คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : หงส์วอนหาคู่ (2)
“ข้าไม่สนใจเรื่องเหลวไหล เมื่อมารดาของเจ้ากลับมาเมื่อไหร่ ข้าสัญญาจะพาเจ้ากลับไปเยี่ยมบ้าน” ชายหนุ่มเริ่มร้อนใจด้วยเกรงว่าฤกษ์มงคลที่นางบอกจะไม่มีวันมาถึง อย่างไรเสียเขาไม่มีทางยินยอมให้นางบิดพลิ้วเป็นอันขาด
“ท่านอ๋อง...ความเมตตาเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ ท่านจะมอบให้หม่อมฉันมิได้เลยหรือ” เยี่ยนเยว่ฉีสบนัยน์ตาคมปลาบที่ฉาบไว้ด้วยโทสะของอ๋องหนุ่ม นางทำประหนึ่งว่าหากเขาไม่ยินยอมจะเป็นการทำร้ายจิตใจของนาง
มู่เลี่ยงหรงคิ้วกระตุก หากเขาปฏิเสธไม่เท่ากับเป็นคนใจคอคับแคบหรอกหรือ สตรีผู้นี้ช่างรู้จักเจรจาเสียจริง อย่าหลงกลรับปากอะไรจะดีกว่า เพราะยิ่งพูดมากก็มีแต่จะยิ่งแย่ลง ดังนั้นเขาควรเลิกต่อปากต่อคำ แล้วปล่อยให้พระเชษฐาจัดการเสียก็หมดเรื่อง
“เสด็จพี่ หากให้นางระบุฤกษ์ดูจะมิบังควร ในราชสำนักมีจ้งซุนซินแสดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว กระหม่อมไม่อาจไว้วางใจสินแซอื่นได้”
“ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล แต่เรารับปากจะให้รางวัลแก่คุณหนูเยี่ยนไปแล้ว ฮ่องเต้ตรัสแล้วมิอาจคืนคำ ในเมื่อนางร้องขอสิ่งนี้ เจ้าก็รอฤกษ์อีกสักสองสามเดือนเถิด แค่นี้คงไม่เป็นอันใดกระมัง หากไม่มั่นใจกำหนดการที่ทางจวนไคกั๋วกงส่งมา จะให้จ้งซุนตรวจสอบอีกสักครั้งก็ไม่เสียหาย” ครั้นฮ่องเต้เห็นท่าทางร้อนรนกระเสือกกระสนของพระอนุชา ก็ทรงลอบหัวเราะในพระทัย เกิดนึกสนุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น พระองค์จึงคิดว่าจะเล่นตามน้ำกับตระกูลเยี่ยนไปก่อน
“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ” เยี่ยนเยว่ฉียิ้มหวานหยาดเยิ้มอย่างยินดี กิริยาท่าทางเช่นนี้พาให้แขกเหรื่อคิดว่านางกำลังสื่อว่าอยากปฏิเสธฉินอ๋อง
“เสี่ยวเยว่ ทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้ ไม่เห็นว่าจะมีเหตุอันสมควรให้เจ้าประวิงเวลา หรือข้าทำอันใดให้ไม่พอใจ” มู่เลี่ยงหรงถามเสียงเบาให้ได้ยินกันเพียงสองคน
“ท่านอ๋อง...หม่อมฉันคิดดีแล้วเพคะ”
“เหลวไหลสิ้นดี! เจ้ากล้าเล่นตลกกับเปิ่นหวางอย่างนั้นหรือ” มู่เลี่ยงหรงเริ่มมีโทสะ เขากำลังถูกนางฉีกหน้าออกเป็นชิ้น ๆ
‘สตรีผู้นี้ปั่นหัวผู้คนได้เก่งยิ่งนัก ข้าอุตส่าห์ให้เกียรตินางต่อหน้าผู้คน แต่คนกลับตอบแทนกันด้วยวิธีการเช่นนี้’
ขณะที่ทุกคนกำลังมองทั้งคู่โต้เถียงกันด้วยเรื่องกำหนดวันแต่งงานอย่างสนใจใคร่รู้ เยี่ยนจิ้นหลิงพลันก้าวออกมาจากที่นั่งของตนเอง ยามนี้ใบหน้าของกุนซือหนุ่มไม่มีแววของจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อยู่เลย กลับแลดูน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง
มู่เลี่ยงหรงเห็นดังนั้นก็พอจะเข้าใจเหตุการณ์ เยี่ยนเยว่ฉีคงร่วมมือกับพี่ชายหมายหักหน้าตนแน่แล้ว พระเชษฐาก็คงกำลังชมความครึกครื้นอยู่สินะ ชายหนุ่มกัดฟันกรอด พยายามข่มโทสะที่มีเอาไว้
“กระหม่อมเยี่ยนจิ้นหลิงมีเรื่องจะกราบทูล ขอฝ่าบาททรงโปรดอนุญาต”
“เราอนุญาต”
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมตรวจดวงชะตาน้องเล็กเมื่อสักครู่ เห็นว่ายังไม่มีฤกษ์ดีในเร็ววันนี้ หากฝืนแต่งงานเกรงว่าดวงชะตาของราชวงศ์จะถูกกระทบไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“เยี่ยนจิ้นหลิงอย่าคิดว่าข้าฉินอ๋องมิรู้ความ” มู่เลี่ยงหรงส่งสายตาที่ลุกโชนด้วยโทสะไปทางกุนชือหนุ่ม เขามั่นใจว่าชายผู้นี้กำลังขัดขวางเขาด้วยเหตุส่วนตัว
“กระหม่อมมิกล้าเอาเรื่องดวงชะตาบ้านเมืองมาล้อเล่น ยามนี้เยี่ยนเยว่ฉีต้องชะตาดาวราหู ต้องรอจนเงาร้ายจางหายเสียก่อนจึงจะแต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ได้”
“ข้าไม่เชื่อถือเจ้า” มู่เลี่ยงหรงแทบจะคำรามออกมา ดีที่เขายังรู้สติว่าที่นี่คือวังหลวง
“ชื่อเสียงของกระหม่อมคงไม่พอให้ท่านอ๋องไว้วางพระทัย เรื่องนี้ไม่มีอันใดยาก ลองให้ใต้เท้าจ้งซุนตรวจชะตาของนางดูก็รู้ความแล้ว”
“ไม่ต้อง!” ฮ่องเต้มู่เหวินหรงประกาศลั่น “เราให้เยี่ยนกุนซือจัดการหาฤกษ์ยาม เมื่อได้กำหนดแล้วก็ส่งไปจวนฉินอ๋อง”
มู่เลี่ยงหรงไม่สามารถทำอะไรได้เมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์ จึงต้องข่มกลั้นความเดือดดาลเอาไว้ รู้สึกว่าตนเองใจดีกับสองพี่น้องตระกูลเยี่ยนมากเกินไปเสียแล้ว
“ท่านอ๋องเชื่อพี่รองเถิดเพคะ ตั้งแต่หม่อมฉันเกิดมา เขายังไม่เคยทำนายผิดเลยสักครั้ง ครอบครัวของเรามิกล้าเอาเรื่องชะตาบ้านเมืองมาล้อเล่นอย่างแน่นอน” เยี่ยนเยว่ฉีช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ของพี่ชาย ทั้งโน้มน้าวให้ฉินอ๋องยินยอมตามความประสงค์ของนาง
“เอาเถิด ถ้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมา เปิ่นหวางก็ไม่เคยบังคับฝืนใจสตรีใดให้มาร่วมหอ หากคุณหนูเยี่ยนลำบากใจมากนัก ก็ไม่จำเป็นต้องหาข้ออ้างมากมาย เมื่อครู่เป็นเปิ่นหวางเอ่ยขอรางวัลเอง ฝ่าบาทก็ยังไม่ทรงออกราชโองการใด ๆ ทุกอย่างจึงยังไม่สายเกินแก้ เช่นนั้น เปิ่นหวางจะให้โอกาสเจ้าปฏิเสธตำแหน่งฉินหวางเฟยเสียตั้งแต่ตรงนี้ เดี๋ยวนี้!” นัยน์ตาสีนิลลึกล้ำสุดหยั่ง แม้เขาจะยิ้มแต่กลับดูเย็นชาอย่างยิ่ง บัดนี้ไม่ปรากฏร่องรอยรักใคร่อะไรในดวงตาคู่นั้นอีกแล้ว ความเย่อหยิ่งทำให้ฉินอ๋องดูสูงส่งยากจะแตะต้อง
เยี่ยนเยว่ฉีรู้สึกเหมือนก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายถูกเข็มเป็นร้อยเล่มทิ่มแทง
บรรยากาศรื่นเริงกลายเป็นอึมครึม ทุกคนเงียบงันไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง ต่างเหลือบมองบุตรสาวแม่ทัพใหญ่กับฉินอ๋องสลับกันไปมา รวมไปถึงสีพระพักตร์ของฮ่องเต้ด้วย
ฮ่องเต้มู่เหวินหรงยังคงแย้มพระสรวล แต่ในใจร้องว่าแย่แล้ว ดูท่าพระอนุชาจะไม่สนุกด้วย ถ้าเขาเกิดดื้อเพ่งไม่ให้ความร่วมมือขึ้นมา ใครหน้าไหนก็ขวางทางมิได้ หากทีนี้จะบังคับให้แต่งงานตามราชโองการ บุรุษในชุดคลุมสีดำก็มีวิธีอันน่ากลัวที่จะทำให้ฮ่องเต้เช่นเขาสำนึกเสียใจในภายหลัง
มู่เลี่ยงหรงโกรธขึ้งระคนผิดหวัง สตรีงดงามที่หวังจะเชิดชูเป็นภรรยาเอกกลับไม่นึกถึงเกียรติยศและฐานะเชื้อพระวงศ์อันดับหนึ่งของเขา ครั้นพิจารณาให้ดีแล้วเหตุการณ์ที่กระทบต่อศักดิ์ศรีในครานี้ ส่วนหนึ่งก็คงมาจากการด่วนตัดสินใจจะรับผู้หญิงที่เพิ่งพบกันเพียงไม่กี่ชั่วยามมาเป็นหวางเฟย อีกส่วนหนึ่งเขาก็มั่นใจในตัวเองมากเกินไป
เยี่ยนเยว่ฉีงดงามถึงเพียงนี้อาจจะไม่ได้ต้องการเพียงตำแหน่งชายาเอกขององค์ชายที่ไม่มีทางได้ครองบัลลังก์
ยอดไม้ที่สูงกว่ายังคงมี เป็นไปได้ว่าสตรีอวดดีผู้นี้อาจจะหมายตาไทจื่อ[1]อยู่ก็เป็นได้
มู่เลี่ยงหรงมองใบหน้าสะคราญโฉมด้วยอารมณ์หลากหลาย ตลอดทั้งชีวิตไม่เคยมีผู้ใดที่เพียงปรายสายตาก็ทำให้หัวใจเต้นโครมครามได้เท่านางอีกแล้ว เขาถึงกับกระตือรือร้นที่จะรับบุตรสาวแม่ทัพใหญ่เข้าจวนจนสูญเสียความละเอียดรอบคอบ ยามนี้ก็เหลือแค่เพียงความรู้สึกสมเพชตนเองที่เผลอคิดไปว่าอาจจะได้สัมผัสความรักที่แท้จริงสักครั้ง
ช่างน่าขันยิ่งนัก ตั้งใจบรรเลงเพลงรักให้โฉมสะคราญ ทว่านางกลับไม่ยินดี ซ้ำร้ายยังหักหน้าเขาอีก
ทว่าด้วยศักดิ์ศรีของสายเลือดมังกร มู่เลี่ยงหรงจึงจำต้องปั้นสีหน้าท่าทางให้แข็งแกร่งเอาไว้
‘ไม่รักชอบก็ช่างเถิด เปิ่นหวางจะปล่อยเจ้าไป’
การถูกทำให้อับอายเช่นนี้เขาไม่อาจยอมรับได้จริง ๆ เมื่อพระเชษฐาทรงเห็นดีเห็นงามกับผู้อื่น แล้วเหตุใดตนเองต้องให้ความร่วมมือกับแผนการผูกสัมพันธ์นี้ด้วยเล่า
“คุณหนูเยี่ยน เปิ่นหวางเป็นคนใจกว้าง หากเจ้าปฏิเสธ เปิ่นหวางจะไม่ถือโทษแม้แต่นิดเดียว” ริมฝีปากบางเปล่งคำพูดสื่อถึงเยี่ยนเยว่ฉี แต่นัยน์ตาเข้มลึกกลับมองพระเชษฐาอย่างเย็นชายิ่งกว่า
“หม่อมฉัน...คือ...” เยี่ยนเยว่ฉีได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังพี่ชายคนรอง
“เรียนท่านอ๋อง กระหม่อมจะหาวิธีสะเดาะเคราะห์ เสริมดวงชะตาให้นางในเร็ววัน” เยี่ยนจิ้นหลิงทำท่าทางจริงใจอย่างที่สุด นึกไม่ถึงว่าฉินอ๋องจะสงบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว ซ้ำยังจะปฏิเสธเยี่ยนเยว่ฉีอีก เขาคงประเมินบุรุษผู้นี้ต่ำเกินไป คงต้องรีบแก้ไขสถานการณ์ มิเช่นนั้นจะกลายเป็นกินไม่ทันอิ่มก็ต้องห่อกลับ[2]
“ว่าอย่างไรคุณหนูเยี่ยน เปิ่นหวางถามเจ้าอยู่” มู่เลี่ยงหรงทำเป็นไม่ได้ยินเยี่ยนจิ้นหลิง ซ้ำยังแผ่รังสีกดดันไปทั่วบริเวณจนเยี่ยนเยว่ฉีหายใจแทบไม่ออก
“ดูเหมือนท่านอ๋อง กำลังเข้าใจหม่อมฉันผิดไป”
“หึ! เกรงว่าคงไม่ใช่เปิ่นหวางผู้เดียวที่คิดเห็นเช่นนั้น”
“หม่อมฉันไม่ได้ไม่เต็มใจเพคะ”
“งั้นรึ แต่เปิ่นหวางรู้สึกว่ากำลังทำให้คุณหนูเยี่ยนลำบากใจ ถึงกับต้องยกเรื่องชะตาบ้านเมืองมาอ้าง”
“เรียนท่านอ๋อง หากตัดเรื่องดวงชะตาออกไป ในฐานะบุตรสาว หม่อมฉันเพียงต้องการพบกับมารดาก่อนออกเรือน หวังให้นางเป็นผู้ส่งขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว ท่านอ๋องได้โปรดไตร่ตรองด้วยเถิดเพคะ”
“เป็นเช่นนี้เอง นึกว่าเจ้าหาทางปฏิเสธเปิ่นหวางอยู่เสียอีก” น้ำเสียงของเขาดีขึ้น นัยน์ตาสีนิลสั่นไหวเล็กน้อย ทว่าเขายังไม่อาจวางใจได้ลง ด้วยไม่อาจเชื่อถือคำพูดของนางได้อีกแล้ว จึงพยายามรักษาท่าทีสงบเยือกเย็นราวภูเขาน้ำแข็งเอาไว้
“มิได้เพคะ ได้รับความเมตตาจากท่านอ๋องถือเป็นวาสนาของหม่อมฉันยิ่งนัก”
“ในเมื่อเจ้าเต็มใจ เราก็ไม่ใช่คนใจคอคับแคบ เช่นนี้แล้วให้กุนซือเยี่ยนไปหาฤกษ์ยามมา หวังว่าจะไม่เนิ่นนานจนอะไร ๆ สายเกินไปหรอกนะ” มู่เลี่ยงหรงเอ่ยความนัย ผู้คนต่างเข้าใจได้โดยง่าย หากบุตรสาวท่านแม่ทัพรั้งรอจนท่านอ๋องมีทายาทกับสตรีอื่นไปเสียก่อน เกรงว่าตำแหน่งฉินหวางเฟยคงต้องหลุดลอย ท่านแม่ทัพใหญ่คงมีอันต้องเสียหน้าเป็นแน่
“ท่านอ๋องโปรดวางใจ กระหม่อมจะรีบจัดการทุกสิ่งให้ถูกต้องอย่างแน่นอน” กุนซือหนุ่มรีบออกตัว มู่เลี่ยงหรงไม่ใช่คนโง่จึงสามารถยุติเหตุอันขายหน้านี้ได้โดยไม่เสียหน้าเท่าใดนัก ยอมรับว่าเขาก็เริ่มไม่สนุกแล้ว
“ดี” มู่เลี่ยงหรงรู้ว่าวันนี้ตนประมาทเกินไป เกือบจะเสียท่าให้เจ้าจิ้งจอกเงินหยามเกียรติ เขาไม่มีทางทำให้ตนเองน่าสมเพชด้วยการแสดงความเกรี้ยวกราดต่อหน้าเหล่าขุนนางแน่ อย่างน้อยครานี้ก็ยังพลิกสถานการณ์กลับมาได้
“ในเมื่อตกลงกันได้แล้ว ข้าก็จะได้ดื่มสุราต่อเสียที” ฮ่องเต้ทรงพระสรวล ลอบยินดีในใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน พระองค์หันหันไปส่งสัญญาณให้หลิวกงกง
“ฉินอ๋องมู่เลี่ยงหรงและเยี่ยนเยว่ฉีรับราชโองการ ฝ่าบาททรงมีพระเมตตาพระราชทานสมรส ให้เยี่ยนเยว่ฉีแต่งเข้าจวนฉินอ๋อง โดยกำหนดให้หมั้นหมายเอาไว้ก่อน เมื่อฤกษ์ดีจึงจัดงานได้ จบราชโองการ”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” มู่เลี่ยงหรงกับเยี่ยนเยว่ฉีคุกเข่ารับราชโองการด้วยสีหน้าที่ต่างกัน
[1]ไท่จื่อ หมายถึง องค์รัชทายาท
[2]กินไม่ทันอิ่มก็ต้องห่อกลับ เป็นสำนวนหมายถึง ก่อเรื่องขึ้นแล้วไม่อาจรับผิดชอบได้หมด
ความคิดเห็น