คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : พบจิ้งจอกสีเงินแห่งแคว้น (2)
เมื่อแยกกับมู่เลี่ยงหรงที่ภูเขาจำลองแล้ว เยี่ยนเยว่ฉีกับซูจิ้งก็มุ่งหน้ากลับไปร่วมงานชมดอกเหมยเพื่อเตรียมการแสดงอย่างไม่รอช้า
สาวใช้ร่างเล็กประคองผู้เป็นนายไปเดินเคียงกันตามเส้นทางอันสวยงามของอุทยานหลวงอย่างเงียบเชียบ ถึงแม้จะรู้สึกสนใจใคร่รู้สถานการณ์เมื่อครู่ของกันและกัน แต่ก็ไม่มีผู้ใดเอ่ยอะไรแม้แต่ครึ่งคำ
ขณะกำลังเดินข้ามหนึ่งในบรรดาสะพานมากมายของสวนอันใหญ่โต เยี่ยนเยว่ฉีพลันนึกถึงเรื่องเมื่อหลายวันก่อน
เยี่ยนจิ้นหลิงแจ้งถึงชะตาที่นางไม่อาจเลี่ยง
ได้ฟังคราแรกนางก็ร้องไห้ฟูมฟายเสียยกใหญ่ ด้วยตีความทั้งหมดไปเองว่าตนคงไม่อาจพ้นการถูกคัดเลือกไปเป็นพระสนมในวังหลัง
นางทบทวนเหตุการณ์ในวันนี้ ก็เห็นว่าตนเองน่าจะคาดเดาคำทำนายของพี่ชายผิดไปเสียแล้ว เพราะตั้งแต่เหยียบย่างเข้ามาในวังหลวง บุรุษเพียงผู้เดียวที่นางได้ใกล้ชิดมีเพียงฉินอ๋องเท่านั้น
เมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของชายผู้เอาแต่ใจ เยี่ยนเยว่ฉีพลันหน้าแดงขึ้นมาอีกครา ท่านอ๋องผู้นี้ช่างเผด็จการยิ่งนัก ทั้งเรียกร้องและบงการให้นางมิอาจต้าน และในเมื่อเขาเป็นถึงบุรุษผู้พรั่งพร้อมถึงเพียงนี้ จะให้สตรีเช่นนางต่อสู้ได้อย่างไร
หากสวรรค์ลิขิตให้ตนได้พบคู่ครองแล้ว คงจะต้องเป็นมู่เลี่ยงหรงไม่ผิดแน่
ครั้นนึกถึงคำสัญญาอันหนักแน่นของฉินอ๋อง นางก็อดหวานล้ำในหัวใจมิได้ แม้เขาจะเอาเรื่องการลงโทษมาอ้างจนทำให้อดน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ก็ตาม แต่นางก็พอจะรับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง
หากสัญชาตญาณของตนเองถูกต้อง การแต่งงานกับฉินอ๋องก็ยังดีกว่าถูกส่งตัวเข้าสู่พระหัตถ์ฮ่องเต้
'ชะตาข้าหาใช่พระสนม คงได้แต่งเป็นสะใภ้หลวงเสียมากกว่า' เยี่ยนเยว่ฉีมั่นใจเช่นนี้
เมื่อโฉมงามจากไปได้ระยะหนึ่ง มู่เลี่ยงหรงจึงย่างเท้าออกจากภูเขาจำลอง มุ่งสู่อุทยานกลางด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น
ชายหนุ่มรู้สึกกระปรี้กระเปร่า อยากกลับเข้าไปในงานเลี้ยงเต็มทีเพื่อจะได้ลงมือดำเนินการขั้นต่อไป
พอนึกถึงผลพวงของแผนการในครั้งนี้ ใบหน้าหล่อเหลาก็ปรากฏรอยยิ้มอย่างหาได้ยาก เขาจะได้แต่งงานกับสตรีที่พึงใจ โดยไม่ต้องมีผู้ใดมาบังคับยัดเยียด
เยี่ยนเยว่ฉีช่างงดงามราวนางสวรรค์ เป็นหญิงผู้วิเศษสุดเท่าที่ตนเองเคยสัมผัสมา เรือนร่างอรชรนั้นช่างมีเสน่ห์ยั่วยวนจนเขาอดเชยชมนางไม่ได้ จนถึงตอนนี้กลิ่นหอมของนางยังคงอบอวลอยู่ในความทรงจำ
แต่แล้วสีหน้าของมู่เลี่ยงหรงก็พลันถมึงทึง เขาหันหน้าไปยังหินประหลาดก้อนหนึ่งทางด้านซ้าย หรี่นัยน์ตาเหยี่ยวค้นหาเป้าหมายที่ซ่อนเร้นอยู่
“จงปรากฏตัวเสีย!” มู่เลี่ยงหรงตวาดลั่น ทำให้ซิ่นเฉิงปรับกระบวนท่าเตรียมพร้อมอารักขาผู้เป็นนายทันที มือขวาก็แตะด้ามดาบประจำกายข้างเอวเอาไว้
เมื่อสิ้นเสียงเกรี้ยวกราดนั้น บุรุษผมสีเงินก็ก้าวเท้าออกมาจากที่ซ่อนหลังหินก้อนใหญ่
“เยี่ยนจิ้นหลิง คารวะท่านฉินอ๋อง”
คุณชายรองตระกูลเยี่ยนอยู่ในอาภรณ์ผ้าไหมสีขาวหรูหรา เขาช่างดูหล่อเหลาสะดุดตา ผมสีเงินเปล่งประกายพลิ้วไหวไปตามลม ใบหน้าหยกงดงามราวเทพเซียน รูปลักษณ์เช่นนี้สร้างมาเพื่อล่อลวงทั้งสตรีและบุรุษโดยแท้ มือโบกพัดหยกม่วงเบา ๆ เขาอมยิ้มเล็กน้อย นัยน์ตาเรียวดุจจิ้งจอกทั้งงดงามและเจ้าเล่ห์เสียเหลือเกิน
“คุณชายรองเยี่ยน มาทำอันใดลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ตรงนี้เล่า” มู่เลี่ยงหรงถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
แต่บุรุษในชุดขาวก็มิได้สะทกสะท้าน
“หากจะมีผู้ใดกระทำการลับ ๆ ล่อ ๆ เกรงว่าคนผู้นั้นคงไม่ใช่จิ้นหลิงแน่” กุนซือหนุ่มยังคงโบกพัดในมือ “ท่านอ๋องก็คิดเช่นเดียวกันกระมัง” เขาถามกลับหน้าทะเล้น
“ช่างยอกย้อนยิ่งนัก มาลอบติดตามเปิ่นหวางเช่นนี้ เจ้าคงอยากไปเยี่ยมชมน้ำพุเหลือง[1]แล้วกระมัง”
จิ้งจอกสีเงินได้ฟังก็ถึงกับจุ๊ปาก “มิได้...มิได้ จิ้นหลิงเพียงแค่ผ่านมา แล้วบังเอิญได้ชมความครึกครื้นของอุทยานตะวันออกเข้าพอดี” เขาหุบพัดแล้วเอาด้ามแตะที่ริมฝีปากบางสีชมพูของตนเอง ท่าทางในยามนี้ทำเอาอ๋องหนุ่มถึงกับคิ้วกระตุก
“ครึกครื้นรึ” มู่เลี่ยงหรงถามเสียงเย็น
“ท่านอ๋องรู้หรือไม่ เวลาผ่านไปเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม[2] อุทยานแห่งนี้ก็มีเรื่องน่าสนุกเกิดขึ้นเยอะแยะทีเดียว” เขายังคงยียวนอ๋องหนุ่มต่อไป
“เจ้าต้องการสิ่งใด หากไม่บอกมาเสียดี ๆ ก็อย่าหาว่าฉินอ๋องทำเกินกว่าเหตุ” มู่เลี่ยงหรงเสียงเข้มขึ้น นัยน์ตาดุดันจดจ้องชายผมเงินอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางในยามนี้ของเขาดูอันตรายยิ่ง ทว่ากลับไม่มีผลอะไรกับบุรุษผู้ยืนอยู่เบื้องหน้า
“ท่านอ๋องได้ทำเกินกว่าเหตุไปแล้วต่างหาก” เยี่ยนจิ้นหลิงหยุดยิ้มแล้วหรี่นัยน์ตา “เจ้าก็ด้วย” เขากล่าวต่อสั้น ๆ โดยมิได้ชายตาแลองครักษ์แม้สักน้อย ทำเอาซิ่นเฉิงสะดุ้ง อดรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ อย่างประหลาดมิได้
“เจ้ารู้เห็นมากน้อยเพียงใด” มู่เลี่ยงหรงถามอย่างหงุดหงิด
“ก็มากพอ” เยี่ยนจิ้นหลิงกลั้วหัวเราะ
คุณชายรองผู้นี้ไม่ได้เกรงกลัวเขาเลยสักนิด ช่างบังอาจเสียจริง คิดเช่นนี้แล้วมู่เลี่ยงหรงพลันเดินลมปราณ แผ่รังสีสังหารรอบกายในทันที 'คนผู้นี้ฝีมือไม่ธรรมดา เมื่อครู่ซิ่นเฉิงไม่รู้สึกถึงชีพจรของเขาเลยด้วยซ้ำ ไม่สิ...แม้แต่ข้าเองก็ด้วย' มู่เลี่ยงหรงประเมินอีกฝ่ายในใจ
ผู้คนต่างกล่าวว่าคุณชายรองตระกูลเยี่ยนเป็นเพียงบัณฑิตรูปงาม ทั้งที่เป็นถึงบุตรชายของแม่ทัพใหญ่กลับไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่ ไม่เคยออกไปต่อสู้ในสนามรบ หากแต่มีความเฉลียวฉลาดยิ่งกว่าผู้ใด สามารถวางแผนด้วยกลศึกพิสดาร จนข้าศึกต่างขนานนามว่าเป็นจิ้งจอกสีเงินแห่งแคว้นหาน
แต่ในวันนี้ผู้มีวรยุทธ์สูงเช่นตนกับซิ่นเฉิงกลับไม่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของบุรุษผมสีเงินจนกระทั่งเมื่อครู่ เห็นทีกุนซือผู้นี้จะเป็นนักหลอกลวงฝีมือฉกาจสมฉายาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
“ซิ่นเฉิง...ฆ่า!” มู่เลี่ยงหรงสั่งอย่างเฉียบขาด จะดูสิว่าเจ้าคนหน้าทะเล้นยังจะปากดีต่อไปได้อีกหรือไม่ และเขาเองก็อยากจะรู้ฝีมือของกุนซือหนุ่มอีกด้วย
[1] น้ำพุเหลือง เป็นน้ำพุที่อยู่ในปรโลก
[2] ชั่วยาม หน่วยนับเวลาสมัยโบราณ 1 ชั่วยามมีค่าเท่ากับ 2 ชม.
ความคิดเห็น