ่!!! "

    "เดบิวต์เมื่อไหร่ ก็อย่าลืมเอาเจ้าตัวเล็กไปเรียนเต้นบ้างนะ เห็นชอบชักดิ้นชักงอหน้ากระจก"

     

    "ปัดโถ่!! นั่นอ่ะเขาเรียกว่าเต้น Popping ใช่ไหมมิซาโอะ!? "

    เด็กน้อยพยักหน้ารับ ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรด้วยซ้ำ

    "ว่าแต่เราเถอะ นี่ไตร่ตรองดูดีๆ แล้วใช่ไหม? "

    พ่อเอ่ยถามย้ำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ที่เครียดยิ่งกว่าตอนที่ลูกสาวจะพาแฟนมาเปิดตัวเสียอีก

    "มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ที่จะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้โตขึ้นมาได้ขนาดนี้"

    "ทีแม่กับป๊ายังเลี้ยงพวกหนูมาได้ตั้ง 3 คน"

    "มันไม่เหมือนกัน"

    "อย่าลืมนะว่ามีเราแค่คนเดียว.. "

    "หนูทำได้ค่ะ"

    เธอยืนยันหนักแน่น ด้วยแววตาจริงจังที่สื่อถึงความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยวตามนิสัยของเธอ ไม่ว่าจะตัดสินใจอะไรลงไปแล้วไม่มีทางล้มเลิกง่ายๆ

    .

    .

    "และหนูตั้งใจว่าจะเลี้ยงเขา... ด้วยตัวของหนูเองค่ะ"

     

     

     

    แน่นอนว่าการตัดสินใจของเธอนั้นมีเสียงคัดค้านมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้องชายที่แทบสำลักกาแฟทันที ตอนเธอเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อหลายวันก่อน

    'พี่บ้าไปแล้ว!! '

     

    และคำตอบเดียวของเธอก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม

    'ฉันอยากมีลูก'

     

    เพื่อนทุกคนต่างก็บอกว่าเธอทำงานหนักจนประสาทกลับไปแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงเสียงของพวกเขาก็ไม่มีผลต่อการตัดสินใจของเธอแม้แต่น้อย เธออยากมีลูก …แต่ผู้ชายพวกนั้นไม่สามารถให้เธอได้...ทั้งลูก และในฐานะสามีที่ดี

     

     

     

    วันต่อมามิคาสะไปที่สตูดิโอเพื่อสะสางงานตัวเอง และใช้เวลาทั้งวันไปกับการค้นหาข้อมูล 'การผสมเทียม' (Intra Uterine Insemination หรือ IUI) คือการเอาเชื้ออสุจิของฝ่ายชายที่เป็นคู่สมรสมาคัดเชื้อที่มีคุณภาพ โดยเลือกตัวที่วิ่งเร็ว แข็งแรง และรูปร่างดีที่สุด ฉีดเข้าไปในโพรงมดลูกในวันที่ไข่ตก โดยแพทย์จะใช้ฮอร์โมนจากภายนอกช่วยฉีดเข้าไปเพื่อเร่งปฏิกิริยา แต่ในกรณีของเธอจะเป็นอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้นมาก…

    สิ่งที่เธอกำลังจะทำคือการค้นหาเชื้อจากผู้บริจาคในห้องแลป จากชายแปลกหน้าที่มีเพียงภาพถ่ายและประวัติคร่าวๆ ของเขาเท่านั้น

    "วันนี้ฉันต้องไปทำธุระ ฝากด้วยนะ"

    "ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง"

    "ขอบคุณมากนะคะ"

    ผู้ช่วยโบกมือลามิคาสะ เธอคว้ากุญแจก่อนจะรีบขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล ในแผนกรับปรึกษาและวางแผนครอบครัว

     

    ขณะที่นั่งรออยู่หน้าห้องตรวจ หัวใจของเธอกระหน่ำเต้นอย่างรุนแรง การรอคอยไม่ได้เนิ่นนานอย่างที่คิด แต่เธอกลับคิดว่ามันไวมากเสียด้วยซ้ำ นี่ไม่ใช่การตัดสินใจเพียงชั่วแล่น แต่เธอใช้เวลาไตร่ตรองเรื่องนี้ร่วมสองสัปดาห์ และในทุกๆ วันก็คอยถามย้ำถึงเป้าหมายของตัวเองว่ายังคงเดิมอยู่หรือไม่

    เพราะการมีลูกต้องมีความพร้อม ไม่ใช่เพียงความมั่นคงทางการเงิน แต่ต้องมีทั้งความรับผิดชอบ มีเวลาที่พร้อมจะทุ่มเทให้กับอีกหนึ่งชีวิตไปพร้อมๆ กัน

     

    และตอนนี้เธอก็พร้อมแล้ว...

     

    "คุณโคบายาชิ มิคาสะ ขอเชิญที่ห้องหมายเลข 2 ค่ะ"

    ร่างเล็กเดินตามพยาบาลเข้ามาภายในห้องตรวจ ที่โต๊ะด้านในสุดคือแพทย์หญิงค่อนข้างมีอายุ กำลังนั่งคีย์ข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของตน แต่เมื่อเห็นคนไข้เข้ามาคุณหมอก็วางมือ และหันมาเอ่ยทักด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร

    "สวัสดีค่ะ"

    "เชิญนั่งก่อนนะคะ"

    ข้อมูลประวัติจากหน้าห้องถูกส่งเข้ามายังคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ คุณหมอใช้เวลาไม่นานในการไล่อ่านข้อมูลคร่าวๆ ก่อนจะเริ่มตรวจร่างกายทั่วไป ทั้งเช็คความดัน รอบเดือน และสอบถามโรคประจำตัวต่างๆ และนั่นรวมไปถึงข้อมูลสำคัญเพื่อประกอบการพิจารณา ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการสำคัญ

    "นี่เป็นคำถามคร่าวๆ ที่เราอยากสอบถามคุณมิคาสะ ยังไงรบกวนตอบด้วยความจริงใจด้วยนะคะ"

    เธอพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ขณะที่คุณหมอเริ่มจากคำถามทั่วไป อาชีพ การเงิน และสถานภาพของเธอในตอนนี้

    "ฉันมีสตูดิโอเป็นของตัวเองค่ะ รับถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอทั้งในและนอกสถานที่ ตอนนี้ก็... โสดค่ะ"

    "สถานภาพ และความสัมพันธ์ในครอบครัวของคุณ"

    "ฉันเป็นพี่สาวคนโต มีน้องชาย 2 คนครอบครัวปกติดีไม่มีปัญหาหย่าร้างค่ะ"

    จนกระทั่งมาถึงการทดสอบสภาพจิตใจ โดยการเลือกรูปภาพจากการ์ดบนโต๊ะทั้ง 10 ชุด จำนวนชุดละ 3 ใบ โดยมีคำถามทั้งหมดกว่า 10 ข้อได้แก่

     

    ภาพที่ทำให้คุณรู้สึกมีความสุข

    ทำให้คุณเศร้า

    ทำให้คุณรู้สึกกลัว

    ทำให้คุณรู้สึกอึดอัด

    การเผชิญหน้ากับปัญหา

    ทำให้รู้สึกท้าทาย

    และอื่นๆ โดยคุณหมอไม่ได้สรุปผลการให้คะแนน และก่อนที่การทดสอบจะเสร็จสิ้น แววตาอ่อนโยนตรงหน้าก็ยังคงจ้องมองมาที่มิคาสะไม่ละสายตา

    "ขอทราบเหตุผลที่อยากมีลูกค่ะ"

    มันเป็นคำถามพื้นฐาน แต่สำหรับมิคาสะมันช่างบีบหัวใจของเธอไม่น้อย เมื่อรับปากกับคุณหมอไว้แล้วว่าจะตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา

    “ฉันเคยผ่านการมีแฟนมาแล้วสามคน และทุกคนก็แพลนถึงขั้นแต่งงานมีลูก แต่อะไรหลายๆ อย่างทำให้ความสัมพันธ์ต้องจบลงค่ะ”

    “….”

    “และฉันมั่นใจว่าจะสามารถเลี้ยงเขาเพียงลำพัง ท่ามกลางสภาพแววล้อมที่อบอุ่นและปลอดภัย”

    ดวงตาของเธอประสานแน่วแน่กับคุณหมอสูงวัย ไม่มีแม้ความกังวล หรือลังเลใจอยู่ในนั้นเลยแม้แต่น้อย

    "และเขา... จะต้องโตมาเป็นเด็กแข็งแรง น่ารัก และ.."

    เสียงหวานขาดห้วงเมื่อมือของเธอถูกคุณหมอกุมไว้ จนความอบอุ่นแล่นเข้ามาภายในหัวใจของเธอ เป็นสัมผัสของคนรุ่นแม่ที่เข้าใจหัวอกและความปรารถนาของลูกผู้หญิงด้วยกัน แววตาอบอุ่นคู่เดิมและความใจดีที่มอบให้นั้น ทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหวจนเกือบจะกลั้นน้ำตาแห่งความตื้นตันเอาไว้ไม่อยู่

     

    "เขา...จะต้องมีความสุขมากแน่ๆ ค่ะ"

    .

    .

    "ฉันตั้งใจให้เป็นแบบนั้น"

     

    มือทั้งคู่ยังคงกุมกันไว้แน่น และนั่นเป็นเหมือนเครื่องค้ำจุนจิตใจของเธอเอาไว้... ให้ตระหนักถึงบทบาทใหม่ และภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงที่เธอกำลังจะเผชิญในวันข้างหน้า

    “ขอบคุณสำหรับการตอบคำถามอย่างซื่อตรงนะคะ”

     

    แฟ้มสีดำขนาดใหญ่ที่ระบุอายุ ส่วนสูง และมวลร่างกายเอาไว้ ในมือของเธอมีข้อมูลคร่าวๆ ของผู้ชายเกือบครึ่งร้อยปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษในแฟ้มเล่มนี้

    "คุณหมอมีคำแนะนำไหมคะ? "

    เธอเอ่ยถามด้วยความเขินอาย บรรยากาศในตอนนี้ช่างดูเหมือนว่าเธอกำลังอยู่ในสำนักงานจัดหาคู่ไม่มีผิด

    "ถ้าเป็นดิฉันก็คงเลือกที่ความหล่อก่อนนะคะ"

    ทั้งสองคนหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความเขิน มิคาสะรับคำแนะนำเหล่านั้นมาพิจารณา และความหล่อใน 'อุดมคติของเธอ' นั้นทำให้ตัวเลือกค่อยๆ ลดลง จนในที่สุดก็เหลือเพียงแค่ 4 คน

    "เลือกได้น่าสนใจดีนะคะ"

    มิคาสะมองดูพวกเขาด้วยแววตาพินิจพิเคราะห์ ลักษณะเด่นของพวกเขาเหล่านี้จะปรากฏอยู่บนใบหน้าของลูกสาว หรือชายของเธอในอนาคต นั่นทำให้เธอต้องไตร่ตรองซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้งจนกระทั่งแน่ใจ

     

    "คนนี้ค่ะ"

     

    คุณหมอรับแฟ้มคืน และกรอกชื่อกับหมายเลขผู้ลงทะเบียนลงในระบบทำให้ข้อมูลของเขาปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

     

    "รบกวนตรวจสอบอีกครั้งนะคะ"

    หน้าจอถูกหันมาหาเด็กสาว เธอกวาดสายตาไล่ดูรูปภาพ หมายเลขลงทะเบียน ชื่อ น้ำหนัก ส่วนสูง กรุ๊ปเลือดของผู้ชายคนนี้ จนกระทั่งแน่ใจว่าข้อมูลถูกต้องครบถ้วน

    "หมอจะจ่ายยากระตุ้นการตกไข่ให้คุณไปทานนะคะ เริ่มทานวันที่ 3 ของการเริ่มมีประจำเดือนในเวลาเดิม 5 วัน พอยาหมดเราจะมาซาวด์ดูจำนวนไข่กัน ถ้ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงหมอจะฉีดยากระตุ้นให้นะคะ"

    "ขอบคุณค่ะ"

    "ด้วยความยินดี แล้วพบกันใหม่นะคะ"

    ทั้งสองกล่าวลากัน มิคาสะออกมาชำระเงินและรับยาก่อนจะเดินทางกลับบ้านทันที เพื่อนๆ คิดว่าเธอฉีดเชื้อมาแล้ว เพราะงั้นคืนนี้พวกเขาจึงนัดกันและชวนเธอออกมาปาร์ตี้ เพื่อเลี้ยงส่งสาวโสดเป็นครั้งสุดท้าย

     

    ภายในร้านอาหารนอกตัวเมืองที่มีเบียร์อร่อย และลูกค้าสาวๆ เพียบ รองเท้าคัทชูสีดำพาร่างระหงในชุดเดรสสั้นสีดำคลุมทับด้วยสูทสีขาวลายดำ มุ่งหน้าไปยังโต๊ะโซฟาใหญ่มุมร้านที่ประจำของเธอ โดยมีเสียงร้องเรียกและโบกมือดังขึ้นจากกลุ่มคนนับสิบ

    "ทางนี้ๆๆ "

    "ว่าที่คุณแม่มาแล้ว!!! "

    เสียงร้องแซวดังขึ้นเรียกความสนใจให้โต๊ะข้างๆ จนมิคาสะต้องทำภาษามือให้พวกเขาเงียบเสียงลง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งข้างๆ ฮิริเมะ สถาปนิกเพื่อนสาวคนสนิทของเธอ จู่ๆ ที่คีบน้ำแข็งที่เพื่อนๆ แสร้งว่าเป็นไมค์ถูกยืนมาตรงหน้า

    "จะได้เป็นแม่คนแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างคะ!? "

    "ไปฉีดมาแล้วเจ็บไหม? "

    "เจ็บน้อยกว่าของจริงป่ะ? "

    "แล้วจะท้องแน่ๆ ใช่ไหม อีกกี่เดือนถึงจะรู้ผลอ่ะ"

    "ชุดล่ะ ไหนจะแพมเพิสอีก ตายแล้วๆๆ ฉันต้องเตรียมซื้อของรับขวัญหลานแล้วสินะ!! "

    สารพัดข้อสงสัยจากบรรดาเพื่อนๆ ทั้งโสดและแต่งงานกำลังรุมกระหน่ำ จนไม่เหลือช่องว่างให้เธอได้ตอบคำถามของพวกเขาแม้แต่ข้อเดียว

    "หยุด!!!!! "

    อาราชิยกมือห้ามทัพ ก่อนที่เรื่องมันจะวุ่นวายมากไปกว่านี้

    "เดี๋ยวๆ ให้เธอได้พักหายใจบ้างเถอะ!! "

    "ฉันพึ่งไปตรวจมา คุณหมอเลยให้ยามากินกระตุ้นไข่ก่อนแล้วก็เลือกเจ้าของเชื้อ"

    ประโยคสุดท้ายทำให้เพื่อนๆ ถึงกับตาลุกวาว โดยเฉพาะมัสซึดะเพื่อนสาวสองผู้น่ารักของเธอ ที่เริ่มคิดเลยเถิดไปไกล

    "แบบ... ไปยืนหน้าห้องเก็บเชื้ออะไรแบบนี้อ่ะหรอ!? "

    และก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อถูกเพื่อนๆ ฟาดด้วยอะไรก็ตามที่อยู่ใกล้มือ ด้วยความหมั่นไส้

    "เขามีแฟ้มให้เลือก และก็มีรูปภาพข้อมูลคร่าวๆ ฉันถ่ายรูปเขามาด้วยนะอยากดูเปล่า? "

    เมื่อเปิดรูปให้เพื่อนๆ ดู เสียงฮือฮาเบาๆ ก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ

    "ตาถึงนะหล่อน!!! "

    "สเปคเธอเนี่ย ตั้งแต่สมัยเรียนไม่ค่อยเปลี่ยนเลยนะ"

    "ไทป์ของนางชัดเจนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว"

    "เออ... แล้วสรุปว่าแน่ใจแล้วจริงๆ ใช่ไหม ตอนนี้ถ้าเกิดอยากเปลี่ยนใจยัง... "

    "ฉันคิดดีแล้ว ขอบคุณมากนะ"

    ยูคิโนะถึงกับหน้าเจื่อน เมื่อได้ยินคำพูดที่ยืนยันหนักแน่นของเธอ ในตอนนี้มีเพียงบรรยากาศรอบตัวของเธอกับเขาเท่านั้นที่ดูจะอึมครึมเงียบสงบ ราวกับอยู่คนละโลกกับเพื่อนๆ

     

    วันที่น่ายินดีแบบนี้แต่กลับมีเขาเพียงคนเดียว ที่เอ่ยคำนั้นออกมาได้ไม่เต็มปาก ยูคิโนะจำความรู้สึกในตอนนั้นได้ดี ตอนที่รู้ว่ามิคาสะตัดใจจากผู้ชายที่ชื่อว่า ฟูจิโร่ ได้สำเร็จ นั่นทำให้ความ หวังของเขาถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง..

     

    .

    .

     

    ฮิริเมะ : 'ไปตั้งแคมป์สิ้นเดือนเอาไง ขอคอนเฟิร์มหน่อยค่าา'

     

    'ยกเลิกของฟูจิโร่นะ' : มิคาสะ

     

    ฮิริเมะ : 'อ้าว ทำไมอ่ะ'

    'เลิกกันแล้ว' : มิคาสะ

     

    มัสซึดะ : 'ดี ฉันเชียร์มานานแล้ว ผู้ชายไรวะเย็นชาฉิบหาย นึกว่ามันเป็นพระเอกนิยายหรือไงวะ!! '

    ฮิริเมะ : 'ใจเย็นๆ แกหัวร้อนจังวะ'

    มัสซึดะ : 'มิสะมันเพื่อนฉันนะ!? '

    อาเนะ : 'ทำไมแชทมันไหลไวจังวะ'

    อาเนะ : 'เดี๋ยวนะมิคาสะโสด ก็ต้องฉลองดิ!!! "

    อาราชิ : 'ก็นี่ไงยูคิคุงยังว่างนะ'

    ยูคิโนะ : 'ถามฉันก่อนสิ'

    มัสซึดะ : 'อ่ะงั้นถามเลยละกัน ว่าไงยูคิโนะคุง'
     

    'ไม่เอาแล้วล่ะ' : มิคาสะ

    'ฉันตัดสินใจว่าจะเป็นซิงเกิ้ลมัม' : มิคาสะ

     

    ฮิริเมะ : 'นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ เอาจริงหรอมิคาสะ? '

    อาราชิ : 'เฮ้ย เอาจริงดิ'

    มัสซึดะ : 'ทำงานหนักไปนะ พักก่อน!!! '

    ฮิริเมะ : 'ซิงเกิ้ลมัม?! '
     

    'ฉันพูดจริง' : มิคาสะ

    'จะไปฉีดเชื้อวันมะรืน เป็นกำลังใจให้ฉันด้วยล่ะ' : มิคาสะ


     

    .

    .

     

     

     

     

     

    แต่ความหวังเหล่านั้นก็มอดดับลงแทบในทันที ที่เห็นข้อความในแชทกลุ่มของเธอ

     

    "ขอแสดงความยินดี ให้กับการเป็นคุณแม่ของมิคาสะจัง! "

    เสียงของมัสซึดะดังขึ้นเรียกความสนใจของเพื่อนๆ แก้วทุกใบที่วางแน่นิ่งถูกยกชูขึ้นสูง

    "เอ้า ชน!!! "

    เสียงแก้วนับสิบกระทบกันดังลั่นโต๊ะ เพียงไม่นานเบียร์ เหล้าและน้ำอัดลมก็กองอยู่เต็มพื้น แค่ไม่ถึงชั่วโมงร่างของเพื่อนหลายคนก็เริ่มทิ้งดิ่งลงบนโซฟาอย่างหมดสภาพ

    จนในที่สุดคนที่ต้องรับอาสาไปส่งเพื่อนๆ ก็คือฮารุจิ มิคาสะ เคนตะ และอาราชิที่นำรถส่วนตัวมา ส่วนยูคิโนะที่ติดรถมากับเคนตะ ก็ช่วยพยุงเพื่อนๆ มาส่งที่รถจนครบทุกคน

    "เดี๋ยว อย่าดันสิ!!? "

    ร่างของเขาถูกผลักให้มาที่รถของมิคาสะ โดยฝีมือของเคนตะ เขามองหน้าเพื่อนด้วยแววตาขุ่นเขียว แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

    "รถฉันเต็มแล้ว มิคาสะจังฉันของฝากเจ้ายูคิกลับบ้านด้วยคนสิ!! "

    "ได้สิ ยังเหลือที่ว่างอีกเยอะเลย"

     

    ในตอนนี้ CRV คันใหญ่ของเธอมีร่างของฮิริเมะ และมัสซึดะนอนสลบไสลอยู่ที่เบาะหลัง ยูคิโนะมองร่างเล็กเดินอ้อมไปทางฝั่งคนขับ ก่อนที่เขาจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างๆ ด้วยท่าทีเกรงใจ

    รถทั้ง 4 คันเคลื่อนตัวตามกันเป็นขบวนออกจากลานจอดรถ มุ่งหน้าไปยังบ้านของเพื่อนๆ แต่ละคน ภายในรถที่เงียบสงบของมิคาสะมีเพียงเสียงกรนเบาๆ กับเสียงเพลงสากลดังคลอไปตลอดทาง ยูคิโนะไม่อาจละสายตาจากใบหน้าสวยหวาน ที่กำลังมองตรงไปยังท้องถนนเบื้องหน้าอย่างตั้งใจ

    แสงจากเสาไฟข้างถนนสว่างวาบผ่านเข้ามาภายในรถ ทำให้เห็นหน้าของมิคาสะได้อย่างชัดเจน... เป็นใบหน้าที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ความรู้สึกที่ได้เห็นก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักครั้ง

     

    "ยูคิโนะ"

     

    'ยังเหมือนเดิม'

    .

    .

     

    "ยูคิโนะ! "

    "หืม? "

    "เห็นมองฉันนานแล้ว เพลงไม่ถูกใจหรอ? "

    เขาส่ายหน้าและรีบดึงสายตาออกมาจากเธอทันที ใบหน้าของชายหนุ่มแดงก่ำและร้อนผ่าว ในตอนนี้เขาอยากจะขอบคุณความมืดรอบตัวที่ช่วยอำพรางใบหน้าเขา จากสายตาช่างสังเกตของเธอ และหนทางที่ยาวไกลเบื้องหน้า ก็ทำให้ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาภายในหัวของเขา

    "คิดดีแล้วใช่ไหม"

    "เรื่องอะไรหรอ? "

    "มีลูก"

    "ฉันคิดมาร่วมสัปดาห์แล้ว ปรึกษากับทางบ้านแล้วด้วยไม่มีอะไรน่ากังวล"

    "กังวลสิ..."

    คำพูดของเขาทำให้เธอละสายตาจากถนนเบื้องหน้า ออกมามองเขาแวบหนึ่งด้วยความประหลาดใจ

    "มันอาจจะดีกว่าถ้าได้อยู่กันพร้อมหน้าสามคน"

    มิคาสะหัวเราะหึในลำคอ และส่ายหน้ากับคำพูดของเขา

    "การสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ ให้ได้อย่างที่ใจเราต้องการ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะรู้ไหม"

    "..."

    "มีปัญหามากมายเกิดขึ้นทุกวัน ความขัดแย้ง เรื่องของความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ความชอบ รสนิยม และ… เรื่องของเวลา"

    .

    .

    "ฉันค้นหามาพอแล้ว และก็ไม่เจอมันอย่างที่ต้องการสักที... ถึงคนนี้จะดีในเรื่องนี้แต่ก็ยังมีข้อเสียอีกเรื่อง ในเมื่อเราเป็นฝ่ายที่ต้องยอมและเปลี่ยนแค่คนเดียวมันก็คงไม่ไหว หรือต่อให้ฝืนทำดียังไงสักวันเนื้อแท้ของแต่ละคนก็เผยออกมาอยู่ดี เพราะงั้นฉันถึงได้ 'อยากสร้างครอบครัวของตัวเอง'”

    .

    .

    “ครอบครัวที่ฉันต้องการ โดยที่ไม่ต้องรอคอย ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องผิดหวังอีก”

    "บางทีถ้าเกิดว่าเป็นฉัน..."

    "ขอบใจนะยูคิโนะ"

    .

    .

    "แต่ฉันตัดสินใจแล้ว"

     

     

    มิคาสะเป็นผู้หญิงที่มีความตั้งใจแน่วแน่ ถ้าเธอได้ตัดสินใจไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนใจเธอได้ทั้งนั้น และความเป็นเพื่อนที่เธอไม่เคยยอมให้เขาก้าวล้ำเข้าไปก็เช่นกัน มันคือปราการสูงชันที่เขาพยายามปีนป่าย และใช้เวลาเพื่อที่จะข้ามผ่านมันไปให้ได้มานานหลายปี

    …แต่ก็ไม่เคยผ่านมันไปได้เลยสักครั้ง

    และความหวังของเขาที่จะได้ดูแลเธอ ในฐานะคนรักที่เคยมีเพียงไม่ถึง 1% บัดนี้มันติดลบจนไม่เหลืออะไรอีกแล้ว รวมไปถึงหัวใจที่บอบช้ำของเขาตอนนี้ด้วยเช่นกัน...

     

     

    สายตาทั้ง 2 คู่จากหลังรถหันมาสบตากันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย พวกเขาได้ยินการสนทนาของทั้งสองคนตลอดเวลา ทั้งรู้สึกเข้าใจในความปรารถนาอันแรงกล้าของมิคาสะ และก็รู้สึกถึงหัวใจที่กำลังแตกสลายหล่นเรี่ยราดมาตลอดทางของยูคิโนะ ที่ตอนนี้แหลกละเอียดจนไม่เหลือชิ้นดี

     

    ช่างเป็นวันที่น่ายินดีของ 'เธอ' และเป็นวันที่น่าหดหู่ใจของ 'เขา' ในวันเดียวกัน

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×