ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Episode 1 - The war is begin
      ท้องฟ้าช่างกว้างใหญ่สายลมที่พัดผ่านได้นำความอบอุ่นมาให้ทุกสรรพสิ่ง แต่ไม่รู้ว่าทำไมโลกนี้จึงเกิดสงครามขึ้นได้น้า
              \"ทารอส มัวแต่เหม่ออยู่นั่นแหละรีบเข้าเรียนเร็ว  ออดดังแล้วนะเดี๋ยวก็สายหรอก\" เสียงใสๆ ดังขึ้นข้างหลังชายหนุ่มที่นั่งเหม่ออยู่ในสวนของโรงเรียน เขาเอามือที่รองรับน้ำหนักของหัวตัวเองไว้วางลงไปที่พื้น แล้วเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวผมยาวสีดำที่มาตาม ด้วยสายตาที่เฉยชา 
              \"เหลือเวลาอีก 1 นาที  แอนนา ฉันว่าฉันยังไม่สายนะ \"ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีฟ้ามองนาฬิกาแล้วหันขึ้นไปมองเด็กสาวที่ทำหน้าเริ่มจะหมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ ถึงกระนั้นความสวยและน่ารักของเธอก็ยังไม่ได้ลดลงเท่าไหร่นัก 
\"อย่ามากวนฉันได้ไหม ขอร้องล่ะทารอส เวลาที่เธอมานั่งเถียงฉันอยู่อย่างเนี้ยทำให้เวลา 1 นาทีของเธอเนี่ยมันหมดไปรู้ไหม\"
              เด็กหนุ่มเบิกตาขึ้นนิดนึงก่อนจะพูดขึ้น
              \"และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันต้องเสียเวลาส่วนตัวไปประมาณ1นาที\"
เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่หญิงสาวด้วยท่าทางเหมือนรออะไรอยู่ \"เดินสิ..เธอมาเรียกฉันให้กลับห้องในขณะที่เธอยืนมองหน้าเหมือนกับไม่ได้พบกันมา 10 ปีอย่างนี้มันหมายความว่ายังไง\"  เด็กสาวมองด้วยนัยน์ตาสีเขียวที่ทำสายตาดุใส่ชายหนุ่ม
              \"โอเค โอเค นายชนะ จะไปได้หรือยังหรือต้องให้ฉันจูงไป \"เด็กหนุ่มในคราบนักเรียนยิ้มน้อยๆ มันเป็นรอยยิ้มที่สามารถละลายทั้งโลกได้  \"ก็...น่าสนใจเหมือนกันนะ การให้เธอจูงเนี่ย\" ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มแสนหล่อจะได้ทำอะไร มือของเขาก็ได้อยู่ในมือของเด็กสาวแสนสวยไปซะแล้ว
              \"ไม่ต้องพูดแล้วทารอส ถ้านายพูดอีกคำเดียว...ไม่สิพยางค์เดียวต่างหาก ฉันจะ...\"เด็กสาวเริ่มหน้าแดงขณะที่เด็กหนุ่มทำหน้างงๆ
              \"จะทำไม?\"
              \"ฉันก็จะ...ก็จะ...\"เด็กสาวหน้าแดงขึ้นอีกซึ่งเด็กหนุ่มเริ่มจะรำคาญในความเขินอายของหญิงสาวขึ้นมานิดหน่อยก่อนพูดด้วยเสียงเซ็งๆ
              \"อะไรล่ะ\"เด็กสาวถอนหายใจแล้วทำหน้าจริงจัง
              \"ช่างมันเถอะน่า เดี๋ยวก็ได้เจอดีหรอก\"
        เด็กหนุ่มเบิกตากว้างและนั่นก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาได้ทำก่อนที่เด็กสาวจะลากเด็กหนุ่มด้วยมือเพียงข้างเดียว
                                  ยายนี่แรงเยอะแฮะ....เยอะเกินไปด้วยซ้ำ
         
        ......................................
             
              \"เอาล่ะมากันครบแล้วสินะ\"ครูที่อยู่หน้ากระดานดำที่เป็นคอมพิวเตอร์พูดขึ้นระหว่างกำลังเปิดโปรแกรม
              \"วันนี้เราจะมาเรียนกันทางด้านเครื่องยนต์ที่สำคัญเกือบที่สุดในหุ่นยนต์ของกองทัพ ว่ากันว่าเป็นเครื่องยนต์ที่สามารถเก็บกักพลังงานเวทย์ได้ \" พอพูดจบ อาจารย์หญิงก็ได้เปิดภาพโฮโลแกรมที่หน้าห้องออกมาเป็นภาพของหุ่นยนต์แล้วชี้ไปที่ถังที่อยู่บนตัวของหุ่นยนต์
              \"เอาล่ะนี่คือถัง  M .T .เป็นตัวย่อง่ายๆของ Magic Tank ซึ่งเป็นตัวสำคัญที่ทำให้เราสามารถสู้กับพวกที่ใช้เวทย์มนตร์ได้  และด้วยชื่อของโรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนที่สามารถผลิตนักขับหุ่นยนต์ ได้มากที่สุดในขณะนี้ ครูไม่อยากเห็นพวกเธอบังคับหุ่นยนต์ออกไปสู้อย่างโง่ๆ \"  ครูส่งสายตามองไปรอบๆ ห้องแล้วไปหยุดที่ทารอส \"พวกเธอรู้ใช่ไหมว่าหุ่นยนต์ที่ทางสหพันธ์สร้างขึ้นเนี่ย มันจะต้องเป็นเด็กที่มีอายุไม่เกิน 18 เท่านั้นถึงจะสามารถขับได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะมันจะต้องใช้ประสาทการรับรู้ที่ดี บวกกับร่างกายที่เข้ากับหุ่นยนต์ได้
              \"อาจารย์เบนหน้าไปทางอื่นแล้วพูดต่อ\" ตอนนี้โลกเรามิได้สงบสุขเหมือนเมื่อสมัยก่อนอีกแล้ว สงครามเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า...เพราะฉะนั้นครูอยากให้พวกเธอรู้ว่าพวกเธอทั้งหลายกำลังช่วยชีวิตที่มีมากมายมหาศาลให้หลุดพ้นจากสงครามครั้งนี้\"
                                    อาจารย์ยังพูดต่อไปเรื่อยๆ พร้อมับหันมามองทารอสเป็นระยะๆ จนจบชั่วโมง ทารอสเป็นคนแรกที่รีบลุกออกจากห้องตามด้วยสาวสวยที่เดินตามมาติดๆ
                \"ชั่วโมงต่อไปอะไร แอนนา\"
                \"เอ่อ...เดี๋ยวนะ\"แอนนาก้มลงไปมองดูที่สร้อยห้อยคอที่ดูเหมือนว่าจะเป็นระบบสัมผัสบวกกับเสียง
                \"นาธาน ขอดูตารางสอนหน่อย\"เด็กสาวพูดกับสร้อยคอที่พูดตอบด้วยเสียงที่กวนเท้าอย่างที่สุด
                \"ได้อยู่แล้วแอนนาคนสวย\" เด็กหนุ่มมองไปที่นาฬิกาข้อมือแล้วค่อยพูดขึ้น           
                \"แอนนา เธอยังไม่ได้เปลี่ยน มาเธอร์ชิบ อันใหม่อีกเหรอ\"
                \"ยุ่งน่าไอ้หัวตั้ง ตู คุยกับแอนนาโว้ยอย่ามาสอด\" เด็กหนุ่มส่งสายตาที่คมกริบมาที่สร้อยคอแต่ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้น แอนนาก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน \"หยุดกันทั้งคู่นั้นแหละแล้วก็ นาธานจะให้ฉันดูตารางสอนหรือเปล่าเนี่ย\"
                \"ก็ได้ๆ\"
            ทันใดนั้นสร้อยคอก็เผยภาพโฮโลแกรมที่เป็นตารางขึ้นมา \"ดีจ๊ะดี ...อืมทารอสชั่วโมงต่อไปเป็นการซ้อมภาคสนามแน่ะ \"เด็กสาวพูดแล้วรีบกดปิดเครื่องก่อนที่สร้อยคอจะเริ่มพูดขึ้นอีก \"รีบไปดีกว่านะไปเตรียมเครื่องด้วย\" ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้ทำอะไรก็ถูก เด็กสาวลากไปที่ห้องเครื่อง สถานที่เก็บหุ่นยนต์ซึ่งเป็นที่เรียนวิชาภาคสนาม แล้วนี่ตูต้องถูกยายนี่ลากทั้งวันเลยเหรอเนี่ย...จะว่าไปแล้วก็สวยดีนะ ถ้าไม่นับความเอาแต่ใจที่มีมากเกินจะรับไหว
                \"เลิกมองฉันได้แล้วทารอสฉันลากนายทั้งวันไม่ได้นะ\"
        แล้วเธอคิดว่าเธอทำอะไรอยู่ล่ะเนี่ย ลากฉันทั้งวันโดยที่ฉันยังไม่ได้ขัดขืนอะไรเลยเนี่ยนะ ทำเหมือนฉันอยากให้เธอลากมากงั้นแหละ ความคิดแกมประชดออกมาจากหัวเด็กหนุ่ม
                \"โอเคๆ เธอก็ปล่อยมือฉันก่อนสิ\"
                \"ไม่มีทางถ้าฉันปล่อยมือนายก็หนีน่ะสิฉันไม่ยอมให้นายหนีไปหรอก\" เด็กหนุ่มยิ้มน้อยๆ เพราะคิดอะไรสนุกๆ ออกเสียแล้ว
                \"หรือที่ไม่ปล่อยมือเพราะคิดอะไรอยู่\" คำพูดของทารอสทำให้เด็กสาวหน้าแดงขึ้นมาแล้วรีบปล่อยมือออกทันที
                \"ตาบ้า...คิดอะไรน่ะ พูดออกมาได้ยังไงนี่ถ้าฉัน...\" เด็กชายเบิกตารอคำพูดต่อมาของเด็กสาว
                \"ถ้าเธอทำไม\" เด็กสาวหน้าแดงขึ้นไปอีก
                \"ตาบ้า บ้า บ้า ไม่พูดด้วยแล้ว\" เด็กสาวเดินหนีชายหนุ่มไป  ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนยิ้มเล็กยิ้มน้อยกับชัยชนะของตัวเอง แต่มันก็ไม่นานนักหรอกที่ชายหนุ่มจะดีใจในชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเองเพราะยังไม่ทันจะครบ 10 วินาทีดีเลย ก็พบเด็กสาวที่เพิ่งจะวิ่งหนีไปเมื่อสักครู่ วิ่งกลับมาแล้วมาจับมือเดินไปอย่างไม่พูดไม่จา
                \"เฮ้ แอนนาเธอทำอะไรของเธอน่ะไหนบอกว่าจะไม่พูดด้วยแล้วไงล่ะ\"  พอชายหนุ่มพูดจบกลับไม่มีเสียงตอบกลับทำให้ชายหนุ่มฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
                  \"เออใช่ก็เธอยังไม่ได้เอ่ยปากพูดเลยนี่หว่า  หึๆ ช่างหาวิธีมากวนฉันเก่งจริงๆ แฮะ\" ทารอสมองหน้าหญิงสาวที่กำลังหน้าแดงเพราะความเขินอายไปตลอดทางที่พวกเขาเดินผ่านมา จนถึงที่หมายของทั้งสอง ประตูบานใหญ่มหึมาที่อยู่ตรงหน้าของทั้งสองได้ถูกเปิดออกด้วยระบบไฮโดรลิคเผยให้เห็นหุ่นรบที่เรียงรายกันอยู่อย่างมากมายมหาศาล และผู้คนที่กำลังใช้เครื่องมือเตรียมหุ่นยนต์ของตัวเองอยู่ทุกๆ ตัว
                  \"เราไปเครื่องของเรากันเถอะแอนนา\" เด็กหนุ่มทำหน้าตายิ้มให้แอนนาซึ่งหันกลับมามองด้วยสายตาดุๆ และหน้าแดงๆ ก่อนจะเม้มปากแน่นแล้วสะบัดหน้ากลับแล้วทำการลากทารอสต่อไป \"โธ่ แอนนา...โอเคๆฉันผิดเองที่ไปพูดกับเธออย่างนั้น...ฉัน\"
              เด็กสาวหันหน้ามาหาเด็กชายประกายตาสีเขียวบ่งบอกถึงการรอคอยอะไรบางอย่างอยู่ สายตานั้นเซ้าซี้เด็กหนุ่มจนน่ารำคาญ
                \"โอเคๆ ฉัน...ขอโทษโอเคมั๊ย ขอโทษน่ะขอโทษ\" ทันทีที่เสียงพูดของเด็กหนุ่มหยุดลงเด็กสาวก็ยิ้มแป้นก็ส่งสายตาแห่งชัยชนะไปให้ชายหนุ่มที่ทำหน้าเซ็งๆ
                \"ในที่สุดฉันก็ให้เธอยอมแพ้ฉันจนได้ที่จริง...\"
              เสียงของเด็กสาวหายไปเพราะเสียงของนกหวีดที่ดังแสบแก้วหูขึ้นมาแทรกเสียก่อน ทำให้แอนนาต้องลากทารอสไปที่ต้นเสียงพร้อมกับถอนหายใจไปด้วย
                \"เอาล่ะวันนี้เป็นอีกวันที่เราจะมาซ้อมภาคสนามกัน ครูได้ยินมาว่ามีเด็กใหม่มาเข้าเรียนไม่ใช่เรอะ\" อาจารย์พูดพร้อมส่งสายตาไปรอบๆ จนไปหยุดที่ทารอสซึ่งยกมือขึ้นมา อาจารย์มองทารอสอย่างพินิจทุกอณูทุกส่วน นี่ถ้าเขาสามารถเข้าไปดูภายในร่างกายได้ล่ะก็ ก็ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะทำ เพราะที่นี่เป็นที่ๆ เด็กนักเรียนหัวกะทิจากมนุษย์พวกแรกมารวมตัวกันเพื่อให้มาทำสงครามกับมนุษย์กลุ่มที่ 2 แค่นั้นยังไม่พอ ยังต้องมีความสมัครใจที่จะต้องยอมเสียชีวิตอีกด้วย แต่ถึงกระนั้นก็มีตำแหน่งของพวกผู้วางแผนการรบ เช่น ยกพลขึ้นบกมั่ง หาที่ลงทางอากาศมั่ง พวกนี้พวกลูกคนใหญ่คนโตมักจะส่ง ลูก หลาน เหลน โหลน ของตัวเองมาเรียนในตำแหน่งนี้ เพราะเป็นหน่วยที่ไม่ต้องนำชีวิตมาเสี่ยงมาก และยังมีโอกาสที่จะเป็นใหญ่เป็นโตในสหพันธรัฐอีก และด้วยเหตุนี้ทำให้ตำแหน่งที่ว่าเป็นตำแหน่งที่ทุกคนจับตามองมากที่สุด รองมาจากตำแหน่งที่ว่าตำแหน่งนึงนั่นคือตำแหน่งผู้บังคับหุ่นยนต์ไม่ว่าผู้วางแผนจะเก่งสักเพียงไหน ถ้าผู้บังคับหุ่นในกองทัพของเขาไม่มีฝีมือล่ะก็ ก็ไม่ต่างอะไรกับพากองทัพของตัวเองไปทิ้ง และทารอสเด็กหนุ่มที่มีหน้าตาสมบูรณ์แบบก็เป็นนักเรียนใหม่ที่ผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นคนรับรองเองว่าเขาเป็นผู้ที่จะทำให้การบังคับหุ่นยนต์ของโลกเปลี่ยนแปลงไป เพราะฉะนั้นทารอสจึงเป็นเด็กที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นพิเศษ ซึ่งแอนนา ผู้ที่ทารอสอยู่ที่ไหนเธอต้องอยู่ที่นั่น คือหลานสาวของผู้อำนวยการโรงเรียนผู้ที่นำทารอสออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ทั้งสองจึงสนิทกันเป็นพิเศษ
            อาจารย์ชายล่ำบึ๊กคนเดิม ยังจ้องทารอสอย่างไม่ลดละสายตาต่อไปเรื่อยๆ จนเขาพอใจแล้วจึงทำหน้ากลับมาอย่างเป็นปกติแล้วค่อยพูดขึ้น
                  \"เอาล่ะวันนี้เป็นวันแรกที่เราจะได้ออกปฏิบัติการจริงๆกันเสียที\" เด็กนักเรียนบางคนทำหน้าดีอกดีใจกันใหญ่
            สงสัยพวกนี้จะป่าเถื่อนแฮะ อยากไปฆ่าคนนักหรือไงเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ พวกนี้มันสมัครมาเพื่อทำหน้าที่นี้อยู่แล้วนี่นา
                  \"โอ้อย่าเพิ่งดีใจไป อย่าเพิ่งดีใจไป เราไม่ได้ไประรานใครครั้งนี้ เราได้ภารกิจให้ไปสำรวจป่าที่อยู่ทางด้านซ้ายของเมืองออกไปประมาณ 100 กิโลเมตรน่ะ ทางการเขาขอมาให้โรงเรียนเราเป็นผู้สำรวจ ซึ่งผู้อำนวยการโรงเรียนก็ให้พวกเราเป็นผู้สำรวจในครั้งนี้ เนื้อที่ของป่าประมาณ 3000 ตารางกิโลเมตร มันก็พอดิบพอดีกับคนของเราประมาณคู่ละ 100 ตารางกิโลเมตร ซึ่งน่าจะไม่มีปัญหาอะไรน่ะนะ เพราะฉะนั้นก็ไปกันเลย\"
            พออาจารย์พูดจบ นักเรียนทุกคนก็รีบวิ่งไปที่หุ่นยนต์ของตัวเองพร้อมคู่หู ซึ่งคู่หูของทารอสนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากแอนนา
            ทั้งสองได้วิ่งขึ้นยานของทั้งคู่แล้วทารอสก็กระโดดลงไปนั่งข้างหน้าส่วนแอนนาลงไปนั่งทางข้างหลัง ซึ่งทารอสนั่งที่ประจำของนักขับและแอนนานั่งที่ประจำของพลยิง  ทารอสได้เปิดการทำงานของหุ่นรบที่มันก็ตอบสนองแทบจะทันทีทันใด
                  \"สมรรถภาพของเครื่องโอเค แหล่งจ่ายพลังงานหลักโอเค  ระบบนำร่องโอเค ไม่มีสิ่งแปลกปลอมในถังน้ำมัน  System all greens เริ่มการเดินทางได้\" ทารอสพูดขึ้นทันทีที่เปิดระบบการทำงานของหุ่นยนต์ซึ่งเขายังไม่ทันที่จะเช็คจากตัวเครื่องเลยด้วยซ้ำ
                  \"เฮ้ๆ ทารอส นายยังไม่ได้ตรวจเช็คอะไรเลยนะเนี่ย แล้วพูดออกมาได้ยังไง ถ้ามันเกิดพิดพลาดอะไรขึ้นมานั่นหมายถึงชีวิตนะ\" แอนนาเตือนทารอสที่กำลังจะนำเครื่องขึ้น เขาหันมามองด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มแล้วพูดขึ้น
                  \"ก็หุ่นยนต์มันบอกฉันนี่\" ด้วยคำพูดเพียงคำเดียวของชายหนุ่มทำให้เด็กสาวงงไปสักพัก และยังไม่ทันที่เด็กสาวจะหายงง ทารอสก็ได้นำหุ่นรบที่เขาบอกว่า มันเพิ่งพูดกับเขาไปเมื่อสักครู่ขึ้นสู่ฟากฟ้าที่สดใส
                  \"ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่านายพูดกับหุ่นยนต์ได้ด้วย\" เด็กสาวทำเสียงยิ้มเยาะ ขณะที่อยู่บนท้องฟ้าเหนือพื้นดินประมาณ 1,000 เมตร \"แล้วหุ่นยนต์เค้าพูดว่าอะไรมั่งล่ะห๊ะ ทารอส\" เด็กหนุ่มที่กำลังผิวปากอย่างสบายอารมณ์อยู่ดีๆ ก็หันหน้ามาหาเด็กสาวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ธรรมดามากที่สุด
                  \"มันก็ไม่ได้บอกอะไรมากนักหรอกนะ แค่มันบอกว่าคนที่นี่รักษามันอย่างดี และมันอยากจะออกภาคสนามมาตั้งนานแล้ว\" เด็กสาวเริ่มขมวดขิ้วเข้าหากันแล้วขำในลำคอน้อยๆ แต่เธอก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ ได้แต่มองหน้าจอเรดาร์เพราะนั่นคือหน้าที่ของเธอ
        แต่ยังไม่ทันที่จะได้เห็นอะไรในหน้าจอเรดาร์เลย  ภาพโฮโลแกรม ก็ฉายขึ้นมาที่หน้ายานเผยให้เห็นภาพของศีรษะคนๆ นึง
                  \"แอนนาเป็นอะไรรึเปล่า เห็นนำยานออกมาก่อน คนอื่นเค้าเป็นห่วงนะ\" เสียงที่ออกมาจากภาพเผยให้เห็นถึงความเป็นห่วงที่มีมากผิดปกติ แต่แอนนาก็แค่ยิ้มตอบกลับไปก่อนที่จะเอ่ยเสียงใสๆ กลับไป
                  \"อ๋อไม่มีอะไรหรอก แค่ทารอสเค้าตรวจเช็คเครื่องได้เร็วมากๆ ก็เท่านั้นแหละ\" เด็กสาวหันไปมองหน้าทารอสที่กำลังหันมาส่งยิ้มน้อยเหมือนรู้กัน
                  \"อะไรกันฉันยังไม่เห็นเขาจะเปิดเช็คตัวเครื่องเลยนี่นา\" ชายหนุ่มที่อยู่ในภาพโฮโลแกรม แสดงถึงความเป็นห่วงซึ่งมันทำให้หน้าตาของเขาดูตลกๆ เพราะใบหน้าที่ลุกลี้ลุกลนไม่เหมาะกับผมสีชาและดวงตาสีน้ำตาลเข้มเท่าไหร่นัก
                  \"เอาน่าๆ อย่าคิดมากเดี๋ยวฉันต้องเลิกการติดต่อแล้วนะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ค่อยติดต่อมาใหม่นะ\" ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มในภาพโฮโลแกรมจะได้พูดอะไรต่อเด็กสาวที่ควบคุมการติดต่อก็รีบยกเลิกการติดต่อในทันที
                  \"อ้าวๆ เค้ายังพูดไม่จบเลยนะให้เค้าพูดต่ออีกหน่อยก็ได้\" เด็กสาวเบ้หน้าให้เด็กหนุ่มแล้วอยู่ดีๆ เธอก็สะดุ้งขึ้นเมื่อหน้าจอ
อันเดิมมันฉายภาพขึ้นมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้กลับเป็นหน้าอาจารย์ที่สั่งให้พวกเขาออกปฏิบัติการ
                \"แอนนาเธออยู่ตรงหน้าเขตป่าแล้ว ขอให้ตรวจสอบก่อนนะว่า มีเขตเวทย์มนตร์กันอยู่รึเปล่า\"
                \"ค่ะๆ\" แล้วเด็กสาวกดปุ่มเรียกพลังงานที่ถังเก็บพลังเวทย์ออกมาแล้วก็บรรจุกระสุนเจาะกำแพงเวทย์ใส่เข้าไปในปืนที่อยู่บนแขนข้างซ้ายอย่างรวดเร็ว   
                  \"เอาล่ะนะทารอสฉันจะยิงแล้วนะ...3...2...1...ยิง!!!\" เสียงกัมปนาทดังสนั่นขึ้น แสดงถึงอำนาจของกระสุนเจาะกำแพง
เวทย์ได้เป็นอย่างดี เด็กหนุ่มที่นั่งอึ้งอยู่นั้น สักพักก็มีสติแล้วหันมาถามเด็กสาวที่กำลังทำหน้าสะใจอยู่หน่อยๆ
                  \"นี่แอนนาเวลายิงทีนี่ต้องให้สัญญาณ แล้วต้องเสียงดังอย่างนี้ทุกครั้งเหรอ?\"
                  \"ไม่หรอกนี่มันกระสุนเจาะกำแพงเวทย์น่ะเลยรุนแรงผิดปกติแต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเห็นเสียงดังอย่างนั้นน่ะ มันทำได้แค่สลายพลังเวทย์เท่านั้นแหละทำอย่างอื่นไม่ได้หรอก...เอ่ออาจารย์คะไม่พบกำแพงเวทย์ค่ะ ให้นำหุ่นรบตัวอื่นเข้าสู่พื้นที่ได้เลยค่ะ\"
                  เด็กหนุ่มทำหน้าเข้าใจหน่อยๆ พร้อมกับบังคับให้หุ่นรบพุ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆ แล้วก้มลงมาดูที่หน้าจอระบบนำร่องซึ่งมีไฟสีแดงกระพริบอยู่
                  \"เฮ้ๆ แอนนาไฟนี่มันหมายถึงอะไรเหรอ ไอ้ที่มันกระพริบอยู่เนี่ย ฉันสาบานว่าฉันยังไม่ได้ไปกดอะไรเลยนะ\" เด็กหนุ่มหน้าตาตื่นน้อยๆ ก่อนที่จะหันไปถามเด็กสาว ซึ่งเด็กสาวก็พยายามจะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่ให้หลุดออกมา
                  \"รู้แล้วๆ ทารอส นายไม่ได้ไปกดอะไรหรอกแต่ไฟเนี่ยมันหมายถึงว่า มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในรัศมีการตรวจค้นไงล่ะ\" เสียงที่แสดงถึงความเข้าใจดังมาจากเด็กหนุ่มที่รีบมุ่งหน้าไปทางที่ไฟกระพริบอยู่ พร้อมกับแอนนาที่รีบติดต่อกับเพื่อนๆ ในทีมว่า พบสิ่งแปลกปลอมแล้ว หุ่นรบบินผ่านต้นไม้น้อยใหญ่ไปเรื่อยๆ เพื่อให้ถึงที่หมาย ผ่านสิ่งมีชีวิตมากมาย จนถึงจุดที่ระบบนำร่องเตือนว่า มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ สิ่งที่ทารอสเห็นคือ หุ่นยนต์รุ่นนึงที่ตั้งอยู่กลางป่า  รากของต้นไม้ที่พัวพันร่างกายของหุ่นยนต์ตัวนี้แสดงถึงความเก่าแก่และอายุของมันที่น่าจะมากพอดู
                  \"อ้าวทารอส มัวแต่อึ้งอยู่นั่นแหละไม่เข้าไปใกล้ๆ ล่ะ\" เด็กสาวถามขึ้นลอยๆ หวังรอคำตอบจากชายหนุ่ม แต่กลับไม่มีเสียง
ตอบรับกลับมา เพราะตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังทำหน้าตาเอาจริงเอาจังอยู่
                  \"แอนนายิงกระสุนเจาะกำแพงเวทย์ใส่หุ่นตัวนั้นให้ที\" เสียงตอบกลับของชายหนุ่มทำให้เด็กสาวต้องทำหน้าไม่เข้าใจอย่างถึงที่สุด ก่อนที่จะเปิดปากถามถึงเหตุผล
                  \"โห...นี่นายจะบ้าหรือเปล่า ฉันเพิ่งบอกว่ากระสุนเจาะกำแพงเวทย์น่ะ มันทำได้แค่เจาะกำแพงจริงๆ น่ะสิแล้วก็อีกอย่าง...\"
              คำพูดของเด็กสาวหายไปในลำคอทันที เมื่อเห็นหน้าตาในขณะนี้ของเด็กหนุ่ม  ตาสีฟ้าที่เคยเปล่งประกายสดใส หน้าตาที่เคยเหม่อลอยตลอดเวลา ได้เปลี่ยนไป เหมือนเป็นคนละคน กลายเป็นหน้าตาที่เอาจริงเอาจังผิดปกติ
                  \"ก็ฉันจะเจาะกำแพงเวทย์น่ะสิ\"
                  \"นี่นายไม่เคยได้ยินเหรอว่า กำแพงน่ะมันกั้นได้แค่อาณาเขตใหญ่ๆ ขนาดเล็กอย่างเนี้ยไม่มีหรอก...หรือถ้ามี ก็ต้องเป็นเวทย์ที่สุดยอดจริงๆนั่นแหละถึงจะบีบอัดกำแพงเวทย์ให้เล็กขนาดนี้ได้น่ะ\" แต่คำพูดของเด็กสาวไม่ได้ผล เมื่อชายหนุ่มหันมาจ้องหน้าของเด็กสาว ทำให้เด็กสาวได้เห็นหน้าตาที่เอาจริงเอาจังของเด็กหนุ่มชัดขึ้นไปอีก
                  \"ก็ได้ๆ...ปากกระบอกปืนแสตนด์บายพร้อมยิงกระสุนเจาะกำแพงเวทย์ เริ่มนับถอยหลัง...3...2...1 ยิง!!!\"
                เสียงที่ดังสนั่นเช่นเดิมทำให้เกิดคำถามขึ้นในหลายๆคนที่ยังอยู่บนหุ่นยนต์  แต่คำถามนั้นก็ถูกเฉลยด้วยแสงสว่างสีฟ้าที่เกิดจากการสลายกำแพงเวทย์    รากไม้ที่พัวพันหุ่นยนต์ตัวนั้นก็ค่อยๆ คลายออก ทำให้เกิดความสงสัยที่มีมากขึ้นอีก
ในผู้ที่บังคับหุ่นยนต์และมาถึงที่จุดนัดพบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
                  \"ทารอสนายรู้ได้ยังไงน่ะ ว่ามีกำแพงเวทย์อยู่\" ทารอสไม่ได้ตอบกลับมา เขาทำหน้าเคร่งเครียดหนักขึ้นไปอีก
                  \"ทารอส?...เป็นอะไรไปไม่เข้าไปจอดล่ะ\" เพียงแค่เด็กสาวพูดจบ เด็กหนุ่มก็เบิกตากว้างแล้วพูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่ร้อนรนและรวดเร็ว
                  \"แอนนาติดต่อพวกที่เหลือให้เตรียมพร้อมรบด่วน\" เด็กสาวทำหน้าไม่เข้าใจก่อนที่จะส่งสัญญาณอันตรายไปให้หุ่นทุกตัว
                  \"ทารอสนายรู้อะไรอีกล่ะ คงไม่มีกำแพงเวทย์อีกชั้นใช่ไหม?\" เด็กสาวแซวเด็กหนุ่มที่เริ่มกระชับมือที่จับคันบังคับให้แน่นหนาแล้วเอ่ยขึ้น
                  \"มันแย่กว่านั้นอีกแอนนา\" คำพูดของชายหนุ่มทำให้เด็กสาวงงเป็นรอบที่ร้อยได้แล้วมั้งในวันนี้ แต่ความงงของเด็กสาวก็หายไป เมื่อรากไม้ที่พันตัวหุ่นนั้นหดหายไปจนหมด แต่ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ขยับ กลับเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ร้ายยิ่งกว่านั้น มันมีจำนวนมากกว่า 1,000 ตัว เสียงของปีกที่กระพือไม่หยุดแสดงถึงกำลังกายของมัน สิ่งที่พวกเขาได้พบเห็นจากหมอกควัน ที่เกิดจากการยิงกระสุนเจาะกำแพงเวทย์และสิ่งนั้นก็เริ่มเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ \"การ์กอยล์\"  (gargoyle)
                              Episode 1    /  end
                            The war is begin 
              \"ทารอส มัวแต่เหม่ออยู่นั่นแหละรีบเข้าเรียนเร็ว  ออดดังแล้วนะเดี๋ยวก็สายหรอก\" เสียงใสๆ ดังขึ้นข้างหลังชายหนุ่มที่นั่งเหม่ออยู่ในสวนของโรงเรียน เขาเอามือที่รองรับน้ำหนักของหัวตัวเองไว้วางลงไปที่พื้น แล้วเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวผมยาวสีดำที่มาตาม ด้วยสายตาที่เฉยชา 
              \"เหลือเวลาอีก 1 นาที  แอนนา ฉันว่าฉันยังไม่สายนะ \"ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีฟ้ามองนาฬิกาแล้วหันขึ้นไปมองเด็กสาวที่ทำหน้าเริ่มจะหมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ ถึงกระนั้นความสวยและน่ารักของเธอก็ยังไม่ได้ลดลงเท่าไหร่นัก 
\"อย่ามากวนฉันได้ไหม ขอร้องล่ะทารอส เวลาที่เธอมานั่งเถียงฉันอยู่อย่างเนี้ยทำให้เวลา 1 นาทีของเธอเนี่ยมันหมดไปรู้ไหม\"
              เด็กหนุ่มเบิกตาขึ้นนิดนึงก่อนจะพูดขึ้น
              \"และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันต้องเสียเวลาส่วนตัวไปประมาณ1นาที\"
เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่หญิงสาวด้วยท่าทางเหมือนรออะไรอยู่ \"เดินสิ..เธอมาเรียกฉันให้กลับห้องในขณะที่เธอยืนมองหน้าเหมือนกับไม่ได้พบกันมา 10 ปีอย่างนี้มันหมายความว่ายังไง\"  เด็กสาวมองด้วยนัยน์ตาสีเขียวที่ทำสายตาดุใส่ชายหนุ่ม
              \"โอเค โอเค นายชนะ จะไปได้หรือยังหรือต้องให้ฉันจูงไป \"เด็กหนุ่มในคราบนักเรียนยิ้มน้อยๆ มันเป็นรอยยิ้มที่สามารถละลายทั้งโลกได้  \"ก็...น่าสนใจเหมือนกันนะ การให้เธอจูงเนี่ย\" ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มแสนหล่อจะได้ทำอะไร มือของเขาก็ได้อยู่ในมือของเด็กสาวแสนสวยไปซะแล้ว
              \"ไม่ต้องพูดแล้วทารอส ถ้านายพูดอีกคำเดียว...ไม่สิพยางค์เดียวต่างหาก ฉันจะ...\"เด็กสาวเริ่มหน้าแดงขณะที่เด็กหนุ่มทำหน้างงๆ
              \"จะทำไม?\"
              \"ฉันก็จะ...ก็จะ...\"เด็กสาวหน้าแดงขึ้นอีกซึ่งเด็กหนุ่มเริ่มจะรำคาญในความเขินอายของหญิงสาวขึ้นมานิดหน่อยก่อนพูดด้วยเสียงเซ็งๆ
              \"อะไรล่ะ\"เด็กสาวถอนหายใจแล้วทำหน้าจริงจัง
              \"ช่างมันเถอะน่า เดี๋ยวก็ได้เจอดีหรอก\"
        เด็กหนุ่มเบิกตากว้างและนั่นก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาได้ทำก่อนที่เด็กสาวจะลากเด็กหนุ่มด้วยมือเพียงข้างเดียว
                                  ยายนี่แรงเยอะแฮะ....เยอะเกินไปด้วยซ้ำ
         
        ......................................
             
              \"เอาล่ะมากันครบแล้วสินะ\"ครูที่อยู่หน้ากระดานดำที่เป็นคอมพิวเตอร์พูดขึ้นระหว่างกำลังเปิดโปรแกรม
              \"วันนี้เราจะมาเรียนกันทางด้านเครื่องยนต์ที่สำคัญเกือบที่สุดในหุ่นยนต์ของกองทัพ ว่ากันว่าเป็นเครื่องยนต์ที่สามารถเก็บกักพลังงานเวทย์ได้ \" พอพูดจบ อาจารย์หญิงก็ได้เปิดภาพโฮโลแกรมที่หน้าห้องออกมาเป็นภาพของหุ่นยนต์แล้วชี้ไปที่ถังที่อยู่บนตัวของหุ่นยนต์
              \"เอาล่ะนี่คือถัง  M .T .เป็นตัวย่อง่ายๆของ Magic Tank ซึ่งเป็นตัวสำคัญที่ทำให้เราสามารถสู้กับพวกที่ใช้เวทย์มนตร์ได้  และด้วยชื่อของโรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนที่สามารถผลิตนักขับหุ่นยนต์ ได้มากที่สุดในขณะนี้ ครูไม่อยากเห็นพวกเธอบังคับหุ่นยนต์ออกไปสู้อย่างโง่ๆ \"  ครูส่งสายตามองไปรอบๆ ห้องแล้วไปหยุดที่ทารอส \"พวกเธอรู้ใช่ไหมว่าหุ่นยนต์ที่ทางสหพันธ์สร้างขึ้นเนี่ย มันจะต้องเป็นเด็กที่มีอายุไม่เกิน 18 เท่านั้นถึงจะสามารถขับได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะมันจะต้องใช้ประสาทการรับรู้ที่ดี บวกกับร่างกายที่เข้ากับหุ่นยนต์ได้
              \"อาจารย์เบนหน้าไปทางอื่นแล้วพูดต่อ\" ตอนนี้โลกเรามิได้สงบสุขเหมือนเมื่อสมัยก่อนอีกแล้ว สงครามเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า...เพราะฉะนั้นครูอยากให้พวกเธอรู้ว่าพวกเธอทั้งหลายกำลังช่วยชีวิตที่มีมากมายมหาศาลให้หลุดพ้นจากสงครามครั้งนี้\"
                                    อาจารย์ยังพูดต่อไปเรื่อยๆ พร้อมับหันมามองทารอสเป็นระยะๆ จนจบชั่วโมง ทารอสเป็นคนแรกที่รีบลุกออกจากห้องตามด้วยสาวสวยที่เดินตามมาติดๆ
                \"ชั่วโมงต่อไปอะไร แอนนา\"
                \"เอ่อ...เดี๋ยวนะ\"แอนนาก้มลงไปมองดูที่สร้อยห้อยคอที่ดูเหมือนว่าจะเป็นระบบสัมผัสบวกกับเสียง
                \"นาธาน ขอดูตารางสอนหน่อย\"เด็กสาวพูดกับสร้อยคอที่พูดตอบด้วยเสียงที่กวนเท้าอย่างที่สุด
                \"ได้อยู่แล้วแอนนาคนสวย\" เด็กหนุ่มมองไปที่นาฬิกาข้อมือแล้วค่อยพูดขึ้น           
                \"แอนนา เธอยังไม่ได้เปลี่ยน มาเธอร์ชิบ อันใหม่อีกเหรอ\"
                \"ยุ่งน่าไอ้หัวตั้ง ตู คุยกับแอนนาโว้ยอย่ามาสอด\" เด็กหนุ่มส่งสายตาที่คมกริบมาที่สร้อยคอแต่ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้น แอนนาก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน \"หยุดกันทั้งคู่นั้นแหละแล้วก็ นาธานจะให้ฉันดูตารางสอนหรือเปล่าเนี่ย\"
                \"ก็ได้ๆ\"
            ทันใดนั้นสร้อยคอก็เผยภาพโฮโลแกรมที่เป็นตารางขึ้นมา \"ดีจ๊ะดี ...อืมทารอสชั่วโมงต่อไปเป็นการซ้อมภาคสนามแน่ะ \"เด็กสาวพูดแล้วรีบกดปิดเครื่องก่อนที่สร้อยคอจะเริ่มพูดขึ้นอีก \"รีบไปดีกว่านะไปเตรียมเครื่องด้วย\" ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้ทำอะไรก็ถูก เด็กสาวลากไปที่ห้องเครื่อง สถานที่เก็บหุ่นยนต์ซึ่งเป็นที่เรียนวิชาภาคสนาม แล้วนี่ตูต้องถูกยายนี่ลากทั้งวันเลยเหรอเนี่ย...จะว่าไปแล้วก็สวยดีนะ ถ้าไม่นับความเอาแต่ใจที่มีมากเกินจะรับไหว
                \"เลิกมองฉันได้แล้วทารอสฉันลากนายทั้งวันไม่ได้นะ\"
        แล้วเธอคิดว่าเธอทำอะไรอยู่ล่ะเนี่ย ลากฉันทั้งวันโดยที่ฉันยังไม่ได้ขัดขืนอะไรเลยเนี่ยนะ ทำเหมือนฉันอยากให้เธอลากมากงั้นแหละ ความคิดแกมประชดออกมาจากหัวเด็กหนุ่ม
                \"โอเคๆ เธอก็ปล่อยมือฉันก่อนสิ\"
                \"ไม่มีทางถ้าฉันปล่อยมือนายก็หนีน่ะสิฉันไม่ยอมให้นายหนีไปหรอก\" เด็กหนุ่มยิ้มน้อยๆ เพราะคิดอะไรสนุกๆ ออกเสียแล้ว
                \"หรือที่ไม่ปล่อยมือเพราะคิดอะไรอยู่\" คำพูดของทารอสทำให้เด็กสาวหน้าแดงขึ้นมาแล้วรีบปล่อยมือออกทันที
                \"ตาบ้า...คิดอะไรน่ะ พูดออกมาได้ยังไงนี่ถ้าฉัน...\" เด็กชายเบิกตารอคำพูดต่อมาของเด็กสาว
                \"ถ้าเธอทำไม\" เด็กสาวหน้าแดงขึ้นไปอีก
                \"ตาบ้า บ้า บ้า ไม่พูดด้วยแล้ว\" เด็กสาวเดินหนีชายหนุ่มไป  ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนยิ้มเล็กยิ้มน้อยกับชัยชนะของตัวเอง แต่มันก็ไม่นานนักหรอกที่ชายหนุ่มจะดีใจในชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเองเพราะยังไม่ทันจะครบ 10 วินาทีดีเลย ก็พบเด็กสาวที่เพิ่งจะวิ่งหนีไปเมื่อสักครู่ วิ่งกลับมาแล้วมาจับมือเดินไปอย่างไม่พูดไม่จา
                \"เฮ้ แอนนาเธอทำอะไรของเธอน่ะไหนบอกว่าจะไม่พูดด้วยแล้วไงล่ะ\"  พอชายหนุ่มพูดจบกลับไม่มีเสียงตอบกลับทำให้ชายหนุ่มฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
                  \"เออใช่ก็เธอยังไม่ได้เอ่ยปากพูดเลยนี่หว่า  หึๆ ช่างหาวิธีมากวนฉันเก่งจริงๆ แฮะ\" ทารอสมองหน้าหญิงสาวที่กำลังหน้าแดงเพราะความเขินอายไปตลอดทางที่พวกเขาเดินผ่านมา จนถึงที่หมายของทั้งสอง ประตูบานใหญ่มหึมาที่อยู่ตรงหน้าของทั้งสองได้ถูกเปิดออกด้วยระบบไฮโดรลิคเผยให้เห็นหุ่นรบที่เรียงรายกันอยู่อย่างมากมายมหาศาล และผู้คนที่กำลังใช้เครื่องมือเตรียมหุ่นยนต์ของตัวเองอยู่ทุกๆ ตัว
                  \"เราไปเครื่องของเรากันเถอะแอนนา\" เด็กหนุ่มทำหน้าตายิ้มให้แอนนาซึ่งหันกลับมามองด้วยสายตาดุๆ และหน้าแดงๆ ก่อนจะเม้มปากแน่นแล้วสะบัดหน้ากลับแล้วทำการลากทารอสต่อไป \"โธ่ แอนนา...โอเคๆฉันผิดเองที่ไปพูดกับเธออย่างนั้น...ฉัน\"
              เด็กสาวหันหน้ามาหาเด็กชายประกายตาสีเขียวบ่งบอกถึงการรอคอยอะไรบางอย่างอยู่ สายตานั้นเซ้าซี้เด็กหนุ่มจนน่ารำคาญ
                \"โอเคๆ ฉัน...ขอโทษโอเคมั๊ย ขอโทษน่ะขอโทษ\" ทันทีที่เสียงพูดของเด็กหนุ่มหยุดลงเด็กสาวก็ยิ้มแป้นก็ส่งสายตาแห่งชัยชนะไปให้ชายหนุ่มที่ทำหน้าเซ็งๆ
                \"ในที่สุดฉันก็ให้เธอยอมแพ้ฉันจนได้ที่จริง...\"
              เสียงของเด็กสาวหายไปเพราะเสียงของนกหวีดที่ดังแสบแก้วหูขึ้นมาแทรกเสียก่อน ทำให้แอนนาต้องลากทารอสไปที่ต้นเสียงพร้อมกับถอนหายใจไปด้วย
                \"เอาล่ะวันนี้เป็นอีกวันที่เราจะมาซ้อมภาคสนามกัน ครูได้ยินมาว่ามีเด็กใหม่มาเข้าเรียนไม่ใช่เรอะ\" อาจารย์พูดพร้อมส่งสายตาไปรอบๆ จนไปหยุดที่ทารอสซึ่งยกมือขึ้นมา อาจารย์มองทารอสอย่างพินิจทุกอณูทุกส่วน นี่ถ้าเขาสามารถเข้าไปดูภายในร่างกายได้ล่ะก็ ก็ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะทำ เพราะที่นี่เป็นที่ๆ เด็กนักเรียนหัวกะทิจากมนุษย์พวกแรกมารวมตัวกันเพื่อให้มาทำสงครามกับมนุษย์กลุ่มที่ 2 แค่นั้นยังไม่พอ ยังต้องมีความสมัครใจที่จะต้องยอมเสียชีวิตอีกด้วย แต่ถึงกระนั้นก็มีตำแหน่งของพวกผู้วางแผนการรบ เช่น ยกพลขึ้นบกมั่ง หาที่ลงทางอากาศมั่ง พวกนี้พวกลูกคนใหญ่คนโตมักจะส่ง ลูก หลาน เหลน โหลน ของตัวเองมาเรียนในตำแหน่งนี้ เพราะเป็นหน่วยที่ไม่ต้องนำชีวิตมาเสี่ยงมาก และยังมีโอกาสที่จะเป็นใหญ่เป็นโตในสหพันธรัฐอีก และด้วยเหตุนี้ทำให้ตำแหน่งที่ว่าเป็นตำแหน่งที่ทุกคนจับตามองมากที่สุด รองมาจากตำแหน่งที่ว่าตำแหน่งนึงนั่นคือตำแหน่งผู้บังคับหุ่นยนต์ไม่ว่าผู้วางแผนจะเก่งสักเพียงไหน ถ้าผู้บังคับหุ่นในกองทัพของเขาไม่มีฝีมือล่ะก็ ก็ไม่ต่างอะไรกับพากองทัพของตัวเองไปทิ้ง และทารอสเด็กหนุ่มที่มีหน้าตาสมบูรณ์แบบก็เป็นนักเรียนใหม่ที่ผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นคนรับรองเองว่าเขาเป็นผู้ที่จะทำให้การบังคับหุ่นยนต์ของโลกเปลี่ยนแปลงไป เพราะฉะนั้นทารอสจึงเป็นเด็กที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นพิเศษ ซึ่งแอนนา ผู้ที่ทารอสอยู่ที่ไหนเธอต้องอยู่ที่นั่น คือหลานสาวของผู้อำนวยการโรงเรียนผู้ที่นำทารอสออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ทั้งสองจึงสนิทกันเป็นพิเศษ
            อาจารย์ชายล่ำบึ๊กคนเดิม ยังจ้องทารอสอย่างไม่ลดละสายตาต่อไปเรื่อยๆ จนเขาพอใจแล้วจึงทำหน้ากลับมาอย่างเป็นปกติแล้วค่อยพูดขึ้น
                  \"เอาล่ะวันนี้เป็นวันแรกที่เราจะได้ออกปฏิบัติการจริงๆกันเสียที\" เด็กนักเรียนบางคนทำหน้าดีอกดีใจกันใหญ่
            สงสัยพวกนี้จะป่าเถื่อนแฮะ อยากไปฆ่าคนนักหรือไงเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ พวกนี้มันสมัครมาเพื่อทำหน้าที่นี้อยู่แล้วนี่นา
                  \"โอ้อย่าเพิ่งดีใจไป อย่าเพิ่งดีใจไป เราไม่ได้ไประรานใครครั้งนี้ เราได้ภารกิจให้ไปสำรวจป่าที่อยู่ทางด้านซ้ายของเมืองออกไปประมาณ 100 กิโลเมตรน่ะ ทางการเขาขอมาให้โรงเรียนเราเป็นผู้สำรวจ ซึ่งผู้อำนวยการโรงเรียนก็ให้พวกเราเป็นผู้สำรวจในครั้งนี้ เนื้อที่ของป่าประมาณ 3000 ตารางกิโลเมตร มันก็พอดิบพอดีกับคนของเราประมาณคู่ละ 100 ตารางกิโลเมตร ซึ่งน่าจะไม่มีปัญหาอะไรน่ะนะ เพราะฉะนั้นก็ไปกันเลย\"
            พออาจารย์พูดจบ นักเรียนทุกคนก็รีบวิ่งไปที่หุ่นยนต์ของตัวเองพร้อมคู่หู ซึ่งคู่หูของทารอสนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากแอนนา
            ทั้งสองได้วิ่งขึ้นยานของทั้งคู่แล้วทารอสก็กระโดดลงไปนั่งข้างหน้าส่วนแอนนาลงไปนั่งทางข้างหลัง ซึ่งทารอสนั่งที่ประจำของนักขับและแอนนานั่งที่ประจำของพลยิง  ทารอสได้เปิดการทำงานของหุ่นรบที่มันก็ตอบสนองแทบจะทันทีทันใด
                  \"สมรรถภาพของเครื่องโอเค แหล่งจ่ายพลังงานหลักโอเค  ระบบนำร่องโอเค ไม่มีสิ่งแปลกปลอมในถังน้ำมัน  System all greens เริ่มการเดินทางได้\" ทารอสพูดขึ้นทันทีที่เปิดระบบการทำงานของหุ่นยนต์ซึ่งเขายังไม่ทันที่จะเช็คจากตัวเครื่องเลยด้วยซ้ำ
                  \"เฮ้ๆ ทารอส นายยังไม่ได้ตรวจเช็คอะไรเลยนะเนี่ย แล้วพูดออกมาได้ยังไง ถ้ามันเกิดพิดพลาดอะไรขึ้นมานั่นหมายถึงชีวิตนะ\" แอนนาเตือนทารอสที่กำลังจะนำเครื่องขึ้น เขาหันมามองด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มแล้วพูดขึ้น
                  \"ก็หุ่นยนต์มันบอกฉันนี่\" ด้วยคำพูดเพียงคำเดียวของชายหนุ่มทำให้เด็กสาวงงไปสักพัก และยังไม่ทันที่เด็กสาวจะหายงง ทารอสก็ได้นำหุ่นรบที่เขาบอกว่า มันเพิ่งพูดกับเขาไปเมื่อสักครู่ขึ้นสู่ฟากฟ้าที่สดใส
                  \"ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่านายพูดกับหุ่นยนต์ได้ด้วย\" เด็กสาวทำเสียงยิ้มเยาะ ขณะที่อยู่บนท้องฟ้าเหนือพื้นดินประมาณ 1,000 เมตร \"แล้วหุ่นยนต์เค้าพูดว่าอะไรมั่งล่ะห๊ะ ทารอส\" เด็กหนุ่มที่กำลังผิวปากอย่างสบายอารมณ์อยู่ดีๆ ก็หันหน้ามาหาเด็กสาวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ธรรมดามากที่สุด
                  \"มันก็ไม่ได้บอกอะไรมากนักหรอกนะ แค่มันบอกว่าคนที่นี่รักษามันอย่างดี และมันอยากจะออกภาคสนามมาตั้งนานแล้ว\" เด็กสาวเริ่มขมวดขิ้วเข้าหากันแล้วขำในลำคอน้อยๆ แต่เธอก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ ได้แต่มองหน้าจอเรดาร์เพราะนั่นคือหน้าที่ของเธอ
        แต่ยังไม่ทันที่จะได้เห็นอะไรในหน้าจอเรดาร์เลย  ภาพโฮโลแกรม ก็ฉายขึ้นมาที่หน้ายานเผยให้เห็นภาพของศีรษะคนๆ นึง
                  \"แอนนาเป็นอะไรรึเปล่า เห็นนำยานออกมาก่อน คนอื่นเค้าเป็นห่วงนะ\" เสียงที่ออกมาจากภาพเผยให้เห็นถึงความเป็นห่วงที่มีมากผิดปกติ แต่แอนนาก็แค่ยิ้มตอบกลับไปก่อนที่จะเอ่ยเสียงใสๆ กลับไป
                  \"อ๋อไม่มีอะไรหรอก แค่ทารอสเค้าตรวจเช็คเครื่องได้เร็วมากๆ ก็เท่านั้นแหละ\" เด็กสาวหันไปมองหน้าทารอสที่กำลังหันมาส่งยิ้มน้อยเหมือนรู้กัน
                  \"อะไรกันฉันยังไม่เห็นเขาจะเปิดเช็คตัวเครื่องเลยนี่นา\" ชายหนุ่มที่อยู่ในภาพโฮโลแกรม แสดงถึงความเป็นห่วงซึ่งมันทำให้หน้าตาของเขาดูตลกๆ เพราะใบหน้าที่ลุกลี้ลุกลนไม่เหมาะกับผมสีชาและดวงตาสีน้ำตาลเข้มเท่าไหร่นัก
                  \"เอาน่าๆ อย่าคิดมากเดี๋ยวฉันต้องเลิกการติดต่อแล้วนะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ค่อยติดต่อมาใหม่นะ\" ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มในภาพโฮโลแกรมจะได้พูดอะไรต่อเด็กสาวที่ควบคุมการติดต่อก็รีบยกเลิกการติดต่อในทันที
                  \"อ้าวๆ เค้ายังพูดไม่จบเลยนะให้เค้าพูดต่ออีกหน่อยก็ได้\" เด็กสาวเบ้หน้าให้เด็กหนุ่มแล้วอยู่ดีๆ เธอก็สะดุ้งขึ้นเมื่อหน้าจอ
อันเดิมมันฉายภาพขึ้นมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้กลับเป็นหน้าอาจารย์ที่สั่งให้พวกเขาออกปฏิบัติการ
                \"แอนนาเธออยู่ตรงหน้าเขตป่าแล้ว ขอให้ตรวจสอบก่อนนะว่า มีเขตเวทย์มนตร์กันอยู่รึเปล่า\"
                \"ค่ะๆ\" แล้วเด็กสาวกดปุ่มเรียกพลังงานที่ถังเก็บพลังเวทย์ออกมาแล้วก็บรรจุกระสุนเจาะกำแพงเวทย์ใส่เข้าไปในปืนที่อยู่บนแขนข้างซ้ายอย่างรวดเร็ว   
                  \"เอาล่ะนะทารอสฉันจะยิงแล้วนะ...3...2...1...ยิง!!!\" เสียงกัมปนาทดังสนั่นขึ้น แสดงถึงอำนาจของกระสุนเจาะกำแพง
เวทย์ได้เป็นอย่างดี เด็กหนุ่มที่นั่งอึ้งอยู่นั้น สักพักก็มีสติแล้วหันมาถามเด็กสาวที่กำลังทำหน้าสะใจอยู่หน่อยๆ
                  \"นี่แอนนาเวลายิงทีนี่ต้องให้สัญญาณ แล้วต้องเสียงดังอย่างนี้ทุกครั้งเหรอ?\"
                  \"ไม่หรอกนี่มันกระสุนเจาะกำแพงเวทย์น่ะเลยรุนแรงผิดปกติแต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเห็นเสียงดังอย่างนั้นน่ะ มันทำได้แค่สลายพลังเวทย์เท่านั้นแหละทำอย่างอื่นไม่ได้หรอก...เอ่ออาจารย์คะไม่พบกำแพงเวทย์ค่ะ ให้นำหุ่นรบตัวอื่นเข้าสู่พื้นที่ได้เลยค่ะ\"
                  เด็กหนุ่มทำหน้าเข้าใจหน่อยๆ พร้อมกับบังคับให้หุ่นรบพุ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆ แล้วก้มลงมาดูที่หน้าจอระบบนำร่องซึ่งมีไฟสีแดงกระพริบอยู่
                  \"เฮ้ๆ แอนนาไฟนี่มันหมายถึงอะไรเหรอ ไอ้ที่มันกระพริบอยู่เนี่ย ฉันสาบานว่าฉันยังไม่ได้ไปกดอะไรเลยนะ\" เด็กหนุ่มหน้าตาตื่นน้อยๆ ก่อนที่จะหันไปถามเด็กสาว ซึ่งเด็กสาวก็พยายามจะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่ให้หลุดออกมา
                  \"รู้แล้วๆ ทารอส นายไม่ได้ไปกดอะไรหรอกแต่ไฟเนี่ยมันหมายถึงว่า มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในรัศมีการตรวจค้นไงล่ะ\" เสียงที่แสดงถึงความเข้าใจดังมาจากเด็กหนุ่มที่รีบมุ่งหน้าไปทางที่ไฟกระพริบอยู่ พร้อมกับแอนนาที่รีบติดต่อกับเพื่อนๆ ในทีมว่า พบสิ่งแปลกปลอมแล้ว หุ่นรบบินผ่านต้นไม้น้อยใหญ่ไปเรื่อยๆ เพื่อให้ถึงที่หมาย ผ่านสิ่งมีชีวิตมากมาย จนถึงจุดที่ระบบนำร่องเตือนว่า มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ สิ่งที่ทารอสเห็นคือ หุ่นยนต์รุ่นนึงที่ตั้งอยู่กลางป่า  รากของต้นไม้ที่พัวพันร่างกายของหุ่นยนต์ตัวนี้แสดงถึงความเก่าแก่และอายุของมันที่น่าจะมากพอดู
                  \"อ้าวทารอส มัวแต่อึ้งอยู่นั่นแหละไม่เข้าไปใกล้ๆ ล่ะ\" เด็กสาวถามขึ้นลอยๆ หวังรอคำตอบจากชายหนุ่ม แต่กลับไม่มีเสียง
ตอบรับกลับมา เพราะตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังทำหน้าตาเอาจริงเอาจังอยู่
                  \"แอนนายิงกระสุนเจาะกำแพงเวทย์ใส่หุ่นตัวนั้นให้ที\" เสียงตอบกลับของชายหนุ่มทำให้เด็กสาวต้องทำหน้าไม่เข้าใจอย่างถึงที่สุด ก่อนที่จะเปิดปากถามถึงเหตุผล
                  \"โห...นี่นายจะบ้าหรือเปล่า ฉันเพิ่งบอกว่ากระสุนเจาะกำแพงเวทย์น่ะ มันทำได้แค่เจาะกำแพงจริงๆ น่ะสิแล้วก็อีกอย่าง...\"
              คำพูดของเด็กสาวหายไปในลำคอทันที เมื่อเห็นหน้าตาในขณะนี้ของเด็กหนุ่ม  ตาสีฟ้าที่เคยเปล่งประกายสดใส หน้าตาที่เคยเหม่อลอยตลอดเวลา ได้เปลี่ยนไป เหมือนเป็นคนละคน กลายเป็นหน้าตาที่เอาจริงเอาจังผิดปกติ
                  \"ก็ฉันจะเจาะกำแพงเวทย์น่ะสิ\"
                  \"นี่นายไม่เคยได้ยินเหรอว่า กำแพงน่ะมันกั้นได้แค่อาณาเขตใหญ่ๆ ขนาดเล็กอย่างเนี้ยไม่มีหรอก...หรือถ้ามี ก็ต้องเป็นเวทย์ที่สุดยอดจริงๆนั่นแหละถึงจะบีบอัดกำแพงเวทย์ให้เล็กขนาดนี้ได้น่ะ\" แต่คำพูดของเด็กสาวไม่ได้ผล เมื่อชายหนุ่มหันมาจ้องหน้าของเด็กสาว ทำให้เด็กสาวได้เห็นหน้าตาที่เอาจริงเอาจังของเด็กหนุ่มชัดขึ้นไปอีก
                  \"ก็ได้ๆ...ปากกระบอกปืนแสตนด์บายพร้อมยิงกระสุนเจาะกำแพงเวทย์ เริ่มนับถอยหลัง...3...2...1 ยิง!!!\"
                เสียงที่ดังสนั่นเช่นเดิมทำให้เกิดคำถามขึ้นในหลายๆคนที่ยังอยู่บนหุ่นยนต์  แต่คำถามนั้นก็ถูกเฉลยด้วยแสงสว่างสีฟ้าที่เกิดจากการสลายกำแพงเวทย์    รากไม้ที่พัวพันหุ่นยนต์ตัวนั้นก็ค่อยๆ คลายออก ทำให้เกิดความสงสัยที่มีมากขึ้นอีก
ในผู้ที่บังคับหุ่นยนต์และมาถึงที่จุดนัดพบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
                  \"ทารอสนายรู้ได้ยังไงน่ะ ว่ามีกำแพงเวทย์อยู่\" ทารอสไม่ได้ตอบกลับมา เขาทำหน้าเคร่งเครียดหนักขึ้นไปอีก
                  \"ทารอส?...เป็นอะไรไปไม่เข้าไปจอดล่ะ\" เพียงแค่เด็กสาวพูดจบ เด็กหนุ่มก็เบิกตากว้างแล้วพูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่ร้อนรนและรวดเร็ว
                  \"แอนนาติดต่อพวกที่เหลือให้เตรียมพร้อมรบด่วน\" เด็กสาวทำหน้าไม่เข้าใจก่อนที่จะส่งสัญญาณอันตรายไปให้หุ่นทุกตัว
                  \"ทารอสนายรู้อะไรอีกล่ะ คงไม่มีกำแพงเวทย์อีกชั้นใช่ไหม?\" เด็กสาวแซวเด็กหนุ่มที่เริ่มกระชับมือที่จับคันบังคับให้แน่นหนาแล้วเอ่ยขึ้น
                  \"มันแย่กว่านั้นอีกแอนนา\" คำพูดของชายหนุ่มทำให้เด็กสาวงงเป็นรอบที่ร้อยได้แล้วมั้งในวันนี้ แต่ความงงของเด็กสาวก็หายไป เมื่อรากไม้ที่พันตัวหุ่นนั้นหดหายไปจนหมด แต่ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ขยับ กลับเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ร้ายยิ่งกว่านั้น มันมีจำนวนมากกว่า 1,000 ตัว เสียงของปีกที่กระพือไม่หยุดแสดงถึงกำลังกายของมัน สิ่งที่พวกเขาได้พบเห็นจากหมอกควัน ที่เกิดจากการยิงกระสุนเจาะกำแพงเวทย์และสิ่งนั้นก็เริ่มเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ \"การ์กอยล์\"  (gargoyle)
                              Episode 1    /  end
                            The war is begin 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น