คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทเริ่มต้นแห่ง 7 มหาธาตุ
ณ ป่าพาย่อน เขตป่าไม้ แบบป่าทึบที่ อุดมสมบูรณ์และเงียบสงบ หลากหลายด้วยพฤกษา นาๆพันธุ์ มีมอนสเตอร์มากมาย ทั้งเห็ดตัวใหญ่ที่ส่วนหมวก มีฟันแหลมและลิ้นยาวน่ากลัว สปอร์ เสาไม้ที่อันตรายและยังสามารถร่ายคาถาได้อีก และมอนสเตอร์ที่มีอยู่แต่ในเขตพาย่อนเท่านั้น มอนสเตอร์ต้นไม้ตระกุลวิลโล่ว์
แต่ในเขตป่าแห่งพรานกลับมีเสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่ว หญิงสาวชุดดำผู้หนึ่ง หัน ตวัดสะบัดตัวไปมา พร้อมผมที่มีปลายเทาคล้ายหมาป่า วูฟ สะบัด ไสวไปตามแรงเหวี่ยงของร่าง กาย ดวงตาสีเหลืองไร้แววสุดจะยั่ง จ้องเขม็งไปยังปลายไม้
“ตรงนั้น”ลาปิส ชักปืน Garrison คู่กายของเธอลั่นไกใส่เงาลางๆที่ปลายไม้ มันเลือนหายไปก่อนที่กระสุนจะพุ่งเข้าหามั่น แล้วจึงจ้องดวงตาเหลืองอำพันนั่นไปรอบๆ พบอาวุธพุ่งเข้าใส่กาย กระโดดหลบเข้าหลังต้นไม้ใหญ่ และยังมี Kunai พุ่งปักใส่ต้นไม้อีกสามอัน แต่ก็ไม่วาย อาวุธบินนั่นถากเอาเสื้อบริเวณสีข้างออกจนเห็นสายเสื้อในโผล่นิดๆ
“ออกมาสู้กันดีๆซะ ซิก” เธอตะโกนถ้าพลางเปลี่ยนแม็กกาซีนปืนคู่กาย “คาถาดอกไม้อัคคี บลาส บลูมมิ่ง!” กลีบดอกไม้เพลิงพุ่งเข้าแผดเผาต้นที่ลาปิสหลบอยู่ เธอกระโดดม้วนตัวออกมา ยิงเข้าที่กลางอกนินจาซิก ซูเกะ กระเด็นตามแรงลูกปืนไปแต่ยังไม่เป็นอะไรมาก โชคยังดีที่คว้าดาวกระจายขนาดใหญ่มากันกระสุนไว้ทัน
ลาปิสไม่รอช้า สังหารทันที ด้วยทักษะการยิงรัวเหนือเสียง แรพพิด เชาเวอร์ ลั่นกระสุนห้าดอกพุ่งใส่ร่างที่ล้มอยู่ของซิก “บรึม!” ร่างที่โดนกระสุนทั้งห้านัดระเบิดกลายเป็นควันไป “คาถาแยกร่าง คาไกบันชิน!” เสียงที่ซ้อนกันดังมาจากทั้งสี่ทิศรอบตัว พร้อมพุ่งเข้าชักมีดสั้นปลิดชีพมือปืนสาว โดยที่เธอไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เลย ในสถานการณ์เช่นนี้
“เดสเพอร์ราโด้!” สองแขนกางอ้า สองมือลั่นไกไปรอบตัว ทักษะดักพวกสิ้นคิดที่คิดเข้าใกล้มือปืน ถูกยิงเข้าใส่นินจาโชคร้าย กระสุนบินว่อนไปทั่ว “บรึม!บรึม!บรึม!บรึม!” ร่างทั้งสี่ระเบิดหายเป็นควันไปเช่นกัน ทันใดนั้น เธอก็รู้ตัวเอ่ยออกมาเบาๆ “ร่างแยก!” เหลือบตามองหาซิก พบอยู่บนยอดไผ่พร้อมสายลมที่พัดโชยให้ผ้าคลุมของเขาพลิ้วไหวไปตามลม และใบไผ่
“ชาโด้ว จั้มพ์” ซิกดีดตัวลงมาจากยอดไผ่ด้วยความเร็วสูงในมือกุมคุไนเตรียมปลิดชีพบุคคลเบื้องหน้า เช่นเดียวกัน ลาปิสยกปืนกลแกทลิ่งอันใหญ่อันขึ้นมาในเวลาอันกระชั้นชิดขนาดนี้ แกทลิ่งไม่สามารถหมุนปั้นรอบเพื่อยิงได้ทัน แต่แล้ว ลาปิดกลับหันสันมันมา หวังฟาดเข้าที่นินจาซิก ในไม่กี่เสี้ยววินาทีข้างหน้า
“ย๊ากกก ฝ่ามือสยบปราณ สต็อป เบลด!”ไม่ทันสิ้นเสียง ทั้งคู่ก็มีออร่าสีเหลืองคลุมตัวไว้ ไม่สามารถขยับไปไหนได้เหลือบมองข้างกายพบภิกษุรูปหนึ่งคว้าตัวทั้งคู่เอาไว้ “จะทะเลาะกันก็ไปที่อื่นสิ เดี๋ยวเอ็ดก้าตื่นมาซวยกันพอดี” ภิกษุร่างสูงผอมแต่ดูแล้วมีพลัง มาพร้อมกับผมสีทองส้ม ปิดตาซ้าย ใช้กระบวนท่าสยบปราณสกัดการต่อสู้ของทั้งสองไว้ คุไนจ่อที่คอของลาปิสแล้ว แกทลิ่งยักษ์กำลังจะฟาดเข้าที่กลางหน้าของซิก
แต่แล้ว เมื่อทั้งสามเถียงกันอยู่นั้น พบร่างสูงผอมซีดเซียว ใบหน้ากลวงโบ๋เช่นกะโหลก สวมชุดขาดว่อนพร้อมดาบมูรามาสะในมือ ปีศาจเร่ร่อน วันเดอร์เร่อนั่นเอง พุ่งมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับดวงตาแดงก่ำในมือชักดาบมูรามาสะจะสับเข้าที่คอของลาปิส แต่ทั้งสามไม่สามารถขยับได้ เนื่องจากท่า
สต็อปเบลดของภิกษุนิรนาม
“จ้ากกก วันเดอร์เร่อ!”ซิกตะโกนอย่างวีนสุดชีวิต เสียมาดนินจาไปทันที ภิกษุหนุ่มตะโกนลั่น “หลินฮุ้ย!”ทันไดนั้น ภิกษุสาวอีกคนหนึ่งกระโดดส้นตินถีบยอกหน้าวันเดอร์เร่อปลิวไป ภิกษุสาวหันมายิ้มแลบลิ้นใต้หมวกหมีแพนด้าแก้มสีแดงน่ารักและผมยาวสีน้ำเงินถึงกลางหลัง ให้ภิกษุหนุ่ม “เจ้าค่ะ!”
“หลินฮุ้ย!ข้างหลังเจ้า!”ภิกษุหนุ่มสั่งการขณะวันเดอร์เร่อ ร่ายมนต์เพิ่มความเร็วใส่ตัวเอง และพุ่งอย่างไม่เห็นเงาเข้าหาหลินฮุ้ย “ดิสเปล” มันยังไม่ถึงตัวหลินฮุ้ย ความเร็วก็ตกเนื่องจากมนต์ปลดพลังเสริมของหลินฮุ้ย “เฮ้!หลินฮุ้ย! เป็นภิกษุนี่! ทำไมใช้วิชาของปราชญ์ได้ล่ะ!” นินจาปากมากซักถาม “เงียบๆหน่อยได้มั้ย จะพูดไปถึงไหนซิก!”ลาปิสตำหนิซิก “~ก็มันสงสัยนิ!”ซิกตอบไป
“อ๋อ หลินฮุ้ยน่ะ ไม่ใช่มนุษย์หรอก จริงๆแล้วเธอเป็นมอนสเตอร์ที่ชื่อว่าอลิส ที่เกิดหนีมาจากกลาสเฮม ข้าไปเจอเข้าแถบป่าของเผ่าโคลโบล์”ทุกคนเงียบฟังเสร็จก็หันไปเห็นหลินฮุ้ยต่อยหมัดความเร็วแสงทริปเปิ้ลแอทแทคเข้าท้องวันเดอร์เร่อ
ฟุ่บ!พลั๊ก! ออร่าที่คุมทั้งสามหายไปลาปิสล้มทับซิกด้วยน้ำหนักปืนที่ถือมานาน ภิกษุหนุ่มกระโดดข้ามทั้งสองไปช่วยภิกษุสาว “ฮึ้ย!”ภิกษุหัวส้มใช้ส้นเท้ายันคางมันลอยขึ้นไปบนฟ้า มันลอยเคว้งกลางอากาศแล้วภิกษุหัวส้มก็ใช้มือประสานกัน หลินฮุ้ยวิ่งมาอย่างรวดเร็วเหยียบมือที่ประสานกันไว้ แล้วภิกษุหนุ่มก็โยนหลินฮุ้ยลอยตามไป
หลินฮุ้ยขึ้นไปสอยหมัดสุดท้าย คอมโบฟินิชใส่วันเดอร์เร่อ แต่มันร่ายมนต์ความเร็วอยู่บนอากาศไว้ก่อน เธอจึงชกพลาด “หลินฮุ้ย!”ภิกษุหนุ่มตะโกนร้องใส่ด้วยความเป็นห่วงขณะเห็นภาพวันเดอร์เร่อเงื้อดาบจะฟันลงกลางหลังอดีตอลิส “ดิสอาร์ม!”กระสุนสีเงินวับพุ่งใส่ดาบวันเดอร์เร่อกระเด็นหายไปในป่า
ภิกษุหนุ่มหันมาหาสาวผู้ที่ทำ ลาปิสพยักหน้าให้เล็กน้อย แล้วก็มองกลับไปหาวันเดอร์เร่อที่ไร้ดาบ เงานินจาซิกพุ่งมาจับกะโหลกของมันไว้แน่น ตะโกนลั่นป่า “คาถาดอกไม้อัคคี บลาส บลูมมิ่ง!” แล้วไฟก็ระเบิดหัวของมันเป็นจุนพร้อมแผลเผาร่างของมันหายไปในอากาศ ซิกโดดลงมายืนที่พื้น แล้วก็รับหลินฮุ้ยที่ตกมาจากฟ้าจึงส่งให้ภิกษุนิรนาม
“ขอบคุณท่านมาก เอ่อ... ท่าคือซิกใช่มั๊ย?”ภิกษุหนุ่มถามกับนินจาซิกพลางลูบหัวและโอบไหล่ อลิส หลินฮุ้ยก็ยื่นสิ่งๆหนึ่งที่คล้ายหนังสือให้ภิกษุ“ถูกต้องนะคร้าบบบ แหม่ รู้จักชื่อข้าด้วย แสดงว่าข้าดังแล้วสินะ”ซิกพูดเร็วใส่ภิกษุหนุ่ม “น้อยๆหน่อยซิก ข้าพูดชื่อเจ้าให้ท่านภิกษุผู้นี้ได้ยิน จำไม่ได้รึไง”มือปืนสาวเดินมาข้างๆหลินฮุ้ยพร้อมเท้าสะเอวต่อว่าซิก ซิกเห็นคู่กัดของตนจึงกระโดดถอยหลังไปคว้าคุไนติดนิ้วมาทั้งห้านิ้ว “เฮ้ย!ข้าลืมไป ข้าสู้กับเจ้าอยู่นิ!”ซิกพูดพร้อมทำท่าจะปาคุไนใส่ลาปิส
“พอเสียเถอะท่าทั้งสอง ตอนนี้เรารีบหนีไปดีกว่าก่อนเจ้าป่าเอ็ดก้าจะมาเห็นเข้า”ภิกษุหนุ่มยกมือห้ามปรามซิกไว้ ซิกก็เชื่อฟังอย่างกับลูกแมว “ว่าแต่ พวกข้ายังไม่รู้จักท่านเลย โปรดบอกเถิดท่านภิกษุ ท่านคือใคร”ลาปิสกล่าวพร้อมกวักมือเรียกซิก “ข้าน่ะหรอ ข้า เอลรอส เอลรอส ราสเตอร์ ส่วนนี่ก็” เอลรอสโอบไหล่อลิสพร้อมจะแนะนำให้ทั้งสองรู้จัก แต่ทั้งมือปืนและนินจาก็หันมาตอบพร้อมกัน “หลินฮุ้ย!”
ภิกษุเอลราส เอามือลูบท้ายทอยพร้อมหัวเราะเบาๆ แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังคำรามขึ้น! “โฮกกกกกกก!!” พญาเสือเอ็ดก้าตื่นขึ้นมาพร้อมเดินเข้ามาหาทั้งสาม ที่ไหล่มีมูรามาสะปักคาอยู่ “ใครเป็นคนทำ!”พญาเสือถามเสียงดัง พร้อมชี้ไปที่ดาบเล่มนั้น หลินฮุ้ยเริ่มร่ายคาถาเรียกบอลจิตขึ้นมา แต่เอลรอสก็ยกมือปรามเอาไว้ ลาปิสรีบกอดคอ เอามืออุดปากซิกไว้เพราะเห็นท่าทางว่าซิกจะพูดหาเรื่องเข้าตัวกับเอ็ดก้า “ข้าแต่พญาเสือผู้ยิ่งใหญ่ พวกข้าน้อยพลัดเข้ามาในป่าแห่งนี้เฉยๆ มิได้มีเจตนารุกล้ำท่าน”เอลรอสกล่าวพร้อมน้อมตัวลง
“เจ้าพูดปด!”เอ็ดก้าตะคอกเสียงดัง เอลรอสเห็นดังนั้นจึงถอยตัวออกมาอีกนิด ทั้งหมดก็เช่นกัน “แล้วนี่ฝีมือใคร รบกวนเวลาพักผ่อนของข้า ฟู่ว...”มันพูดพร้อมพุ่นควันยาสูบออกจากปาก “นั่นคือดาบมุรามาสะ ของปีศาจวันเดอร์เร่อ ที่พวกข้าได้กำจัดไป”เอลรอสพูดจบก็เหลือบตามองพญาเสือ ดูอาการ
“วันเดอร์เร่อรึ!”พญาเสีอพูดเสียงดัง “ฟู่ว... อืม...ตายๆซะได้ก็ดี หมู่นี้มันทำร้ายพรานเยอะซะเหลือเกิน ฟู่ว...”มันพ่นควันออกปากแล้วก็ดึงดาบออกมา “พวกเจ้าไปได้ พวกเจ้ามิได้ทำผิดอะไร ซ้ำยังทำดีให้แก่พรานชาวพาย่อน”มันพูดขึ้นกับทุกๆคน “ขอบคุณในความกรุณาของท่านมาก พวกข้าน้อยขอลาก่อน”ภิกษุหนุ่มพูดก็โค้งคำนับทีหนึ่งแล้วก็เดินมาโอบไหล่หลินฮุ้ย
“เดี๋ยวก่อน ท่านภิกษุ”เอ็ดก้าพูดขึ้นห้ามเอลรอสไว้ เอลรอสละมือจากไหล่ของหลินฮุ้ยเดินมาหาเจ้าป่า “ดาบนี่ของท่าน รับไปสิ”เอ็ดก้าพูดพร้อมยื่นดาบให้เอลรอส “ข้าทำเพื่อปกป้องพวกพ้อง มิได้อยากได้สิ่งตอบแทนหรอกท่านเจ้าป่า” เอลรอสยื่นดาบคืนไปให้เอ็ดก้า “เดี๋ยว! ดาบ...!”เหมือนซิกอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ลาปิสตบปากและอุดเอาไว้พร้อมส่งยิ้มหวานและพูดกับเอ็ดก้า “ไม่มีอะไรค่ะ...” เมื่อหลินฮุ้ยและเอลรอสเดินเข้าไปในตัวปราสาท ก็พบทหารยามยืนเฝ้าทางเข้า เขาไม่สนอยู่แล้ว ส่งยิ้มและจะเดินเข้าไปแต่ทั้งสองทหารยามก็เอาหอกกันไว้ “ที่นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ต้องถอดอาวุธก่อนเข้าไป!”ทหารยามเอ่ยเสียเข้ม ภิกษุทั้งสองถอดสนับมือโฮร่าออกและยื่นให้ทหารยามเก็บไว้ แล้วจึงเดินผ่านเข้าไปได้
เมื่อเดินเข้าไปแล้ว พบนักดาบน้อยคนหนึ่งกำลังนั่งทำนายกับหญิงชราตัวเล็กอยู่ แต่เมื่อเขาเดินเข้าไป หญิงชราก็หันมาสนใจที่เขาอย่างมาก ส่งยิ้มให้พร้อมน้ำตาไหลปริๆ และพูดขึ้นอย่างยินดี “ข้ารอท่านมานานแล้ว...ท่านราสเตอร์”หญิงชราไล่นักดาบหนุ่มน้อยออกไปทันทีเหลือเพียงหลินฮุ้ย เอลรอสและเธอเท่านั้น
“มิต้องเรียกข้าท่านก็ได้ ท่านแม่หมอ โปรดเรียกข้าว่าเอลรอสเฉยๆก็ได้”เอลรอสพูดพร้อมมองที่แม่หมอพยากรณ์ “ไม่ได้ๆ ทายาทแห่งราสเตอร์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านถ่อมตนขนาดนี้ ช่างน่าเลื่อมใสนัก..”แม่หมอพูดพร้อมปาดน้ำตา “ราสเตอร์ สกุลข้าน่ะหรอ...”เอลรอสเอ่ยอย่างประหลาดใจ จริงๆแล้วชื่อสกุลเขาเป็นเพียงตัวอักษรที่เขียนติดกระดาษมา ตอนที่เขาถูกทิ้งไว้ที่วิหารแห่งภิกษุ
“ท่าน... เอ่อ...ใช่สินะ ข้าได้ดูคำทำนายบางส่วนเกี่ยวกับท่าแล้วล่ะ ท่านคงไม่รู้จริงๆใช่มั้ย ต้นตระกุลของท่าน”เอลรอสก้มหน้าส่ายหน้าไปมา และหลินฮุ้ยนั่งฟังอย่างตั้งใจ “จริงๆแล้ว เมื่อนานกาล จอมปีศาจดาร์คหลอด ได้ครอบครองรูนมิดการ์ดเอาไว้ทุกเมืองมีสภาพคล้ายนิฟเฮม ปีศาจเพ่นพ่านไปทั่ว แล้วผู้กล้ามหาธาตุทั้ง 7 1 ในนั้นคืออาเธอร์ ราสเตอร์ มหาธาตุอัคคี บรรพบุรุษของท่านนั่นแหละ ลุกขึ้นปราบดาร์คหลอดลงได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยชีวิตของทั้ง 7 ต่อมา ทายาทของมหาธาตุก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลย ตามคำทำนายบอกไว้ว่า ก่อนดาร์คหลอดตายได้ลบความทรงจำเกี่ยวกับมหาธาตุออกไปจากทายาททั้งหมด จึงไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีกเลย”ยายแก่พูดซะยาว เอลรอสนั่งฟังหน้าเคลียด
“จริงๆแล้ว ข้าก็ไม่ได้ไร้ญาตินี่ ได้ยินมั้ย หลิยฮุ้ย ข้าคือราสเตอร์ ทายาทมหาธาตุอัคคี”เอลรอสพูดทั้งน้ำตาและโผเข้ากอดหลินฮุ้ย “แต่เมื่อไม่นานมานี่...”แม่หมอเริ่มคำทำนายต่อ ทั้งคู่ผละจากกันมานั่งฟังอย่างตั้งใจ “เกิดกระแสความปั่นป่วนไปทั่วมิดการ์ด ทุกสิ่งทุกอย่างบ่งบอกว่า เทพแห่งมาร ดาร์คหลอดจะกลับมา... และเมื่อมันกลับมา จากตำราทุกอย่าง ทั้งที่กิฟเฟน และจูโนไม่ได้จารึกวิธีปราบไว้เลย มีน้อยผู้นัก ที่จักรู้เรื่องมหาธาตุทั้ง 7”หญิงชราพูดจบก็เปิดกระบอกไม้ไผ่ดื่มน้ำ
“ดังนั้น วิธีที่จะปราบดาร์คหลอดได้ คงต้องรวมมหาธาตุทั้ง 7 ท่าน เข้าสู้อีกครั้ง”หญิงชราพูดกับเอลรอส “ข้า... มหาธาตุไฟงั้นหรอ”เอลรอสพูดขึ้นนึกถึงในอดีต บางครั้งเขาก็ยิงกระสุนไฟได้ พ่นไฟได้ เสกไฟได้โดยไม่ตั้งใจตลอดมาตอนนี้ เขาหายสงสัยแล้ว “หน้าที่การรวมทายาทคงเป็นของท่านแล้วล่ะ ท่านราสเตอร์”หญิงชราพูดพร้อมลากกระเป๋าใบใหญ่ออกมา
“ข้าจะทำได้หรอ ภาระยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ข้าคงทำไม่ไหว”เอลรอสประเมินการเอาไว้ก่อน “ต้องได้สิท่านราสเตอร์!”หญิงชราพูดเสียงดัง “ขอโทษที่เสียมารยาท ถ้าท่านไม่ทำ มิดการ์ดต้องล่มแน่ๆ อ๊ะ! นี่”เธอพูดจบก็เปิดกระเป๋าออกข้างในมีแร่จำนวน 7 ชิ้นด้วยกัน “นี่คือแร่ที่จะมีปฏิกิริยาก็เมื่ออยู่ใกล้ทายาทมหาธาตุ”เธอพูดพร้อมหยิบแร่รูปหัวใจสีแดงขึ้นมา มันลอยออกมาเปล่งแสงและเกิดไฟลุกท่วมทันที ที่อยู่ใกล้กับเอลรอส หลินฮุ้ยร้องหว๋า ผละตัวออกมา เอลรอสเก็บมันลงไปในกระเป๋าหนังของยายแก่ มันก็เชื่อฟังและสงบไป ยายแก่เล่าต่อ “นี่ มิสติกส์ ฟรอสเซน สำหรับมหาธาตุน้ำ รัฟ วิน สำหรับมหาธาตุลม เฟลม ฮาทก้อนเมื่อกี้ สำหรับท่านมหาธาตุไฟ เกรท เนเจอร์ สำหรับธาตุดิน แล้วก็ โอลปอร์ สำหรับธาตุวิญญาณ”หญิงแก่เล่าจบหลินฮุ้ยก็มีคำถามทันที
“แล้วอีกสองมหาธาตุล่ะเจ้าคะ” “อีกสองมหาธาตุคือ แสงและความมืด ตามคำทำนายบอกว่าจะสามารถพิสูจน์ได้ก็ต่อเมื่อทั้งคู่มาพบกัน”หญิงชราพูดจบก็เก็บแร่ทั้งหมดลงเป้ “อย่างนี้ อีกสองมหาธาตุก็คงหายากล่ะสิ?”เอลรอสพูดพร้อมเอามือจับที่คาง แล้วแม่หมอพยากรณ์ก็ยื่นเป้ที่บรรจุแร่เอาไว้ให้เอลรอส “นั่นคือชะตา ของมิดการ์ดที่ท่านจะกำหนดมัน ขอให้โชคดี...”แม่หมอพูดจบก็เดินเข้าห้องไปแต่ก็ได้ยินอะไรแว่วๆจากเพดาน
“รูวาช!”หลินฮุ้ยสร้างลูกบอลไฟสีฟ้าขึ้นมา มันพุ่งเข้าหาสิ่งที่แอบอยู่บนเพดาน เจ้าสิ่งนั้นตะโกนร้องลั่นด้วยเสียงที่คุ้นเคย “หว๋า! คาถาแยกร่าง คาไกบันชิน!” บรึม!ลูกบอลไฟชนเข้าให้กับร่างแยกจนระเบิดหายเป็นควันไป
“อ้าว!ท่านซิกเองหรอ แอบฟังตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”เอลรอสไม่มีท่าทีโกรธกลับยิ้มรับ “ข้าขอโทษที ข้าใจร้อนน่ะ อ้าวแม่หมอไปซะละ โถ่...”ซิกกล่าวอย่างเสียดาย ก่อนที่หลินฮุ้ยจะมาตอกย้ำ “สมน้ำหน้านะเจ้าคะ ไม่มีมารยาทซะจริง แอบฟังคนคุยกันเนี่ย”
“ช่างเถอะ ว่าแต่การตามหาทายาทคราวนี้ข้าขอไปด้วยได้มั้ย ท่านเอลรอส”ซิกเกาะแขนประจบเอลรอส แต่หลินฮุ้ยก็เดินมาปัดแขนซิกออกไปพร้อมยังแลบลิ้นใส่ซิกอีก “ท่านแน่ใจหรือ ข้าไม่รับประกันความปลอดภัยนะการตามหามหาธาตุคงเป็นงานหนักน่าดู”เอลรอสพูดพร้อมสะบัดเป้ไปด้านหลัง “แน่นอน ข้าไม่อยากกลับอามัตซึ พ่อข้าเกลียดข้าจะตาย” เอลรอสยิ้มและหัวเราะเล็กน้อย ก่อนพากันเดินออกห้องไป
เมื่อรับอาวุธคืนจากยามแล้วก็เดินกลับโรงแรมไปพร้อมๆกัน เมื่อเปิดประตูเข้ามาในโรงแรม หลินฮุ้ยปิดประตูแรงไปหน่อยทำให้กุญแจห้องที่แขวนอยู่หล่นลงมากองกันอยู่พื้น เอลรอสรีบวิ่งไปขอโทษของโพยแล้วช่วยเก็บ “ข้าขอห้องคืนเดียวแล้วกันท่านป้า เอ่อ... นอนสองคนกับภิกษุคนนี้”เอลรอสก็เขียนลงสมุดเช็คอิน
ตามด้วยซิก “เอ่อ... ข้าจะอยู่ห้องไหนดีน้า”ซิกปากมากจริงๆ ถามได้ทั้งวี่ทั้งวัน “อ้าว มาด้วยกันหรอจ้ะ ก็ไม่ต้องลงชื่อหรอก เอากุญแจห้องไปเลย ห้องข้างๆพ่อหนูแม่หนูสองคนนี้แหละ”เจ้าของโรงแรมก็ยื่นกุญแจให้ซิก แล้วซิกก็วิ่งตีลังกาอย่างลิงโลดขึ้นไปทันที ต้องให้เอลรอสขอโทษเจ้าของโรงแรม
เมื่อซิกเปิดกุญแจเข้าไปห้องสะอาดเรียบร้อย มีน้ำดื่ม โต๊ะ น้ำชา และหน้าต่างชมวิวของหุบเขาพาย่อนที่สวยงาม เขานอนแผ่ตัวลงบนเตียง เตียงในห้องมีเพียงเตียงเดียวแถมยังค่อนข้างเล็กเหมาะสำหรับนอนคนเดียว เป็นจังหวะเดียวกันกับที่หญิงสาวผู้หนึ่งที่มีปลายผมสีเทาคล้ายหมาป่าเดินเปลือยเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ ทั้งคู่ไม่ได้มองกัน ซิกที่นอนคว่ำอยู่ก็หันไปและเดินไปที่หน้าต่างพร้อมๆกับลาปิสเช็ดผมและเดินไปหน้ากระจกหวีผมในสภาพเปลือย
“ฮัดชิ่ว!”ทั้งสองคนจามออกมาพร้อมๆกัน จนหันมามองกัน
“กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!”เสียงวีนดังสนั่นลั่นโรงแรมพร้อมกับซิกที่กระโดดออกมานอกหน้าต่างหนีห่ากระสุนของลาปิส
“เสียงอะไร?”เอลรอสที่นอนดูมณีทั้งหมดอยู่ถามกับหลินฮุ้ยที่นั่งโซ้ยบะหมี่ หลินฮุ้ยได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ
“เปลี่ยนห้องให้ข้าเดี๋ยวนี้!”ซิกไปบอกขอเปลี่ยนห้องกับป้าที่เคานท์เตอร์ทันที “อ้าว! เออ ใช่ ลืมไปซะสนิดว่าหนูคนนั้นมาเช่าก่อนแล้วนี่นา โทษทีจ่ะ ไหนดูซิห้องไหนว่างอีก...”ซิกยืนรออย่างอดทนกับป้าที่เคานท์เตอร์แล้วลาปิสในชุดมือปืนก็วิ่งลงมาพร้อมแกทลิ่งอันเบ้อเริ่ม “เจ้า ซิก! เจ้าตายแน่!”
ก่อนที่เธอจะยิง ป้าเจ้าของโรงแรมได้ขอเอาซะก่อน จึงสงบอารมณ์ได้บ้าง แต่ก็เคลียดแค้นใจที่ซิกเห็นเครื่องในหมดแล้ว ซิกยืนมองลาปิสตาเย้มปากยิ้มน้ำลายไหลกำเดาไหลนึกภาพที่เขาเห็นตอนนั้น “~เหอๆ~”เขาพูดเบาๆก่อนหันไปหาป้าเจ้าของโรงแรม “ห้อง...เต็มแล้วจ่ะ” “หา!”ทั้งคู่อ้าปากค้าง “พวกหนูรู้จักกันนี่ก็อยู่ห้องเดียวกันไปเลยก็ได้นิ” แล้วป้าก็เดินหายเข้าไปในล็อบบี้
คืนนี้ทั้งสองคงหลับยากแน่ๆ ต้องนอนกับศัตรูแบบนี้ ไม่ฝ่ายใดก็คงต้องตายกันไปข้างหนึ่ง
ตกดึก ลาปิสนั่งขัดปืนมันวับในชุดนอนที่เตียงอันแสนนุ่ม ซิกนั่งเช็ดคุไนทุกเล่มของเขาจนขึ้นมันเช่นกัน ทั้งคู่จ้องศัตรูตาไม่กระพริบ แล้วภาพเดิมเมื่อตอนเย็นก็พลุ่บเข้าหัวซิก “เหอๆ แจ่ม...” “ฟุ่บ!เพล้ง!”แจกันหัวเตียงพุ่งเข้าฟาดหัวซิกแทบตกหน้าต่าง “ทำอะไรของเจ้าน่ะ!”ซิกตะคอกใส่พร้อมเลือดที่ไหลย้อยลงมาตามใบหน้า “เหอๆ”เขายังเหอไม่เลิก ยังดีที่ในห้องมีหมอนสองใบ
ลาปิสขว้างหมอนไปที่หน้าประตู “เจ้านอนหน้าประตูแล้วกัน”ลาปิสพูดจบก็กอดแกทลิ่งนอนไป “หาๆ ไม่ๆ!”ซิกในชุดนอนหัวเปื้อนเลือดก็เถียงทันที แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากลาปิสคงหลับไปแล้ว “หน้าประตูเรอะ ใครเปิดมาก็หัวแตกอีกน่ะสิ”ซิกพูดพร้อมคว้าหมอนมาขว้างไปที่ข้างๆเตียง “นอนข้างล่างนี่ก็ได้ไม่ได้ง้อนี่!”ซิกเช่นเดียวกัน กอดคุไนนอนหลับไป
รุ่งเช้าแสงอาทิตย์สาดส่อง แยงตาภิกษุหนุ่มที่ถอดเสื้อนอนอยู่ มีภิกษุสาวอีกคนหนึ่งซบอกหลับอยู่ เอลรอสตื่นขึ้นเดินไปบิดขี้เกียจที่หน้าต่าง มองวิวพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็หันกลับมามองพลางยิ้มกับภาพของหลินฮุ้ยที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่
ข้างๆของห้องเอลรอส แกทลิ่งกันได้ถูกวางไว้บนเตียงเฉยๆ ล่างข้างๆเตียงพบหนุ่มสาวคู่หนึ่งนอนกอดกันกลม แล้วแสงอาทิตย์ก็ส่องผ่านม่านส่องตาทั้งคู่ให้ตื่นพร้อมกัน ซิกลืมตาขึ้นมาพบลาปิสที่ลืมตาขึ้นมาจ้องตากัน เขายิ้มทักง่ายๆ “Hi
” ลาปิสยิ้มและเมื่อกำลังจะส่ง Hi ตอบเธอก็วีนซะลั่นโรงแรมไปซะก่อน ตามด้วยเสียงร้องว้ายอย่างกระเทยด้วยเสียงซิกดังตามมา
หลินฮุ้ยเดินมากอดเอลรอสที่ยืนชมวิวอยู เขาก็เอ่ยออกมานิดๆ “การเดินทางครั้งนี้...จะรอดมั๊ยเนี่ย”
To be continue....
ความคิดเห็น