First love in university - First love in university นิยาย First love in university : Dek-D.com - Writer

    First love in university

    เรื่องราวความรักระหว่างรุ่นน้องที่มีให้รุ่นพี่ในมหาวิทยาลัย

    ผู้เข้าชมรวม

    156

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    156

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักสีเทา
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 ธ.ค. 66 / 14:29 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

       ก่อนอื่นขอแนะนำตัวกันก่อนนะครับ เราชื่อ เอ เราเป็นเด็กที่ค่อนข้างจะติ๊ดนิดๆ หลังจากจบมัธยมศึกษาตอนต้น เราก็ต่อมัธยมปลายในชั้น ม.4 แต่ได้แค่ 1เทอมการศึกษา ด้วยความเบื่อและอะไรหลายๆอย่างจึงออกจากการเรียนและหยุดการเรียนไว้ แล้วไปช่วยที่บ้านทำสวนแทน ที่บ้านเรามีอาชืพทำสวน โดยงานหลักๆก็คือการกรีดยาง และทำสวนทุเรียน อ๋อลืมบอกไปเราเป็นเด็กใต้ อาชืพและงานทางบ้านจึงเป็นการทำสวนยาง ปามน้ำมันและสวนผลไม้ ช่วงเวลาว่างจากการทำงานเราก็เที่ยวตามประสาวัยรุ่นทั่วไป ใช่ชีวิตแบบเรื่อยๆทำสวนเที่ยงเล่น เงินที่ได้มาก็แบ่งเก็บ ใช่จ่ายทั่วไปแล้วก็เที่ยวจนผ่านไปซักพักใหญ่ๆที่อยู่แบบนี้จนรู้สึกเบื่อ ก็เริ่มคิดที่จะเรียนโดนสมัครเข้าเรียน กศน ต่อในชั้นมัธยมปลายในวันเสาร์อาทิตย์ ส่วนวันธรรมดาก็เข้ารับการอบรม ที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ในสาขาวิชาช่างยนต์จบจนก็ออกจากบ้านมาทำงานที่อู่ซ่อมรถโดนมาเช่าบ้านอยู่ไม่ไกลจากอู่ที่ทำงานมากนักใช่เงินที่ได้จากการทำงานอู่ มาเป็นค่าใช่จ่ายต่างค่าบ้านค่าน้ำมันส่วนค่ากินมีบ้างเพราะส่วนใหญ่จะกินที่อู่ซะเป็นส่วนใหญ่ ในระหว่างที่ทำงานก็ยังเรียน กศน ไปด้วยใช่เวลาในการเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายจนจบภายใน 2 ปี หลังจากจบก็สมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยต่อโดยสอบเข้าเรียนในคณมนุษย์ศาสคร์และสังคมศาสตร์ ในสาขาวิชาเอกรัฐประศาสนศาสตร์ และก็สอบติด หลังจากสอบติดก็ลาออกจากอู่ซ่อมรถที่ทำงานอยู่เพื่อเข้าเรียนต่อและนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวชีวิตใหม่

          วันแรกของชีวิตในรั่วมหาวิทยาลัยมันก็คงเหมือนๆกันกับทุกๆที่นั้นคือ การรับน้อง ด้วยความเป็นไวรุ่นและห่างจากการเรียนที่ต้องอยู่ในกฎระเบียบมานาน เลยไม่ค่อยจะสนใจกับกิจกรรมซักเท่าไร ใช่เวลาส่วนใหญ่ไปกับการสำรวจสิ่งใหม่ๆที่ไม่คยเห็นมานานแต่ก็มีเข้าฐานทำกิจกรรมบ้าง แต่ใันก็ผ่านมาได้ด้วยเดียวดี  จนมาถึงการเข้าเรียนวันแรกสิ่งแรกที่ต้องทำคือการที่ต้องแนะนำตัว ส่วนเรื่องชื่อหรอฮึฮึ คนอื่นยังไงไม่รู้แต่สำหรับเราบอกตรงๆว่าจำได้ไม่ถึง 3 คนด้วยซ้ำใช่เวลานานกว่าจำจำชื่อเพื่อนได้ทุกคน ก็เรียนไปทำความรู้จักไปจนจำได้ทุกคนและเริ่มมีการคุยและสนิทกันในเวลาไม่นาน ชีวิตช่วงมหาวิทยาลัยหลายสำหรับเรามันเป็นช่วงทีสนุกและสบายที่สุดเลยก็ว่าได้ถึงแม้ ยังต้องทำงานไปด้วยบ้างเพื่อหาเงินมาใช่จ่ายในสิ่งที่อยากได้ การเรียนทุกวิชาเราจะนั้งโต๊ะหน้าสุด ไม่ใช่เพราะว่าเราเรียนเก่งหรือตั้งใจเรียนมากแต่ เพราะอาจารยืมักจะไม่ถามคนที่นั้งหน้า แต่ถึงถามเราก็จะตอบได้เพราะจะมีสมาธิกับการเรียนมากกว่าการที่นั้งแถวหลังๆ และผลพลอยได้ก็คือเราเรียนรู้และเข้าใจในทุกวิชา ส่วนข้อเสียคือการที่สนิทกับเพื่อนน้อยเพราะไม่มีเวลาที่จะได้คุยกัน ยิ่งเวลาที่เรียนรวมกับห้องอื่นหรือเอกวิชาอื่นเราจะไม่รู้จักใครเลย กลับกันเพื่อนทุกคนกลับรู้จักเรากันหมด ก็แปลกดีที่ทุกคนรู้จักเราแต่เรากลับรู้จักน้อย ส่วนเวลาว่างด้วยความที่เราเที่ยวจนเบื่อและมีเพื่อนน้อยพอหมดคาบต่างคนก้ต่างแยกย้าย เราเลยใช่เวลาช่วงนั้นอยู่ในโลกออนไลน์ซะเป็นส่วนใหญ่ อยู่ในห้องคอมของมหาวิทยาลัยบ้าง หรือหามุมเงียบๆนั้งเล่นโน๊ตบุ๊คบ้าง ส่วนสิ่งที่เล่นนอกจากการหาความรู้เพิ่มเติมด้านวิชาช่าง กับวิชาเรียนก็คงหนีไม่พ้นแอปหาเพื่อนยอดฮิตในเวลานั้น คือ Hi5 msn แล้วก็แอปที่ใช่งานบ่อยและได้เพื่อนมากที่สุดในตอนนั้นคงจะหนีไม่พ้น QQ แอปแพนกวินที่ทุกคนในยุคนั้นต้องรู้จัก เจอคนมากมายคุยบ้างหายบ้างมีทำความรู้จักเจอสนิทกินเที่ยวก็ได้เพื่อนจากในนี้หลายคน ไปเที่ยวกินหมูกระทะ นั้งดื่ม แล้วก็ที่ขาดไม่ได้ก็คงจะเป็นตู้คาราโอเก๊ะตามห้างที่ไปบ่อย จนเ้าเทอมที่ 2 วันนั้นเราก็เล่น QQ ตามปกติแต่ไปสะดุดกับผู้หญิงคนนึงในแอป เราเลยทักไปคุย เริ่มจาการที่เราแนะนำตัวตามปกติเหมือนทุกๆครั้งที่เคยทำ คือทักครับ ชื่ออะไรครับ แล้วเราก็ทิ้งไว้แบบนั้น เพื่อไปเล่นเกมต่อโดยที่ไม่ได้สนใจอะไร เล่นได้แค่แปปเดียวข้อความก็เด้งขึ้นมา ค่ะสวัสดีค่ะ ชื่ออะไรค่ะ เราก็ตอบกลับตามปกติคุยไปแนะนำตัวแชทกันอยู่ซักพักถึงได้รู้ว่า สาวคนนั้นชื่อพี่ติ๋วเป็นสาวที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันพี่เขาเรียนคณะวิทยาการจัดการ เอกบริหารทรัพยากรมนุษย์ เราก็คุยแชทกันอยู่หลายวันก่อนที่จะสนิทและขอเจอกัน วันนั้นเรานั้นกันที่ โรงอาหารของมหาวิทยาลัยหลังพี่เขาเลิกเรียน ตอนเราไปถึงพี่เขาก็นั้งอยู่กับเพื่อนส่วนเราก็เดินอ้อมไปที่มุมตึกดูเชิงก่อนที่จะทักไป ว่าใช่คนที่เราคิดหรือป่าว จริงๆเราเคยแลกรูปเห็นหน้ากันก่อนแล้ว แต่พอเจอตัวจริงเพื่อความแน่ใจจึงทักไปก่อน แล้วก็ใช่จริงๆอย่างที่คิด พี่ติ๋วก็ถามว่ามาหรือยังเราก็บอกมาแล้ว พี่ติ๋วก็ถามต่อว่าแล้วน้องอยู่ตรงไหนเราก็บอกอยู่มุมตึก ซึ่งมุมตึกที่เรายืนอยู่ด้านกหลังของพี่เขาแหละมีระยะห่างพอสมควน พี่ติ๋วก็ว่าอาวมาถึงนานงั้นก็เห็นแล้วซิแล้วทำมัยไม่บอกมาแอบดูนานแล้วละซิ เราก็บอกใช่ ก่อนเขาจะถามว่าแล้วจะเข้ามาหามั้ยจะกลับแล้วนะ เราก็ยืนนิ่งด้วยความเขิน และไม่รู้จะเริ่มยังไงก่อนที่จะรวบรวมความกล้า แล้วเดินเข้าไปหา บอกเลยในรูปที่ว่าสวย เจอตัวจริงนี่นิ่งไปเลย พี่ติ๋วเป็นผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวสวยน่ารักมากเลยแหละ ก่อนเราจะคุยกันสองสามคำด้วยว่าเราเป็นคนที่พูดไม่เก่ง บวกกับความเขินแต่ก็ยังใช่ความกล้าขอเบอร์มือถือ หลังจากนั้นเราก็โทรคุยกันที่การคุยในแชท แล้วก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นทุกวันใช่เวลาไม่นาน เราก็สนิทกันมาก ขนานที่ว่าโทรปลุกในวันที่มีเรียนเช้า ของทุกวัน และก็พัมนาไปจนถึง การที่เราไปรับไปส่งเพราะส่วนใหญ่เราจะเรียนตรงกันน้อยมาก เราเลยมีเวลาในการรับส่งส่วนวันไหนที่มีเรียนพร้อมกันเราก็ไปรับ ใครเลิกก่อนก็จะรออีกฝ่ายนึง เราไปรับไปส่งและโทรหากันทุกวันจนถึงขั้นที่เรียกว่าเช้าโทรแล้วคุยยาวจนไปรับกลับแยกโทรหาคุยกันตลอดเวลาเว้นแค่ตอนเรียนกับตอนอยู่ด้วยกันหรืออาบน้ำกินข้าวแค่นั้นส่วนเวลาอื่นคือโทรคุยกันตลอดหลับคาสายกันทุกคืนโดยใช่วิธีพลัดกันโทรหาคือคนนึงสมัครโทรฟรีกลางวันอีกคนสมัครโทรฟรีกลางคืน เราทั้งสองคนอยู่แบบนี้วนไปทุกวัน จนมาถึงคืนที่เรียกว่าคือพิเศษสำหรับตัวผมเลย นั้นคือคือวันลอยกระทงวันนั้นเรานั้นไปรับพี่ติ๋วในตอนเย็นเพราะต้องมาเข้ากิจกรรมของมหาวิทยาลัยเพื่อลงชื่อ แล้วเราก็ไปตามเวลามาลงชื่อเข้ากิจกรรมเสร็จเราก็ออกมาเพราะเราว่างแผนไว้ว่าเราจะไปเที่ยวที่อื่นต่อ ในระหว่างที่นั้งรถเราก็ พูดบอกพี่ติ๋วไปว่า"พี่รู้หรือป่าวพี่เป็นผู้หญิงคนแรกเลยนะที่ผมพาไปลอยกระทงและออกมาเที่ยวแบบนี้ “ พี่เขาก็ทำหน้าแบบเหมือนเราพูดเลยก่อนเราจะบอกว่าจริง แล้วคืนนั้นเราก็ขับรถเที่ยวกันหลายที่ที่มีการจัดงาน จนเวลาเที่ยงคืน เราก็พาพี่เขาไปส่งที่บ้าน ส่งเสร็จก็เหมือนเดิมครับออกรถไม่ทันถึงปากซอย ก็โทรคุยกันต่อจนถึงบ้านก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำแล้วมาคุยกันต่อแล้วก็   หลับคาสายเหมือนเดิม เช้าอีกวันในขณะที่เราคุยกันพี่เขาก็ถามคำถามนึงขึ้นมากับเรา “มื่อคืนไม่เห็นจับมือพี่เลย” เราก็ไปตามตรงว่าเราไม่กล้า แต่ก็มีความสุขนะที่ได้มีเวลาเที่ยวด้วยกัน หลังจากนั้นผ่านไปหลายอาทิตย์ วันนั้นพี่เขามาบอกว่าเราว่า พี่จะหายไปเดือนนึงรอได้มั้ย ในใจจริงก็ตั้คำถามนะว่าคืออะไรยังไง ไปไหน แต่ไม่ได้ถาม แค่ตอบไว่าได้หลังจากวันนั้นเราก็ติดต่อพี่ติ๋วไม่ได้ วันแล้ววันเล่า โทรหาก็ฝากข้อความ ไปรอที่ที่เคยไปรอรับก็ไม่เจอ เวลานั้นกว่าจะผ่านไปแต่ละวันแต่ละนาทีมันแสนที่จะยาวนานเกินบรรณยาย แต่เราก็รอ จนครบ 1 เดือนเสียงจากมือถือที่เคยเงียบก็ดังขึ้น เบอร์ที่โชว์ขึ้นมาบนหน้าจอ ทำใจเต้นจนต้องรีบรับเสียงปลายสายที่คุ้นเคย นั้นคือเสียงก็พี่ติ่ว ที่กลับมาแล้ววันนั้นเราคุยกันนานกว่าทุกครั้งเรียกว่าคุยกันจนเกือบเช้าเลยก่อนที่จะหลับกันไปตอนไหนก็ไม่รู้ หลังจากพี่เขากลับมาก็ดูจะเหมือนเดิมเป็นสิ่งเดิมๆที่ทำเหมือนเคยๆไปรับไปส่งโทรหากัน แต่สิ่งที่ค่อยๆแปลกไปคือเวลาที่ดูเหมือนจะค่อยๆน้อยลงการไปรับส่งที่ไม่ค่อยได้ไปรับส่งเหมือนก่อน แล้วหลังจากนั้นทุกๆครั้งที่พี่เขากลับบ้านที่ต่างอำเภอเราก็จะติดต่อไม่ได้ และพี่ติ๋วก็กลับบ่อยกว่าแต่ก่อนการคุยน้ำเสียสีหน้าที่ไม่เหมือนเดิมเหมือนมีอะไรที่ อยากบอกแต่ไม่รู้จะบอกยังไง สุดท้ายเราก็ถามไปตรงๆด้วยความเป็นห่วงที่ดูแปลกๆไป ก่อนพี่เขาจะเงียบไปแล้วตอบกลับมาว่า ที่จริงพี่มีแฟนอยู่แล้วที่บอกว่าหายไป 1 เดือนตอนนั้นที่ให้รอคือพี่กลับไปจัดงานหมั้น ดูแบบบ้านแล้วก็เตรียมเรื่องของงานแต่งงาน เรายอมรับเลยตอนนั้นว่าเราอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปพักนึง ก่อนจะมีคำพูดที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมา พี่เขาบอกต่อว่า ตอนแรกคิดแค่ว่าคุยเล่นไม่ได้คิดจริงจังอะไรแต่พอคุยแล้วกลับรักกันแต่เรามาเจอกันช้าไป ตอนนั้นสิ่งที่ทำได้คือการที่ยืนนิ่งเฉยๆไม่ได้พูดอะไรแค่พยายามยิ้มแล้วพยักหน้าเบาๆ แล้วก็แยกย้าย หลังจากนั้นเราก็คุยกันน้อยลงจนเราเองที่ต้องเป็นฝ่ายรอให้พี่เขาโทรมาหานานๆถึงจะได้คุยกันแต่ก็แค่แปปเดียวไม่นานเหมือนก่อน ส่วนเราก็ยังคงเหมือนเดิมพยายามตามหาเพื่อจะได้เห็นหน้าแต่ก็ไม่ได้เจอ จนครั้งสุดท้ายที่เราได้คุยกันเราผ่านและเห็นพี่ติ๋วนั้งอยู่ที่ซุ้มในมหาวิทยาลัย ก่อนที่เราจะไปวนรถกลับมาพี่ติ๋วก็ไม่อยู่แล้ว เราโทรหาก็มีแต่ฝากข้อความหลังจากวันนั้นพี่ติ๋วก็โทรมา เราก็ถามว่าขอเจอกันได้มั้ยทำมัยต้องหลบกัน พี่เขาตอบกลับมาว่าแบบนี้แหละดีแล้ว ก่อนจะหายไปแล้วหลังจากนั้นเราก็ได้รับสายที่พี่ติ๋วโทรมาอีกแค่ครั้งสองครั้งก่อนที่จะหายไปพร้อมกับคำถามที่ยังคาใจเรามากมายที่อยากจะถาม แต่ยังคงไม่ได้ถามไม่ได้ร่ำลา จากนั้นไม่นานเราก็ออกจากมหาลัยเพื่อไปเข้ารับราชการทหารที่ความหลังและรอยแผลที่บาดลึกอยู่ในใจจากรักครั้งนั้นในมหาวิทยาลัย  แต่ตอนนี้ก็รู้ว่ามันคงลืมช่วงเวลาดีๆนั้นไม่ได้  จากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ผ่านมา 14 ปีแต่ทุกอย่างไม่เคยจางหายไปเลยยังอยากรู้ว่าที่บอกมาจริงหรือป่าวแล้วตอนนี้สบายดีมั้ย ทำอะไรอยู่ และคำถามอีกมากมาย 

             สุดท้ายอยากบอกว่ารักและคิดถึงพี่ติ๋วเสมอนะแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยัคงมีความรู้สึกเหมือนเดิมแค่สถานะจะเปลี่ยนไปนานแล้วก็ตาม

         แด่ความรักที่ที่ไม่สมหวังและทุกคนที่รอคอยการกลับมาของอีกคน

     A love that will never by forgotten from my heart

                                                                                 เรื่องโดย เงามายากับเวลาที่หมุนวน      

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×