ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สะบัดหางสร้างรัก [ Oh! My Mermaid? ]

    ลำดับตอนที่ #4 : อยู่ด้วยคนนะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 164
      0
      14 พ.ค. 50

    ตอนที่ 4 : อยู่ด้วยคนนะ

             ชายหนุ่มผิวสีแทนกำลังกุมขมับอย่างกลุ้มอกกลุ้มใจ ทำไม้...ทำไม... เด็กชาวเลหน้าตาพื้นๆอย่างเขา ถึงได้กลายเป็นเจ้าชายในฝันของบรรดาเงือกสาวใต้บาดาลได้นะ  หรือสวรรค์ใจดีที่เห็นเขาไม่มีแฟนก็เลยประทานมาให้แต่ก็ยังเล่นตลกส่งนางเงือกมาแทนมนุษย์เสียนี่

             "เจ้าชายเป็นอะไรคะ? ปวดหัวเหรอ"

             โฮชิโนะเอ่ยถามพลางปรี่เข้ามาแตะเนื้อต้องตัวชายหนุ่มแล้วบีบๆนวดๆอย่างเป็นห่วงเป็นใย ยาสุสะบัดมือเธอออกแล้วโบกไม้โบกมือไปมา

             "ฉันไม่ได้เป็นอะไร..."

             "ไม่เป็นอะไรได้ไงคะ? ตอนแรกก็มีเลือดไหลออกจากทางจมูก ตอนนี้ก็มีอาการปวดหัว เจ้าชายต้องไม่สบายแน่ๆ เดี๋ยวโฮชิโนะปรนนิบัติเจ้าชายเอง จะดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่อง"

             เงือกสาวกำมือชูขึ้นมาด้วยท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยมและแววตามุ่งมั่น จนยาสุอดชื่นชมไม่ได้ แต่เฮ้ย! มันใช่เวลามาคิดเรื่องแบบนี้หรือไงกัน?

             "ไม่ๆ เธอกลับทะเลไปได้แล้ว"

             ชายหนุ่มเอ่ยแล้วชี้ไปทางหน้าต่างห้องนอนที่เห็นท้องทะเลในยามค่ำคืน หญิงสาวเอี่ยวศีรษะมองตามแล้วหันมามองหน้าเจ้าชายของเธอพลางส่ายหัวด็อกแด็กไปมา

             "โฮชิโนะกลับไปไม่ได้หรอกค่ะ กฎของสาวชาวเงือก ถ้าพูดคุยกับมนุษย์ที่มีสีผิวเดียวกับเจ้าชายในตำนาน เงือกก็จะต้องปรนนิบัติรับใช้มนุษย์ผู้นั้นตลอดไป"

             ยาสุทำหน้าตาตื่นตกใจเมื่อได้ฟังกฎหมายเงือก ก่อนเอ่ยบอกเธอ

             "กฎบ้ากฎบออะไร ไม่ต้องทำตามก็ได้ ฉันไม่บอกใครหรอก"

             "ไม่ได้ค่ะ ถ้ามนุษย์คนนั้นไม่ไล่ นางเงือกก็จะต้องปรนนิบัติรับใช้ไปจนกว่าจะดับสิ้นชีวาวายตายดิ้นกันไปข้าง"

             "งั้นฉันไล่เธอ! ไป้ๆไปได้แล้ว"

             ยาสุเอ่ยไล่อย่างไม่ไยดี เขาไม่ได้ลำบากลำบนขนาดหาคนมาปรนนิบัติรับใช้ยามแก่เฒ่าไม่ได้สักหน่อย โฮชิโนะดวงตาเป็นประกาย มีน้ำใสๆเอ่อล้นออกมาจากขอบตาแล้วทำปากจู๋หน้าตามู่ทู่สุดๆ 

             "ไม่! โฮชิโนะจะไม่ไปจากเจ้าชาย ก็โฮชิโนะรักเจ้าชายนี่! แงๆๆ"

             เงือกสาวพูดพลางกอดขาชายหนุ่มเอาไว้ อ้ากกกก!! แล้วไอ้กฎเมื่อสักครู่นี้ล่ะ แกจะพูดออกมาทำไม ในเมื่อไม่ทำตามกฎก็ได้นี่หว่า!? ชายหนุ่มบ่นในใจอย่างหัวเสีย พยายามสะบัดขาออกจากมือเงือกสาว แต่โฮชิโนะก็ไม่ยอมปล่อย มิหนำซ้ำยังใช้ปากงับกางเกงเขาเพื่อความเหนียวแน่นอีกด้วย ยาสุขยับปากหมายจะด่าเสียอีกย่อหน้า แต่เมื่อได้เห็นน้ำตาที่ไหลพรากอาบแก้มและหน้าตาเศร้าโศกก็อดใจอ่อนไม่ได้ แม้ตัวจะดำแต่ใจไม่ดำนะจ๊ะ ว่าแต่ยัยนี่ต่างหากที่มันใจง่ายเกินไปแล้ว เพิ่งจะได้เจอกันวันเดียวแท้ๆ มันจะผูกพันอะไรกันมากมายเว้ย!

             "ยาสุ!!!แกคุยกับใครอยู่น่ะ...เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ"

             เสียงแม่โวยวายขึ้นจากหน้าห้องนอนพร้อมทุบประตูเสียงดังปึงปัง ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกพลางตาลีตาเหลือกอุ้มแม่เงือกสาวโฮชิโนะใส่ใต้เตียงก่อนกระซิบตบท้ายไว้ว่า

             "อย่าส่งเสียงออกมาเชียวนะ!"

             โฮชิโนะพยักหน้าหงึกหงัก ยาสุผละจากเตียงแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องนอนให้แม่ เพราะถ้าช้ากว่านี้อีกสักนาทีเดียว มีหวังประตูได้พังหลุดออกมาแน่ ๆ

    ...................

             "มีอะไรครับมาร...ดา?"

             เขายิ้มแป้นให้แม่แล้วยืนขวางประตูเอาไว้ ผู้เป็นแม่พยายามชะโงกหน้าเข้ามาสอดส่องสายตาภายในห้องแล้วดันลูกชายให้ออกไปจากหน้าประตู หากแต่ยาสุก็แข็งขืนฝืนเอาไว้

             "แม่หาอะไรเหรอครับ?"

             เขากัดฟันเอ่ยถามอย่างใสซื่อ แล้วปั้นหน้าแบบตูไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น  แม้ภายในใจจะเต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกมาก็ตาม

             "หาคนที่แกคุยด้วยน่ะสิ ฉันได้ยินเสียงผู้หญิงดังออกมาจากห้องแกเมื่อกี้นี้ ไหนๆมันอยู่ไหน"

             "โธ่ ผู้หญิงที่ไหนแม่ ผมเปิดสปีคโฟนคุยโทรศัพท์กับไมโกะ แฟนไอ้มาโมรุต่างหาก"

             เขารีบควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วโชว์ให้ดู  แม่ทำสีหน้าแปลกใจพลางถอนหายใจเบาๆ

             "เออ...อย่าให้จับได้ละกัน หน็อย...ตัวเท่าขี้มดริอาจพาผู้หญิงเข้าห้องนอน"

             แม่พูดพลางเดินจากไป ยาสุทำหน้าเจื่อนแล้วปิดประตูห้องล็อคลงกลอนจนหนาแน่น ก่อนนั่งลงบนเตียงอย่างโล่งอก

              "เกือบไปแล้ว!!"

              เขาพึมพำพลันคิดขึ้นได้ว่ายัยเงือกนั่นยังอยู่ใต้เตียง ยาสุเลิกผ้าคลุมเตียงขึ้น ก้มหน้าลอดหว่างขาลงไปมอง โฮชิโนะขดตัวอยู่กับพื้นแล้วทำปากจู๋หน้าตาเหมือนปลากระโห้มากๆ 

              "นั่นแม่ของเจ้าชายเหรอค่ะ ดูไม่เหมือนกันเลย"

              "อย่ายุ่งกับมาร...เอ๊ย แม่ฉันเลยน่า ว่าแต่เธอจะไม่กลับทะเลจริงๆเหรอ?"

              "ค่า!"

              โฮชิโนะตอบรับด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ ยาสุมองหน้าตาและท่าทางจริงจังของเงือกสาว เห็นแล้วก็ใจอ่อนพิกล จริงๆเขาก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ เพียงแต่ยังทำใจยอมรับเงือกแปลกหน้าไม่ได้ก็เท่านั้น เอาเถอะ....คิดเสียว่าเลี้ยงปลาเพิ่มอีกสักตัว

               "เธออยู่ที่นี่ก็ได้แต่ห้ามปรากฏตัวให้คนในบ้านเห็นเด็ดขาด เข้าใจไหม?"

               "ไชโย! เจ้าชายใจดีจัง โฮชิโนะรักเจ้าชายมากๆเลย"

               โฮชิโนะกอดขายาสุเอาไว้แล้วเอาหน้าถูไถเหมือนแมว

                "พอๆฉันจั๊กจี้" ชายหนุ่มพูดอย่างเหนื่อยใจแล้วทิ้งตัวลงบนที่นอน เขาโยนหมอนให้โฮชิโนะอันหนึ่ง ก่อนจะชี้ไปบนตู้เสื้อผ้า "บนนั้นมีฟูกบางๆ ไปหยิบลงมาปูนอนที่พื้นไป"

                ยาสุเอ่ยอย่างสภาพบุรุษ...ตรงไหนเหรอ? โฮชิโนะกระดี๊กระด๊าปูที่นอนแล้วเอาหมอนมาหนุนนอนเหมือนเด็กๆ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปปิดไฟ เขายังไม่ง่วงแต่ก็อยากจะพักสายตาสักครู่ พลางตะแคงหันหลังให้หญิงสาวแปลกหน้า

    ...................

             ห้องทั้งห้องตกอยู่ท่ามกลางความเงียบ แต่เพียงชั่วครู่เท่านั้น ไม่นานเท่าไรเธอก็พูดขึ้นอีกครั้ง

               "เจ้าชายง่วงแล้วหรือคะ? โฮชิโนะยังไม่เห็นง่วงเลย" หญิงสาวเอ่ยถาม ยาสุจึงนึกในใจว่าฉันก็ยังไม่ง่วงแต่ขี้เกียจจะคุยกับเธอต่างหาก

                "งั้นเดี๋ยวโฮชิโนะจะเล่านิทานเรื่องเงือกน้อยกับเจ้าชายให้ฟังนะคะ" เธอเสนอด้วยน้ำเสียงร่าเริงก่อนจะกระโดดมาเกาะขอบเตียง

               "อืม เอาสิ" ยาสุตอบรับพร้อมรอยยิ้ม ดีเหมือนกัน อยากรู้จริงๆว่านิทานเรื่องนี้ของทางเงือกเขาเล่ากันไว้ว่ายังไง...?

               ท่ามกลางแสงจันทร์เต็มดวงที่ส่องผ่านมาทางหน้าต่าง เสียงของเกลียวคลื่นและกลิ่นไอทะเล นางเงือกผู้มาจากท้องทะเลอันไกลโพ้นฮัมเพลงเบาๆให้ชายหนุ่มชาวมนุษย์ที่นอนหันหลังให้เธอได้ฟัง ยาสุลอบอมยิ้มอย่างไร้เหตุผลแต่สายตาก็จับจ้องไปที่ดวงจันทร์กลางฟากฟ้า

               "กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหญิงสาวชาวเงือกซุกซนแอบว่ายขึ้นไปบนผิวน้ำ แต่แล้วเธอก็เข้าไปติดอยู่ในตาข่ายอันน่าสะพรึงกลัว จนกระทั่งมีคนลากเธอขึ้นไปสู่ผิวน้ำเบื้องบน เมื่อเธอเห็นคนที่จับก็พบว่าเป็นมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่ง ส่วนเขาเห็นเธอเข้าก็ตกใจจึงรีบแกะเธอออกจากอวนแล้วปล่อยให้กลับลงน้ำไป

               เงือกสาวจึงได้แอบเฝ้ามองดูเขาหลังจากนั้น เมื่อเขากลับขึ้นบกก็มีคนต้อนรับมากมาย ซึ่งเป็นคนผิวขาวยกขบวนกันมาเป็นจำนวนมาก มีกล้องห้อยคอ แต่งตัวไม่เหมือนมนุษย์ผิวดำแดงที่ช่วยเหลือเธอเลยสักนิด เงือกสาวจึงเชื่อว่าเขาคือเจ้าชายอย่างแน่นอน

               เงือกน้อยดำดิ่งสู่ก้นทะเลบ้านเกิด แล้วร้องห่มร้องไห้เพราะเธอได้หลงรักเขาเข้าเสียแล้ว ความปลาบปลื้มที่มีต่อมนุษย์ผู้ชายผู้ช่วยชีวิตมันท่วมท้นล้นออกมาจากจิตใจจนไม่อาจต้านทานความรู้สึกให้เก็บเอาไว้ได้ ในขณะที่ร้องไห้อยู่นั้นพี่ชายของเธอมาพบเข้าจึงได้ถามไถ่ถึงสาเหตุที่น้องสาวเศร้าโศก เมื่อทราบเรื่องพี่ชายก็บุกขึ้นฝั่งพร้อมบริวารไปจับเจ้าชายผู้นั้นมาให้น้องสาว 

               เมื่อหญิงสาวได้พบกับเขาอีกครั้งก็จัดการหม่ำเจ้าชายเสียจนไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูก และแล้ว...เจ้าชายผู้ใจดีก็อยู่คู่กับเธอภายในกายและภายในใจตลอดมาอย่างมีความสุขชั่วนิรันดร์" โฮชิโนะเล่าจบก็หัวเราะอะฮิๆด้วยความเขินอาย 

               "โรแมนติกจังเลยนะคะเจ้าชาย?"

               "อา...โรแมนติกจริง ๆ ด้วย" ยาสุตอบรับก่อนจะลุกพรึ่บขึ้นจากที่นอนแล้วเตะก้านคอโฮชิโนะจนกระเด็นไปติดกำแพงเสียงดังแอ๊บ!

               "โรแมนติกกับป๊ะป๋าแกสิเว้ยยย!!!" ชายหนุ่มโวยวายอย่างเหลืออด "ไอ้เจ้าชายที่ว่าก็คือชาวประมงเจ้าของอวนนั่นไม่ใช่เหรอ แล้วคนผิวขาวที่มีกล้องอะไรนั่นก็นักท่องเที่ยวไม่ใช่หรือไง!? ที่สำคัญ...ทำไมเงือกถึงได้ลากเจ้าชายลงไปหม่ำล่ะเฟ้ย!!"

               "ฮือๆก็เงือกพันธุ์ฉลามเขาเล่าต่อๆกันมาแบบนี้นี่คะ..." หญิงสาวเอ่ยปากอธิบายที่มาที่ไป ยาสุจึงได้ฤกษ์กุมขมับอีกครั้ง ยัยเงือกที่ลากเจ้าชายชาวประมงลงไปหม่ำเป็นพันธุ์ฉลามนี่เองเหรอ...

    + +

    + +
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×