คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : พบจิ้งจอกสีเงินแห่งแคว้น (1)
มู่เลี่ยงหรงก้าวออกจากถ้ำ ปรับสีหน้ากลับมาเป็นอ๋องผู้สูงส่งและเยือกเย็น ฝ่ายเยี่ยนเยว่ฉีมองซ้ายมองขวาหาซูจิ้ง พอเห็นดังนั้น เขาจึงใช้ลมปราณช่วยเปล่งเสียงดังออกไป
“ซิ่นเฉิง! นำคนของคุณหนูเยี่ยนกลับมา”
เพียงไม่นานชายผู้หนึ่งก็เดินนำหน้าซูจิ้งออกมาจากสวนอีกด้าน
สาวใช้ตัวน้อยเอาแต่เดินก้มหน้าก้มตาตามหลังคนผู้นั้นมาอย่างเงียบ ๆ ยามนางเดินเข้ามาใกล้พอสมควร ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของฉินอ๋อง ครั้นนึกถึงคำที่ตนก่นด่าซิ่นเฉิงกับ ‘นายท่าน’ ของเขาใบหน้าจึงซีดเผือด มีเหงื่อเม็ดน้อย ๆ ผุดขึ้นบนหน้าผาก แต่พอหวนคำนึงเรื่องน่าอายของตนเองกับองครักษ์หนุ่ม ซูจิ้งก็กลับมาหน้าแดงซ่านอีกครั้ง
เยี่ยนเยว่ฉีเห็นสาวใช้คนสนิทมีท่าทีแปลก ๆ เดี๋ยวหน้าซีดเดี๋ยวหน้าแดง ก็รีบเข้าไปถามด้วยความห่วงใย
“ซูจิ้งเจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม เขาทำอะไรรุนแรงกับเจ้าหรือเปล่า”
“มะ...ไม่มีอะไรเจ้าค่ะคุณหนู” ซูจิ้งก้มหน้าตอบไม่ยอมสบตา
ผู้เป็นนายมองสาวใช้ของตนสลับไปมากับองครักษ์ “ทำไมเจ้าเอาแต่ก้มหน้าก้มตา บอกข้ามาเขาทำร้ายเจ้าหรือไม่ ถ้าเขาแตะต้องเจ้า ข้าจะขอให้ท่านอ๋องลงโทษคนผู้นี้อย่างสาสม”
“ไม่มีอะไรจริง ๆ เจ้าค่ะคุณหนู องครักษ์ซิ่นแค่ขอให้บ่าวอยู่เงียบ ๆ จะได้...จะได้” ซูจิ้งอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่นาน
“จะอะไรเล่า ซูจิ้งบอกข้ามา” นายหญิงคาดคั้น
‘จะได้ไม่จับข้ากินซาลาเปาเจ้าค่ะ’ สาวน้อยเพียงร่ำร้องในใจ ไม่กล้าบอกความจริง
“บ่าวแค่ตกใจเท่านั้นจริง ๆ คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงหรือกเจ้าค่ะ ว่าแต่คุณหนูเถอะ เหตุใดถึงได้เข้าไปอยู่ในนั้นกับฉินอ๋อง หรือคุณหนูถูกท่านอ๋องตำหนิโทษเรื่องเมื่อเช้านี้อีก” ซูจิ้งเปลี่ยนเรื่องโยนเผือกร้อนให้ผู้เป็นนายแทน
เมื่อโดนถามเรื่องของตนเอง เยี่ยนเยว่ฉีก็หน้าแดงแปร๊ด นางเหลือบตามองอย่างขอความช่วยเหลือไปยังบุรุษต้นเหตุ
“เราพบขลุ่ยหยกจึงนำมาคืนนายของเจ้า เราเองเป็นผู้ชื่นชอบดนตรีจึงขอให้นางสอนเคล็ดลับการเป่าขลุ่ยวิเศษเลานี้ให้เล็กน้อย”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง” ซูจิ้งยอบกายคำนับมู่เลี่ยงหรงอย่างนอบน้อม แล้วหันไปกล่าวกับนายหญิงของตนเองด้วยความโล่งอก “บ่าวเป็นห่วงคุณหนูแทบแย่ นึกว่าเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นเสียอีก”
“คุณหนูของเจ้ายอดเยี่ยมมากจริง ๆ เราเองก็เพลิดเพลินจนลืมเวลาเสียสนิท” มู่เลี่ยงหรงยิ้มกริ่ม มองสบตาเยี่ยนเยว่ฉีอย่างลึกซึ้งทีหนึ่ง
หญิงสาวรู้สึกเหมือนตนกำลังจะละลายกลายเป็นแอ่งน้ำ จึงรีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อเบนความสนใจของทุกคนเสีย “พวกเรากลับเข้างานกันเถอะเพคะ อย่าลืมว่าหม่อมฉันต้องไปแสดงต่อหน้าพระพักตร์ นี่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว”
“เจ้านำไปก่อนเถิด แล้วเราค่อยตามไป” อ๋องหนุ่มไม่อยากเดินกลับเข้าไปพร้อมกับนาง เพราะเกรงว่าหญิงสาวจะเสื่อมเสียที่เดินหายออกจากงานแล้วกลับเข้าไปอีกครั้งพร้อมบุรุษ
“เพคะ” เยี่ยนเยว่ฉีคลี่ยิ้มอ่อนหวาน ย่อตัวทำความเคารพแล้วเดินจากไปทางกระโจมจัดงานพร้อมกับซูจิ้ง
เมื่อหญิงสาวทั้งสองเดินจากไปเกินระยะการได้ยิน มู่เลี่ยงหรงก็เหลือบมองไปยังซิ่นเฉิง เขาเห็นความผิดปกติขององครักษ์คนสนิทและท่าทีของสาวใช้นามซูจิ้ง จึงเอ่ยถามด้วยเสียงอันราบเรียบ
“ซิ่นเฉิง เจ้าทำอะไรนาง”
“เรียนท่านอ๋อง นางโวยวายเสียงดัง กระหม่อมจึงจูบปิดปากนางเท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ” ซิ่นเฉิงไม่ได้ปิดบังซ่อนเร้นอะไร บอกผู้เป็นนายไปตามความจริงด้วยใบหน้านิ่งเฉย
“เจ้าชอบนางหรือ”
ซิ่นเฉิงเป็นองค์รักษ์คนสนิทของเขามาตั้งแต่ยังอาศัยอยู่ในวังหลวง เป็นผู้มีวรยุทธ์ล้ำเลิศ รูปร่างกำยำล่ำสัน หน้าตาก็ถือว่าหล่อเหลา มีหญิงสาวกับนางกำนัลจำนวนไม่น้อยหมายตาองครักษ์หนุ่ม
ปกติองครักษ์ผู้นี้จะระวังตัวอย่างมาก ไม่ปล่อยตัวปล่อยใจผูกพันใกล้ชิดกับสตรีใด แม้แต่นางกำนัลในจวนที่มีโอกาสใกล้ชิดบ่อยครั้ง เขาก็ยังระวังตัวไม่ไปเกี้ยวพา แล้วนี่เป็นสาวใช้ของจวนกั๋วกงจะไม่ระวังตัวได้อย่างไร
“กระหม่อมแค่จะตรวจสอบวรยุทธ์ของนางเท่านั้น” ด้วยความไม่แน่ใจว่าจะถูกเอาโทษหรือไม่ องครักษ์หนุ่มเลยตอบไปแบบเป็นงานเป็นการ
“แล้วได้ความว่าอย่างไร” เจ้านายหนุ่มเลิกคิ้ว
“นางไร้วรยุทธ์พ่ะย่ะค่ะ เป็นแค่สตรีที่ไม่มีแม้แรงจะฆ่าไก่ด้วยซ้ำ”
“ก็ดีแล้ว และในเมื่อเจ้าไม่ได้ชอบนาง ข้าก็ไม่ต้องเป็นธุระอะไรให้สินะ”
“ทะ...ท่านอ๋องวันนี้ท่านดูแปลกไปนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่มีอะไร ปกติข้าไม่เคยเห็นเจ้าไปไล่จูบนางกำนัลสวย ๆ ในจวนสักคน ข้าจึงประหลาดใจอยู่ไม่น้อย” อ๋องหนุ่มยิ้มมุมปาก “เจ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร จะได้ให้เยี่ยนเยว่ฉียกนางให้คนอื่น เห็นว่าทหารจวนกั๋วกงหมายตานางอยู่หลายคน”
“ท่านอ๋องรู้ได้ยังไงว่ามีคนมากมายหมายปองนาง” ซิ่นเฉิงรีบถาม
“ก็เยี่ยนเยว่ฉีบอกข้าเมื่อครู่ กลัวเจ้าจะทำมิดีมิร้ายสาวใช้ของนางแล้วไม่รับผิดชอบ” ฉินอ๋องนึกสนุกจึงแกล้งพูดเพื่อดูปฏิกิริยาขององครักษ์ จะดูว่าเขาจะปากแข็งไปถึงไหน คนอย่างฉินอ๋องไม่ได้ตาบอดจะได้มองไม่เห็นอะไร
“จูบไป...แค่นิดเดียวเอง” ซิ่นเฉิงหลบตาแล้วพูดอู้อี้ในลำคอ
‘จริง ๆ ก็ไม่นิด แถมเกือบได้กินซาลาเปาของนางด้วย’ เขาคิดในใจแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปอีก
“นางก็เป็นแค่สาวใช้ เจ้าไม่ชอบก็ช่างเถอะ”
มู่เลี่ยงหรงเลิกคุยเสียดื้อ ๆ เดินตรงลิ่วกลับกระโจมงานเลี้ยงทันที นึกแปลกใจตัวเองเล็กน้อยที่อยู่ ๆ ก็นึกสนุกแกล้งองครักษ์คนสนิทเสียอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะนาน ๆ ครั้งที่ซิ่นเฉิงจะเผยจุดอ่อนให้เห็น และคงเป็นเพราะเยี่ยนเยว่ฉีที่ทำให้เขาอารมณ์ดีมากกระมัง
ซิ่นเฉิงเดินตามผู้เป็นนายเงียบ ๆ ในใจก็คิดถึงซูจิ้งขึ้นมา เขาชอบนางหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้แต่งกับชายอื่น โอกาสที่ตนจะได้เจอสาวใช้คนนี้จะมีอีกแค่ไหนก็ยังไม่รู้
ภาพของซูจิ้งลอยเข้ามาให้หัวซิ่นเฉิงไม่หยุด ใบหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มได้รูป ผิวพรรณก็ขาวนวลเนียน ตัวนุ่มนิ่มกอดแล้วอุ่น ปากเล็กบางสีชมพู
นางปากจัดเหลือเกิน เวลาด่าก็น่าประกบปากบดขยี้ แล้วไหนจะ ‘ซาลาเปาใบน้อย’ เต่งตึงนั่นอีก
‘น่าอายนัก นี่ข้าคิดอะไรอยู่ ท่านอ๋อง ข้าเพิ่งเจอนางแค่ครั้งเดียวจะไปรู้ได้อย่างไรว่าชอบนางหรือเปล่า’ ซิ่นเฉิงได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจเพียงผู้เดียว
ความคิดเห็น