คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ยืดหยัด
Chapter 1
ยืนหยัด
รถซีดานคันสีขาวแล่นเข้ามาภายในลานจอดรถของบ้านสองชั้นสไตล์นอร์ดิก ที่มักจะมีบรรยากาศที่อบอุ่น และใบหน้ายิ้มแย้มสดใสจากเจ้าของบ้านวิ่งออกมาต้อนรับเสมอ แต่ในวันนี้มันกลับเงียบเหงา และเศร้าหมองอย่างกับบ้านที่ไม่มีใครอยู่อาศัยมานานนับเดือน
รองเท้าผ้าใบคู่โตพาเจ้าของร่างเข้ามาภายในตัวบ้าน ขณะ ที่เขากำลังใช้เท้าอีกข้างเขี่ยรองเท้าของตนให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนที่เจ้าของบ้านจะมาขย้ำหัวเขาจนกระจุย
"มิซะคุง!!! "
ร่างบอบบางของชายหนุ่มเซถอยหลังจนเกือบล้ม แต่เขาค้ำผนังไว้ได้ทัน เมื่อถูกหญิงสาวผมดำยาวสยายพุ่งตัวมากอดเขาและร้องไห้จนตัวสั่นเทิ้ม เธอคือหญิงอาภัพรักที่มีนามว่า 'มิคาสะ' พี่สาวเพียงคนเดียวของเขา
"เดี๋ยวๆ ขอเข้าไปก่อน ของเยอะหนัก!!! "
ชายหนุ่มชูถุงอาหารและขนมจากซูเปอร์มาร์เก็ตให้พี่สาวดู ทำให้เธอต้องรีบหลีกทางให้เขาเข้ามาในห้อง มิซารุวางทุกอย่างไว้บนโต๊ะในครัวและลากตัวพี่สาวของตนมายังโซฟา
"ไหน เรื่องมันเป็นยังไง"
มิคาสะปาดน้ำตา พูดไปร้องไห้ไปด้วยภาษามนุษย์ต่างดาวที่ทำให้ชายหนุ่มถึงกับย่นคิ้ว
"ฉันก็บอกให้เลิกไปตั้งนานแล้วไอ้คนแบบนี้"
แต่น่าแปลกที่เขากลับฟังเธอรู้เรื่องแทบทุกคำ ทั้งที่ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยแม้แต่น้อย นั่นอาจจะเป็นเพราะตอนเด็กๆ เธอเป็นคนขี้แยเลยมีแต่เขาเท่านั้นที่คอยปลอบใจพี่สาวคนนี้อยู่เสมอ
"ฉัน.. รักเขา"
"พี่ไม่ได้รัก"
"...? "
"พี่แค่เสียดายเวลามากกว่า...กับคนนี้กี่ปีล่ะ? "
"4"
"นั่นแหละ เสียเวลาให้ไอ้คนเฮงซวยนั่นตั้ง 4 ปี แค่ปีแรกมันก็ผิดนัดพี่ทุกเดือน เป็นฉันนะเลิกไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว! "
เขาพูดอย่างเหลืออด ทั้งที่ไม่ใช่วิสัยของคนพูดน้อยแบบเขาเลยสักนิด แต่นี่มันสุดทนแล้วจริงๆ
"ฉันไม่เอาแล้วล่ะ"
"ดี ค่อยหาใหม่ก็ได้โลกนี้มันคงไม่ได้มีแต่คนเฮงซวยหรอกมั้ง"
"ฉัน... ไม่อยากมีใครอีกแล้ว"
"อะไรนะ? "
มิซารุมองพี่สาวอย่างไม่เชื่อสายตา พอผู้หญิงที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยความรักเอ่ยออกมาแบบนี้ ก็ทำให้ภายในใจของมิซารุกระตุกไปวูบหนึ่ง เพราะว่ามิคาสะเป็นคนที่ขับเคลื่อนทุกอย่างในชีวิตด้วยความรัก
เธอเรียนภาพยนตร์เพราะว่าสอบติดคณะเดียวกับแฟน แต่สุดท้ายตอนฝึกงานก็มีเหตุให้ต้องเลิกกัน
เข้าทำงานที่สถานีโทรทัศน์ จนได้พบรักกับโปรดิวเซอร์หนุ่ม ทุ่มเทช่วยเขาทำโปรเจครายการ Wifeting star รายการที่ร่วมมือกันระหว่าง ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศจีน ที่เรตติ้งดีมากเพราะได้ซุปเปอร์สตาร์อย่าง 'หยางอี้ฟง' กับ 'หวังจื่อหลิน' มาเป็นแขกรับเชิญหลักของรายการจนตอนนี้โด่งดังระดับประเทศ ทั้งมิคาสะและเขาบ่มเพาะความรักสุกงอม จนถึงขั้นวางแผนจะแต่งงานกัน
แต่จู่ๆ เขาก็เกิดไม่พร้อมขึ้นมาเสียอย่างนั้น…
และกับคนล่าสุดทำให้เธออยากเปิดสตูดิโอ ก็เพราะว่าฟูจิโร่เป็นช่างภาพ ทั้งหมดนั่นล้วนขับเคลื่อนด้วย 'ความรัก' แทบทั้งสิ้น
แต่ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ล่ะ... เธอจะเป็นยังไงต่อไป!?
"ให้คิดใหม่อีกที"
เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังที่เข้มพอๆ กับสีหน้าของเขา แต่ก็ไม่เท่ากับใบหน้าที่จริงจังยิ่งกว่าของคนเป็นพี่
"คิดดีแล้ว... ฉันจะอยู่โสดแบบเธอ"
"บ้าแล้ว"
"ทำไมล่ะทีเธอยังทำได้! "
แต่เขาและมิคาสะเราไม่เหมือนกัน ในฐานะของศิลปินตราบใดที่เขายังมีสัญญา ก็คงต้องพยายามโฟกัสกับมันและตั้งใจทำงานต่อไป เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
…ถึงแม้ว่าจะไม่อยากให้เป็นแบบนั้นก็ตาม
"พี่ไม่เข้าใจ... "
"ถ้ามันไม่ดี... ก็ไม่ขอมีซะดีกว่า"
มิซารุพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง กับการตัดสินใจของพี่สาวในครั้งนี้ ...ถ้าปล่อยให้เธอมีคราวหน้า แล้วมิคาสะไปเจอคนแบบนี้อีกเขาก็คงไม่อยากให้เธอมีใครอีกแล้ว
ดวงตาเจ็บปวดและว่างเปล่าที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เหม่อมองไปยังอีกฟากของห้อง ท่าทีของเธอทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดและสงสารขึ้นมาจับใจ มิซารุโน้มศีรษะของพี่สาวมาซบบ่าและลูบผมไปมาปลอบใจ
"ไม่อยากมีอีกแล้ว"
"คงต้องเป็นแบบนั้นแล้วล่ะ"
ดวงตาคู่โตปิดลง เธอกอดและซบหน้าลงกับบ่าของน้องชาย
"ร้องไปเถอะ ร้องจนกว่าจะพอใจแต่ฉันให้พี่ร้องได้แค่วันนี้วันเดียวนะ"
"..."
"พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานได้แล้ว คนที่บริษัทเขารอบอสกลับไปตรวจบัญชีอยู่"
ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่คำปลอบโยนที่ชวนให้ซาบซึ้งใจเท่าไหร่นัก แต่อ้อมกอดของน้องชายและฝ่ามือของเขาที่กำลังลูบผมเธอในตอนนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยมากเหลือเกิน
"แล้วนายก็… อย่าไปบอกแม่นะ ฉันไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง"
สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่อาจปล่อยพี่สาวให้อยู่ตามลำพังได้ เพราะกลัวว่าอารมณ์หวั่นไหวในตอนนี้ จะทำให้เธอเกิดอยากทำร้ายตัวเองขึ้นมาแบบในหนังรักที่เธอชอบดู
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยความทรงจำของเขามากมาย ทำให้เธอต้องเอ่ยปากขอร้องให้มิซารุมานอนด้วย
เธอนอนกุมมือของมิซารุไว้แน่น และเหม่อมองไปยังหน้าต่างบานกว้าง ที่ตรงนั้นมักจะเป็นจุดที่ผู้ชายคนนั้นมักจะยืนสูบบุหรี่อยู่เป็นประจำ ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพและเธอพร่ำบ่นว่าไม่ชอบมันมากขนาดไหน
...แต่เขาก็ยังคงทำ
เมื่อมาลองนึกดูดีๆ แล้ว มีนับร้อยนับพันเรื่องที่เธอต้องอดทนกับเขามาโดยตลอด และคนที่คอยพูดเตือนสติเธอเสมอก็คือน้องชาย
'พี่ไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อรอคอยใคร แล้วไอ้เวลาที่เสียไปมันย้อนกลับไม่ได้นะ'
.
.
'และที่สำคัญ...'
'ความรัก... มันไม่จำเป็นต้องอดทนขนาดนี้หรอกนะ'
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้เธอได้ตระหนักแล้วว่า คงถึงเวลาที่เธอควรทบทวนตัวเองใหม่อีกครั้ง ในเมื่อเขาไม่เคยรัก ไม่เคยห่วงเธอเลย เธอก็ควรหันกลับมารักและห่วงตัวเองสักที
.
.
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า…บางคนก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อมีความรักที่สมหวัง และมันอาจจะเป็น 'กรรม' ที่เคยทำมาตั้งแต่ชาติปางก่อนก็ได้
"ผสมเทียม!!! "
หนึ่งอาทิตย์ให้หลัง การตัดสินใจของเธอทำให้คนทั้งบ้านตกใจมาก โดยเฉพาะผู้เป็นแม่
"ฟูจิโร่คุงเป็นหมันหรอ? "
แม่อุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก นั่นทำให้น้องชายถึงกับหลุดยิ้มออกมา แต่มิคาสะส่ายหน้า
"หนูอยากมีลูกค่ะ"
"มีลูกมันเรื่องใหญ่มากเลยนะ"
"มีลูก... หมายถึงลูกบอลที่กลมๆ หรอฮับ? "
"ไม่ใช่จ่ะมิซาโอะคุง เวลาหม่ามี๊คลอดมิซาโอะออกมาและก็เลี้ยงจนโตเข้าโรงเรียน เขาเรียกว่ามีลูกจ่ะ"
"อ๋อ~ มิซาโอะอยากมีลูก! "
"ฮ่าๆๆ "
"เอาแล้วไงแม่ เตรียมเก็บเงินไว้ขอสาวให้เจ้าตัวแสบได้เลย"
"ว่าแต่น้อง เราก็เถอะ 23 แล้วเมื่อไหร่จะมีแฟนสักที"
"มีไม่ได้!! ศิลปินที่ไหนเขามีแฟนกัน"
"จ้าาาา พ่อศิลปินใหญ่!!! "
"เดบิวต์เมื่อไหร่ ก็อย่าลืมเอาเจ้าตัวเล็กไปเรียนเต้นบ้างนะ เห็นชอบชักดิ้นชักงอหน้ากระจก"
"ปัดโถ่!! นั่นอ่ะเขาเรียกว่าเต้น Popping ใช่ไหมมิซาโอะ!? "
เด็กน้อยพยักหน้ารับ ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรด้วยซ้ำ
"ว่าแต่เราเถอะ นี่ไตร่ตรองดูดีๆ แล้วใช่ไหม? "
พ่อเอ่ยถามย้ำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ที่เครียดยิ่งกว่าตอนที่ลูกสาวจะพาแฟนมาเปิดตัวเสียอีก
"มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ที่จะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้โตขึ้นมาได้ขนาดนี้"
"ทีแม่กับป๊ายังเลี้ยงพวกหนูมาได้ตั้ง 3 คน"
"มันไม่เหมือนกัน"
"อย่าลืมนะว่ามีเราแค่คนเดียว.. "
"หนูทำได้ค่ะ"
เธอยืนยันหนักแน่น ด้วยแววตาจริงจังที่สื่อถึงความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยวตามนิสัยของเธอ ไม่ว่าจะตัดสินใจอะไรลงไปแล้วไม่มีทางล้มเลิกง่ายๆ
.
.
"และหนูตั้งใจว่าจะเลี้ยงเขา... ด้วยตัวของหนูเองค่ะ"
แน่นอนว่าการตัดสินใจของเธอนั้นมีเสียงคัดค้านมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้องชายที่แทบสำลักกาแฟทันที ตอนเธอเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อหลายวันก่อน
'พี่บ้าไปแล้ว!! '
และคำตอบเดียวของเธอก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
'ฉันอยากมีลูก'
เพื่อนทุกคนต่างก็บอกว่าเธอทำงานหนักจนประสาทกลับไปแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงเสียงของพวกเขาก็ไม่มีผลต่อการตัดสินใจของเธอแม้แต่น้อย เธออยากมีลูก …แต่ผู้ชายพวกนั้นไม่สามารถให้เธอได้...ทั้งลูก และในฐานะสามีที่ดี
วันต่อมามิคาสะไปที่สตูดิโอเพื่อสะสางงานตัวเอง และใช้เวลาทั้งวันไปกับการค้นหาข้อมูล 'การผสมเทียม' (Intra Uterine Insemination หรือ IUI) คือการเอาเชื้ออสุจิของฝ่ายชายที่เป็นคู่สมรสมาคัดเชื้อที่มีคุณภาพ โดยเลือกตัวที่วิ่งเร็ว แข็งแรง และรูปร่างดีที่สุด ฉีดเข้าไปในโพรงมดลูกในวันที่ไข่ตก โดยแพทย์จะใช้ฮอร์โมนจากภายนอกช่วยฉีดเข้าไปเพื่อเร่งปฏิกิริยา แต่ในกรณีของเธอจะเป็นอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้นมาก…
สิ่งที่เธอกำลังจะทำคือการค้นหาเชื้อจากผู้บริจาคในห้องแลป จากชายแปลกหน้าที่มีเพียงภาพถ่ายและประวัติคร่าวๆ ของเขาเท่านั้น
"วันนี้ฉันต้องไปทำธุระ ฝากด้วยนะ"
"ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง"
"ขอบคุณมากนะคะ"
ผู้ช่วยโบกมือลามิคาสะ เธอคว้ากุญแจก่อนจะรีบขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล ในแผนกรับปรึกษาและวางแผนครอบครัว
ขณะที่นั่งรออยู่หน้าห้องตรวจ หัวใจของเธอกระหน่ำเต้นอย่างรุนแรง การรอคอยไม่ได้เนิ่นนานอย่างที่คิด แต่เธอกลับคิดว่ามันไวมากเสียด้วยซ้ำ นี่ไม่ใช่การตัดสินใจเพียงชั่วแล่น แต่เธอใช้เวลาไตร่ตรองเรื่องนี้ร่วมสองสัปดาห์ และในทุกๆ วันก็คอยถามย้ำถึงเป้าหมายของตัวเองว่ายังคงเดิมอยู่หรือไม่
เพราะการมีลูกต้องมีความพร้อม ไม่ใช่เพียงความมั่นคงทางการเงิน แต่ต้องมีทั้งความรับผิดชอบ มีเวลาที่พร้อมจะทุ่มเทให้กับอีกหนึ่งชีวิตไปพร้อมๆ กัน
และตอนนี้เธอก็พร้อมแล้ว...
"คุณโคบายาชิ มิคาสะ ขอเชิญที่ห้องหมายเลข 2 ค่ะ"
ร่างเล็กเดินตามพยาบาลเข้ามาภายในห้องตรวจ ที่โต๊ะด้านในสุดคือแพทย์หญิงค่อนข้างมีอายุ กำลังนั่งคีย์ข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของตน แต่เมื่อเห็นคนไข้เข้ามาคุณหมอก็วางมือ และหันมาเอ่ยทักด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร
"สวัสดีค่ะ"
"เชิญนั่งก่อนนะคะ"
ข้อมูลประวัติจากหน้าห้องถูกส่งเข้ามายังคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ คุณหมอใช้เวลาไม่นานในการไล่อ่านข้อมูลคร่าวๆ ก่อนจะเริ่มตรวจร่างกายทั่วไป ทั้งเช็คความดัน รอบเดือน และสอบถามโรคประจำตัวต่างๆ และนั่นรวมไปถึงข้อมูลสำคัญเพื่อประกอบการพิจารณา ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการสำคัญ
"นี่เป็นคำถามคร่าวๆ ที่เราอยากสอบถามคุณมิคาสะ ยังไงรบกวนตอบด้วยความจริงใจด้วยนะคะ"
เธอพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ขณะที่คุณหมอเริ่มจากคำถามทั่วไป อาชีพ การเงิน และสถานภาพของเธอในตอนนี้
"ฉันมีสตูดิโอเป็นของตัวเองค่ะ รับถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอทั้งในและนอกสถานที่ ตอนนี้ก็... โสดค่ะ"
"สถานภาพ และความสัมพันธ์ในครอบครัวของคุณ"
"ฉันเป็นพี่สาวคนโต มีน้องชาย 2 คนครอบครัวปกติดีไม่มีปัญหาหย่าร้างค่ะ"
จนกระทั่งมาถึงการทดสอบสภาพจิตใจ โดยการเลือกรูปภาพจากการ์ดบนโต๊ะทั้ง 10 ชุด จำนวนชุดละ 3 ใบ โดยมีคำถามทั้งหมดกว่า 10 ข้อได้แก่
ภาพที่ทำให้คุณรู้สึกมีความสุข
ทำให้คุณเศร้า
ทำให้คุณรู้สึกกลัว
ทำให้คุณรู้สึกอึดอัด
การเผชิญหน้ากับปัญหา
ทำให้รู้สึกท้าทาย
และอื่นๆ โดยคุณหมอไม่ได้สรุปผลการให้คะแนน และก่อนที่การทดสอบจะเสร็จสิ้น แววตาอ่อนโยนตรงหน้าก็ยังคงจ้องมองมาที่มิคาสะไม่ละสายตา
"ขอทราบเหตุผลที่อยากมีลูกค่ะ"
มันเป็นคำถามพื้นฐาน แต่สำหรับมิคาสะมันช่างบีบหัวใจของเธอไม่น้อย เมื่อรับปากกับคุณหมอไว้แล้วว่าจะตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา
“ฉันเคยผ่านการมีแฟนมาแล้วสามคน และทุกคนก็แพลนถึงขั้นแต่งงานมีลูก แต่อะไรหลายๆ อย่างทำให้ความสัมพันธ์ต้องจบลงค่ะ”
“….”
“และฉันมั่นใจว่าจะสามารถเลี้ยงเขาเพียงลำพัง ท่ามกลางสภาพแววล้อมที่อบอุ่นและปลอดภัย”
ดวงตาของเธอประสานแน่วแน่กับคุณหมอสูงวัย ไม่มีแม้ความกังวล หรือลังเลใจอยู่ในนั้นเลยแม้แต่น้อย
"และเขา... จะต้องโตมาเป็นเด็กแข็งแรง น่ารัก และ.."
เสียงหวานขาดห้วงเมื่อมือของเธอถูกคุณหมอกุมไว้ จนความอบอุ่นแล่นเข้ามาภายในหัวใจของเธอ เป็นสัมผัสของคนรุ่นแม่ที่เข้าใจหัวอกและความปรารถนาของลูกผู้หญิงด้วยกัน แววตาอบอุ่นคู่เดิมและความใจดีที่มอบให้นั้น ทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหวจนเกือบจะกลั้นน้ำตาแห่งความตื้นตันเอาไว้ไม่อยู่
"เขา...จะต้องมีความสุขมากแน่ๆ ค่ะ"
.
.
"ฉันตั้งใจให้เป็นแบบนั้น"
มือทั้งคู่ยังคงกุมกันไว้แน่น และนั่นเป็นเหมือนเครื่องค้ำจุนจิตใจของเธอเอาไว้... ให้ตระหนักถึงบทบาทใหม่ และภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงที่เธอกำลังจะเผชิญในวันข้างหน้า
“ขอบคุณสำหรับการตอบคำถามอย่างซื่อตรงนะคะ”
แฟ้มสีดำขนาดใหญ่ที่ระบุอายุ ส่วนสูง และมวลร่างกายเอาไว้ ในมือของเธอมีข้อมูลคร่าวๆ ของผู้ชายเกือบครึ่งร้อยปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษในแฟ้มเล่มนี้
"คุณหมอมีคำแนะนำไหมคะ? "
เธอเอ่ยถามด้วยความเขินอาย บรรยากาศในตอนนี้ช่างดูเหมือนว่าเธอกำลังอยู่ในสำนักงานจัดหาคู่ไม่มีผิด
"ถ้าเป็นดิฉันก็คงเลือกที่ความหล่อก่อนนะคะ"
ทั้งสองคนหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความเขิน มิคาสะรับคำแนะนำเหล่านั้นมาพิจารณา และความหล่อใน 'อุดมคติของเธอ' นั้นทำให้ตัวเลือกค่อยๆ ลดลง จนในที่สุดก็เหลือเพียงแค่ 4 คน
"เลือกได้น่าสนใจดีนะคะ"
มิคาสะมองดูพวกเขาด้วยแววตาพินิจพิเคราะห์ ลักษณะเด่นของพวกเขาเหล่านี้จะปรากฏอยู่บนใบหน้าของลูกสาว หรือชายของเธอในอนาคต นั่นทำให้เธอต้องไตร่ตรองซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้งจนกระทั่งแน่ใจ
"คนนี้ค่ะ"
คุณหมอรับแฟ้มคืน และกรอกชื่อกับหมายเลขผู้ลงทะเบียนลงในระบบทำให้ข้อมูลของเขาปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
"รบกวนตรวจสอบอีกครั้งนะคะ"
หน้าจอถูกหันมาหาเด็กสาว เธอกวาดสายตาไล่ดูรูปภาพ หมายเลขลงทะเบียน ชื่อ น้ำหนัก ส่วนสูง กรุ๊ปเลือดของผู้ชายคนนี้ จนกระทั่งแน่ใจว่าข้อมูลถูกต้องครบถ้วน
"หมอจะจ่ายยากระตุ้นการตกไข่ให้คุณไปทานนะคะ เริ่มทานวันที่ 3 ของการเริ่มมีประจำเดือนในเวลาเดิม 5 วัน พอยาหมดเราจะมาซาวด์ดูจำนวนไข่กัน ถ้ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงหมอจะฉีดยากระตุ้นให้นะคะ"
"ขอบคุณค่ะ"
"ด้วยความยินดี แล้วพบกันใหม่นะคะ"
ทั้งสองกล่าวลากัน มิคาสะออกมาชำระเงินและรับยาก่อนจะเดินทางกลับบ้านทันที เพื่อนๆ คิดว่าเธอฉีดเชื้อมาแล้ว เพราะงั้นคืนนี้พวกเขาจึงนัดกันและชวนเธอออกมาปาร์ตี้ เพื่อเลี้ยงส่งสาวโสดเป็นครั้งสุดท้าย
ภายในร้านอาหารนอกตัวเมืองที่มีเบียร์อร่อย และลูกค้าสาวๆ เพียบ รองเท้าคัทชูสีดำพาร่างระหงในชุดเดรสสั้นสีดำคลุมทับด้วยสูทสีขาวลายดำ มุ่งหน้าไปยังโต๊ะโซฟาใหญ่มุมร้านที่ประจำของเธอ โดยมีเสียงร้องเรียกและโบกมือดังขึ้นจากกลุ่มคนนับสิบ
"ทางนี้ๆๆ "
"ว่าที่คุณแม่มาแล้ว!!! "
เสียงร้องแซวดังขึ้นเรียกความสนใจให้โต๊ะข้างๆ จนมิคาสะต้องทำภาษามือให้พวกเขาเงียบเสียงลง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งข้างๆ ฮิริเมะ สถาปนิกเพื่อนสาวคนสนิทของเธอ จู่ๆ ที่คีบน้ำแข็งที่เพื่อนๆ แสร้งว่าเป็นไมค์ถูกยืนมาตรงหน้า
"จะได้เป็นแม่คนแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างคะ!? "
"ไปฉีดมาแล้วเจ็บไหม? "
"เจ็บน้อยกว่าของจริงป่ะ? "
"แล้วจะท้องแน่ๆ ใช่ไหม อีกกี่เดือนถึงจะรู้ผลอ่ะ"
"ชุดล่ะ ไหนจะแพมเพิสอีก ตายแล้วๆๆ ฉันต้องเตรียมซื้อของรับขวัญหลานแล้วสินะ!! "
สารพัดข้อสงสัยจากบรรดาเพื่อนๆ ทั้งโสดและแต่งงานกำลังรุมกระหน่ำ จนไม่เหลือช่องว่างให้เธอได้ตอบคำถามของพวกเขาแม้แต่ข้อเดียว
"หยุด!!!!! "
อาราชิยกมือห้ามทัพ ก่อนที่เรื่องมันจะวุ่นวายมากไปกว่านี้
"เดี๋ยวๆ ให้เธอได้พักหายใจบ้างเถอะ!! "
"ฉันพึ่งไปตรวจมา คุณหมอเลยให้ยามากินกระตุ้นไข่ก่อนแล้วก็เลือกเจ้าของเชื้อ"
ประโยคสุดท้ายทำให้เพื่อนๆ ถึงกับตาลุกวาว โดยเฉพาะมัสซึดะเพื่อนสาวสองผู้น่ารักของเธอ ที่เริ่มคิดเลยเถิดไปไกล
"แบบ... ไปยืนหน้าห้องเก็บเชื้ออะไรแบบนี้อ่ะหรอ!? "
และก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อถูกเพื่อนๆ ฟาดด้วยอะไรก็ตามที่อยู่ใกล้มือ ด้วยความหมั่นไส้
"เขามีแฟ้มให้เลือก และก็มีรูปภาพข้อมูลคร่าวๆ ฉันถ่ายรูปเขามาด้วยนะอยากดูเปล่า? "
เมื่อเปิดรูปให้เพื่อนๆ ดู เสียงฮือฮาเบาๆ ก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
"ตาถึงนะหล่อน!!! "
"สเปคเธอเนี่ย ตั้งแต่สมัยเรียนไม่ค่อยเปลี่ยนเลยนะ"
"ไทป์ของนางชัดเจนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว"
"เออ... แล้วสรุปว่าแน่ใจแล้วจริงๆ ใช่ไหม ตอนนี้ถ้าเกิดอยากเปลี่ยนใจยัง... "
"ฉันคิดดีแล้ว ขอบคุณมากนะ"
ยูคิโนะถึงกับหน้าเจื่อน เมื่อได้ยินคำพูดที่ยืนยันหนักแน่นของเธอ ในตอนนี้มีเพียงบรรยากาศรอบตัวของเธอกับเขาเท่านั้นที่ดูจะอึมครึมเงียบสงบ ราวกับอยู่คนละโลกกับเพื่อนๆ
วันที่น่ายินดีแบบนี้แต่กลับมีเขาเพียงคนเดียว ที่เอ่ยคำนั้นออกมาได้ไม่เต็มปาก ยูคิโนะจำความรู้สึกในตอนนั้นได้ดี ตอนที่รู้ว่ามิคาสะตัดใจจากผู้ชายที่ชื่อว่า ฟูจิโร่ ได้สำเร็จ นั่นทำให้ความ หวังของเขาถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง..
.
.
ฮิริเมะ : 'ไปตั้งแคมป์สิ้นเดือนเอาไง ขอคอนเฟิร์มหน่อยค่าา'
'ยกเลิกของฟูจิโร่นะ' : มิคาสะ
ฮิริเมะ : 'อ้าว ทำไมอ่ะ'
'เลิกกันแล้ว' : มิคาสะ
มัสซึดะ : 'ดี ฉันเชียร์มานานแล้ว ผู้ชายไรวะเย็นชาฉิบหาย นึกว่ามันเป็นพระเอกนิยายหรือไงวะ!! '
ฮิริเมะ : 'ใจเย็นๆ แกหัวร้อนจังวะ'
มัสซึดะ : 'มิสะมันเพื่อนฉันนะ!? '
อาเนะ : 'ทำไมแชทมันไหลไวจังวะ'
อาเนะ : 'เดี๋ยวนะมิคาสะโสด ก็ต้องฉลองดิ!!! "
อาราชิ : 'ก็นี่ไงยูคิคุงยังว่างนะ'
ยูคิโนะ : 'ถามฉันก่อนสิ'
มัสซึดะ : 'อ่ะงั้นถามเลยละกัน ว่าไงยูคิโนะคุง'
'ไม่เอาแล้วล่ะ' : มิคาสะ
'ฉันตัดสินใจว่าจะเป็นซิงเกิ้ลมัม' : มิคาสะ
ฮิริเมะ : 'นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ เอาจริงหรอมิคาสะ? '
อาราชิ : 'เฮ้ย เอาจริงดิ'
มัสซึดะ : 'ทำงานหนักไปนะ พักก่อน!!! '
ฮิริเมะ : 'ซิงเกิ้ลมัม?! '
'ฉันพูดจริง' : มิคาสะ
'จะไปฉีดเชื้อวันมะรืน เป็นกำลังใจให้ฉันด้วยล่ะ' : มิคาสะ
.
.
แต่ความหวังเหล่านั้นก็มอดดับลงแทบในทันที ที่เห็นข้อความในแชทกลุ่มของเธอ
"ขอแสดงความยินดี ให้กับการเป็นคุณแม่ของมิคาสะจัง! "
เสียงของมัสซึดะดังขึ้นเรียกความสนใจของเพื่อนๆ แก้วทุกใบที่วางแน่นิ่งถูกยกชูขึ้นสูง
"เอ้า ชน!!! "
เสียงแก้วนับสิบกระทบกันดังลั่นโต๊ะ เพียงไม่นานเบียร์ เหล้าและน้ำอัดลมก็กองอยู่เต็มพื้น แค่ไม่ถึงชั่วโมงร่างของเพื่อนหลายคนก็เริ่มทิ้งดิ่งลงบนโซฟาอย่างหมดสภาพ
จนในที่สุดคนที่ต้องรับอาสาไปส่งเพื่อนๆ ก็คือฮารุจิ มิคาสะ เคนตะ และอาราชิที่นำรถส่วนตัวมา ส่วนยูคิโนะที่ติดรถมากับเคนตะ ก็ช่วยพยุงเพื่อนๆ มาส่งที่รถจนครบทุกคน
"เดี๋ยว อย่าดันสิ!!? "
ร่างของเขาถูกผลักให้มาที่รถของมิคาสะ โดยฝีมือของเคนตะ เขามองหน้าเพื่อนด้วยแววตาขุ่นเขียว แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
"รถฉันเต็มแล้ว มิคาสะจังฉันของฝากเจ้ายูคิกลับบ้านด้วยคนสิ!! "
"ได้สิ ยังเหลือที่ว่างอีกเยอะเลย"
ในตอนนี้ CRV คันใหญ่ของเธอมีร่างของฮิริเมะ และมัสซึดะนอนสลบไสลอยู่ที่เบาะหลัง ยูคิโนะมองร่างเล็กเดินอ้อมไปทางฝั่งคนขับ ก่อนที่เขาจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างๆ ด้วยท่าทีเกรงใจ
รถทั้ง 4 คันเคลื่อนตัวตามกันเป็นขบวนออกจากลานจอดรถ มุ่งหน้าไปยังบ้านของเพื่อนๆ แต่ละคน ภายในรถที่เงียบสงบของมิคาสะมีเพียงเสียงกรนเบาๆ กับเสียงเพลงสากลดังคลอไปตลอดทาง ยูคิโนะไม่อาจละสายตาจากใบหน้าสวยหวาน ที่กำลังมองตรงไปยังท้องถนนเบื้องหน้าอย่างตั้งใจ
แสงจากเสาไฟข้างถนนสว่างวาบผ่านเข้ามาภายในรถ ทำให้เห็นหน้าของมิคาสะได้อย่างชัดเจน... เป็นใบหน้าที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ความรู้สึกที่ได้เห็นก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักครั้ง
"ยูคิโนะ"
'ยังเหมือนเดิม'
.
.
"ยูคิโนะ! "
"หืม? "
"เห็นมองฉันนานแล้ว เพลงไม่ถูกใจหรอ? "
เขาส่ายหน้าและรีบดึงสายตาออกมาจากเธอทันที ใบหน้าของชายหนุ่มแดงก่ำและร้อนผ่าว ในตอนนี้เขาอยากจะขอบคุณความมืดรอบตัวที่ช่วยอำพรางใบหน้าเขา จากสายตาช่างสังเกตของเธอ และหนทางที่ยาวไกลเบื้องหน้า ก็ทำให้ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาภายในหัวของเขา
"คิดดีแล้วใช่ไหม"
"เรื่องอะไรหรอ? "
"มีลูก"
"ฉันคิดมาร่วมสัปดาห์แล้ว ปรึกษากับทางบ้านแล้วด้วยไม่มีอะไรน่ากังวล"
"กังวลสิ..."
คำพูดของเขาทำให้เธอละสายตาจากถนนเบื้องหน้า ออกมามองเขาแวบหนึ่งด้วยความประหลาดใจ
"มันอาจจะดีกว่าถ้าได้อยู่กันพร้อมหน้าสามคน"
มิคาสะหัวเราะหึในลำคอ และส่ายหน้ากับคำพูดของเขา
"การสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ ให้ได้อย่างที่ใจเราต้องการ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะรู้ไหม"
"..."
"มีปัญหามากมายเกิดขึ้นทุกวัน ความขัดแย้ง เรื่องของความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ความชอบ รสนิยม และ… เรื่องของเวลา"
.
.
"ฉันค้นหามาพอแล้ว และก็ไม่เจอมันอย่างที่ต้องการสักที... ถึงคนนี้จะดีในเรื่องนี้แต่ก็ยังมีข้อเสียอีกเรื่อง ในเมื่อเราเป็นฝ่ายที่ต้องยอมและเปลี่ยนแค่คนเดียวมันก็คงไม่ไหว หรือต่อให้ฝืนทำดียังไงสักวันเนื้อแท้ของแต่ละคนก็เผยออกมาอยู่ดี เพราะงั้นฉันถึงได้ 'อยากสร้างครอบครัวของตัวเอง'”
.
.
“ครอบครัวที่ฉันต้องการ โดยที่ไม่ต้องรอคอย ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องผิดหวังอีก”
"บางทีถ้าเกิดว่าเป็นฉัน..."
"ขอบใจนะยูคิโนะ"
.
.
"แต่ฉันตัดสินใจแล้ว"
มิคาสะเป็นผู้หญิงที่มีความตั้งใจแน่วแน่ ถ้าเธอได้ตัดสินใจไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนใจเธอได้ทั้งนั้น และความเป็นเพื่อนที่เธอไม่เคยยอมให้เขาก้าวล้ำเข้าไปก็เช่นกัน มันคือปราการสูงชันที่เขาพยายามปีนป่าย และใช้เวลาเพื่อที่จะข้ามผ่านมันไปให้ได้มานานหลายปี
…แต่ก็ไม่เคยผ่านมันไปได้เลยสักครั้ง
และความหวังของเขาที่จะได้ดูแลเธอ ในฐานะคนรักที่เคยมีเพียงไม่ถึง 1% บัดนี้มันติดลบจนไม่เหลืออะไรอีกแล้ว รวมไปถึงหัวใจที่บอบช้ำของเขาตอนนี้ด้วยเช่นกัน...
สายตาทั้ง 2 คู่จากหลังรถหันมาสบตากันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย พวกเขาได้ยินการสนทนาของทั้งสองคนตลอดเวลา ทั้งรู้สึกเข้าใจในความปรารถนาอันแรงกล้าของมิคาสะ และก็รู้สึกถึงหัวใจที่กำลังแตกสลายหล่นเรี่ยราดมาตลอดทางของยูคิโนะ ที่ตอนนี้แหลกละเอียดจนไม่เหลือชิ้นดี
ช่างเป็นวันที่น่ายินดีของ 'เธอ' และเป็นวันที่น่าหดหู่ใจของ 'เขา' ในวันเดียวกัน
ความคิดเห็น