ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านอ๋องเจ้าขา...ข้ายอมแล้ว 王上 您上我 (รีอัพ)

    ลำดับตอนที่ #16 : พบจิ้งจอกสีเงินแห่งแคว้น (1)

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.พ. 65


    มู่เลี่ยงหรงก้าวออกจากถ้ำ ปรับสีหน้ากลับมาเป็นอ๋องผู้สูงส่งและเยือกเย็น ฝ่ายเยี่ยนเยว่ฉีมองซ้ายมองขวาหาซูจิ้ง พอเห็นดังนั้น เขาจึงใช้ลมปราณช่วยเปล่งเสียงดังออกไป 

    “ซิ่นเฉิง! นำคนของคุณหนูเยี่ยนกลับมา”

    เพียงไม่นานชายผู้หนึ่งก็เดินนำหน้าซูจิ้งออกมาจากสวนอีกด้าน

    สาวใช้ตัวน้อยเอาแต่เดินก้มหน้าก้มตาตามหลังคนผู้นั้นมาอย่างเงียบ ๆ ยามนางเดินเข้ามาใกล้พอสมควร ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของฉินอ๋อง ครั้นนึกถึงคำที่ตนก่นด่าซิ่นเฉิงกับ นายท่าน ของเขาใบหน้าจึงซีดเผือด มีเหงื่อเม็ดน้อย ๆ ผุดขึ้นบนหน้าผาก แต่พอหวนคำนึงเรื่องน่าอายของตนเองกับองครักษ์หนุ่ม ซูจิ้งก็กลับมาหน้าแดงซ่านอีกครั้ง

    เยี่ยนเยว่ฉีเห็นสาวใช้คนสนิทมีท่าทีแปลก ๆ เดี๋ยวหน้าซีดเดี๋ยวหน้าแดง ก็รีบเข้าไปถามด้วยความห่วงใย 

    “ซูจิ้งเจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม เขาทำอะไรรุนแรงกับเจ้าหรือเปล่า” 

    “มะ...ไม่มีอะไรเจ้าค่ะคุณหนู” ซูจิ้งก้มหน้าตอบไม่ยอมสบตา

    ผู้เป็นนายมองสาวใช้ของตนสลับไปมากับองครักษ์ “ทำไมเจ้าเอาแต่ก้มหน้าก้มตา บอกข้ามาเขาทำร้ายเจ้าหรือไม่ ถ้าเขาแตะต้องเจ้า ข้าจะขอให้ท่านอ๋องลงโทษคนผู้นี้อย่างสาสม”

    “ไม่มีอะไรจริง ๆ เจ้าค่ะคุณหนู องครักษ์ซิ่นแค่ขอให้บ่าวอยู่เงียบ ๆ จะได้...จะได้” ซูจิ้งอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่นาน 

    “จะอะไรเล่า ซูจิ้งบอกข้ามา” นายหญิงคาดคั้น

    จะได้ไม่จับข้ากินซาลาเปาเจ้าค่ะ’ สาวน้อยเพียงร่ำร้องในใจ ไม่กล้าบอกความจริง

    “บ่าวแค่ตกใจเท่านั้นจริง ๆ คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงหรือกเจ้าค่ะ ว่าแต่คุณหนูเถอะ เหตุใดถึงได้เข้าไปอยู่ในนั้นกับฉินอ๋อง หรือคุณหนูถูกท่านอ๋องตำหนิโทษเรื่องเมื่อเช้านี้อีก” ซูจิ้งเปลี่ยนเรื่องโยนเผือกร้อนให้ผู้เป็นนายแทน

    เมื่อโดนถามเรื่องของตนเอง เยี่ยนเยว่ฉีก็หน้าแดงแปร๊ด นางเหลือบตามองอย่างขอความช่วยเหลือไปยังบุรุษต้นเหตุ 

    “เราพบขลุ่ยหยกจึงนำมาคืนนายของเจ้า เราเองเป็นผู้ชื่นชอบดนตรีจึงขอให้นางสอนเคล็ดลับการเป่าขลุ่ยวิเศษเลานี้ให้เล็กน้อย”

    “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง” ซูจิ้งยอบกายคำนับมู่เลี่ยงหรงอย่างนอบน้อม แล้วหันไปกล่าวกับนายหญิงของตนเองด้วยความโล่งอก “บ่าวเป็นห่วงคุณหนูแทบแย่ นึกว่าเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นเสียอีก” 

    “คุณหนูของเจ้ายอดเยี่ยมมากจริง ๆ เราเองก็เพลิดเพลินจนลืมเวลาเสียสนิท” มู่เลี่ยงหรงยิ้มกริ่ม มองสบตาเยี่ยนเยว่ฉีอย่างลึกซึ้งทีหนึ่ง 

    หญิงสาวรู้สึกเหมือนตนกำลังจะละลายกลายเป็นแอ่งน้ำ จึงรีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อเบนความสนใจของทุกคนเสีย “พวกเรากลับเข้างานกันเถอะเพคะ อย่าลืมว่าหม่อมฉันต้องไปแสดงต่อหน้าพระพักตร์ นี่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว” 

    “เจ้านำไปก่อนเถิด แล้วเราค่อยตามไป” อ๋องหนุ่มไม่อยากเดินกลับเข้าไปพร้อมกับนาง เพราะเกรงว่าหญิงสาวจะเสื่อมเสียที่เดินหายออกจากงานแล้วกลับเข้าไปอีกครั้งพร้อมบุรุษ

    “เพคะ” เยี่ยนเยว่ฉีคลี่ยิ้มอ่อนหวาน ย่อตัวทำความเคารพแล้วเดินจากไปทางกระโจมจัดงานพร้อมกับซูจิ้ง

    เมื่อหญิงสาวทั้งสองเดินจากไปเกินระยะการได้ยิน มู่เลี่ยงหรงก็เหลือบมองไปยังซิ่นเฉิง เขาเห็นความผิดปกติขององครักษ์คนสนิทและท่าทีของสาวใช้นามซูจิ้ง จึงเอ่ยถามด้วยเสียงอันราบเรียบ 

    “ซิ่นเฉิง เจ้าทำอะไรนาง”

    “เรียนท่านอ๋อง นางโวยวายเสียงดัง กระหม่อมจึงจูบปิดปากนางเท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ” ซิ่นเฉิงไม่ได้ปิดบังซ่อนเร้นอะไร บอกผู้เป็นนายไปตามความจริงด้วยใบหน้านิ่งเฉย

    “เจ้าชอบนางหรือ” 

    ซิ่นเฉิงเป็นองค์รักษ์คนสนิทของเขามาตั้งแต่ยังอาศัยอยู่ในวังหลวง เป็นผู้มีวรยุทธ์ล้ำเลิศ รูปร่างกำยำล่ำสัน หน้าตาก็ถือว่าหล่อเหลา มีหญิงสาวกับนางกำนัลจำนวนไม่น้อยหมายตาองครักษ์หนุ่ม 

    ปกติองครักษ์ผู้นี้จะระวังตัวอย่างมาก ไม่ปล่อยตัวปล่อยใจผูกพันใกล้ชิดกับสตรีใด แม้แต่นางกำนัลในจวนที่มีโอกาสใกล้ชิดบ่อยครั้ง เขาก็ยังระวังตัวไม่ไปเกี้ยวพา แล้วนี่เป็นสาวใช้ของจวนกั๋วกงจะไม่ระวังตัวได้อย่างไร

    “กระหม่อมแค่จะตรวจสอบวรยุทธ์ของนางเท่านั้น” ด้วยความไม่แน่ใจว่าจะถูกเอาโทษหรือไม่ องครักษ์หนุ่มเลยตอบไปแบบเป็นงานเป็นการ

    “แล้วได้ความว่าอย่างไร” เจ้านายหนุ่มเลิกคิ้ว

    “นางไร้วรยุทธ์พ่ะย่ะค่ะ เป็นแค่สตรีที่ไม่มีแม้แรงจะฆ่าไก่ด้วยซ้ำ”

    “ก็ดีแล้ว และในเมื่อเจ้าไม่ได้ชอบนาง ข้าก็ไม่ต้องเป็นธุระอะไรให้สินะ” 

    “ทะ...ท่านอ๋องวันนี้ท่านดูแปลกไปนะพ่ะย่ะค่ะ”

    “ไม่มีอะไร ปกติข้าไม่เคยเห็นเจ้าไปไล่จูบนางกำนัลสวย ๆ ในจวนสักคน ข้าจึงประหลาดใจอยู่ไม่น้อย” อ๋องหนุ่มยิ้มมุมปาก “เจ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร จะได้ให้เยี่ยนเยว่ฉียกนางให้คนอื่น เห็นว่าทหารจวนกั๋วกงหมายตานางอยู่หลายคน”

    “ท่านอ๋องรู้ได้ยังไงว่ามีคนมากมายหมายปองนาง” ซิ่นเฉิงรีบถาม

    “ก็เยี่ยนเยว่ฉีบอกข้าเมื่อครู่ กลัวเจ้าจะทำมิดีมิร้ายสาวใช้ของนางแล้วไม่รับผิดชอบ” ฉินอ๋องนึกสนุกจึงแกล้งพูดเพื่อดูปฏิกิริยาขององครักษ์ จะดูว่าเขาจะปากแข็งไปถึงไหน คนอย่างฉินอ๋องไม่ได้ตาบอดจะได้มองไม่เห็นอะไร

    “จูบไป...แค่นิดเดียวเอง” ซิ่นเฉิงหลบตาแล้วพูดอู้อี้ในลำคอ 

    จริง ๆ ก็ไม่นิด แถมเกือบได้กินซาลาเปาของนางด้วย’ เขาคิดในใจแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปอีก

    “นางก็เป็นแค่สาวใช้ เจ้าไม่ชอบก็ช่างเถอะ”

    มู่เลี่ยงหรงเลิกคุยเสียดื้อ ๆ เดินตรงลิ่วกลับกระโจมงานเลี้ยงทันที นึกแปลกใจตัวเองเล็กน้อยที่อยู่ ๆ ก็นึกสนุกแกล้งองครักษ์คนสนิทเสียอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะนาน ๆ ครั้งที่ซิ่นเฉิงจะเผยจุดอ่อนให้เห็น และคงเป็นเพราะเยี่ยนเยว่ฉีที่ทำให้เขาอารมณ์ดีมากกระมัง

    ซิ่นเฉิงเดินตามผู้เป็นนายเงียบ ๆ ในใจก็คิดถึงซูจิ้งขึ้นมา เขาชอบนางหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้แต่งกับชายอื่น โอกาสที่ตนจะได้เจอสาวใช้คนนี้จะมีอีกแค่ไหนก็ยังไม่รู้ 

    ภาพของซูจิ้งลอยเข้ามาให้หัวซิ่นเฉิงไม่หยุด ใบหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มได้รูป ผิวพรรณก็ขาวนวลเนียน ตัวนุ่มนิ่มกอดแล้วอุ่น ปากเล็กบางสีชมพู 

    นางปากจัดเหลือเกิน เวลาด่าก็น่าประกบปากบดขยี้ แล้วไหนจะ ‘ซาลาเปาใบน้อย’ เต่งตึงนั่นอีก

    น่าอายนัก นี่ข้าคิดอะไรอยู่ ท่านอ๋อง ข้าเพิ่งเจอนางแค่ครั้งเดียวจะไปรู้ได้อย่างไรว่าชอบนางหรือเปล่า’ ซิ่นเฉิงได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจเพียงผู้เดียว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×