ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทสี่_เหนือฟ้ายังมีฟ้า
บทสาม
“เหนือฟ้าย่อมมีฟ้า เหนือกระดาษย่อมมีซาลาเปา”
“เหนือฟ้าย่อมมีฟ้า เหนือกระดาษย่อมมีซาลาเปา”
บนทางเดินกระเบื้องสีอิฐ จ๊อดที่เปลี่ยนกางเกงเสร็จแล้วกับเพลิงกำลังมุ่งตรงไปยังหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัยที่อยู่เบื้องหน้า ผนังสีขาวล้วนตัดกับประตูไม้สีน้ำตาลดำทำให้หอประชุมดูดีทีเดียว หลังคาทำเป็นรูปทรงไทยมีลายประดับฝีมือปราณีตคาดว่าคงเป็นฝีมือของช่างชั้นเซียน ถัดลงมาข้างล่างเล็กน้อยมีรูปหมูชูคบเพลิงซึ่งเป็นตราสัญญาลักษณ์ของมหาวิทยาลัยติดอยู่อย่างน่ารัก ตลอดแนวทางเดินที่ตรงไปยังหอประชุมก็สวยงามไม่แพ้กัน ต้นไม้หลากชนิดถูกตัดแต่งเป็นพุ่มอย่างสวยงามริมทางโดยมีฉากเป็นต้นไม้ต้นใหญ่ปลูกเรียงรายดูร่มรื่น ความงามของสถานที่ทำให้จ๊อดที่เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกถึงกับเดินมองซ้ายทีขวาทีมองดูสิ่งสวยงามรอบตัว ตรงกันข้ามเพลิงไม่ได้สนใจอะไรเขายังเดินล้วงกระเป๋าทำหน้าเข้มเข้ากับแว่นกันแดดมาตลอดทางจนกระทั่งถึงหอประชุม
บรรยาการทั่วไปในงานปฐมนิเทศครึกครื้นปนวุ่นวายเหมือนงานปฐมนิเทศทั่วไปนักศึกษาใหม่ดีด๊าดีใจที่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยสุดอลังการงานสร้างแห่งนี้ แสงไฟสี่ส้มอ่อนดูสลั่วก่อนเริ่มงาน เก้าอี้สีม่วงจัดเรียงเป็นแถวหน้าเวที แท่นปราศรัยตราหมู่ชูคบเพลิง ทุกอย่างเป็นไปตามที่เพลิงคาดการ เขาถอดแว่นกันแดดออกแล้วกวาดสายตาอันคมกริบดุจพญาอินทรีไปรอบๆเพื่อหาสิ่งที่พอจะทำให้เขาสนใจได้ แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเลยที่เขาเตะตา ในทางกลับกันตอนนี้เขากลายเป็นเป้าสายตาของสาวๆในงานไปซะแล้ว
“เห้อ
น่าเบื่ออย่างที่คิด จริงๆด้วย ฉันจะกลับล่ะ” หลังจากที่หันซ้ายแลขวาไม่เจออะไรอยู่พักหนึ่งเพลิงก็พูดออกมาด้วยความเบื่อเขาหันควับแล้วเดินสวนทิศกลับไปยังจุดที่เขาเคยผ่านมา
“กลับไม่ได้นะเฟ้ย!” จ๊อดพูดพร้อมกับเอามือทั้งสองคว้าเสื้อของเพลิงไว้อย่างทันควัน“ไม่รู้รึไง ถ้าไม่เข้าปฐมนิเทศจะถูกตัดคะแนนความประพฤติตั้งร้อยคะแนน”
“ชั่งมัน
ทำข้อสอบเต็มเดี๋ยวก็ได้เกียรตินิยมอยู่ดี และอีกอย่างฉันรู้มาว่าไอ้คะแนนความประพฤติของที่นี่มันมีถึงหลักล้าน
แค่ร้อยคะแนน ชั่งหัวมันปะไร”เพลิงทำหน้าเซง คะแนนไม่มีผลต่อการกระทำเพราะเหตุผลหลักที่เขาเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยก็แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศเท่านั้น ใช่ คุณพ่อจอมบงการก็เป็นอีกเหตุผล
“จริงดิ
? เอ้ย! ไม่ได้ ถึงมันจะเป็นหลักร้อยล้านหรือพันล้านฉันก็ให้แกไปไหนไม่ได้อยู่ดี”
จ๊อดดึงสุดแรงแต่สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้เพียงแค่โดนเพลิงเดินลากไปเท่านั้นเหมือนผู้ใหญ่กำลังเล่นกับเด็ก เขาโดนลากอยู่นานจนมาถึงด้านหลังหอประชุม แล้วในขณะนั้นเองร่างของเพลิงก็สะดุ้งเฮือกเหมือนคนตกใจเมื่อได้สัมผัสกับความรู้สึกอันเย็นจะเยือกที่พุ่งตรงมาที่เขา
“เอะ!
”
หน้าหล่อๆเริ่มเปลี่ยนสี เหงื่อหยดออกมาเป็นเม็ดๆอย่างเห็นได้ชัด ร่างสูงใหญ่ของเขาหยุดชะงั้กทันที เขาพยายามกวาดสายตาอันคมกริบของเขาไปรอบๆแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด
“ไม่ดึงต่ออ่ะตัวเอง เค้ากำลังหนุกเลย
” จ๊อดเอ่ยความด้วยความสงสัย หน้าตาของเขาเหมือนคนที่กำลังเมามันส์กับอะไรบางอย่างแล้วโดนขัดจังหวะ
“เงียบไปไอ้ติ๊งต๊อง
ฉันกำลังใช้สมาธิ” เพลิงทำหน้าเครียด
“เป็นไรป่ะนิ” จ๊อดชะโงกหน้ามาถามเพลิงที่อยู่ด้านหน้าด้วยความเป็นห่วง
“ฉันเจออะไรบางอย่าง
ไม่สิบางคนที่เหมือนกับฉัน ไม่! เขาเหนือกว่าฉัน” สีหน้าเพลิงตอนนี้เหมือนคนเพิ่งเจอผี จ๊อดที่ไม่เคยเห็นเพลิงตกใจมาก่อนในชีวิตกำลังครุ่นคิดว่าอะไรกันที่ทำให้เพลิงผู้เก่งกาจหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้
“ฉันว่าแกกลับก่อนก็ได้นะรู้สึกว่าแกจะไม่สบาย ดูสิตัวร้อนเชียวขนาดเสื้อยังร้อนเลย” จ๊อดที่ดึงเสื้อของเพลิงอยู่รู้สึกได้ว่าสถานการณ์เริ่มไม่ปกติ “โอ้ย!” แล้วอยู่ดีๆจ๊อดก็ร้องอย่างตกใจเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวก เขารีบถอนมือพองๆของเขาออกจากชายเสื้อของเพลิงทันทีก่อนที่จะถอยออกห่างจากเพลิงเหมือนรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เพลิงยังยืนหันหลังสงบนิ่งอยู่ตรงหน้าเขา แต่รอบๆตัวเพลิงกลับปรากฏไอร้อนเหมือนกับปากหม้อต้มน้ำร้อนที่น้ำกำลังเดือด “จะ
ใจเย็นเพลิง ฉะ
ฉันว่าเรากลับกันเถอะ มะ..ไม่เอาก็ได้แค่ร้อยคะแนนเอง” จ๊อดรู้อะไรบางอย่าง ความสามารถของเพลิงมีรึที่เพื่อนสนิทอย่างจ๊อดจะไม่รู้
“เรากลับไปเอาร้อยคะแนนกันเถอะ” เพลิงพูดพร้อมกับลดระดับพลังลงแล้วรีบพุ่งตัวกลับไปที่หอประชุมอย่างรวดเร็ว
“ได้สิพวก เหอะๆ
” จ๊อดพูดและยิ้มฝืดๆอย่างโล่งใจอยู่คนเดียว
ที่หอประชุมเพลิงเดินเข้ามาในพิธีที่กำลังจะเริ่ม บนเวทีมีพิธีกรสองคนกล่าวทักทายนักศึกษาใหม่อยู่ก่อนแล้ว เพลิงมานั่งรอจ๊อดตรงเก้าอี้ที่เป็นรหัสของเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นส่วนจ๊อดก็วิ่งลิ้นห้อยตามมา พอมาถึงประตูเขาก็เอามือยันไว้เพื่อพักเหนื่อยและมองเข้ามาที่เก้าอี้ของเพลิง เมื่อเขาเห็นเพลิงเขาก็โล่งใจขึ้น จ๊อดค่อยๆเดินเข้ามาในงานและนั่งที่เก้าอี้ของตนซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเพลิงนัก ไม่นานที่เก้าอี้ตัวข้างๆเพลิงก็ปรากฎร่างนักศึกษาสาวหน้าตาหน้ารักคนหนึ่ง
“ขอโทษนะคะเก้าอี้ตัวนี้รหัส๗๗๖ใช่ไหมคะ” เธอพูดพร้อมกับชี้ไปที่เก้าอี้ที่อยู่ข้างๆเพลิง
“ใช่
” เพลิงตอบสั้นๆ เขาไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่นิดเดียวเพราะตอนนี้ในใจเขากำลังร้อนระอุยิ่งกว่าภูเขาไฟซะอีก
“เราชื่อพลอยนะ แล้วเธอชื่ออะไรหรอ
” เสียงเล็กๆถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากเรียวงามสีแดงสด
“
” เพลิงนั่งเงียบเหมือนไม่ได้ยินที่พลอยพูด
“โธ่!
คิดว่าฉันพูดด้วยก่อนแล้วทำเป็นหยิ่งเรอะ เชอะ!” เมื่อไร้การตอบรับเธอก็ค้อนให้เพลิงและหันหน้ากลับมานั่งเชิดใส่ซะดื้อๆ
ตอนนี้บนเวทีพีธีการได้ดำเนินมาถึงขั้นตอนที่อธิการบดีต้องกล่าวปฐมนิเทศในขณะนั้นเองอธิการบดีตัวอ้วนกลมตัวเตี้ยผิวขาวหน้าตาเหมือนแปะยิ้มกำลังเดินขึ้นมากล่าวทักทายบนแท่นปราศรัย แต่ดูเหมือนแท่นจะสูงเกินไปท่านอธิการฯจึงจำเป็นต้องใช้เก้าอี้เป็นอุปกรณ์เสริม
“แปะยิ้ม” เพลิงพูดขึ้นทันทีที่เห็นหน้าของอธิการฯคำพูดนี้โดนใจใครหลายๆคนจนคนในระแวกนั้นต่างพากันหัวเราะ
“อะแฮ่ม
ช่วยเงียบๆหน่อยทุกคน แล้วผมก็ชื่อ ‘วิษณุ โคตรรักเรียน’ ไม่ใช่แปะยิ้มที่ไหน โปรดเข้าใจตรงกันด้วย” เหมือนจะไร้ผลทุกคนยังคงเห็นแกเป็นแปะยิ้มต่อไป
(เรอะ
นึกว่าต่อไปจะเชิดสิงโตให้ดูซะอีก) เพลิงคิดในใจ
“วันนี้ผมในฐานะอธิการบดีของที่นี่ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่
(แล้วก็ร่ายยาว)”
งานในหอประชุมดำเนินไปอย่างปกติจนมาถึงพักเที่ยง นักศึกษาใหม่ต่างพากันทยอยออกจากหอประชุมเพื่อพักรับประทานอาหาร เพลิงเดินหน้านิ่งออกมาจากงานเนื่องจากเขาหาในสิ่งที่เป็นต้นเหตุของพลังอันเยือกเย็นนั้นไม่พบในตอนนี้เพลิงได้เพียงแต่ปลอบใจตัวเองว่ามันไม่มีจริง
งานในหอประชุมดำเนินไปอย่างปกติจนมาถึงพักเที่ยง นักศึกษาใหม่ต่างพากันทยอยออกจากหอประชุมเพื่อพักรับประทานอาหาร เพลิงเดินหน้านิ่งออกมาจากงานเนื่องจากเขาหาในสิ่งที่เป็นต้นเหตุของพลังอันเยือกเย็นนั้นไม่พบในตอนนี้เพลิงได้เพียงแต่ปลอบใจตัวเองว่ามันไม่มีจริง
“เย้เห้!...พวกเป็นอะไรอ่ะเปล่า” จ๊อดกระโดดกอดคอเพลิงจากด้านหลัง
“ไม่มีอะไร
ฉันอยากให้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ” เขาพูดอย่างเย็นชาใบหน้าของเขายังคงแสดงอาการเคร่งเครียดอยู่
“แกกำลังคิดว่ามีคนที่เหมือนแกอยู่ใช่ไหม?” จ๊อดมองอาการของเพลิงออก ดูเหมือนว่าการอ่านคนจะเป็นพรสวรรค์ของจ๊อด
“ไม่ว่าจะเป็นคนหรืออะไรก็ชั่งแต่ถ้ามันมีอยู่จริงฉันคนนี้จะแสดงให้เห็นว่าฉันเหนือกว่ามัน” เพลิงตีหน้าเข้มกำหมัดขึ้นมาจ้องอย่างมุ่งมั่น ส่วนจ๊อดในตอนนี้ได้แต่มองหน้าเพลิงด้วยความเป็นห่วงเท่านั้น
“เห้ย อย่ามาทำเป็นเก๊กหน่อยเล้ย
เออ แล้วผู้หญิงที่นั่งข้างแกใครวะน่ารักดีนี่หว่า”จ๊อดพยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อจะทำให้บรรยากาศดีขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
“ใคร?... ไม่เห็นรู้เลยว่ามีคนข้างๆ” เสียงตอบกลับเป็นเพียงเสียงเรียบๆไร้ความใส่ใจ เขาพูดเหมือนไม่มีใครนั่งกับเขาจริงๆ
“เออๆก็ได้วะ ไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่าหิวแล้ว”เขากระโดดลงจากหลังเพลิงแล้วเดินนำหน้าไป
ที่โรงอาหาร ตรงโต๊ะสีขาวริมหน้าต่างเพลิงนั่งลงอย่างใจลอย โต๊ะผิวเลื่อมสะท้อนเงาของเขาในอิริยาบทฉงนสนเท่ห์ซึ่งเมื่อกลับขึ้นไปมองตัวจริงก็อยู่ในท่าที่ไม่ต่างกัน เพลิงเอามือเท้าคางพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง ท่าทีแบบนี้ดูจะไม่เหมาะกับคนที่มีนิสัยเชื่อมั่นแบบเพลิงเอาเสียเลย เมื่อความสงสัยสุดจะกลั้นจ๊อดจึงถามออกไป “เพลิง นายเป็นอะไรรึเปล่า ฉันเห็นท่าทางนายแปลกๆตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว อ้อ ไม่สบายแน่ๆมามะเดี๋ยวฉันวัดไข้ให้ เอตัวร้อนอ่ะเปล่าน้า” จ๊อดยื่นมือไปทาบหน้าผากเพลิง เขาปัดมือจ๊อดออกแล้วชายตามามองด้วยความหงุดหงิด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่พูดอะไร
“งั้นเดี๋ยวฉันไปซื้อข้าวให้นะ เอาอะไรเปล่า” จ๊อดพูดเสียงอ่อย เขารออยู่นานแต่เพลิงก็ไม่ปริปาก แต่พอเขาตัดสินใจจะลุกไปเพลิงก็ดันขว้ามือเขาเอาไว้ “ไม่ต้องฉันไปซื้อเอง กระเพาหมูไข่ดาวใช่ไหม” เพลิงถามแต่ไม่รอฟังคำตอบเขาลุกเดินจากไปเพราะไม่อยากอยู่เฉยๆ ส่วนจ๊อดเมื่อเห็นว่าเพลิงเริ่มพูดได้แล้วเขาก็เบาใจขึ้น เพื่อนอย่างเขาไม่ขออะไรมากไปกว่าเห็นเพื่อนสบายดี
แต่ทว่า ในขณะที่เพลิงกำลังเดินไปรอคิวอยู่นั่นเอง ความรู้สึกเดิมก็ปรากฎแก่เขาอีกครั้ง คราวนี้เข้มข้นและรุนแรงกว่าเดิมมาก เขาสงบสติอารมณ์อยู่สักพักก่อนที่จะพุ่งตามคลื่นพลังนั้นไปเพราะเพิ่งทราบแหล่งกำเนิด ร่างสมส่วนพุ่งออกไปราวกับลูกกระสุน การดีดตัวอย่างรุนแรงทำให้พื้นที่เท้าเขายันลงไปเกิดเป็นหลุมขนาดย่อมๆ พื้นปูนซีเมนแข็งพิเศษยุบลงไปในคราเดียวเศษเล็กเศษน้อยลอยอยู่เหนือพื้นก่อนตกลง สิ่งเหล่านี้สร้างความตกใจให้กับนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นเป็นอย่างมาก พวกเขายืนตะลึงตาค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทางด้านจ๊อดเมื่อเห็นว่าเพลิงรีบร้อนจนคุมอารมณ์ไม่อยู่เขาก็ร้อนใจและรีบวิ่งตามไปทันที
“ฉันไม่ยอมให้แกหนีได้เป็นหนที่สองหรอก” เขาพูดกับตนเองพร้อมกับวิ่งตามคลื่นนั้นไปอย่างสุดกำลัง จนกระทั่งเขาเริ่มเห็นร่างๆหนึ่งซึ่งพยายามวิ่งหนีเขาเช่นกัน ตอนนี้ทั้งคู่มีความเร็วมากกว่ารถในสนามแข่งเสียอีก ฝีเท้าเบาที่วิ่งนำกระโดดข้ามโต๊ะไต่ผนังอย่างคล่องแคล่วขัดกับฝีเท้าหนักที่ตามมา เพราะมันทำลายทุกอย่างที่ขว้างทาง การไล่ล่าเป็นไปอย่างดุเดือด ข้าวของพังเสียหายตลอดทางที่เพลิงวิ่งผ่าน หายนะถูกลากยาวไปจนถึงท้านมอ ข้างๆโรงเก็บของ กำแพงสีอิฐที่ตั้งตระง่านอยู่เบื้องหน้าทำให้เพลิงยิ้มออก
(คราวนี้แกไม่รอดแน่) เพลิงคิดในใจ
แต่สิ่งที่เพลิงเห็นกลับทำให้เขาแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง บุรุษนิรนามสามารถวิ่งทะลุกำแพงไปอย่างอัศจรรย์ เพลิงที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงต้องเบรกกระทันหันทำให้พื้นที่เท้าเขายันนั้นเกิดไฟลุกและดินถูกขุดลากเป็นทางยาวจนเกือบชนกำแพง ในตอนนี้ตัวเพลิงหยุดแล้ว หน้าของเขาอยู่ห่างจากกำแพงเพียงไม่กี่เซนติเมตร
“ตามมาทำไม” เสียงดังออกมาจากอีกฟากของกำแพงและคาดว่าอีกฝ่ายคงอยู่ห่างจากกำแพงเพียงไม่กี่เซนฯเช่นเดียวกับเพลิง
“แกล่ะหนีฉันทำไม ถ้าแกไม่หนีฉันก็ไม่ตามถามโง่ๆ
ฉันก็แค่อยากรู้ว่าแกเป็นใครทำไมถึงได้สะกดรอยตามฉันมา”เพลิงยังเก็บอาการอยู่ เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขากำลังตกใจกับเรื่องเมื่อครู่
“ตกใจเหรอ”บุรุษนิรนามไม่เพียงไม่ตอบเขายังถามคำถามกลับ เสียงเย็นชากับคำพูดชวนขนลุกทำให้เพลิงถึงกับผงะ “หึหึ
ฉันชื่อนทียินดีที่ได้รู้จัก ฉันหนีก็เพราะฉันรู้ดีว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งกับหมาที่ยังบ้าอยู่ มันจบไม่สวยหรอกนะถ้าฉันเดินออกไปให้นายฟัดเล่นตอนนี้” เมื่อเห็นทีท่าของเพลิง ชายนิรนามจึงเฉลยข้อกังขาให้หายสงสัย
“จบไม่สวยยังไงล่ะเพื่อน ชักอยากรู้แล้วสิ” พอเริ่มตั้งสติได้เพลิงก็พูดเชิงเสียดสีใส่เพื่อนใหม่ของเขาทันที
“ฉันก็จะอัดนายให้จมดิน!... มันไม่เป็นผลดีหรอกนะถ้านายต้องเสียความมั่นใจไป” เสียงนี้เปล่งออกมาพร้อมกับความมั่นใจ ดูท่าอีกฝ่ายคงจะไม่ธรรมดา
“เพื่อนใหม่ฉันนิปากดีใช่เล่นเลยนะ แน่จริงออกมาชัดกันสักตั้งจะเป็นไร”เพลิงเริ่มคันไม้คันมือ ตั้งแต่เกิดมาเขาก็เพิ่งเจอคนที่เหมาะสมเป็นคู่ต่อสู้ก็วันนี้
ขณะนั้นเองฟ้าที่สดใสกลับเริ่มมืด ฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะตกกลับเริ่มลงเม็ดทำให้เพลิงซึ่งมีธาตุเป็นไฟไม่สามารถเปล่งพลังได้อย่างเต็มที่ และแน่นอนการที่ฝนตกในช่วงนี้ไม่ใช่เหตุบังเอิญ “หือ
” เพลิงเริ่มรู้สึกไม่ดี ในใจของเขาคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติเพราะโรเบิร์ตไม่เคยพยากรณ์อากาศพลาด
“คงเลี่ยงไม่ได้สินะ”
เข้าสู่โหมดการต่อสู้!
Ready
Fight!
Fight!
นทีผู้กล้าผ่ากำแพง
|
ความเร็วแสงผ่านตัวเพลิงไปอีกหน
|
เพลิงตะลึง โอ้ นทีมิใช่คน
|
รีบกลับตนตามไปชกในทันที
|
เล็งท้ายทอยเอาไว้เป็นมั่นเหมาะ
|
จะสงเคราะห์ให้ตายกลายเป็นผี
|
เสร็จข้าแน่คราวนี้เจ้านที
|
จบเกมส์นี้โดยไวดีกว่าเรา
|
นทีเอ่ยวาจาว่าเพื่อนเอ้ย
|
ไฉยเลยเจ้าจึงเป็นเพียงคนขลาดเขลา
|
คนที่ตายหาได้จะเป็นเรา
|
พูดแล้วเอาท่านี้ข้าไปกิน
|
ตลบกลับพลิกตัวกลางอากาศ
|
มือหนึ่งวาดลากเพลิงไปยังก้อนหิน
|
อีกมือหนึ่งจับหัวกดกระแทกดิน
|
เป็นอันสิ้นเกมส์แล้วดั่งวาจา
|
ตูม! .
เปรี้ยง! ครื้น .
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นพร้อมกับเสียงระเบิดเหมือนจงใจจะกลบเกลื่อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ที่หอประชุมตอนนี้ผู้คนเริ่มกลับเข้าไปเตรียมตัวปฐมนิเทศในภาคบ่ายต่อ พลอยก็เช่นกันแต่ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปนั้นเธอกลับชะเงื้อมองหาชายหนุ่มที่เย่อหยิ่งในตอนเช้าของเธอ เมื่อไม่เห็นเธอจึงถอนหายใจเบาๆและเดินเข้าไปในงาน
ทางด้านจ๊อดที่ตอนนี้วิ่งตามหาเพลิงอยู่เมื่อได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวนั้น ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนจึงรีบวิ่งเร็วขึ้นอีกผ่าสายฝนที่กระหน่ำลงมาแบบไม่คิดชีวิต จนมาถึงโรงเก็บของท้ายมอ ที่นั่นเขาได้เห็นเพื่อนของเขากับชายคนหนึ่งอยู่ที่ก้นหลุมขนาดใหญ่ เมื่อควันจากการระเบิดจางลงเพราะฝน ทำให้เขาเห็นภาพชายคนนั้นชัดเจนขึ้น นทีเป็นคนผิวสีแทน นัยน์ตาน้ำเงินเข้มดูแล้วชวนหลงไหลรับกับคิวมังกร ผมสั้นตรงสีดำเงา รูปร่างหน้าตาคมชัดไปทุกส่วน แต่ถึงนทีจะดูดีกว่านี้อีกร้อยเท่าก็ไม่ทำให้จ๊อดยืนตะลึงได้เท่ากับภาพของเพื่อนเขาที่นอนเอาหน้าครึ่งหนึ่งจมอยู่ในดิน โชคดีที่เพลิงเบี่ยงหน้าหลบทันหน้าเลยไม่กระแทกลงไปบนพื้นตรงๆแต่ถึงเป็นแบบนั้นหน้าซีกขวาของเพลิงก็ได้หายไปอยู่ในพื้นดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนหน้าอีกซีกที่โผล่มาให้เห็นตอนนี้ยังคงแน่นิ่งเหมือนกับอาการของคนช๊อกไม่มีผิด ม่านตาของเขาเปิดกว้างตาดำมองตรงไม่ไหวติง ที่แก้มของเขาปรากฎสายน้ำตาสายเล็กๆที่เอิอล้นออกมาจากดวงตาปะปนกับหยดน้ำฝนไหลหยดลงบนพื้น เพลิงคงสะเทือนใจอย่างมากและไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าคนที่หยิ่งยโสอย่างตนจะมาแพ้อย่างหมดรูปที่นี่ แต่คนที่สะเทือนใจยิ่งกว่าดูเหมือนจะเป็นจ๊อดที่มองเห็นสุดยอดฮีโร่และเพื่อนรักของเขาต้องมาอยู่ในสารรูปที่ทุเรศลูกตาเช่นนี้ เขารีบวิ่งลงมาที่ก้นหลุมนั่งทรุดตัวลงประคองเพลิงมากอดเอาไว้
“เพลิง อย่าเป็นอะไรนะ ฮือๆ ฉันสัญญา ฉันจะนั่งรถกับแกทุกวัน จะไม่พูดไม่บ่น ฮือๆๆ ขอแค่แกอย่าเพิ่งเป็นอะไรฉันยอมทุกอย่าง ทำใจดีๆไว้นะเดี๋ยวฉันจะพาไปหาหมอ”จ๊อดพูดไปร้องไห้ไปน้ำมูกน้ำตาไหลเต็มไปหมด
“อย่าเลยเสียแรงเปล่า เพลิงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แค่นี้เอาชีวิตเขาไม่ได้หรอก”นทีพูดด้วยสีหน้าอันนิ่งพร้อมทอดสายตาอันทรงเสน่ห์มามองจ๊อดที่อยู่เบื้องล่าง
“แล้วแกเป็นใคร ไอ้คนใจร้าย ฮือๆ มาทำเพลิงทำไม ไอ้คนเลว
ฉันจะฆ่าแก”จ๊อดหน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งกลัวปากบอกจะฆ่าเขาแต่ตัวเองกลับสั่นงกๆ
“ตราบใดที่ความกลัวยังเหนือกว่าโทสะ นายชกฉันไม่ได้หรอกนะ
อย่าได้กังวลไปฉันเป็นมิตรและฉันก็หวังดี”
นทีพูดอย่างใจเย็น
นทีพูดอย่างใจเย็น
พอนทีพูดจบจ๊อดก็ลุกขึ้นเงื้อหมัดจะทำร้ายนที แต่เมื่อจ๊อดได้สบตากับนทีก็เกิดความรู้สึกอันประหลาดอย่าว่าแต่ทำร้ายเลยแค่อาการโกรธก็พลอยหายไปดั่งต้องมนตร์สะกด ตอนนี้จ๊อดอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกสงสารก็สงสารเพื่อนจะแก้แค้นก็ทำไม่ได้ไม่รู้จะทำเช่นไร เมื่อไม่มีทางออกสิ่งที่เพื่อนอย่างจ๊อดพอจะทำให้เพลิงได้มีเพียงแค่ทรุดตัวลงนั่งกอดเพลิงต่อไปท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาเหมือนกับจะร้องไห้ให้กับมิตรภาพของพวกเขา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น