คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เทียบเชิญที่เลี่ยงไม่ได้ (1)
กองทัพตระกูลเยี่ยนยาตรามาถึงเมืองหลวงแล้ว
ฮ่องเต้ทรงมีราชโองการแต่งตั้งเยี่ยนหยางเจวี๋ยเป็นแม่ทัพใหญ่รักษานคร คุมกำลังพิทักษ์เมืองหลวงหนึ่งแสนนาย พร้อมเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นไคกั๋วกง[1] ตระกูลได้สืบทอดตำแหน่งสามชั่วคนโดยไม่ลดบรรดาศักดิ์ ได้รับปูนบำเหน็จเป็นเงินทอง แพรพรรณชั้นดี และจวนหลังใหม่ในเขตที่พำนักขุนนาง
ส่วนเมืองชายแดนหานจี ฮ่องเต้มู่เหวินหลงได้ส่งแม่ทัพหนุ่มไฟแรงนามหนานกงอี้ไปประจำแทน ทำเอาบรรดาคุณหนูทั้งหลายร่ำไห้น้ำตานองด้วยความเสียดาย พวกนางคงไม่มีโอกาสได้พบกับบุรุษผู้หล่อเหลาอีกนาน
แต่ไม่ทันไรก็พากันแช่มชื่นดุจบุปผาต้องฝนกันอีกครา เมื่อสตรีทั้งหลายได้เห็นรองแม่ทัพผู้องอาจห้าวหาญอย่างเยี่ยนหยางจง แล้วไหนจะกุนซือผมสีเงินรูปงามนามเยี่ยนจิ้นหลิงซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้นอีกคน
คุณชายตระกูลเยี่ยนทั้งสองบังคับอาชาให้เดินไปตามถนนศิลาที่ทอดยาว นำขบวนกองทัพอันเกรียงไกรมุ่งตรงไปยังวังหลวง บรรดาคุณหนูต่างจับจองห้องพิเศษของโรงเตี๊ยมและหอสุราทั้งสองฟากฝั่งเพื่อชมขบวนทัพ เมื่อได้เห็นบุรุษทั้งสองก็พากันใจสั่นหวิว บ้างก็หน้าแดงเพราะขวยอาย แทบจะพากันสวดอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอพรให้ตนเองได้เป็นสะใภ้ตระกูลเยี่ยน
จวนไคกั๋วกง เขตพำนักขุนนาง
“มีเทียบเชิญจากวังหลวงขอรับ” พ่อบ้านใหญ่ช่างลี่นำเทียบเชิญมายื่นให้แม่ทัพใหญ่ในห้องหนังสือ
เมื่อเห็นว่าเป็นสารที่ส่งมาจากวังหลวง เยี่ยนหยางเจวี๋ยจึงส่งสัญญาณให้พ่อบ้านใหญ่ออกไปก่อน จึงค่อยเปิดเทียบเชิญซึ่งบุด้วยผ้าไหมสีน้ำเงินชั้นดีออกอ่านเสียงดังกังวาน
“เทียบเชิญงานชมดอกเหมยประจำปีของวังหลวง ให้จวนไคกั๋วกงเตรียมการแสดงมาด้วย” เยี่ยนหยางเจวี๋ยอ่านจนจบแล้วหันไปสบตากับเยี่ยนจิ้นหลิงบุตรชายคนรอง
“เทียบเชิญมาแล้ว...ยากจะหลีกเลี่ยงมังกรจับคู่” เยี่ยนจิ้นหลิงยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ในมือของเขายังถือตำราพิชัยสงครามอยู่โดยไม่ได้อ่านแม้แต่อักษรเดียว
“ข้าไม่อยากไปเลย เจ้าก็รู้ งานชมดอกเหมยทุกปีเกิดอันใดขึ้น” พี่ใหญ่อย่างเยี่ยนหยางจงเอ่ยน้ำเสียงร้อนรน “ฮ่องเต้อาจจะยกองค์หญิงให้ข้าหรือเจ้าก็ได้” รองแม่ทัพหนุ่มอดคิดเช่นนี้ไม่ได้ เพราะหลายปีที่ผ่านฮ่องเต้เหมือนจะชอบสร้างความบันเทิงโดยใช้งานชมดอกเหมยจับคู่ให้ผู้อื่น
“องค์หญิงใหญ่เพิ่งอายุสิบสี่ชันษาเท่านั้น พี่ใหญ่ไม่ต้องรีบร้อน” เยี่ยนจิ้นหลิงตอบพี่ชายพร้อมกลั้วหัวเราะ “สวรรค์ยังไม่มีบัญชาให้ท่านกราบไหว้ฟ้าดินพร้อมกับสตรีใดในปีนี้”
เมื่อเยี่ยนจิ้นหลิงพูดดังนั้นเยี่ยนหยางจงก็กลับเข้าสู่ความสงบ เพราะนอกจากน้องรองของเขาจะเชี่ยวชาญกลศึกอย่างหาตัวจับได้ยาก เรื่องศาสตร์การทำนายของกุนซือหนุ่มก็ไม่ด้อยเช่นกัน หลายครั้งที่ผ่อนหนักให้เป็นเบาและแก้ไขสถานการณ์ร้าย ๆ เอาไว้ได้
ทว่าน้องชายตัวดีก็ใช้ความน่าเชื่อถือนี้สร้างเรื่องให้เขาปวดศีรษะอยู่หลายครั้งหลายครา
“หากฮ่องเต้ต้องการความครึกครื้น ท่านพ่อก็ควรสั่งให้น้องเล็กเตรียมตัวแล้ว” เยี่ยนจิ้นหลิงยิ้มมุมปาก เผยแววตาบางอย่างชั่วขณะ ชายหนุ่มวางตำราพิชัยสงครามลงบนตั่งจากนั้นจึงลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกจากห้องไป
“เดี๋ยวก่อนจิ้นหลิง...จะ...เจ้าอย่าบอกนะว่าจะให้ฉีเอ๋อร์ทำการแสดงหน้าพระพักตร์ พ่อว่าไม่จำเป็นสักนิด เราจ้างคณะแสดงส่งไปก็ได้” เยี่ยนหยางเจวี๋ยค้านเสียงแข็ง ไม่อยากให้บุตรสาวเข้าไปอวดโฉมในวัง
“สวรรค์ลิขิตแล้ว…นางต้องไป ท่านพ่อ”
บุตรชายคนรองเอ่ยจบก็ก้าวออกจากห้องหนังสือทันที ทิ้งบิดาที่ทำหน้าถมึงทึงไว้เบื้องหลัง
“ลิขิตสวรรค์ ข้าถนอมฉีเอ๋อร์ดุจดวงใจ มิใช่เพื่อให้ไปเป็นพระสนมของฮ่องเต้นะ” เยี่ยนหยางเจวี๋ยเอ่ยเสียงสั่นด้วยโทสะ มือทั้งสองกำมัดแน่น ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างแรง
“ท่านพ่ออย่าเพิ่งวิตกไป หลายปีที่ผ่านมาบรรดาคุณหนูหลายตระกูลก็ถูกคัดเลือกให้แสดงความสามารถหน้าพระพักตร์ แต่ก็มิได้ถูกเลือกให้เป็นพระสนม”
เยี่ยนหยางจงเอ่ยปลอบบิดาให้คลายโทสะ หลายครั้งที่น้องชายทำนายเหตุการณ์มักจะพูดทิ้งท้ายไว้เพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ยอมบอกรายละเอียด บางทีตนเองก็ยังหงุดหงิดที่กุนซือผมเงินเก็บงำคำทำนายเอาไว้ผู้เดียว ส่วนเรื่องเทียบเชิญจากวังหลวงฉบับนี้ พี่ใหญ่สกุลเยี่ยนก็มิได้รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย เยี่ยนเยว่ฉีคือน้องสาวที่ตนเองรักอย่างยิ่ง จะให้ทนเห็นนางเดินเข้าสู่สถานที่กินคนอย่างวังหลวงได้อย่างไร
[1] ไคกั๋วกง คือ ตำแหน่งบรรดาศักดิ์สูงสุดของชั้นกง ขั้น 1 ชั้นรอง โดยใช้แต่งตั้งให้ขุนนางที่ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ ถือเป็นตำแหน่งสูงสุดที่ขุนนางจะได้รับจากฮ่องเต้
ความคิดเห็น