ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านอ๋องเจ้าขา...ข้ายอมแล้ว 王上 您上我 (รีอัพ)

    ลำดับตอนที่ #7 : เทียบเชิญที่เลี่ยงไม่ได้ (3)

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.พ. 65


    กระโปรงปักลายดอกโบตั๋นพลิ้วไหวไปตามจังหวะเยื้องย่าง ทุกกิริยางดงามอ่อนช้อยดังเทพธิดาจันทราสมกับชื่อของนางอย่างแท้จริง

    แม้ตามธรรมเนียมสตรีไม่ควรออกมาอวดโฉมให้บุรุษมากมายขนาดนี้พบเห็นก็ตาม แต่ตระกูลเยี่ยนให้บุตรสาวฝึกขี่ม้ายิงธนูอยู่เป็นประจำ ทำให้บางครั้งทหารผู้โชคดีจะได้พบคุณหนูเล็กที่ลานฝึกยุทธ

    ทหารองครักษ์ทั้งหลายเมื่อเห็นบุตรสาวผู้งามเลิศล้ำของท่านแม่ทัพใหญ่พาร่างอรชรเดินเข้ามา ต่างก็แอบชำเลืองมองอย่างอดมิได้ 

    ยามนางใช้นิ้วงามดุจลำเทียนขึ้นลูบปิ่นปักผม จนทำให้แขนเสื้อกว้างไหลลงจนแลเห็นแขนขาวเรียวเล็ก เท่านี้ก็เพียงพอให้พวกเขาลืมหายใจ แต่ละคนต่างตะลึงงันจนร่างกายแข็งค้างราวกับรูปปั้นหิน แต่ถึงกระนั้นทหารทั้งหลายต่างไม่กล้าทำกิริยารุ่มร่ามใดมากไปกว่านี้ด้วยรู้ฐานะของตนเป็นอย่างดี

    เยี่ยนหยางจงปรายสายตาตามเหล่าบุรุษที่กำลังใจลอย จึงพบกับตัวต้นเหตุที่มาแทรกแซงการฝึก รองแม่ทัพหนุ่มกระแอมดัง ๆ หนึ่งทีเพื่อเรียกสติของผู้ใต้บังคับบัญชากลับมา 

    “เก็บลูกตาของเจ้าไว้มองภรรยาในอนาคตจะดีกว่า มีสมาธิกันหน่อย มิเช่นนั้นข้าจะส่งพวกเจ้ากลับไปชายแดน” รองแม่ทัพหนุ่มสะบัดแส้หนังลงกับพื้น เสียงเส้นสายสีดำหวีดกรีดอากาศดังพรึบ องครักษ์ทั้งหมดหันขวับกลับมาฝึกตนต่ออย่างขะมักเขม้น ไม่กล้ามองธิดาของท่านแม่ทัพใหญ่อีกแม้แต่แวบเดียว 

    ผู้เป็นพี่ใหญ่หันไปยิ้มให้น้องสาวคนสวยอย่างอ่อนโยน ท่าทีดุดันเมื่อครู่หายไปสิ้น เหลือเพียงคราบคุณชายที่แสนใจดีและสุภาพ

    “ฉีเอ๋อร์ร์มาหาพี่ถึงนี่มีอะไรหรือ” ริมฝีปากของเขาเหยียดออกเผยให้เห็นฟันขาวสะอาด มือแกร่งสะบัดเพียงเล็กน้อยแส้ก็กลับม้วนเก็บเข้าที่ตรงข้างเอวสอบ นัยน์ตาเหยี่ยวที่คมปลาบเมื่อครู่ บัดนี้เหลือเพียงประกายฉายแววรักใคร่เอ็นดู

    “พี่ใหญ่ ข้าอยากฝึกยิงธนู” หญิงสาวยังคงมีใบหน้าที่หม่นหมอง 

    “ได้สิ” ผู้เป็นพี่ชายรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ แต่เขาไม่ใช่คนช่างพูดจึงทำแค่เพียงเดินนำน้องสาวมาอีกด้านหนึ่ง พอถึงที่หมายชายหนุ่มก็ผายมือออกอย่างเชื้อเชิญ “ตามสบายฉีเอ๋อร์ร์ของพี่ เจ้าอยากยิงเท่าไรก็ได้”

    “ขอบคุณพี่ใหญ่” นางยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม แล้วเดินไปเลือกคันธนูสำหรับฝึกขึ้นมา หญิงสาวดึงสายที่ถูกขึงตึงสองสามที ลองยกขึ้นลงเพื่อประมาณน้ำหนัก จนพบกับอันที่เหมาะมือ เมื่อนั้นจึงค่อยๆ เยื้องกรายไปยังหน้าเป้าวงกลมขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลลิบ

    เยี่ยนเยว่ฉีตั้งสมาธิเดินกำลังภายในถ่ายทอดพลัง ลูกเกาทัณฑ์ถูกอาบไว้ด้วยกระแสลมปราณ นัยน์ตาดอกท้อวาวโรจน์ขึ้นหลายส่วน ท่าทางเข้มแข็งจริงจังแลคล้ายกับนักรบสาว นางสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดแล้วกลั้นไว้ชั่วครู่ เมื่อมั่นใจจึงปล่อยลูกศรอันแหลมคมพุ่งตรงออกไป 

    ปึก! ลูกเกาทัณฑ์ทรงพลังเข้ากลางเป้าสีแดงพอดิบพอดี

    “คุณหนูเก่งจังเลยเจ้าค่ะ” ซูจิ้งสาวใช้คนสนิทปรบมือเสียงดังเอ่ยปากชื่นชมนายหญิงไม่หยุด

    เยี่ยนเยว่ฉีเผยอรอยยิ้มผ่อนคลายขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก้าวเข้ามา รองแม่ทัพหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็เบาใจ นางคงอยากหาที่ระบายอารมณ์อัดอั้นอะไรสักอย่าง ท่าทางของเยี่ยนจิ้นหลิงเองก็แปลก ซ้ำเขายังรีบออกจากจวนไปโดยไม่บอกไม่กล่าว

    หวังว่าจะไม่เกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้นนะ’ 

    เยี่ยนหยางจงเฝ้ามองน้องสาวยิงลูกเกาทัณฑ์ดอกแล้วดอกเล่า นัยน์ตาสีนิลดุจราตรีมีประกายวาบขึ้นมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะปกป้องนางอย่างแน่นอน

    พอได้ออกกำลังระบายอารมณ์ ดูเหมือนอาการซึมเซาของเยี่ยนเยว่ฉีจะดีขึ้นมาก แต่แล้วก็บ่นกระปอดกระแปดขึ้นมาเมื่อเกิดรู้สึกปวดแขน เยี่ยนหยางจงเห็นดังนั้นก็ใช้มือขยี้ผมน้องสาว พลางกลั้วหัวเราะกับความอ่อนหัดซ้ำยังอ่อนซ้อมของนาง

    “ใครใช้ให้เจ้าขี้เกียจฝึก”

    “มันเป็นกิจของผู้ชาย เยว่ฉีไม่ได้ชอบเสียหน่อย”

    “เจ้าเพียงคร้านเกินไป”

    “พี่ใหญ่จะแข่งปักผ้ากับข้าหรือไม่เล่า”

    “นั่นมันงานของผู้หญิง”

    “ก็ใช่น่ะสิเจ้าคะ เยว่ฉีเป็นสตรีย่อมต้องฝึกงานบ้านงานเรือน เรื่องขี่ม้า ยิงธนูยอดพธูที่ไหนเขาทำกัน”

    “มีวิชาติดกาย…” 

    ดี...กว่า...ไม่มี...” เยี่ยนเยว่ฉีทำเสียงยานล้อเลียนแทรกขึ้น

    “ถูกต้อง” เยี่ยนหยางจงกลั้วหัวเราะ น้องสาวของเขาช่างขี้เล่น

    “คอยดูเถิด ข้าขอแช่งให้พี่ใหญ่ต้องแต่งงานกับสตรีที่ทำอะไรพวกนี้ไม่เป็นสักอย่าง”

    “ไม่มีทาง ฮูหยินของข้าต้องสวยและเก่ง พาไปขี่ม้าล่าสัตว์เป็นเพื่อนได้ ที่สำคัญรสมือของนางต้องดี พี่ไม่มีทางเลือกสตรีแบบเจ้าว่ามาเด็ดขาด”

    “มิน่า อายุก็ปาเข้าไปยี่สิบสามยังหาภรรยาไม่ได้สักที ท่านเลือกมากถึงเพียงนี้ระวังไว้เถิดจะได้สตรีแบบที่เยว่ฉีว่า”

    “ปากคอเราะร้าย พี่จะบอกท่านแม่ กุลสตรีอะไรกัน นี่มันภาพลวงตาชัด ๆ”

    “หึ! ตกลงพวกท่านอยากให้ข้าเป็นอย่างไรกันแน่ กุลสตรีหรือหญิงที่เด็ดเดี่ยวมั่นใจไม่กลัวผู้ใด”

    “ข้ารู้ว่าเจ้าดูสถานการณ์เป็นย่อมรู้จักเอาตัวรอด ใช่หรือไม่เล่า แม่จิ้งจอกน้อยของพี่” เยี่ยนหยางจงกระเซ้า น้องรองของเขาตัวติดกับเยี่ยนเยว่ฉีมาก ย่อมต้องสอนเล่ห์กลให้นางไปไม่น้อย

    “จะถือว่าพี่ใหญ่กำลังชมเยว่ฉีอยู่ก็แล้วกัน” นางเอียงศีรษะจนปิ่นลายดอกโบตั๋นสั่นไหว พยายามทำหน้าตาไร้เดียงสาใส่พี่ชายคนโต

    “ย่อมเป็นเช่นนั้น น้องสาวของพี่ต้องไม่ถูกผู้ใดรังแก หากออกเรือนไปก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว อนุหน้าไหนจะหาญกล้ามาเหยียบหัว เจ้าต้องจัดการสตรีเหล่านั้นจนหมอบกระแตอย่างแน่นอน”

    “ท่านพี่กล่าวหนักไปแล้ว ข้าก็ไม่มีทางยิงธนูใส่พวกนางแน่” 

    “อืม...แต่เจ้าอาจจะทำอะไรที่ร้ายกาจมากกว่านั้น” เยี่ยนหยางจงหัวเราะเสียงดังสนั่น คิดภาพน้องสาวตัวเองกำลังทรมานผู้อื่น

    เยี่ยนเยว่ฉีป้องปากหัวเราะน้อย ๆ ริมฝีปากสีแดงระเรื่อขยับขึ้นลงดูน่าหลงใหล เหล่าทหารที่ได้ยินจังหวะเสนาะหูพากันหันมามองนางอีกครา เทพธิดาช่างอยู่แสนไกล แต่เสียงใสราวกับระฆังแก้วของนางนั้นช่วยปลอบประโลมหัวใจที่แห้งแล้งให้กลับมามีชีวิตชีวา

    เยี่ยนหยางจงกัดฟันจนเส้นเลือดที่ขมับปูดโปน ผู้ใต้บังคับบัญชาพวกนี้ท่าทางจะใช้การไม่ได้ หากข้าศึกส่งสาวงามมาหลอกล่อดูท่าคงต้องปราชัย สงสัยต้องฝึกพิเศษกันเสียแล้ว 

    รองแม้ทัพหนุ่มคำรามกึกก้องก่อนจะรีบเข้าไปบอกบทลงโทษ เมื่อเหล่าองครักษ์ทั้งหลายได้ฟังสีหน้าก็พลันซีดเผือด

    ส่วนเยี่ยนเยว่ฉีไม่คิดอยู่รอดูความครื้นเครง พาร่างในอาภรณ์สีฟ้าจากไปทางเรือนพักอย่างอารมณ์ดี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×