ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุษบามาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 59



    บทนำ

    ทันทีที่ประตูรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีดำมันปลาบคันที่เพิ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบหน้าประตูคฤหาสน์หลังงามเปิดออก ชายฉกรรจ์ราวยี่สิบคนที่ยืนรอรับต่างโค้งคำนับและเอ่ยต้อนรับโดยพร้อมเพรียง

    "ขอต้อนรับกลับบ้านครับนายน้อย"

    เจ้าของเรือนผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มซอยสั้นระต้นคอรับกับศีรษะทุยสวยได้รูปเพียงแต่พยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะพาร่างผอมเพรียวที่สูงราวหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าก้าวเท้าเข้าตัวตึกทันที แม้จะรีบร้อนแต่ท่วงท่าของ 'หลิวลู่เอิน' ก็ยังคงเต็มไปด้วยความสง่างามและน่าเกรงขามในชุดสูทสากลสีดำสนิท

    ภาพของสตรีเรือนร่างแบบบางที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงหลังใหญ่ดูเปราะบางเหลือเกินในความรู้สึก เมื่อได้ก้าวเข้ามาอยู่ข้างๆ แบบนี้ ผู้มาใหม่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะคุกเข่าลงข้างๆ และคว้ามือของเธอมาแนบแก้มไว้ด้วยความทะนุถนอม

    "ออกไปก่อน นายน้อยต้องการอยู่ตามลำพังกับมาดาม"

    หญิงรับใช้สองคนค้อมศีรษะรับคำและถอยออกไปจากห้องทันทีตามคำสั่งของ 'ลี' บอดี้การ์ดมาดนิ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากเตียง หลังจากประตูปิดสนิทชายหนุ่มเป็นผู้ที่เดินมาตรวจความเรียบร้อยของประตูด้วยตนเอง และยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้นโดยปล่อยให้แม่และลูกได้พูดคุยกันตามลำพัง

    "ลิลลี่..." น้ำเสียงอ่อนแรงของมารดาที่ละเมอออกมาทำให้ทำนบน้ำตาของฝ่ายที่ถูกเอ่ยถึงพังทลาย

    สัมผัสของหยดน้ำอุ่นๆ ที่มือของรสรินปลุกให้เธอลืมตาขึ้นมามอง ดวงตาแห้งผากที่เคยงดงามฉายรอยปีติเมื่อเห็นหน้าของบุตรสาว

    "แม่...ขอโทษ"

    คำสั้นๆ ที่เอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกผิดทำเอาคนรู้แก่ใจสะอื้นฮัก นับตั้งแต่จำความได้ไม่เคยมีสักครั้งที่คนบนเตียงจะแสดงความอ่อนแอให้เห็น ผู้หญิงตัวเล็กที่แบกภาระใหญ่เกินตัวในฐานะ 'นายหญิงแห่งเฟิ่งเทียน' สตรีผู้สูญเสียสามีและบุตรชาย

    "หลินไม่เคยโกรธแม่เลยนะคะ"

    ในที่สุดเธอก็ได้พูด น้ำเสียงหวานของหญิงสาวดูขัดกับภาพของหนุ่มน้อยที่เธอแสดงออก เมื่ออยู่ต่อหน้ามารดาและคนสนิทเธอสามารถเป็นตัวตนจริงๆ ได้โดยที่ไม่ต้องซ่อนอยู่ในคราบของหลิวลู่เอินอีกต่อไป

    "แม่..." เสียงปนหอบของรสรินชะงักเมื่อเธอมองเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของบุตรสาวเพียงคนเดียวที่มี "อย่าร้องไห้...ห้ามร้องไห้ ลูกไม่ควรอ่อนแอให้ใครเห็น"

    "ที่นี่มีแค่แม่กับลี หลินไม่อายหรอกค่ะ"

    "แม้แต่แม่หรือลีก็ไม่ควรได้เห็นน้ำตาของลูก จำไว้นะ 'หลิวลู่เอิน' นายใหญ่ของเฟิ่งเทียนจะร้องไห้ไม่ได้เป็นอันขาด"

    คำพูดของมารดาทำให้น้ำตาของเธอแห้งลงโดนพลันด้วยความรู้สึกเหมือนบ่าทั้งสองข้างถูกภาระอันหนักอึ้งกดทับลงมา หญิงสาวถอนสะอื้นและปาดน้ำตาด้วยความรู้สึกใจหาย

    "แม่อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ มาดามหลิวยังอยู่หลิวลู่เอินจะเป็นนายใหญ่ไปได้อย่างไร"

    รสรินส่ายหน้า "แม่ฝืนไม่ไหวแล้วลูก เวลาของแม่หมดแล้วต่อไปนี่จะเป็นหน้าที่ของลูก ในฐานะของหลิวลู่เอิน"

    น้ำเสียงอ่อนล้ายังคงเด็ดขาดและหนักแน่นตามแบบฉบับสตรีผู้กุมอำนาจมาช้านาน หญิงสาวรู้สึกสะท้านกับประโยคสุดท้าย เธอจะต้องเป็นหลิวลู่เอินจริงๆ แล้วเช่นนั้นหรือ อิสรภาพและตัวตนที่แท้จริงของ 'หลิวหลิน' กำลังจะหายไปตลอดกาล

    "แม่คะ หลินกลัว แม่อย่าทิ้งหลินไปได้ไหมคะ"

    "แม่คิดถึงพ่อของหนู เขาเหน็บหนาวและโดดเดี่ยวมานานเกินไปแล้ว"

    ดวงตาของมารดาเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสยามเมื่อได้คิดถึงชายคนรัก ภาพชินตาที่อยู่ในความทรงจำของหญิงสาวมาเนิ่นนาน

    "แล้วหลินล่ะคะแม่ แม่จะทิ้งหลินให้อยู่คนเดียวได้ยังไงกัน"

    เสียงฝีเท้าที่เดินขยับเข้ามาราวกับจะประกาศให้รู้ว่ายังมีเขาอีกคน ทำให้หลิวหลินหันไปสบตาคนสนิทของมารดา เธอกล่าวโทษเขาผ่านทางสายตาโดยไม่ซ่อนเร้น

    "ลี...พี่ขอฝากลิลลี่ไว้กับเธอ"

    "ครับ" บอดี้การ์ดหนุ่มรับคำสั้นๆ

    "หลินต้องการแม่นะคะ" เธอท้วงมารดาอย่างอดไม่ได้

    "หลิวหลิน" หญิงสาวชะงักเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง ชื่อที่นานๆ ครั้งมารดาจะยอมเรียก "คะแม่" เธอขานรับและตั้งใจรอฟัง

    "เวลาของแม่..." รสรินชะงักก่อนหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า "เวลาของแม่...เหลือไม่มากพอสำหรับดูแลเฟิ่งเทียนแล้ว...หลินอย่าทำให้แม่...ต้องผิดหวัง"

    คำพูดกระท่อนกระแท่นของมารดาทำให้กระบอกตาของหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง

    "หลินจะไม่ทำให้แม่ผิดหวังค่ะ" หญิงสาวจำใจรับปาก

    ริมฝีปากบางสีซีดของรสรินขยับยิ้มด้วยความพอใจ หญิงสาวนึกรู้ทันทีว่าแม้แต่แรงจะลืมตามารดาของเธอยังมีไม่มากพอ เช่นนี้แล้วการร้องขอให้มีชีวิตอยู่จึงเป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกิน ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกที่อก หัวใจของหลิวหลินถูกบีบรัดด้วยความเสียใจ มือของมารดาที่เธอเกาะกุมไว้ไร้เรี่ยวแรง หญิงสาวจึงค่อยๆ วางลงไปบนอกที่ขยับขึ้นเล็กน้อยตามแรงหายใจที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด

    "ฝากบอกพ่อด้วยนะคะแม่ ว่าหนูคิดถึงเขา บอกพ่อด้วยนะคะว่าหนูจะดูแลเฟิ่งเทียนของพ่อให้ดี...และบอกเขาด้วยว่าอย่าทอดทิ้งแม่ไปอีก" หลิวหลินบอกมารดาทั้งน้ำตา รสรินเพียงขยับยิ้มบางๆ เป็นการรับรู้

    หญิงสาวยังคงนั่งอยู่ข้างเตียง เฝ้ามองมารดาของตนเองจากไปอย่างช้าๆ วินาทีนี้หลิวหลินไม่มีน้ำตาอีกแล้ว ร่างแบบบางบนเตียงจากไปอย่างเงียบเชียบ ท่ามกลางความเงียบสงบที่มีเพียงเธอและลีเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนส่งเธอออกเดินทาง

    หลิวหลินหลับตาจากภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บปวดและโศกเศร้า เธอถูกทอดทิ้งให้อยู่กับความโดดเดี่ยวอีกครั้ง ไม่สิ...เธอแค่กลับไปอยู่ในความโดดเดี่ยวเหมือนเดิม นับตั้งแต่จำความได้เธอก็อยู่แบบนี้มาโดยตลอด ซ่อนตัวอยู่ในคราบของหลิวลู่เอิน ทายาทชายเพียงคนเดียวของหลิวหลงซินที่เหลืออยู่ เรื่องมันคงจะง่ายกว่านี้หากคนที่หายตัวหรือคนที่ตายเป็นเธอเสียเอง ไม่ใช่หลิวจ้าวเล่ยหรือหลิวลู่เอินตัวจริง

    'เฟิ่งเทียน' ต้องการผู้สืบทอดที่เป็นชายเท่านั้น กฎเก่าแก่ใช้สืบต่อกันมาเนิ่นนาน และเพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของนายใหญ่คนก่อน มารดาของเธอจึงต้องพยายามรักษาอำนาจไว้ในมือ ในฐานะมารดาของนายน้อย 'มาดามหลิว' จึงสามารถยื่นมือเข้ามาดูแลทุกอย่างได้ โดยที่ไม่ต้องอาศัยคนนอก ทว่าบุตรชายทั้งสองไม่อยู่แล้ว หลิวหลินจึงต้องสวมรอยเป็นพี่ชายฝาแฝดของเธอคนที่เสียชีวิต...เธอจำต้องเป็นหลิวลู่เอิน เพียงเพื่อดูแลอาณาจักรของพ่อและรอคอย 'หลิวจ้าวเล่ย' กลับมา

    สัมผัสอุ่นๆ ที่แตะลงมาบนไหล่ทำให้หลิวหลินลืมตา ท้องฟ้าภายนอกมีเพียงความมืดดำเข้าครอบครอง หญิงสาวหันไปหาเจ้าของมือที่ปลุกเธอให้ตื่นจากอดีต

    "ลี" เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแห้งผาก หญิงสาวไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เธอรู้เพียงแต่ว่าเขายังคงอยู่ข้างเธอตลอดเวลา

    แววตาอบอุ่นที่มองสบกลับมาทำให้ทำนบน้ำตาของหญิงสาวพังทลาย เธอหันไปกอดเข้าไว้แล้วร้องไห้โฮราวกับเด็กหญิงตัวน้อย ไม่มีคำปลอบโยนใดๆ จากเขา มีเพียงความเงียบและเรือนกายแข็งแกร่งให้เธอได้พักพิง

    ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะของเธอด้วยความปลอบโยน ทุกหยดน้ำตาที่รินรดอยู่บนเสื้อสูทของลีมันสาดซัดเข้าไปถึงหัวใจของเขาด้วยเช่นกัน หากหลิวหลินสูญเสียมารดาอันเป็นเสาหลัก ตัวเขาก็ไม่ต่างกันทั้งพี่ชายและพี่สาวที่แสนดีได้ทอดทิ้งเขาไปหมดแล้ว ทั้งยังทิ้งหน้าที่อันใหญ่หลวงไว้ในมือของเขาด้วย

    เมื่อหญิงสาวที่กอดเขาอยู่หยุดสะอื้นแล้ว ลีจึงดันตัวเธอออกมา ก่อนจะใช้นิ้วโป้งช่วยเช็ดคราบน้ำตาที่ยังคงทิ้งร่องรอยไว้บนแก้มทั้งสองข้าง

    "จากนี้ไป...จะไม่มีหลิวหลิน หรือลิลลี่ หลิวอีก ตรงหน้าของผมจะมีเพียงหลิวลู่เอิน นายใหญ่แห่งเฟิ่งเทียนเท่านั้น" น้ำเสียงนุ่มหากแต่หนักแน่นทำให้บ่าทั้งสองข้างของหญิงสาวหนักอึ้งขึ้นมาทันที หลิวหลินหลับตาสูดลมหายใจแรงๆ เพื่อเรียกสติ

    "ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้นค่ะ หลินจะเป็นหลิวลู่เอินเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่ลี" หญิงสาวบอกเขา แววตาอ่อนล้าเมื่อครู่วาววับไปด้วยความมุ่งมั่น

    "ผมไม่ต้องการให้นายท่านทำแบบนี้" เขาบอกเสียงเครียด ก่อนทำท่าจะผละถอยออกมา ทว่ากลับถูกหญิงสาวกอดรั้งเอาไว้แน่น

    "อย่า...อย่าทิ้งหลินไป อย่าให้หลินต้องกลายเป็นคนอื่นเพียงเพราะมันคือหน้าที่ ลีสัญญากับแม่ของหลินแล้วไม่ใช่เหรอคะ" เสียงของหลิวหลินอู้อี้ เธอถือโอกาสทวงคำสัญญาจากเขาต่อหน้าร่างไร้วิญญาณของมารดาทันทีเพราะเธอรู้ว่าลีจะไม่มีวันปฏิเสธ

    "ทำไมถึงต้องทำแบบนี้" เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนลง

    "เพราะลีคือครอบครัวของหลินไงคะ"

    ถ้อยคำที่ชัดเจนและหนักแน่นทำให้เขาจนคำพูด ลีปรายตาไปยังร่างที่นอนนิ่งบนเตียง ชายหนุ่มมองเห็นภาพในอดีตของตนเองผ่านใบหน้าที่สุขสงบของรสริน

    ...ครอบครัวเช่นนั้นหรือ?...

    เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าใครบางคนก็เคยพูดประโยคนี้  ใช่แล้ว!! 'หลิวหลงซิน' พี่บุญธรรมของเขา บิดาของหลิวหลินนั่นเองที่เคยพูดประโยคนี้

    'จิ่นลี่...นายคือครอบครัวของฉัน'

    ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ หลังจากตัดสินใจดีแล้ว ทำเอาคนที่กำลังรอด้วยความคาดหวังอดยิ้มออกมาไม่ได้ แม้ในใจจะเศร้า หากแต่เมื่อรู้ว่าข้างๆของตนเองยังมีมือของผู้ชายคนนี้คอยโอบประคองอยู่ หลิวหลินก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวอีกต่อไป

    หญิงสาวขยับเสื้อที่มีรอยยับย่นของตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะเปิดประตูและก้าวเท้าออกจากห้องนั้นมาด้วยความสง่างามและเยือกเย็น หลังจากที่ฝึกฝนและเตรียมพร้อมที่จะเป็น 'หลิวลู่เอิน' มาทั้งชีวิต บัดนี้ละครฉากใหญ่ของเธอได้เปิดฉากขึ้นแล้ว

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×