คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
ทันทีที่ประตูรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีดำมันปลาบคันที่เพิ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบหน้าประตูคฤหาสน์หลังงามเปิดออก
ชายฉกรรจ์ราวยี่สิบคนที่ยืนรอรับต่างโค้งคำนับและเอ่ยต้อนรับโดยพร้อมเพรียง
"ขอต้อนรับกลับบ้านครับนายน้อย"
เจ้าของเรือนผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มซอยสั้นระต้นคอรับกับศีรษะทุยสวยได้รูปเพียงแต่พยักหน้ารับน้อยๆ
ก่อนจะพาร่างผอมเพรียวที่สูงราวหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าก้าวเท้าเข้าตัวตึกทันที
แม้จะรีบร้อนแต่ท่วงท่าของ 'หลิวลู่เอิน' ก็ยังคงเต็มไปด้วยความสง่างามและน่าเกรงขามในชุดสูทสากลสีดำสนิท
ภาพของสตรีเรือนร่างแบบบางที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงหลังใหญ่ดูเปราะบางเหลือเกินในความรู้สึก
เมื่อได้ก้าวเข้ามาอยู่ข้างๆ แบบนี้ ผู้มาใหม่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะคุกเข่าลงข้างๆ
และคว้ามือของเธอมาแนบแก้มไว้ด้วยความทะนุถนอม
"ออกไปก่อน นายน้อยต้องการอยู่ตามลำพังกับมาดาม"
หญิงรับใช้สองคนค้อมศีรษะรับคำและถอยออกไปจากห้องทันทีตามคำสั่งของ
'ลี' บอดี้การ์ดมาดนิ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากเตียง
หลังจากประตูปิดสนิทชายหนุ่มเป็นผู้ที่เดินมาตรวจความเรียบร้อยของประตูด้วยตนเอง
และยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้นโดยปล่อยให้แม่และลูกได้พูดคุยกันตามลำพัง
"ลิลลี่..."
น้ำเสียงอ่อนแรงของมารดาที่ละเมอออกมาทำให้ทำนบน้ำตาของฝ่ายที่ถูกเอ่ยถึงพังทลาย
สัมผัสของหยดน้ำอุ่นๆ
ที่มือของรสรินปลุกให้เธอลืมตาขึ้นมามอง
ดวงตาแห้งผากที่เคยงดงามฉายรอยปีติเมื่อเห็นหน้าของบุตรสาว
"แม่...ขอโทษ"
คำสั้นๆ
ที่เอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกผิดทำเอาคนรู้แก่ใจสะอื้นฮัก
นับตั้งแต่จำความได้ไม่เคยมีสักครั้งที่คนบนเตียงจะแสดงความอ่อนแอให้เห็น
ผู้หญิงตัวเล็กที่แบกภาระใหญ่เกินตัวในฐานะ 'นายหญิงแห่งเฟิ่งเทียน' สตรีผู้สูญเสียสามีและบุตรชาย
"หลินไม่เคยโกรธแม่เลยนะคะ"
ในที่สุดเธอก็ได้พูด
น้ำเสียงหวานของหญิงสาวดูขัดกับภาพของหนุ่มน้อยที่เธอแสดงออก
เมื่ออยู่ต่อหน้ามารดาและคนสนิทเธอสามารถเป็นตัวตนจริงๆ ได้โดยที่ไม่ต้องซ่อนอยู่ในคราบของหลิวลู่เอินอีกต่อไป
"แม่..."
เสียงปนหอบของรสรินชะงักเมื่อเธอมองเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของบุตรสาวเพียงคนเดียวที่มี
"อย่าร้องไห้...ห้ามร้องไห้ ลูกไม่ควรอ่อนแอให้ใครเห็น"
"ที่นี่มีแค่แม่กับลี หลินไม่อายหรอกค่ะ"
"แม้แต่แม่หรือลีก็ไม่ควรได้เห็นน้ำตาของลูก
จำไว้นะ 'หลิวลู่เอิน' นายใหญ่ของเฟิ่งเทียนจะร้องไห้ไม่ได้เป็นอันขาด"
คำพูดของมารดาทำให้น้ำตาของเธอแห้งลงโดนพลันด้วยความรู้สึกเหมือนบ่าทั้งสองข้างถูกภาระอันหนักอึ้งกดทับลงมา
หญิงสาวถอนสะอื้นและปาดน้ำตาด้วยความรู้สึกใจหาย
"แม่อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ
มาดามหลิวยังอยู่หลิวลู่เอินจะเป็นนายใหญ่ไปได้อย่างไร"
รสรินส่ายหน้า
"แม่ฝืนไม่ไหวแล้วลูก เวลาของแม่หมดแล้วต่อไปนี่จะเป็นหน้าที่ของลูก
ในฐานะของหลิวลู่เอิน"
น้ำเสียงอ่อนล้ายังคงเด็ดขาดและหนักแน่นตามแบบฉบับสตรีผู้กุมอำนาจมาช้านาน
หญิงสาวรู้สึกสะท้านกับประโยคสุดท้าย เธอจะต้องเป็นหลิวลู่เอินจริงๆ
แล้วเช่นนั้นหรือ อิสรภาพและตัวตนที่แท้จริงของ 'หลิวหลิน' กำลังจะหายไปตลอดกาล
"แม่คะ หลินกลัว แม่อย่าทิ้งหลินไปได้ไหมคะ"
"แม่คิดถึงพ่อของหนู
เขาเหน็บหนาวและโดดเดี่ยวมานานเกินไปแล้ว"
ดวงตาของมารดาเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสยามเมื่อได้คิดถึงชายคนรัก
ภาพชินตาที่อยู่ในความทรงจำของหญิงสาวมาเนิ่นนาน
"แล้วหลินล่ะคะแม่ แม่จะทิ้งหลินให้อยู่คนเดียวได้ยังไงกัน"
เสียงฝีเท้าที่เดินขยับเข้ามาราวกับจะประกาศให้รู้ว่ายังมีเขาอีกคน
ทำให้หลิวหลินหันไปสบตาคนสนิทของมารดา เธอกล่าวโทษเขาผ่านทางสายตาโดยไม่ซ่อนเร้น
"ลี...พี่ขอฝากลิลลี่ไว้กับเธอ"
"ครับ" บอดี้การ์ดหนุ่มรับคำสั้นๆ
"หลินต้องการแม่นะคะ"
เธอท้วงมารดาอย่างอดไม่ได้
"หลิวหลิน"
หญิงสาวชะงักเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง ชื่อที่นานๆ ครั้งมารดาจะยอมเรียก
"คะแม่" เธอขานรับและตั้งใจรอฟัง
"เวลาของแม่..."
รสรินชะงักก่อนหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า "เวลาของแม่...เหลือไม่มากพอสำหรับดูแลเฟิ่งเทียนแล้ว...หลินอย่าทำให้แม่...ต้องผิดหวัง"
คำพูดกระท่อนกระแท่นของมารดาทำให้กระบอกตาของหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง
"หลินจะไม่ทำให้แม่ผิดหวังค่ะ"
หญิงสาวจำใจรับปาก
ริมฝีปากบางสีซีดของรสรินขยับยิ้มด้วยความพอใจ
หญิงสาวนึกรู้ทันทีว่าแม้แต่แรงจะลืมตามารดาของเธอยังมีไม่มากพอ เช่นนี้แล้วการร้องขอให้มีชีวิตอยู่จึงเป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกิน
ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกที่อก หัวใจของหลิวหลินถูกบีบรัดด้วยความเสียใจ
มือของมารดาที่เธอเกาะกุมไว้ไร้เรี่ยวแรง หญิงสาวจึงค่อยๆ วางลงไปบนอกที่ขยับขึ้นเล็กน้อยตามแรงหายใจที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด
"ฝากบอกพ่อด้วยนะคะแม่ ว่าหนูคิดถึงเขา
บอกพ่อด้วยนะคะว่าหนูจะดูแลเฟิ่งเทียนของพ่อให้ดี...และบอกเขาด้วยว่าอย่าทอดทิ้งแม่ไปอีก"
หลิวหลินบอกมารดาทั้งน้ำตา รสรินเพียงขยับยิ้มบางๆ เป็นการรับรู้
หญิงสาวยังคงนั่งอยู่ข้างเตียง
เฝ้ามองมารดาของตนเองจากไปอย่างช้าๆ วินาทีนี้หลิวหลินไม่มีน้ำตาอีกแล้ว
ร่างแบบบางบนเตียงจากไปอย่างเงียบเชียบ ท่ามกลางความเงียบสงบที่มีเพียงเธอและลีเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนส่งเธอออกเดินทาง
หลิวหลินหลับตาจากภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บปวดและโศกเศร้า
เธอถูกทอดทิ้งให้อยู่กับความโดดเดี่ยวอีกครั้ง
ไม่สิ...เธอแค่กลับไปอยู่ในความโดดเดี่ยวเหมือนเดิม
นับตั้งแต่จำความได้เธอก็อยู่แบบนี้มาโดยตลอด ซ่อนตัวอยู่ในคราบของหลิวลู่เอิน
ทายาทชายเพียงคนเดียวของหลิวหลงซินที่เหลืออยู่ เรื่องมันคงจะง่ายกว่านี้หากคนที่หายตัวหรือคนที่ตายเป็นเธอเสียเอง
ไม่ใช่หลิวจ้าวเล่ยหรือหลิวลู่เอินตัวจริง
'เฟิ่งเทียน' ต้องการผู้สืบทอดที่เป็นชายเท่านั้น
กฎเก่าแก่ใช้สืบต่อกันมาเนิ่นนาน และเพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของนายใหญ่คนก่อน
มารดาของเธอจึงต้องพยายามรักษาอำนาจไว้ในมือ ในฐานะมารดาของนายน้อย 'มาดามหลิว' จึงสามารถยื่นมือเข้ามาดูแลทุกอย่างได้
โดยที่ไม่ต้องอาศัยคนนอก ทว่าบุตรชายทั้งสองไม่อยู่แล้ว
หลิวหลินจึงต้องสวมรอยเป็นพี่ชายฝาแฝดของเธอคนที่เสียชีวิต...เธอจำต้องเป็นหลิวลู่เอิน
เพียงเพื่อดูแลอาณาจักรของพ่อและรอคอย 'หลิวจ้าวเล่ย' กลับมา
สัมผัสอุ่นๆ
ที่แตะลงมาบนไหล่ทำให้หลิวหลินลืมตา ท้องฟ้าภายนอกมีเพียงความมืดดำเข้าครอบครอง
หญิงสาวหันไปหาเจ้าของมือที่ปลุกเธอให้ตื่นจากอดีต
"ลี" เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแห้งผาก
หญิงสาวไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เธอรู้เพียงแต่ว่าเขายังคงอยู่ข้างเธอตลอดเวลา
แววตาอบอุ่นที่มองสบกลับมาทำให้ทำนบน้ำตาของหญิงสาวพังทลาย
เธอหันไปกอดเข้าไว้แล้วร้องไห้โฮราวกับเด็กหญิงตัวน้อย ไม่มีคำปลอบโยนใดๆ จากเขา
มีเพียงความเงียบและเรือนกายแข็งแกร่งให้เธอได้พักพิง
ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะของเธอด้วยความปลอบโยน
ทุกหยดน้ำตาที่รินรดอยู่บนเสื้อสูทของลีมันสาดซัดเข้าไปถึงหัวใจของเขาด้วยเช่นกัน
หากหลิวหลินสูญเสียมารดาอันเป็นเสาหลัก
ตัวเขาก็ไม่ต่างกันทั้งพี่ชายและพี่สาวที่แสนดีได้ทอดทิ้งเขาไปหมดแล้ว
ทั้งยังทิ้งหน้าที่อันใหญ่หลวงไว้ในมือของเขาด้วย
เมื่อหญิงสาวที่กอดเขาอยู่หยุดสะอื้นแล้ว
ลีจึงดันตัวเธอออกมา
ก่อนจะใช้นิ้วโป้งช่วยเช็ดคราบน้ำตาที่ยังคงทิ้งร่องรอยไว้บนแก้มทั้งสองข้าง
"จากนี้ไป...จะไม่มีหลิวหลิน หรือลิลลี่ หลิวอีก
ตรงหน้าของผมจะมีเพียงหลิวลู่เอิน นายใหญ่แห่งเฟิ่งเทียนเท่านั้น"
น้ำเสียงนุ่มหากแต่หนักแน่นทำให้บ่าทั้งสองข้างของหญิงสาวหนักอึ้งขึ้นมาทันที
หลิวหลินหลับตาสูดลมหายใจแรงๆ เพื่อเรียกสติ
"ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้นค่ะ
หลินจะเป็นหลิวลู่เอินเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่ลี" หญิงสาวบอกเขา
แววตาอ่อนล้าเมื่อครู่วาววับไปด้วยความมุ่งมั่น
"ผมไม่ต้องการให้นายท่านทำแบบนี้"
เขาบอกเสียงเครียด ก่อนทำท่าจะผละถอยออกมา ทว่ากลับถูกหญิงสาวกอดรั้งเอาไว้แน่น
"อย่า...อย่าทิ้งหลินไป อย่าให้หลินต้องกลายเป็นคนอื่นเพียงเพราะมันคือหน้าที่
ลีสัญญากับแม่ของหลินแล้วไม่ใช่เหรอคะ" เสียงของหลิวหลินอู้อี้
เธอถือโอกาสทวงคำสัญญาจากเขาต่อหน้าร่างไร้วิญญาณของมารดาทันทีเพราะเธอรู้ว่าลีจะไม่มีวันปฏิเสธ
"ทำไมถึงต้องทำแบบนี้"
เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
"เพราะลีคือครอบครัวของหลินไงคะ"
ถ้อยคำที่ชัดเจนและหนักแน่นทำให้เขาจนคำพูด
ลีปรายตาไปยังร่างที่นอนนิ่งบนเตียง
ชายหนุ่มมองเห็นภาพในอดีตของตนเองผ่านใบหน้าที่สุขสงบของรสริน
...ครอบครัวเช่นนั้นหรือ?...
เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าใครบางคนก็เคยพูดประโยคนี้ ใช่แล้ว!! 'หลิวหลงซิน' พี่บุญธรรมของเขา
บิดาของหลิวหลินนั่นเองที่เคยพูดประโยคนี้
'จิ่นลี่...นายคือครอบครัวของฉัน'
ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ
หลังจากตัดสินใจดีแล้ว ทำเอาคนที่กำลังรอด้วยความคาดหวังอดยิ้มออกมาไม่ได้
แม้ในใจจะเศร้า
หากแต่เมื่อรู้ว่าข้างๆของตนเองยังมีมือของผู้ชายคนนี้คอยโอบประคองอยู่
หลิวหลินก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวอีกต่อไป
หญิงสาวขยับเสื้อที่มีรอยยับย่นของตัวเองเล็กน้อย
ก่อนจะเปิดประตูและก้าวเท้าออกจากห้องนั้นมาด้วยความสง่างามและเยือกเย็น
หลังจากที่ฝึกฝนและเตรียมพร้อมที่จะเป็น 'หลิวลู่เอิน' มาทั้งชีวิต
บัดนี้ละครฉากใหญ่ของเธอได้เปิดฉากขึ้นแล้ว
ความคิดเห็น