คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : X-MEN Origins : Wolverine (เรื่องนี้ชอบมาก)
เรื่องนี้ชอบมากจริงๆ ติดตามมาตั้งแต่การ์ตูน จนมาเป็นหนัง แล้วก็เกมส์
X–เม็น : กำเนิดวูล์ฟเวอรีน (20th Century Fox)
กำหนดฉาย : 29 เมษายน 2009
นำแสดง : ฮิวจ์ แจ๊คแมน, ลีฟ ไชรเบอร์, ไรอัน เรย์โนลด์, ดาเนียล เฮนนี
กำกับ : เกวิน ฮู้ด
อำนวยการ : ลอเร็น ชูเลอร์ ดอนเนอร์
เว็บไซต์ทางการภาพยนตร์ (ไทย)
ภาพยนตร์เรื่อง X-MEN Origins : Wolverine หรือ X–เม็น : กำเนิดวูล์ฟเวอรีน เป็นปฐมบทของอภิมหาตำนาน X–เม็น เป็นการรวมตัวกันระหว่าง วูล์ฟเวอรีน (Wolverine) กับเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ชื่อดังในโลกของ X–เม็น อีกหลายๆ คน ในมหากาพย์บทสำคัญที่กลุ่มอิทธิพลพลังมหาศาลริอาจคิดทำลายมนุษย์กลายพันธุ์ทุกผู้ทุกนามให้สูญพันธุ์
ฮิวจ์ แจ๊คแมน (Hugh Jackman) กลับมารับบทที่ส่งให้เขาเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก บทนักสู้ยิบตาที่มีพลังรักษาตัวเองอย่างน่าทึ่ง, กรงเล็บอาดาแมนเทียมสุดแข็งแกร่ง, และความแค้นคับอกที่พร้อมจะระเบิดเป็นพลังเข้าห่ำหั่นศัตรูชนิดบ้าดีเดือด
ภาพยนตร์เรื่อง X-MEN Origins : Wolverine หรือ X–เม็น : กำเนิดวูล์ฟเวอรีน ยังคงรักษากรอบประเพณีที่สืบเนื่องต่อกันมาจากภาคก่อนของตำนาน X–เม็น ด้วยการคงสมดุลระหว่างความน่าตื่นตาตื่นใจของเรื่องราวเข้ากับภาพที่ดูสม จริง ในขณะเดียกวันก็เสริมความลึกซึ้งเข้าถึงอารมณ์อันหลากหลาย และยังล้วงลึกถึงความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งหมดด้วย
ภาพยนตร์ เรื่อง X-MEN Origins : Wolverine หรือ X–เม็น : กำเนิดวูล์ฟเวอรีน ยังเปิดมนุษย์กลายพันธุ์ที่ผู้ชมเฝ้าตั้งตาคอยจะได้เห็นบนจอภาพยนตร์กัน เต็มๆ หลายคนด้วย ทั้ง Team X กองกำลังพิเศษที่รวบรวมเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์เข้าไว้ด้วยกัน อันประกอบด้วย วูล์ฟเวอรีน (Wolverine), พี่ชายของเขาที่ชื่อ วิคเตอร์ ครี้ด (Victor Creed) หรือที่รู้จักกันในนามเซเบอร์ทู้ธ (Sabretooth) เจ้าของพละกำลังมหาศาลที่ยังหาใครมากำราบให้เชื่องไม่ได้, เว้ด วิลสัน (Wade Wilson) ที่ต่อมารู้จักกันในนาม เดดพูล (Deadpool) มือปืนรับจ้างสุดไฮเทคที่เชี่ยวชาญการใช้ดาบเป็นอาวุธชนิดหาใครเปรียบไม่ได้ , สายลับหมายเลขศูนย์ (Agent Zero) นักแม่นปืนฝีมือฉกาจและเป็นผู้เชี่ยวชาญการสืบหาติดตามเป้าหมายที่ยอมรับกัน ว่า เก่งกว่ามือวางอันดับหนึ่ง, เรธ (Wraith) ผู้มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายสสารจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง (teleporter) ได้อย่างน่าทึ่ง, เฟร็ด เจ ดุ๊ค (Fred J. Dukes) หรือเดอะ บล๊อบ (The Blob) เมือกตัวมหึมาสุดแข็งแกร่งและน่าขยะแขยงสุดๆ, และแบร้ดลี่ (Bradley) มนุษย์กลายพันธุ์ที่สามารถควบคุมพลังไฟฟ้าได้อยู่หมัด
ผู้นำกองกำลังพิเศษหน่วยนี้ก็คือ วิลเลี่ยม สไตร้คเกอร์ (William Stryker) ที่เคยปรากฎตัวมาให้ผู้ชมได้รู้จักกันแล้วใน X2 หรือ X–เม็น 2 แต่ในภาคนี้ผู้ชมจะได้รู้จักที่มาที่ไปนับตั้งแต่กำเนิด ตลอดจนแรงบันดาลใจที่ทำให้เขามุ่งมั่นขนาดนี้อย่างถึงแก่น รวม ถึงความสัมพันธ์อันสลับซับซ้อนของเขากับวูล์ฟเวอรีน (Wolverine) ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ความผูกพันที่มีต่ออดีตของโลแกน และน่าจะทำนายอนาคตให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย
ภาพยนตร์เรื่อง X-MEN Origins : Wolverine หรือ X–เม็น : กำเนิดวูล์ฟเวอรีน ยังตีแผ่ความสัมพันธ์สุดลึกซึ้งระหว่างโลแกนกับ เคย์ล่า วิลเวอร์ฟ๊อกซ์ (Kayla Silverfox) ที่จบลงด้วยโศกนาฏกรรมสุดสลด ชะตากรรมของเคย์ล่าเป็นแรงกระตุ้นให้โลแกนตัดสินใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ Weapon X ซึ่งเป็นการทดลองลับสุดยอดของกองทัพที่มีมูลค่ามหาศาลนับเป็นพันล้านเหรียญ ซึ่งมีวูล์ฟเวอรีนและเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์อีกหลายๆ คนเป็นกลจักรสำคัญ รวมทั้ง แกมบิท (Gambit) หรือหนุ่มน้อยสก๊อต ซัมเมอร์ (Scott Summers) ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามไซครอป (Cyclops), เอ็มม่า ฟรอสต์ (Emma Frost) มนุษย์กลายพันธุ์สาวสวย, และเดดพูล (Deadpool) ซึ่งท้ายที่สุดแล้ววูล์ฟเวอรีนต้องมาดวลกันตัวต่อตัวด้วย
ในขณะที่ภาพยนตร์เรื่อง X–เม็น ภาคก่อนๆ จะเกิดขึ้นในอนาคตแต่ไม่ไกลจากปัจจุบันเท่าไหร่นัก แต่เหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่อง X-MEN ORIGINS: WOLVERINE หรือ X–เม็น: กำเนิดวูล์ฟเวอรีน ซึ่งเป็นปฐมบทของอภิมหาตำนาน X–เม็น เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในทุกๆ ภาค แต่ก็ไม่ได้ถอยย้อนอดีตไปไกลมากนัก น่าจะอยู่แค่ราวทศวรรษ 1970 แต่ก็มีบางช่วงเหมือนกันที่ถอยย้อนกลับไปราวๆ 150 ปี ซึ่งช่วยส่งให้ภาคล่าสุดน่าตื่นตาตื่นใจทั้งในแง่ของความอลังการและความมุ่ง มั่นที่จะผลักดันใน X–เม็น น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
"เราพยายามจะสร้างภาคนี้ให้เกินความคาดหวังของทุกๆ คนให้ได้" ฮิวจ์ แจ๊คแมน (Hugh Jackman) ดารานำแสดงและผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ฟันธง "เราไม่ได้อยากสร้างแค่หนังดี กันสักเรื่องนะ แต่เราอยากให้ผลงานที่ออกมาเหนือชั้นกว่าในทุกๆ ด้านเลยล่ะ"
เพื่อสร้างภาพยนตร์เรื่อง X-MEN ORIGINS: WOLVERINE หรือ X–เม็น: กำเนิดวูล์ฟเวอรีน ให้ออกมาได้สมดังความตั้งใจขนาดนั้นย่อมต้องถมทั้งฉากแอ็คชั่น และการผจญภัยเข้าไปชนิดไม่ปล่อยให้ผู้ชมได้พักหายใจหายคอกันเลยทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็สอดแทรกความขัดแย้งทางอารมณ์ที่ลึกซึ้ง และสุดแสนจะสลับซับซ้อนอันเป็นเครื่องหมายทางการค้าของภาพยนตร์ X–เม็น ทุกภาคไปเสียแล้วด้วย
"เห็นกันชัดๆ อยู่แล้วว่าหนังเรื่องนี้จะต้องเต็มไปด้วยภาพที่ตื่นตาตื่นใจ ฉากแอ็คชั่นที่น่าทึ่ง และโดนใจสุดๆ" เก วิน ฮูด (Gavin Hood) ผู้กำกับภาพยนตร์เจ้าของรางวัลออสการ์ (Academy Award®) สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม (Best foreign language film) จาก Tsotsi เสี้ยวบุญของคนบาป เมื่อปี 2005 กล่าว "แต่ เรื่องราวและตัวละครก็ต้องน่าเชื่อถือด้วยไง เพราะประเด็นหลักของภาคนี้ก็ยังคงอยู่ที่เรื่องราวของคนซึ่งไม่พอใจกับสภาพ ที่ตนเองเป็นอยู่ คนที่พยายามสู้กับตัวตนที่แท้จริงของเขาเอง นั่นทำให้เขาเป็นคนที่น่าสนใจและน่าล้วงลึกน่าค้นหาไม่น้อยเลยล่ะ ยิ่งได้เข้าไปสัมผัสสมรภูมิสู้กับกำพืดของเขาเอง ก็ยิ่งทำให้หนังภาคนี้น่าตื่นเต้น และน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ภาคนี้เป็นมากกว่าแค่หนังแอ็คชั่นที่ดูสนุกสนานเป็นทุน เดิมอยู่แล้วไง"
แจ๊คแมนเชื่อมั่นว่า ฮูด เหมาะที่จะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง X-MEN ORIGINS: WOLVERINE หรือ X–เม็น: กำเนิดวูล์ฟเวอรีน ที่สุดหลังจากดู Tsotsi เสี้ยวบุญของคนบาป ภาพยนตร์ทุนสร้างต่ำของฮูด ซึ่งเป็นผลงานดราม่าสุดสะเทือนใจที่อาศัยเมืองโยฮันเนสเบิร์ก (Johannesburg) เป็นฉากหลัง และแนะนำให้ผู้ชมรู้จักกับอาชญากรวัยรุ่นชีวิตสุดรันทด ที่ชีวิตของเขาพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อเกิดความรู้สึกผูกพันอย่าง ลึกซึ้งกับทารกน้อยที่มีคนนำมาทิ้งไว้บนเบาะหลังรถของเขา
"ตัวละครใน Tsotsi เสี้ยวบุญของคนบาป ก็ต่อสู้กับตัวตนที่แท้จริงของเขาเองอย่างสาหัสเหมือนกันกับ วูล์ฟเวอรีน (Wolverine) ไง" แจ๊คแมนเล่า "ผมประทับใจกับบทบาทชีวิตต้องสู้ของต๊อตติ (Tsotsi) มากเลยนะ และปลาบปลื้มสุดๆ กับวิธีคิดของเกวินที่มีต่อเรื่องราวและตัวละครในหนังเรื่องนี้"
"บรรดาตัวละครทั้งหลายนี่แหละที่เป็นหัวใจของ X–เม็น ทั้งการ์ตูนและในหนังทุกภาค" แจ๊คแมนกล่าวต่อ "ผู้ชมสามารถเข้าถึงและรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครเหล่านั้นได้อย่าง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน"
ซึ่งถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรกๆ ที่สแตน ลี (Stan Lee) กับแจ๊ค เคอร์บี้ (Jack Kirby) นักวาดการ์ตูนระดับตำนานสร้างสรรค์ X–เม็น เมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว ทั้งคู่ช่วยกันปรับแต่งตัวละครและเรื่องราวต่างๆ ให้เต็มไปด้วยอารมณ์ดราม่าและความขัดแย้งสุดหลากหลาย เหล่า X–เม็น เป็นกลุ่มฮีโร่ไม่ธรรมดาที่หลายต่อหลายครั้งจะเผยให้เห็นจุดอ่อนชัดๆ ความเป็นกบถต่อสังคมชนหมู่มาก และช่างเสียดสีเย้ยหยันอยู่ในที แต่ก็ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสงสารเมื่อพวกเขาต้องต่อกรกับเหล่าอสูรที่เข้ามา รุกรานวิถีชีวิตของพวเขา หรือเมื่อพวกเขาต้องเข้าห้ำหั่นลงไม้ลงมือกับเหล่าร้ายที่มีพละกำลังมหาศาล ซึ่งก็อยู่ร่วมกันในโลกของเหล่าผู้มีพลังพิเศษนั่นแหละ
วูล์ฟเวอรีน (Wolverine) เป็นตัวละครที่ถือกำเนิดขึ้นหลายปีหลังจากเหล่าพี่น้องร่วมคณะ X–เม็น ของเขาโลดแล่นอยู่ในใจแฟนๆ แล้ว เขาปรากฎตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในหาร์ตูนเมื่อปี 1974 จากการสร้างสรรค์ของนักเขียนชื่อ เลน เวน (Len Wein) กับผู้กำกับศิลป์ชื่อจอห์น โรมิต้า ซีเนียร์ (John Romita Sr.) ก่อนที่จะก้าวขึ้นหน้ามาเป็นสมาชิกหลักคนสำคัญของ The X-Men และการ์ตูนที่เขาเป็นพระเอกเต็มตัวในเวลาต่อมานั่นเอง
วูล์ฟเวอรีน (Wolverine) กลายเป็นตัวละครที่ส่งผลต่อวัฒนธรรมป๊อบกระแสหลักของโลกอย่างชัดเจนมาโดย ตลอด แค่ปีที่แล้วเพียงปีเดียว วูล์ฟเวอรีน ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Wizard ให้เป็น แชมป์ (#1) ในบรรดาตัวละครจากหนังสือการ์ตูน 200 อันดับตลอดกาล (Top 200 Comic Book Characters of All Time) และยังได้รับการยกย่องจาก Empire Magazine ให้ครองอันดับ 4 จาก 50 อันดับตัวละครจากหนังสือการตูนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (The 50 Greatest Comic Book Characters) ด้วย
ฮิวจ์ แจ๊คแมน (Hugh Jackman) นักแสดงหนุ่มหน้าใหม่ของแวดวงมายาฮอลลีวู้ด (Hollywood) รับบทวูล์ฟเวอรีน (Wolverine) ใน X-Men ภาคแรกที่ออกฉายในปี 2000 และกลายเป็นที่กล่าวขวัญกันจากทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์ในเชิงบวกอย่างกว้าง ขวาง และถือเป็นการปลุกตัวละครจากหนังสือการ์ตูนให้โลดแล่นบนแผ่นฟิล์มที่ประสบ ความสำเร็จอย่างสูง หลังจากนั้น X2 หรือ X–เม็น 2 ก็ออกฉายในปี 2003 ตามติดมาด้วย X-Men: The Last Stand หรือ X–เม็น รวมพลังประจัญบาน ที่ออกฉายเมื่อปี 2006 ซึ่งทุกภาคก็ล้วนประสบความสำเร็จอย่างงดงาม นอกจากนั้นก็ยังเคยมีการสำรวจในปี 2009 พบว่า มากกว่า 70% ของผู้ชมภาพยนตร์ชาวอเมริกัน (American moviegoers) เคยดูภาพยนตร์เรื่อง X–เม็น อย่างน้อย 1 ภาค
สำหรับแจ๊คแมนแล้ว การกลับมารับบทวูล์ฟเวอรีน (Wolverine) ครั้งนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้ตีแผ่ตัวละครเอกของโลกมนุษย์กลาย พันธุ์ให้ลึกซึ้งและกว้างไกลไปยิ่งกว่า 3 ภาคแรก
"เราจะได้สัมผัสโลแกน (Logan) ทั้งการดำเนินชีวิตและการต่อสู้กับตัวตนที่แท้จริงของเขาเอง ซึ่งล้วนเป็นผลมาจากเหตุการณ์ในอดีตที่ยังตามมาเล่นงานวิถีชีวิตของเขาจวบจน ทุกวันนี้" แจ๊คแมนกล่าว "วูล์ฟเวอรีนเปี่ยมล้นด้วยคุณลักษณะที่เหมาะเหลือเกินที่จะเป็นรูปเคารพให้ ผู้คนยกย่อง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นกุ๊ยหัวแถวให้ผู้คนเกรงขามกันถ้วนหน้าด้วย ต้องขอยืมประโยคเด็ดของเขาที่นิยามชัดเลยว่า วูล์ฟเวอรีนเก่งฉกาจในทุกเรื่องที่เขาลงมือทำ อย่างแท้จริง แล้วทุกอย่างที่เขาทำลงไปก็อาจจะไม่ได้น่ารักสักเท่าไหร่นักหรอก"
ลอเร็น ชูเลอร์ ดอนเนอร์ (Lauren Shuler Donner) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง X-MEN ORIGINS: WOLVERINE หรือ X–เม็น: กำเนิดวูล์ฟเวอรีน ซึ่งดูแลงานนี้ใน 3 ภาคแรกด้วยก็กล่าวเสริมว่า "โลแกนเป็นคนที่แนวคิดเป็นตัวของตัวเอง มีอารมณ์ขัน และมีสิ่งละอันพันละน้อยที่ทำให้เขาน่าสนใจมากๆ ที่สำคัญเขาไม่ค่อยยี่หระว่าใครจะคิดกับเขาอย่างไร ซึ่งนั่นก็ทำให้แฟนๆ ยิ่งสนุกสนานเพิ่มขึ้นด้วย"
ประวัตินักแสดง
ฮิวจ์ แจ๊คแมน รับบทเป็น โลแกน กับ วูล์ฟเวอรีน และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์
ฮิวจ์ แจ๊คแมนเปิดตัวในโลกภาพยนตร์อเมริกันด้วยบทวูล์ฟเวอรีน (Wolverine) ในภาคแรกของอภิมหาตำนานไตรภาค X-Men ก่อนจะกลับมารับบทเดิมใน X2 หรือ X–เม็น 2 และ X-Men: The Last Stand หรือ X–เม็น รวมพลังประจัญบาน บัดนี้ก็นำแสดงใน X-MEN ORIGINS: WOLVERINE หรือ X–เม็น: กำเนิดวูล์ฟเวอรีนเต็มๆ
แจ๊คแมนเพิ่งนำแสดงกับนิโคล คิดแมน (Nicole Kidman) ใน Australia ผลงานมหากาพย์ของบาซ เลอห์มาน (Baz Luhrmann) ผู้เขียนบทและผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ก่อนหน้านั้นก็นำแสดงใน The Fountain อมตะรักชั่วนิรนดร์ ของดาร์เร็น อาโรนอฟสกี้ (Darren Aronofsky), The Prestige ศึกมายากลหยุดโลก ของคริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan), และ Scoop เกมส์เซอร์ไพร้ซ์หัวใจฆาตกร ของวู้ดดี้ อัลเลน (Woody Allen) นอกจากนั้นเขาก็พาย์เสียงในแอนิเมชั่นดังเรื่อง Happy Feet เพนกวินกลมปุ๊กลุกขึ้นมาเต้น กับ Flushed Away หนูไฮโซ ขอเป็นฮีโร่สักวัน และยังนำแสดงใน Someone Like You บางคนเช่นคุณ...เทใจให้หมดเลยจ๊ะ, Swordfish พยัคฆ์จารชนฉกสุดขีดนรก, Van Helsing นักล่าล้างเผ่าพันธุ์ปิศาจ, และ Kate and Leopold ข้ามเวลามาพบรัก ที่ส่งให้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำปี 2002
แจ๊คแมนยังรับบทเตอร์ อัลเลน (Peter Allen) นักร้องและผู้ประพันธ์เพลงชื่อดังแห่งทศวรรษ 1970 ในละครเพลงบนเวที Broadway เรื่อง The Boy From Oz ที่ส่งให้เขาคว้ารางวัล Tony® Award สาขา Best actor in a musical ในปี 2004 และยังกวารางวัล Drama Desk, รางวัล Drama League, รางวัล Outer Critics Circle, และรางวัล Theatre World มาครองด้วย
ก่อนหน้านั้นแจ๊คแสนก็เคยร่วมแสดงละครเวทีเรื่อง Carousel ที่เปิดการแสดง ณ Carnegie Hall, Oklahoma! ที่เปิดการแสดง ณ National Theater ในมหานครลอนดอน (London) ซึ่งส่งเขาให้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Olivier Award, Sunset Boulevard ที่ส่งให้เขาคว้ารางวัล MO Award หรือเทียบเท่ากับรางวัล Tony ของออสเตรเลีย (Australia) ก็ว่าได้มาครอง, และยังร่วมแสดงใน Beauty and the Beast ของ Disney ที่ส่งให้เขจาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล MO Award อีกครั้ง
เส้นทางอาชีพนักแสดงของ แจ๊คแมน เริ่มต้นในออสเตรเลีย (Australia) จากภาพยนตร์ค่ายอิสระเรื่อง Paperback Hero และ Erskineville Kings ที่ส่งให้เขาคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Best Actor) จาก Australian Film Critics’ Circle และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Best Actor) ของ The Australian Film Institute แจ๊คแมนได้รับการยกย่องจาก Australian Movie Convention ให้เป็น Australian Star of the Year เมื่อปี 1999
แจ๊คแมนร่วมกับจอห์น พาเลอร์โม (John Palermo) และเด็บบอร์ร่า-ลี เฟอร์เนส (Deborra-lee Furness) ก่อตั้ง Seed Productions บริษัทสร้างภาพยนตร์ที่เป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง X-MEN ORIGINS: WOLVERINE หรือ X–เม็น : กำเนิดวูล์ฟเวอรีน และก่อนหน้านี้ก็อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Deception ระทึกซ่อนระทึก ด้วย
แจ๊คแมนเพิ่งเป็นพิธีกรบนเวทีประกาศรางวัลออสการ์ (Academy Awards) ครั้งที่ 81 เมื่อต้นปีนี้ด้วย
ตามไปชมหนังตัวอย่างได้เลยครับ
Click !!
ความคิดเห็น