ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านอ๋องเจ้าขา...ข้ายอมแล้ว 王上 您上我 (รีอัพ)

    ลำดับตอนที่ #17 : พบจิ้งจอกสีเงินแห่งแคว้น (2)

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.พ. 65


    เมื่อแยกกับมู่เลี่ยงหรงที่ภูเขาจำลองแล้ว เยี่ยนเยว่ฉีกับซูจิ้งก็มุ่งหน้ากลับไปร่วมงานชมดอกเหมยเพื่อเตรียมการแสดงอย่างไม่รอช้า

    สาวใช้ร่างเล็กประคองผู้เป็นนายไปเดินเคียงกันตามเส้นทางอันสวยงามของอุทยานหลวงอย่างเงียบเชียบ ถึงแม้จะรู้สึกสนใจใคร่รู้สถานการณ์เมื่อครู่ของกันและกัน แต่ก็ไม่มีผู้ใดเอ่ยอะไรแม้แต่ครึ่งคำ 

    ขณะกำลังเดินข้ามหนึ่งในบรรดาสะพานมากมายของสวนอันใหญ่โต เยี่ยนเยว่ฉีพลันนึกถึงเรื่องเมื่อหลายวันก่อน 

    เยี่ยนจิ้นหลิงแจ้งถึงชะตาที่นางไม่อาจเลี่ยง

    ได้ฟังคราแรกนางก็ร้องไห้ฟูมฟายเสียยกใหญ่ ด้วยตีความทั้งหมดไปเองว่าตนคงไม่อาจพ้นการถูกคัดเลือกไปเป็นพระสนมในวังหลัง

    นางทบทวนเหตุการณ์ในวันนี้ ก็เห็นว่าตนเองน่าจะคาดเดาคำทำนายของพี่ชายผิดไปเสียแล้ว เพราะตั้งแต่เหยียบย่างเข้ามาในวังหลวง บุรุษเพียงผู้เดียวที่นางได้ใกล้ชิดมีเพียงฉินอ๋องเท่านั้น

    เมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของชายผู้เอาแต่ใจ เยี่ยนเยว่ฉีพลันหน้าแดงขึ้นมาอีกครา ท่านอ๋องผู้นี้ช่างเผด็จการยิ่งนัก ทั้งเรียกร้องและบงการให้นางมิอาจต้าน และในเมื่อเขาเป็นถึงบุรุษผู้พรั่งพร้อมถึงเพียงนี้ จะให้สตรีเช่นนางต่อสู้ได้อย่างไร

    หากสวรรค์ลิขิตให้ตนได้พบคู่ครองแล้ว คงจะต้องเป็นมู่เลี่ยงหรงไม่ผิดแน่ 

    ครั้นนึกถึงคำสัญญาอันหนักแน่นของฉินอ๋อง นางก็อดหวานล้ำในหัวใจมิได้ แม้เขาจะเอาเรื่องการลงโทษมาอ้างจนทำให้อดน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ก็ตาม แต่นางก็พอจะรับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง 

    หากสัญชาตญาณของตนเองถูกต้อง การแต่งงานกับฉินอ๋องก็ยังดีกว่าถูกส่งตัวเข้าสู่พระหัตถ์ฮ่องเต้

    'ชะตาข้าหาใช่พระสนม คงได้แต่งเป็นสะใภ้หลวงเสียมากกว่าเยี่ยนเยว่ฉีมั่นใจเช่นนี้

     

    เมื่อโฉมงามจากไปได้ระยะหนึ่ง มู่เลี่ยงหรงจึงย่างเท้าออกจากภูเขาจำลอง มุ่งสู่อุทยานกลางด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น 

    ชายหนุ่มรู้สึกกระปรี้กระเปร่า อยากกลับเข้าไปในงานเลี้ยงเต็มทีเพื่อจะได้ลงมือดำเนินการขั้นต่อไป 

    พอนึกถึงผลพวงของแผนการในครั้งนี้ ใบหน้าหล่อเหลาก็ปรากฏรอยยิ้มอย่างหาได้ยาก เขาจะได้แต่งงานกับสตรีที่พึงใจ โดยไม่ต้องมีผู้ใดมาบังคับยัดเยียด 

    เยี่ยนเยว่ฉีช่างงดงามราวนางสวรรค์ เป็นหญิงผู้วิเศษสุดเท่าที่ตนเองเคยสัมผัสมา เรือนร่างอรชรนั้นช่างมีเสน่ห์ยั่วยวนจนเขาอดเชยชมนางไม่ได้ จนถึงตอนนี้กลิ่นหอมของนางยังคงอบอวลอยู่ในความทรงจำ

    แต่แล้วสีหน้าของมู่เลี่ยงหรงก็พลันถมึงทึง เขาหันหน้าไปยังหินประหลาดก้อนหนึ่งทางด้านซ้าย หรี่นัยน์ตาเหยี่ยวค้นหาเป้าหมายที่ซ่อนเร้นอยู่

    “จงปรากฏตัวเสีย!” มู่เลี่ยงหรงตวาดลั่น ทำให้ซิ่นเฉิงปรับกระบวนท่าเตรียมพร้อมอารักขาผู้เป็นนายทันที มือขวาก็แตะด้ามดาบประจำกายข้างเอวเอาไว้ 

    เมื่อสิ้นเสียงเกรี้ยวกราดนั้น บุรุษผมสีเงินก็ก้าวเท้าออกมาจากที่ซ่อนหลังหินก้อนใหญ่

    “เยี่ยนจิ้นหลิง คารวะท่านฉินอ๋อง”

    คุณชายรองตระกูลเยี่ยนอยู่ในอาภรณ์ผ้าไหมสีขาวหรูหรา เขาช่างดูหล่อเหลาสะดุดตา ผมสีเงินเปล่งประกายพลิ้วไหวไปตามลม ใบหน้าหยกงดงามราวเทพเซียน รูปลักษณ์เช่นนี้สร้างมาเพื่อล่อลวงทั้งสตรีและบุรุษโดยแท้ มือโบกพัดหยกม่วงเบา ๆ เขาอมยิ้มเล็กน้อย นัยน์ตาเรียวดุจจิ้งจอกทั้งงดงามและเจ้าเล่ห์เสียเหลือเกิน

    “คุณชายรองเยี่ยน มาทำอันใดลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ตรงนี้เล่า” มู่เลี่ยงหรงถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ 

    แต่บุรุษในชุดขาวก็มิได้สะทกสะท้าน

    “หากจะมีผู้ใดกระทำการลับ ๆ ล่อ ๆ เกรงว่าคนผู้นั้นคงไม่ใช่จิ้นหลิงแน่” กุนซือหนุ่มยังคงโบกพัดในมือ “ท่านอ๋องก็คิดเช่นเดียวกันกระมัง” เขาถามกลับหน้าทะเล้น

    “ช่างยอกย้อนยิ่งนัก มาลอบติดตามเปิ่นหวางเช่นนี้ เจ้าคงอยากไปเยี่ยมชมน้ำพุเหลือง[1]แล้วกระมัง”

    จิ้งจอกสีเงินได้ฟังก็ถึงกับจุ๊ปาก “มิได้...มิได้ จิ้นหลิงเพียงแค่ผ่านมา แล้วบังเอิญได้ชมความครึกครื้นของอุทยานตะวันออกเข้าพอดี” เขาหุบพัดแล้วเอาด้ามแตะที่ริมฝีปากบางสีชมพูของตนเอง ท่าทางในยามนี้ทำเอาอ๋องหนุ่มถึงกับคิ้วกระตุก

    “ครึกครื้นรึ” มู่เลี่ยงหรงถามเสียงเย็น

    “ท่านอ๋องรู้หรือไม่ เวลาผ่านไปเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม[2] อุทยานแห่งนี้ก็มีเรื่องน่าสนุกเกิดขึ้นเยอะแยะทีเดียว” เขายังคงยียวนอ๋องหนุ่มต่อไป

    “เจ้าต้องการสิ่งใด หากไม่บอกมาเสียดี ๆ ก็อย่าหาว่าฉินอ๋องทำเกินกว่าเหตุ” มู่เลี่ยงหรงเสียงเข้มขึ้น นัยน์ตาดุดันจดจ้องชายผมเงินอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางในยามนี้ของเขาดูอันตรายยิ่ง ทว่ากลับไม่มีผลอะไรกับบุรุษผู้ยืนอยู่เบื้องหน้า

    “ท่านอ๋องได้ทำเกินกว่าเหตุไปแล้วต่างหาก” เยี่ยนจิ้นหลิงหยุดยิ้มแล้วหรี่นัยน์ตา “เจ้าก็ด้วย” เขากล่าวต่อสั้น ๆ โดยมิได้ชายตาแลองครักษ์แม้สักน้อย ทำเอาซิ่นเฉิงสะดุ้ง อดรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ อย่างประหลาดมิได้

    “เจ้ารู้เห็นมากน้อยเพียงใด” มู่เลี่ยงหรงถามอย่างหงุดหงิด

    “ก็มากพอ” เยี่ยนจิ้นหลิงกลั้วหัวเราะ

    คุณชายรองผู้นี้ไม่ได้เกรงกลัวเขาเลยสักนิด ช่างบังอาจเสียจริง คิดเช่นนี้แล้วมู่เลี่ยงหรงพลันเดินลมปราณ แผ่รังสีสังหารรอบกายในทันที 'คนผู้นี้ฝีมือไม่ธรรมดา เมื่อครู่ซิ่นเฉิงไม่รู้สึกถึงชีพจรของเขาเลยด้วยซ้ำ ไม่สิ...แม้แต่ข้าเองก็ด้วยมู่เลี่ยงหรงประเมินอีกฝ่ายในใจ

    ผู้คนต่างกล่าวว่าคุณชายรองตระกูลเยี่ยนเป็นเพียงบัณฑิตรูปงาม ทั้งที่เป็นถึงบุตรชายของแม่ทัพใหญ่กลับไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่ ไม่เคยออกไปต่อสู้ในสนามรบ หากแต่มีความเฉลียวฉลาดยิ่งกว่าผู้ใด สามารถวางแผนด้วยกลศึกพิสดาร จนข้าศึกต่างขนานนามว่าเป็นจิ้งจอกสีเงินแห่งแคว้นหาน

    แต่ในวันนี้ผู้มีวรยุทธ์สูงเช่นตนกับซิ่นเฉิงกลับไม่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของบุรุษผมสีเงินจนกระทั่งเมื่อครู่ เห็นทีกุนซือผู้นี้จะเป็นนักหลอกลวงฝีมือฉกาจสมฉายาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์

    “ซิ่นเฉิง...ฆ่า!” มู่เลี่ยงหรงสั่งอย่างเฉียบขาด จะดูสิว่าเจ้าคนหน้าทะเล้นยังจะปากดีต่อไปได้อีกหรือไม่ และเขาเองก็อยากจะรู้ฝีมือของกุนซือหนุ่มอีกด้วย


     


    [1] น้ำพุเหลือง เป็นน้ำพุที่อยู่ในปรโลก

    [2] ชั่วยาม หน่วยนับเวลาสมัยโบราณ 1 ชั่วยามมีค่าเท่ากับ 2 ชม.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×