How
to escape from the room?!
นัยน์ตาสีถ่านข้างสวยค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆหากแต่ต้องเผลอหรี่ตาลงเพราะแสงสีขาวโพลนที่อาบย้อมอยู่เบื้องหน้า
เมื่อปรับสายตาเพ่งมองดูดีๆจึงพบว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าคือฟ้าเพดานสีขาวสะอาดที่เขาไม่คุ้นตาที่มาพร้อมกับกำแพงทึบสีเดียวกัน
“......รู้สึกตัวแล้วหรอคาคาชิ?”
เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นอยู่ข้างกายเขา
เมื่อมองไปก็พบเข้ากับเส้นผมสีทองกระจ่างตัดกับสีสันอันขาวโพลนภายในห้องพร้อมกับรอยยิ้มอันอ่อนโยนที่แสนคุ้นเคย
”อาจารย์มินาโตะ....?”
เขาหันไปสบสายตากับอาจารย์ของเขาอย่างมึนงง
ก่อนหันมองไปรอบๆห้องอีกครั้งหนึ่ง สถานที่ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้คือห้องขนาดไม่กว้างมากที่ถูกย้อมไปด้วยสีขาวโพลนตั้งแต่ฟ้าเพดานไปจนถึงพื้นห้อง
เมื่อมองดูเผินๆก็เหมือนกับห้องธรรมดาๆห้องหนึ่งหากแต่ที่สิ่งผิดปกตินั้นคือบนกำแพงสีขาวสะอาดทั้งสี่ด้านไม่มีทั้งบานประตูหรือกระทั่งหน้าต่าง
เป็นเพียงห้องปิดทึบที่ราวกับถูกขังอยู่ในกล่องกระดาษสีขาว...
“ที่นี่คือที่ไหนกันครับ?”
เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงแววไม่ไว้ใจเมื่อสัญชาตญาณฟ้องว่าพวกเขาได้เข้ามาติดอยู่ในที่แปลกๆเข้าเสียแล้ว
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันพอตื่นขึ้นมาก็อยู่ในห้องนี้กับคาคาชินี่แหล่ะ”
เจ้าของน้ำเสียงทุ้มตรงหน้าเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อน
ขณะที่เขาที่ตอนนี้ลืมตาตื่นอย่างเต็มที่แล้วเริ่มลุกขึ้นเดินสำรวจไปรอบๆห้อง
“ห้องนี้มันยังไงกันแน่ครับ...?”
“อืม ก็อย่างที่เห็นนั่นแหล่ะ ไม่มีประตู ไม่มีหน้าต่าง ส่วนกำแพงนั่นฉันลองใช้กระสุนวงจักรพังดูแล้วก็ไม่ได้ผลเลยซักนิด”
คำอธิบายแบบไม่ทุกข์ไม่ร้อนนั่นทำให้เขาต้องรีบหันกลับมามองอาจารย์เพียงคนเดียวของเขาอีกครั้ง
ขนาดกระสุนวงจักรของอาจารย์มินาโตะยังทำอะไรกำแพงนี่ไม่ได้ก็แปลว่าสถานการณ์ของพวกเขาท่าจะแย่สุดๆแล้วไม่ใช่รึไง??
“แล้วแบบนี้จะทำยังไงกันดีล่ะครับ?!”
“อืม...ดูเหมือนว่าจะมีทางเลือกเดียวตามนั้นล่ะนะ....”
คำว่า ‘ตามนั้น’ ที่ว่าของอาจารย์หมายถึงแผ่นป้ายเล็กๆสีขาวที่แปะอยู่บนกำแพงฝั่งที่เขาไม่ทันสังเกต
เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงรีบเข้าไปอ่านข้อความบนแผ่นป้ายนั้นในทันที
【คนที่อายุน้อยกว่าต้องเป็นฝ่ายจูบคนที่อายุมากกว่าถึงจะออกจากห้องได้♡】
หา......?!
เขาเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนกำลังอ่าน ปลายนิ้วเรียวที่ชี้ไปทางแผ่นป้ายยังคงชะงักค้างอยู่กลางอากาศขณะที่หันกลับไปมอง
‘คนอายุมากกว่า’
อย่างขอความเห็น หากแต่เมื่อหันกลับไปก็พบเข้ากับรอยยิ้มเจื่อนพร้อมใบหน้าหล่อเหลาที่พยักหน้าให้เขาเบาๆราวกับจะบอกว่า
‘ก็ตามที่เธอเห็นนั่นแหล่ะ’
“เดี๊ยวสิครับ?! นี่มันแปลกเกินไปแล้วไม่ใช่รึไง?”
เสียงโวยวายที่หาได้ยากจากเขาดังขึ้นประท้วงสถานการณ์สุดประหลาดตรงหน้าโดยหวังว่าอาจารย์เพียงคนเดียวของเขาจะคิดเหมือนกันหากแต่สิ่งที่เขาได้รับมีเพียงเสียงถอนหายใจเบาๆพร้อมกับน้ำเสียงทุ้มที่เริ่มเอ่ยอธิบาย
“อืม ก็อย่างที่บอกว่าฉันลองมาหลายวิธีแล้ว คงเหลือวิธีนี้เป็นวิธีสุดท้ายแล้วล่ะ
ฉันถึงได้รอให้คาคาชิตื่นขึ้นมาไง”
“....”
แม้จะรู้ว่าการห้ามแสดงความรู้สึกจะเป็นส่วนหนึ่งของคนที่เรียกตัวเองว่านินจาหากแต่ในตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้นอาจารย์ของเขาก็ยังคงเอ่ยต่อไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ยังไงก็มีแต่ต้องลองดูใช่มั้ยล่ะ? เธอก็เห็นว่าในนี้เป็นห้องปิดทึบไม่มีกระทั่งหน้าต่างจะมีอากาศให้อยู่ได้นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้”
“อีกอย่าง....คนที่มีตำแหน่งเป็นถึงโฮคาเงะอย่างฉันจู่ๆเกิดหายตัวไปแบบนี้ทั้งหมู่บ้านคงจะต้องวุ่นวายแน่ๆ”
“อึก....”
เขาที่จนต่อคำพูดเพราะไม่อาจเถียงเหตุผลที่คนตรงหน้ายกมาได้จึงได้แต่ก้มหน้านิ่งอย่างอับจนหนทาง
“แต่ก็เอาเถอะ....ถ้ามันทำให้เธอลำบากใจล่ะก็เราค่อยๆมานั่งคิดหาทางอื่นดูก็ได้นะ”
รอยยิ้มอันอ่อนโยนของอาจารย์ถูกส่งมาให้เขาอีกครั้งราวกับจะปลอบใจ หากแต่เขารู้อยู่แก่ใจว่าถ้าหากคนที่เป็นเสาหลักของหมู่บ้านอย่างอาจารย์เกิดหายตัวไปทั้งหมู่บ้านจะต้องเดือดร้อนแค่ไหน
เมื่อคิดถึงตรงนี้คำตอบของเขาจึงมีเพียงแค่....
“....ผมจะทำครับ”
“หือ?”
“ผม...จะทำครับอาจารย์”
เขาเอ่ยย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิมขณะที่นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างจ้องมองมาด้วยแววตาประหลาดใจเล็กน้อยก่อนริมฝีปากอิ่มนั้นจะคลี่รอยยิ้มกว้าง
“อื้ม ถ้างั้นก็....”
ประโยคที่ถูกละไว้ถูกเติมเต็มด้วยท่าทีของคนตรงหน้าเมื่ออาจารย์ของเขาย่อตัวลงมาจนอยู่ในระดับสายตาก่อนใบหน้าอันหล่อเหลานั้นจะเคลื่อนเข้ามาใกล้
‘หวา...’
เขาชะงักค้างไปชั่วครู่เมื่อรับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นรัวอยู่ในอก
ก่อนปลายนิ้วที่เย็นเฉียบของเขาจะค่อยๆดึงเอาผ้าปิดปากสีเข้มของตนออกเผยให้เห็นใบหน้าน่ารักที่แต่งแต้มด้วยไฝเล็กๆตรงมุมปาก
“อาจารย์.....”
“หืม?”
เขาเอ่ยขึ้นด้วยความประหม่าขณะที่ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้คนตรงหน้าที่จ้องมองมาด้วยนัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างที่ราวกับจะทำให้เลือดในร่างของเขาสูบฉีดเร็วขึ้น
“หลับตา....ก่อนสิครับ....”
“อึก...”
ทันทีที่เขาพูดจบร่างของอาจารย์มินาโตะก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้นพร้อมยกฝ่ามือขึ้นมากุมเอาไว้ที่อกด้านซ้ายราวกับกำลังเจ็บปวด
“อาจารย์?! เป็นไรรึเปล่าครับ?”
เขารีบก้มลงไปดูอาจารย์ด้วยความเป็นห่วงหากแต่มีเพียงรอยยิ้มเขินๆของคนตรงหน้าตอบกลับมา
“ฮะๆ ไม่เป็นไรหรอก แค่รู้สึกเหมือนโดนคาคาชิดาเมจใส่น่ะ”
“ครับ?”
“อื้ม งั้นฉันหลับตาล่ะนะ”
น้ำเสียงทุ้มเอ่ยราวกับจะตัดบทประโยคที่เขาไม่เข้าใจนั่นก่อนนัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างจะค่อยๆหลับลงเผยให้เห็นแพขนตาสีทองที่ทอดตัวลงบนผิวบ่มแดดที่ชวนให้หลงใหล
เขาพยายามข่มเสียงหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นรัวเกินไปขณะค่อยๆโน้มตัวเข้าหาใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้อยู่ใกล้เสียยิ่งกว่าใกล้....
จุ๊บ...
เขาหลับตาแน่นขณะประทับริมฝีปากลงบนแก้มของคนตรงหน้าก่อนจะถอยห่างออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อรับรู้ได้ถึงความร้อนบนใบหน้าที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มอย่างปิดไม่มิด
ในใจของเขาได้แต่ภาวนาว่าเท่านี้ก็จะได้ออกจากห้องบ้าๆนี่ซักที หากแต่...สิ่งที่อยู่รอบกายเขากลับมีเพียงแค่ความเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นรัวอยู่อย่างเด่นชัด....
‘เอ๋.....ทำไมไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลยล่ะ!?’
เขาที่มองไปรอบๆอย่างแตกตื่นเมื่อไม่เห็นวี่แววว่าพวกเขาจะได้ออกจากห้องตามที่ป้ายนั่นเขียนเอาไว้
หากแต่สายตาที่สอดส่องไปรอบๆก็ต้องชะงักลงเมื่อสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงเรียบที่ดูจริงจังจากคนตรงหน้า
“คาคาชิคุง....”
“ครับ?”
“แบบนั้นน่ะเค้าไม่เรียกว่าจูบหรอกนะ”
“เอ๊ะ...?”
เขาชะงักค้างกับคำพูดของอาจารย์ด้วยความไม่เข้าใจ แต่ยังไม่ทันไรใบหน้าของเขาก็ถูกย้อมไปด้วยสีแดงซ่านอีกครั้งเมื่อนิ้วเรียวของอาจารย์มินาโตะชี้ไปที่ริมฝีปากอิ่มของตัวเอง
“ถ้าจูบล่ะก็มันต้องตรงนี้สิ”
“หา...เดี๊ยวสิครับ?!”
“อื้ม มาลองกันอีกรอบนะ”
“แต่ว่า...”
เขาพยายามคิดหาคำบ่ายเบี่ยงแต่สมองที่ตื้อไปหมดทำให้ไม่มีแม้แต่ถ้อยคำใดๆเล็ดลอดออกมา
“อืม...ถ้าลองนับเวลาที่ฉันหายตัวไปป่านนี้พวกหน่วยลับคงจะเริ่มวุ่นวายกันแล้วล่ะนะ”
“อึก....”
คำกล่าวลอยๆแบบจงใจของคนตรงหน้าทำให้เขาต้องหันกลับไปเผชิญกับใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้ นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างนั่นค่อยๆหลับลงอีกครั้งขณะเฝ้ารอให้เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้ เขาได้แต่พยายามข่มเสียงหัวใจที่เริ่มกลับมาเต้นรัวจนน่ารำคาญเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ก่อนค่อยๆขยับเข้าใกล้ใบหน้านั้นที่ละนิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของคนตรงหน้า......
เมื่อรู้ตัวอีกทีริมฝีปากของเขาก็ค่อยๆประทับลงบนริมฝีปากอิ่มนั้นอย่างแผ่วเบา.... หากแต่สัมผัสที่แสนแผ่วเบานั้นกลับทำให้สมองของเขาว่างเปล่าราวกับเป็นสีขาวโพลน ทั้งเสียงหัวใจที่น่ารำคาญและใบหน้าที่ร้อนผ่าว ทุกการรับรู้ในร่างของเขาราวกับจะเลือนหายไปเหลือเพียงแค่สัมผัสที่นุ่มและอบอุ่นจากริมฝีปากของคนตรงหน้า......
ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววิหากแต่เหมือนกับแสนยาวนานนั้นสิ้นสุดลงยามที่เขาเป็นฝ่ายผละออก
ขณะที่สายตาของเขากวาดมองไปรอบห้องอย่างมีความหวังหากแต่ต้องพบกับความเงียบงันในห้องที่ปิดทึบเช่นเดิม....
‘นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?!’
เขาแทบปล่อยโฮในใจเมื่อพบว่าทุกสิ่งรอบกายนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ไหนล่ะทางออก?! โกหกใช่มั้ย?! ทั้งๆที่เขาจูบกับอาจารย์ไปแล้วไปแล้วแท้ๆ?! ทั้งๆที่ทำเรื่องน่าอายขนาดนั้นไปแล้วแท้ๆ?!
“อืม...ถึงเขียนเอาไว้ว่าต้องจูบถึงจะออกจากห้องได้แต่ก็ไม่ได้บอกว่าต้องจูบถึงขั้นไหนสินะ”
เสียงโอดครวญในใจของเขาถูกแทนที่ด้วยน้ำเสียงเรียบๆที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับคิ้วเรียวที่ขมวดมุ่นอย่างใช้ความคิดก่อนริมฝีปากอิ่มนั่นจะคลี่รอยยิ้มอ่อนโยนที่ดูไม่น่าไว้ใจส่งให้กับเขา
“ดีล่ะ คาคาชิมาลองกันอีกรอบเถอะ!”
“หา? เดี๊ยวสิ?! เมื่อกี้ก็จูบไปแล้วนี่ครับ?? ก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นเลยไม่ใช่หรอครับ?!”
เขาโวยสิ่งที่อยู่ในใจออกไปรวดเดียวจนหมด จนเขาคิดว่าบางทีนี่อาจจะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาพยายามเถียงอาจารย์มินาโตะอย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนี้ก็ได้ หากแต่ท่าทีร้อนรนนั้นของเขาก็ต้องสงบลงเมื่อสัมผัสของฝ่ามืออุ่นถูกวางลงบนบ่าของเขาพร้อมกับนัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างที่จ้องมองมาอย่างอ่อนโยน.....
“คาคาชิ.....เชื่อใจฉันมั้ย?”
“.....”
เขาเพียงแค่ตอบกลับด้วยความเงียบเพราะเขารู้ดีว่าคงไม่จำเป็นจะต้องตอบคำถามที่คนตรงหน้าเองก็รู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว....
อาจารย์.......
คุณน่ะ........ขี้โกง...........
เขาค่อยๆโน้มตัวเข้าหาอีกฝ่ายก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปอีกครั้งในแบบที่เนิ่นนานกว่าเดิม
สัมผัสอุ่นจากริมฝีปากของอาจารย์ยังคงทำให้ใบหน้าของเขารู้สึกร้อนผ่าวจนต้องหลับตาแน่น
แต่ในขณะที่เขากำลังจะเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกนั้นเองฝ่ามืออุ่นของอาจารย์มินาโตะก็กดศีรษะของเขาลงไปทำให้ริมฝีปากของเขาบดเบียดเข้ากับเรียวปากนั้นยิ่งกว่าเดิม
และก่อนที่เขาจะได้ทันรู้ตัวปลายลิ้นร้อนของอาจารย์ก็ไล้สัมผัสลงบนริมฝีปากของเขา...
“?!....”
ในตอนที่เขาเผลอชะงักด้วยความตกใจก็กลายเป็นโอกาสให้ปลายลิ้นนั้นรุกล้ำเข้ามา
สัมผัสร้อนคว้านไซร้ไปทั่วก่อนจะหยุดหยอกล้อเข้ากับปลายลิ้นของเขา ความรู้สึกของปลายลิ้นที่เชื่อมโยงกันส่งเอาความรู้สึกที่เหมือนกับกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านไปทั่วร่างจนแทบไร้เรี่ยวแรง เมื่อรู้ตัวอีกทีเขาก็เผลอขยุ้มเสื้อคลุมของอีกฝ่ายจนยับย่นเพื่อที่จะพยุงตัวเองไม่ให้ทรุดลงไป
“อ่ะ...ฮ่าห์......”
เสียงแปลกๆถูกส่งออกไปจากลำคอของเขาเมื่อริมฝีปากอิ่มนั้นละออกชั่วครู่ก่อนจะปรับองศาให้ปลายลิ้นนั้นคว้านไซร้เข้ามาได้ลึกยิ่งขึ้นจนเกิดเป็นเสียงน่าอายจากของเหลวที่ผสมปนเปกันดังสะท้อนไปทั่ว
ในตอนนั้นเองที่หูของเขารับรู้ได้ถึงเสียงอื้ออึงบางอย่างราวกับเสียงของประตูเหล็กหนักๆที่กำลังเคลื่อนตัว
หากแต่สมองของเขาที่หลุดลอยไปกับสัมผัสที่อยู่ตรงหน้ากลับไม่สามารถแยกแยะเสียงนั้นได้....
“อืม....ดูเหมือนว่าประตูจะเปิดแล้วล่ะนะคาคาชิ”
นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างจับจ้องไปที่ช่องว่างที่เคลื่อนตัวเปิดออกด้วยท่าทางดีใจหากแต่ไร้เสียงตอบรับจากเขาที่กำลังหมดแรงอยู่ในอ้อมกอดของคนตรงหน้า....
“....คาคาชิ?”
น้ำเสียงของอาจารย์มินาโตะนั้นฟังดูเหมือนไกลออกไปเมื่อการรับรู้ของเขาหลอมละลายไปพร้อมกับสัมผัสก่อนหน้า
เสียงหอบหายใจหนักๆดังขึ้นอย่างเป็นจังหวะเมื่อร่างกายประท้วงว่าต้องการอากาศ ก่อนที่เขาจะหันไปสบมองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาปรือปรอยพร้อมกับใบหน้าที่ยังคงแดงระเรื่อ
“อื้อ...อา...จารย์....เมื่อกี้....ว่าอะไรหรอครับ?”
นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างที่จับจ้องมาที่เขาเบิกออกกว้างเพียงชั่วครู่ราวกับประหลาดใจก่อนริมฝีปากนั้นจะคลี่รอยยิ้มอันแสนเจิดจ้าที่ทำให้เขารู้สึกได้ถึงสังหรณ์แปลกๆ....
“เปล่าหรอก....ดูเหมือนว่าจะต้องลองอีกรอบน่ะ”
“หา?! เดี๊ยวสิครับอาจา......อื้อ.....!”
..........................................
......
- OMAKE -
มินาโตะ(อายุ37) x คาคาชิ (อายุ28)
นัยน์ตาสีถ่านข้างสวยกวาดมองไปรอบๆด้วยสายตาเบื่อหน่ายพร้อมถอนหายใจออกมาเงียบๆเมื่อภาพที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขาคือห้องสีขาวโพลนไร้ประตูและหน้าต่างที่มาพร้อมกับแผ่นโน้ตเล็กๆที่แปะอยู่
ณ มุมหนึ่งของห้องเหมือนกับที่พวกเขาเคยเจอมาก่อนเมื่อครั้งหนึ่งในอดีต...
“ฮ่ะๆ ดูเหมือนว่าเราจะกลับมาที่นี่อีกแล้วสินะ...”
น้ำเสียงทุ้มของคนที่เป็นอาจารย์เพียงคนเดียวของเขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆขณะที่เขาตอบรับอย่างขอไปทีด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
“ครับ...ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้นแหล่ะ”
“อืม....เอายังไงดีล่ะคาคาชิ?”
น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างขอความเห็นขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูห่างไกลจากคนวัยเฉียดเลขสี่นั้นจะหันมองไปรอบห้องโล่งๆราวกับว่ามีสิ่งที่น่าสนใจ
เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ
“งั้นก็รีบทำให้จบๆไปสิครับ....หลังจากนี้คุณต้องเข้าประชุมกับท่านไดเมียวอีกไม่ใช่หรอ?”
“นั่นสินะ....”
ริมฝีปากอิ่มนั้นคลี่รอยยิ้มบางขณะเป็นฝ่ายรอให้เขาเข้าไปหา เขาดึงเอาผ้าปิดปากสีเข้มของตนออกก่อนจะบดเบียดริมฝีปากเข้ากับเรียวปากอิ่มนั้นอย่างไม่รีรอ
ปลายลิ้นทั้งสองที่เกี่ยวกระหวัดกันอย่างคุ้นเคยก่อให้เกิดเสียงของของเหลวดังสะท้อนไปในห้องที่ว่างเปล่าขณะที่เขาค่อยๆยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอของคนอายุมากกว่าเช่นเดียวกับที่อ้อมแขนนั้นเลื่อนมาโอบกระชับเอวของเขา
“อืม....”
เขาส่งเสียงในลำคอออกมาอย่างพอใจเมื่อปลายลิ้นร้อนของอีกฝ่ายหยอกล้อเข้ากับปลายลิ้นของเขาขณะที่เขาแกล้งหยอกกัดที่ริมฝีปากล่างนั่นอย่างซุกซน หยาดน้ำใสราวกับเส้นด้ายเล็กๆเชื่อมโยงอยู่บนริมฝีปากของพวกเขายามละสัมผัสออกจากกันเพียงชั่วครู่เพื่อปรับเปลี่ยนองศา ก่อนที่จะประทับลงไปอย่างดูดดื่มอีกครั้ง....และอีกครั้ง....
“ฮ่าห์....ผมว่า...แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วมั้ง....”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบขณะปาดเช็ดหยาดน้ำใสตรงมุมปากยามที่ริมฝีปากละจากกัน
หากแต่ถ้อยคำของเขาก็ถูกเอ่ยขัดด้วยเจ้าของน้ำเสียงทุ้มตรงหน้า
“อื้ม...แต่ว่านะคาคาชิ”
“ครับ?”
“ประตูยังไม่เปิดเลยล่ะ....”
หา?.........
เขากวาดสายตามองไปรอบๆห้องอีกครั้งก่อนพบว่ายังไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้น เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงรีบพุ่งเข้าไปหาแผ่นป้ายเล็กๆที่แปะอยู่ตรงมุมห้องในทันที
【คนที่อายุน้อยกว่าจะต้อง *ปี๊บ* กับคนที่มีอายุมากกว่าถึงจะออกจากห้องได้♡】
“......”
เขารู้สึกหมดคำพูดในทันทีเมื่อแทบไม่ต้องเสียเวลาเดาความหมายของเสียง *ปี๊บ* ที่ถูกเซนเซอร์เอาไว้นั่น.......
“อื้ม? อย่างนี้เองสินะ
ฉันก็คิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมรอบนี้ถึงมีฟูกมาให้ด้วย”
เจ้าของเรือนผมสีทองที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เอ่ยขึ้นอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนในขณะที่นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างจับจ้องไปยังฟูกสีขาวที่ถูกปูเอาไว้อย่างเรียบร้อยตรงมุมหนึ่งของห้อง
“อาจารย์......ถอยไปก่อนครับ เดี๊ยวผมจะใช้คามุยกับกำแพงนี่เอง”
น้ำเสียงของเขาเอ่ยขึ้นอย่างเย็นเยียบขณะที่กระบังหน้าผากที่ใช้แอบซ่อนนัยน์ตาข้างซ้ายถูกเปิดออกเผยให้เห็นเนตรวงแหวนที่วาววับไปด้วยจิตสังหาร
“ไม่ได้หรอกนะคาคาชิ คามุยน่ะเป็นคาถาที่สิ้นเปลืองจักระ
หลังจากนี้เธอต้องไปคุ้มกันฉันในที่ประชุมไม่ใช่หรอ? ถ้าจักระไม่พอขึ้นมาจะลำบากเอานะ?”
แม้ว่าน้ำเสียงที่อ่อนโยนนั้นจะแฝงไปด้วยแววเป็นห่วงหากแต่คนที่อยู่กับอาจารย์มานานอย่างเขาย่อมรู้ดีถึงจุดประสงค์ที่แอบแฝงอยู่ในคำพูดนั่น....
“นี่ถือเป็นข้ออ้างหรอครับ....?”
“อืม...ยังไงก็ยังพอมีเวลาก่อนจะเข้าประชุมไม่ใช่หรอ?”
รอยยิ้มบางถูกส่งมาให้ก่อนฝ่ามือที่อยู่ไม่สุขนั่นจะเคลื่อนมาสวมกอดเอวเขาเอาไว้หลวมๆพร้อมกับริมฝีปากอิ่มที่พรมจูบไปตามปอยผมสีเงิน
“เฮ้อ....ช่วยไม่ได้นะครับ....”
เขาแสร้งถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายพลางยกแขนขึ้นโอบรอบคอของคนตรงหน้าก่อนริมฝีปากที่ยั่วเย้านั้นจะเอ่ยกระซิบถ้อยคำที่ทำให้อีกฝ่ายเผยรอยยิ้มกว้าง....
“ถ้างั้นก็.....รีบๆถอดเสื้อคลุมนั่นออกซะสิครับ?”
..................................
.......
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇
let's talk!
เข็นเรือบาปมาส่งอีกจนได้ค่ะ (ฮ่า) สำหรับเรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นฟิคสนองนีทความรู้สึกโมเอะคาคาชิคุง ver.เดเระก็ว่าได้ เพราะคาแรคเตอร์ของน้องวัยกระเตาะเวลาอยู่กับมินาโตะมันช่างต่างกับคาคาชิคนคูลในปัจจุบันจนน่าเอ็นดูว์~ พอดีกับที่จู่ๆนึกถึงพล็อตฟิคที่ฮิตในญี่ปุ่นช่วงนึงประมาณว่า [ทั้งสองคนจะออกจากห้องได้ก็ต่อเมื่อ...] แล้วนึกได้ว่ายังไม่เคยมีคนแต่งของคู่นี้เลยนี่นา~ ก็เลยจัดการซะเลย! (กำหมัด) ถ้ายังไงก็ขอบคุณสำหรับคนที่เข้ามาอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ เอาไว้เจอกันในฟิครั่วเรื่องหน้าอีกน้า! (*´ω`)ノ
ฟินจนจิกหมอนขาดดดด~>w<
นรกว่างไหมคะเขยิบหน่อย ขออยู่ด้วยคน แง น่ารัก
กระโดดขึ้นเรือบาปอย่างงดงามค่ะ อ่ยยยยย คาคาชิวัยเตาะแตะนี่แบบดาเมจรุนแรงมากค่ะ! ตายค่ะเราตาย แต่พร้อมจะฟื้นมาอ่าน from the end. นะคะขุ่นพี่--- #สถานีต่อไปคือนรก(?)
ถึงจะเอาNCลงเด็กดีไม่ได้ แต่จะรับเอาไว้พิจารณานะคะ ;D
จิตใจข้าบาปเหลือเกินน หลุดออกจากเรือบาปนี้ไปไม่ด้ายยยยยย
/meเดินไปจูงมือคุณOmi-chanให้มาแจวเรือบาปด้วยกัน
เอาไว้เรื่องต่อไปจะเปิดวาร์ปให้นะค---
อยากจะกรีดร้องดังๆ มันแบบๆโซแดมฮอตมากกก โดนพาร์ทผู้ใหญ่คิล ส่วนพาร์ทเด็กนี่เราภาวนาให้ท่านมินาโตะไม่โดนจับเข้าคุกค่ะ 555555
เอ....ถ้าเป็นถึงโฮคาเงะก็อาจจะรอดคุกก็ได้นะค---
/ยื่นผ้าเช็ดหน้าส่งให้คุณArashi no Hime
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ค่ะ<3
จะพยายามแต่งมาอีกแน่นอนค่ะ!
{2(&6%("-@(%%/')'>[~>3[+_3<3[11##%=
//กรีดร้องไม่เป็นภาษา อ้ากกกกก
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ~