ตอนที่ 8 : เจ็บปวด
ดวงตาคมสวยมองอีกฝ่ายอย่างเรียบนิ่งพลางเก็บดาบลงฝัก
รู้สึกตื่นเต้นแฮะ ..
"แม่นางเข้ามาในตรอกมืดๆนี้ได้อย่างไร" เสียงของเขาเปล่งออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ ฉันมองเวินหนิงที่ดูเกร็ง เขาคงคิดว่าฉันอาจจะกลัวเขาได้
"ข้าตามดอกบัวที่หล่นจากห้องของข้า แล้วมันลอยเข้ามาที่นี่" ฉันพูดออกไปตามตรงอีกฝ่ายเอียงคอด้วยความงุนงง
"ข้าคิดว่ามันนำพาข้ามาหาท่าน" ฉันมองเวินหนิงที่มีสีหน้าแปลกใจ
"แม่นางเป็นคนสกุลหลานใช่รึไม่"
"เจ้าค่ะ" ฉันมองเวินหนิงที่มองชุดของฉัน
"ข้าชื่อหลาน ฟางฮัว" ฉันกล่าวแนะนำตัวก่อนจะคำนับตามมารยาท เวินหนิงประหม่าเขารีบโค้งคำนับตอบ
"แม่นางไม่เกรงกลัวข้ารึ" เขาถาม ฉันย่อมรู้ข่าวลือของเขาอยู่แล้ว
"ไม่เจ้าค่ะ แล้วเหตุใดท่านถึงอยู่ตรงนี้"
"คุณชายเว่— เอ่อ มีคนที่ข้าเคารพสั่งให้ข้ามาซ่อนน่ะ" เวินหนิงตอบ
"แม่นางฟางฮัว ท่านควรรีบกลับไปเถอะขอรับ ยามราตรีอันตราย—"
พรึ่บ !!
แซ่ด !!
แสงสีม่วงสว่างทำลายความมืดในตรอกจนทำให้ฉันแสบตา เวินหนิงถูกแส้เรืองแสงสีม่วงฟาดไปที่เขาจนอีกฝ่ายล้มลง
ร่างชายหนุ่มทั้งสองคนเหาะลงมาข้างหน้าฉัน
แส้จื่อเตียนที่อีกฝ่ายถืออยู่ส่งเสียงหวืดทำให้รับรู้ว่าแส้นั้นทรงพลังอนุภาพแค่ไหน
ฉันมองใบหน้าคมที่มีใบหน้าโกรธเกรี้ยวพลางหันไปมองชายร่างเล็กที่ใส่ชุดคลุมสีเหลืองอยู่ด้านข้าง
เด็กหนุ่มคนนี้ .. ชุดคลุมสีเหลือง ตอนนั้นเขาพยายามที่จะเข้ามาช่วยฉันในเหตุการณ์วิวาททะเลาะของสกุลหมิงและโฉวนี่
"เจ้าจับนางมาที่นี่งั้นรึ!! สารเลว!!" เจียงเฉิงตวาดดังลั่น ฉันพยายามจะห้ามแต่มือของเด็กหนุ่มก็กันฉันเอาไว้
"แม่นางหลาน พอเถอะ พวกคนในสกุลหลานออกตามหาท่านหนึ่งวันเต็ม" อีกฝ่ายกล่าวอย่างเคร่งขรึม
หนึ่งวันเต็ม ? อะไรกัน ฉันพึ่งออกจากห้องพักน่าจะอยู่ที่นี่ประมาณครึ่งชั่วโมงเองด้วยซ้ำ
"จินหลิง! เจ้ามัวรออะไรอยู่! พานางออกไป!!" เจียงเฉิงตะโกนพลางยกแส้ฟาดเวินหนิงที่พยายามลุกทรุดลงไปอีกครั้ง
"มากับข้าซะ!" จินหลิงจับแขนฉันแน่นพลางเดินออกไป ฉันหันไปมองเวินหนิงที่ยังคงโดนแส้ฟาด
เวินหนิง เขายอมให้เจียงเฉิงฟาดอยู่อย่างนั้น ที่เขายอมเป็นเพราะเหตุผลอื่น และฉันอีกด้วย!
ฉันสะบัดแขนจากการกอบกุมอย่างแรง
"เจ้า!!" เขาตะโกนด้วยความตกใจเมื่อฉันวิ่งอย่างรวดเร็วกลับไปที่เดิม
ฉันตัดสินใจทำในสิ่งที่ฉันก็ไม่อาจจะคาดคิด ฉันกระโดดเหาะไปดักหน้าเจียงเฉิงพลางยกแขนทั้งสองข้างกางออกเหมือนปกป้อง
"พอเสียเถอะเจ้าค่ะ ท่านประมุขเจียง!" ฉันตะโกน ร่างแกร่งมองฉันด้วยสีหน้าประหลาดใจ
"เจ้ามาขวางข้าทำไม ออกไปซะ!" เจียงเฉิงพูดเขายังคงถือแส้จื่อเตียนพร้อมที่สะบัดฟาดไปที่เวินหนิง
"เขามิได้ทำอะไรผิด เป็นข้าเองที่ออกมาเที่ยวเล่นยามกลางดึก ข้าไม่คุ้นเคยแถวนี้จึงพลัดหลง!" ฉันตัดสินใจโกหกเขา
"เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างงั้นรึ!!" อีกฝ่ายตวาด ฉันกลัวแต่ก็พยายามที่จะเผชิญต่อ
สิ่งที่เจียงเฉิงอารมณ์ขึ้นแบบนี้ เหตุผลก็เพราะฉันส่วนนึงแต่อีกส่วนที่มากกว่าคือ ความแค้นส่วนตัวของเขา
"เจ้าเป็นเด็กสกุลหลาน ปกป้องมันเพื่ออะไร!" เขาถามฉัน ฉันยังคงดื้อดึงจ้องอีกฝ่ายเขม็ง
"ก็เขาไม่ได้ผิดอะไรนี่!!" ฉันตะโกนเสียงดัง ภายในตรอกเงียบงัน เจียงเฉิงกำมือแน่น เขากัดฟันกรอด
"แม่นางฟางฮัว .." เวินหนิงพูด เขาเบิกตาโผลง
เจียงเฉิงแค่นหัวเราะ
"ไม่ได้ผิด ? เรื่องต่อไปที่ข้ากำลังจะทำมิใช่เรื่องของเจ้าแล้ว แต่เป็นเรื่องของข้า!"
เจียงเฉิงเดินผ่านฉันไป เขาดูโกรธมากจนฉันรู้สึกกลัวเลยก็ว่าได้
"แม่นางหลาน ทำไมเจ้าดื้อด้านจังน่ะห้ะ! ไปกับข้าเดี๋ยวนี้ ท่านหานกวงจินรอเจ้า—"
"เจ้าก็โวยวาย ประมุขเจียงก็โกรธมาจากไหน ข้าก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน!" ฉันตะคอกใส่จินหลิงอย่างเหลืออด อีกฝ่ายตาโตที่ฉันขึ้นเสียงใส่
ฉันเลือดร้อนขึ้นหน้า แส้จื่อเตียนกำลังฟาดไปที่เวินหนิง ร่างของฉันเหาะมาอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง กระบี่ของฟางฮัวที่ฉันตั้งรับแส้เฉือนดาบหักเป็นสองท่อน ปลายแส้เฉือนที่ใบหน้าของฉันเพียงเสี้ยวเดียวแต่ความเจ็บปวดและร้อนจนฉันทรุดลงไปกับพื้น เลือดสีแดงสดหยดลงบนตักฉันไม่หยุด
ฉันทำให้ตัวเองเจ็บอีกแล้ว ซือจุยกับจิ่งอี๋ก็จะเป็นห่วงฉันอีก
เสียงหวืดของแส้หายไป เสียงเดินเข้ามาหาฉัน
"แม่นางฟางฮัว.." เวินหนิงเข้ามาหาฉัน ฉันเงยหน้ามองเขา
ฉันเงียบพลางกลั้นน้ำตา
"ข้าขอโทษ" อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ฉันหันไปมองแผ่นหลังกว้างของเจียงเฉิงที่เดินออกไป
จินหลิงดึงฉันให้ลุกขึ้น คราวนี้เขากระชากแขนฉันให้เดินออกไปอย่างแรง เวินหนิงยืนมอง ท่ามกลางความเงียบของตรอก ชายหนุ่มชุดคลุมสีดำเข้ามาช่วยเวินหนิงเมื่อฉันและจินหลิงเดินพ้นตรอกแล้ว
เว่ยอิง ..
"เจ้าถูกอบรมมาอย่างไร!ถึงทำให้ทุกคนเดือดร้อน!" จินหลิงกอดอกว่าฉัน
ฉันนั่งอย่างสงบ บาดแผลของฉันเริ่มดีขึ้นเมื่อใช้สมุนไพรในการรักษา
"พอได้แล้ว!หยุดกล่าวว่าศิษย์พี่สักที!" จิ่งอี๋พูด
บรรดาศิษย์ตระกูลหลานและตระกูลเจียงรวมตัวกันในโรงเตี้ยม
"ศิษย์พี่ฟางฮัว" เสียงของซือจุยเรียกฉัน
ฉันหันไปยิ้มให้กับเขาถึงแม้จะฝืนก็ตาม เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดและสงสารในเวลาเดียวกัน
"ข้าหายไปหนึ่งวันเต็มเลยงั้นรึ" ฉันถามซือจุย อีกฝ่ายพยักหน้าทันที
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อวั่งจีเข้ามาในโรงเตี้ยม ทุกคนจึงเงียบกริบทันที เขาสั่งให้ฉันเล่าว่าเรื่องทั้งหมดเกิดอะไรขึ้น
"ขุนพลผี .. เจ้าตัดสินใจปกป้องเขาอย่างงั้นรึ" เสียงเรียบเอ่ย
ฉันพยักหน้า
"เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเจ้าค่ะ ตามที่ข้าเล่า ข้าตามดอกบัวไปแล้วเจอกับเขา"
"ฟางฮัว เจ้าไปที่ตรอกไกลจากโรงเตี้ยมมาก" วั่งจีกล่าว
ฉันเงียบ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องทั้งหมดจะเดือดร้อนได้ขนาดนี้
"ข้าขอโทษ ท่านหานกวงจิน" ฉันคำนับเขา อีกฝ่ายดูทุกข์ใจ
"เจ้าทำผิดกฎ ไปยุ่งกับขุนพลผี พูดปดและวาจาที่ไม่ดีต่อประมุขเจียง" เสียงทุ้มของวั่งจีเอ่ย
ฉันอยากแย้งเขา อยากร้องไห้แล้วโวยวายว่าเรื่องทั้งหมดฉันอธิบายได้ เหตุผลที่ฉันปกป้องเวินหนิงเพราะอะไร แต่ถ้าฉันพูดแล้วจะมีใครเชื่อฉันไหม ..
ฉันกำมือบนหน้าตักทั้งสองข้างแน่น
"เจ้าควรได้รับโทษฟางฮัว"
การที่ฉันนั่งอ่านกฎตระกูลหลานสามพันข้อทุกคืนไม่ได้ช่วยฉันเลยด้วยซ้ำ ...
เมื่อกลับมาถึงอวินเซินปู่จื่อฉู่ ฉันก็ถูกศิษย์ตระกูลหลานจับฉันมาคุกเข่าตรงหน้าซีเฉินและวั่งจี
ฉันเงยหน้ามองพวกเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งตามฉบับฟางฮัว แต่ภายในของฉันคือลินดาที่อยากร้องไห้เต็มทน
ซีเฉินและวั่งจี พวกเขาสุขุมและเรียบนิ่งมองฉันที่คุกเข่าตรงหน้า
ฉันหลับตาลง ฉันจะไม่โทษเว่ยอิง จะไม่โทษเวินหนิง
เรื่องทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของฉันเอง
"โบย"
ซือจุยน้ำตาคลอ กำมือแน่น มองเหตุการณ์ตรงหน้า
TALK
วันนี้มาอัพเร็วแทนวันจันทร์ค่ะ คอมเม้นเป็นกำลังใจด้วยนะคะ ToT
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เข้มงวดเกินไปแล้ววว แต่ก็สมเป็นพี่ดีนะ
ซือจุยนี่ถ้ารับแทนได้คงรับไปแล้ว เอ็นดูววว