ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic]“Ragnarok : The Great of IIV Spirit”[Regis]

    ลำดับตอนที่ #2 : บทเริ่มต้นแห่ง 7 มหาธาตุ

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ค. 50


    ณ ป่าพาย่อน เขตป่าไม้ แบบป่าทึบที่ อุดมสมบูรณ์และเงียบสงบ หลากหลายด้วยพฤกษา นาๆพันธุ์ มีมอนสเตอร์มากมาย ทั้งเห็ดตัวใหญ่ที่ส่วนหมวก มีฟันแหลมและลิ้นยาวน่ากลัว สปอร์ เสาไม้ที่อันตรายและยังสามารถร่ายคาถาได้อีก และมอนสเตอร์ที่มีอยู่แต่ในเขตพาย่อนเท่านั้น มอนสเตอร์ต้นไม้ตระกุลวิลโล่ว์

    แต่ในเขตป่าแห่งพรานกลับมีเสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่ว หญิงสาวชุดดำผู้หนึ่ง หัน ตวัดสะบัดตัวไปมา พร้อมผมที่มีปลายเทาคล้ายหมาป่า วูฟ สะบัด ไสวไปตามแรงเหวี่ยงของร่าง กาย ดวงตาสีเหลืองไร้แววสุดจะยั่ง จ้องเขม็งไปยังปลายไม้

    ตรงนั้นลาปิส ชักปืน Garrison คู่กายของเธอลั่นไกใส่เงาลางๆที่ปลายไม้ มันเลือนหายไปก่อนที่กระสุนจะพุ่งเข้าหามั่น แล้วจึงจ้องดวงตาเหลืองอำพันนั่นไปรอบๆ พบอาวุธพุ่งเข้าใส่กาย กระโดดหลบเข้าหลังต้นไม้ใหญ่ และยังมี Kunai พุ่งปักใส่ต้นไม้อีกสามอัน แต่ก็ไม่วาย อาวุธบินนั่นถากเอาเสื้อบริเวณสีข้างออกจนเห็นสายเสื้อในโผล่นิดๆ

    ออกมาสู้กันดีๆซะ ซิกเธอตะโกนถ้าพลางเปลี่ยนแม็กกาซีนปืนคู่กายคาถาดอกไม้อัคคี บลาส บลูมมิ่ง!กลีบดอกไม้เพลิงพุ่งเข้าแผดเผาต้นที่ลาปิสหลบอยู่ เธอกระโดดม้วนตัวออกมา ยิงเข้าที่กลางอกนินจาซิก ซูเกะ กระเด็นตามแรงลูกปืนไปแต่ยังไม่เป็นอะไรมาก โชคยังดีที่คว้าดาวกระจายขนาดใหญ่มากันกระสุนไว้ทัน

    ลาปิสไม่รอช้า สังหารทันที ด้วยทักษะการยิงรัวเหนือเสียง แรพพิด เชาเวอร์ ลั่นกระสุนห้าดอกพุ่งใส่ร่างที่ล้มอยู่ของซิก บรึม!ร่างที่โดนกระสุนทั้งห้านัดระเบิดกลายเป็นควันไป คาถาแยกร่าง คาไกบันชิน!เสียงที่ซ้อนกันดังมาจากทั้งสี่ทิศรอบตัว พร้อมพุ่งเข้าชักมีดสั้นปลิดชีพมือปืนสาว โดยที่เธอไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เลย ในสถานการณ์เช่นนี้

    เดสเพอร์ราโด้!สองแขนกางอ้า สองมือลั่นไกไปรอบตัว ทักษะดักพวกสิ้นคิดที่คิดเข้าใกล้มือปืน ถูกยิงเข้าใส่นินจาโชคร้าย กระสุนบินว่อนไปทั่ว บรึม!บรึม!บรึม!บรึม!ร่างทั้งสี่ระเบิดหายเป็นควันไปเช่นกัน ทันใดนั้น เธอก็รู้ตัวเอ่ยออกมาเบาๆร่างแยก!เหลือบตามองหาซิก พบอยู่บนยอดไผ่พร้อมสายลมที่พัดโชยให้ผ้าคลุมของเขาพลิ้วไหวไปตามลม และใบไผ่

    ชาโด้ว จั้มพ์ซิกดีดตัวลงมาจากยอดไผ่ด้วยความเร็วสูงในมือกุมคุไนเตรียมปลิดชีพบุคคลเบื้องหน้า เช่นเดียวกัน ลาปิสยกปืนกลแกทลิ่งอันใหญ่อันขึ้นมาในเวลาอันกระชั้นชิดขนาดนี้ แกทลิ่งไม่สามารถหมุนปั้นรอบเพื่อยิงได้ทัน แต่แล้ว ลาปิดกลับหันสันมันมา หวังฟาดเข้าที่นินจาซิก ในไม่กี่เสี้ยววินาทีข้างหน้า

    “ย๊ากกก ฝ่ามือสยบปราณ สต็อป เบลด!ไม่ทันสิ้นเสียง ทั้งคู่ก็มีออร่าสีเหลืองคลุมตัวไว้ ไม่สามารถขยับไปไหนได้เหลือบมองข้างกายพบภิกษุรูปหนึ่งคว้าตัวทั้งคู่เอาไว้จะทะเลาะกันก็ไปที่อื่นสิ เดี๋ยวเอ็ดก้าตื่นมาซวยกันพอดีภิกษุร่างสูงผอมแต่ดูแล้วมีพลัง มาพร้อมกับผมสีทองส้ม ปิดตาซ้าย ใช้กระบวนท่าสยบปราณสกัดการต่อสู้ของทั้งสองไว้ คุไนจ่อที่คอของลาปิสแล้ว แกทลิ่งยักษ์กำลังจะฟาดเข้าที่กลางหน้าของซิก

    แต่แล้ว
    เมื่อทั้งสามเถียงกันอยู่นั้น พบร่างสูงผอมซีดเซียว ใบหน้ากลวงโบ๋เช่นกะโหลก สวมชุดขาดว่อนพร้อมดาบมูรามาสะในมือ ปีศาจเร่ร่อน วันเดอร์เร่อนั่นเอง พุ่งมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับดวงตาแดงก่ำในมือชักดาบมูรามาสะจะสับเข้าที่คอของลาปิส แต่ทั้งสามไม่สามารถขยับได้ เนื่องจากท่า
    สต็อปเบลดของภิกษุนิรนาม

    จ้ากกก วันเดอร์เร่อ!
    ซิกตะโกนอย่างวีนสุดชีวิต เสียมาดนินจาไปทันที ภิกษุหนุ่มตะโกนลั่น หลินฮุ้ย!ทันไดนั้น ภิกษุสาวอีกคนหนึ่งกระโดดส้นตินถีบยอกหน้าวันเดอร์เร่อปลิวไป ภิกษุสาวหันมายิ้มแลบลิ้นใต้หมวกหมีแพนด้าแก้มสีแดงน่ารักและผมยาวสีน้ำเงินถึงกลางหลัง ให้ภิกษุหนุ่ม เจ้าค่ะ!” 
    หลินฮุ้ย!ข้างหลังเจ้า!
    ภิกษุหนุ่มสั่งการขณะวันเดอร์เร่อ ร่ายมนต์เพิ่มความเร็วใส่ตัวเอง และพุ่งอย่างไม่เห็นเงาเข้าหาหลินฮุ้ย ดิสเปลมันยังไม่ถึงตัวหลินฮุ้ย ความเร็วก็ตกเนื่องจากมนต์ปลดพลังเสริมของหลินฮุ้ยเฮ้!หลินฮุ้ย! เป็นภิกษุนี่! ทำไมใช้วิชาของปราชญ์ได้ล่ะ!นินจาปากมากซักถามเงียบๆหน่อยได้มั้ย จะพูดไปถึงไหนซิก!ลาปิสตำหนิซิก “~ก็มันสงสัยนิ!ซิกตอบไป

    อ๋อ หลินฮุ้ยน่ะ ไม่ใช่มนุษย์หรอก
    จริงๆแล้วเธอเป็นมอนสเตอร์ที่ชื่อว่าอลิส ที่เกิดหนีมาจากกลาสเฮม ข้าไปเจอเข้าแถบป่าของเผ่าโคลโบล์ทุกคนเงียบฟังเสร็จก็หันไปเห็นหลินฮุ้ยต่อยหมัดความเร็วแสงทริปเปิ้ลแอทแทคเข้าท้องวันเดอร์เร่อ

    ฟุ่บ!พลั๊ก!
    ออร่าที่คุมทั้งสามหายไปลาปิสล้มทับซิกด้วยน้ำหนักปืนที่ถือมานาน ภิกษุหนุ่มกระโดดข้ามทั้งสองไปช่วยภิกษุสาวฮึ้ย!ภิกษุหัวส้มใช้ส้นเท้ายันคางมันลอยขึ้นไปบนฟ้า มันลอยเคว้งกลางอากาศแล้วภิกษุหัวส้มก็ใช้มือประสานกัน หลินฮุ้ยวิ่งมาอย่างรวดเร็วเหยียบมือที่ประสานกันไว้ แล้วภิกษุหนุ่มก็โยนหลินฮุ้ยลอยตามไป
    หลินฮุ้ยขึ้นไปสอยหมัดสุดท้าย คอมโบฟินิชใส่วันเดอร์เร่อ แต่มันร่ายมนต์ความเร็วอยู่บนอากาศไว้ก่อน เธอจึงชกพลาด “หลินฮุ้ย!”ภิกษุหนุ่มตะโกนร้องใส่ด้วยความเป็นห่วงขณะเห็นภาพวันเดอร์เร่อเงื้อดาบจะฟันลงกลางหลังอดีตอลิส “ดิสอาร์ม!”กระสุนสีเงินวับพุ่งใส่ดาบวันเดอร์เร่อกระเด็นหายไปในป่า

    ภิกษุหนุ่มหันมาหาสาวผู้ที่ทำ ลาปิสพยักหน้าให้เล็กน้อย แล้วก็มองกลับไปหาวันเดอร์เร่อที่ไร้ดาบ เงานินจาซิกพุ่งมาจับกะโหลกของมันไว้แน่น ตะโกนลั่นป่า “คาถาดอกไม้อัคคี บลาส บลูมมิ่ง!” แล้วไฟก็ระเบิดหัวของมันเป็นจุนพร้อมแผลเผาร่างของมันหายไปในอากาศ ซิกโดดลงมายืนที่พื้น แล้วก็รับหลินฮุ้ยที่ตกมาจากฟ้าจึงส่งให้ภิกษุนิรนาม

    “ขอบคุณท่านมาก เอ่อ... ท่าคือซิกใช่มั๊ย?”ภิกษุหนุ่มถามกับนินจาซิกพลางลูบหัวและโอบไหล่ อลิส หลินฮุ้ยก็ยื่นสิ่งๆหนึ่งที่คล้ายหนังสือให้ภิกษุ“ถูกต้องนะคร้าบบบ แหม่ รู้จักชื่อข้าด้วย แสดงว่าข้าดังแล้วสินะ”ซิกพูดเร็วใส่ภิกษุหนุ่ม “น้อยๆหน่อยซิก ข้าพูดชื่อเจ้าให้ท่านภิกษุผู้นี้ได้ยิน จำไม่ได้รึไง”มือปืนสาวเดินมาข้างๆหลินฮุ้ยพร้อมเท้าสะเอวต่อว่าซิก ซิกเห็นคู่กัดของตนจึงกระโดดถอยหลังไปคว้าคุไนติดนิ้วมาทั้งห้านิ้ว “เฮ้ย!ข้าลืมไป ข้าสู้กับเจ้าอยู่นิ!”ซิกพูดพร้อมทำท่าจะปาคุไนใส่ลาปิส

    “พอเสียเถอะท่าทั้งสอง ตอนนี้เรารีบหนีไปดีกว่าก่อนเจ้าป่าเอ็ดก้าจะมาเห็นเข้า”ภิกษุหนุ่มยกมือห้ามปรามซิกไว้ ซิกก็เชื่อฟังอย่างกับลูกแมว “ว่าแต่ พวกข้ายังไม่รู้จักท่านเลย โปรดบอกเถิดท่านภิกษุ ท่านคือใคร”ลาปิสกล่าวพร้อมกวักมือเรียกซิก “ข้าน่ะหรอ ข้า เอลรอส เอลรอส ราสเตอร์ ส่วนนี่ก็” เอลรอสโอบไหล่อลิสพร้อมจะแนะนำให้ทั้งสองรู้จัก แต่ทั้งมือปืนและนินจาก็หันมาตอบพร้อมกัน “หลินฮุ้ย!”

    ภิกษุเอลราส เอามือลูบท้ายทอยพร้อมหัวเราะเบาๆ แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังคำรามขึ้น! “โฮกกกกกกก!!” พญาเสือเอ็ดก้าตื่นขึ้นมาพร้อมเดินเข้ามาหาทั้งสาม ที่ไหล่มีมูรามาสะปักคาอยู่ “ใครเป็นคนทำ!”พญาเสือถามเสียงดัง พร้อมชี้ไปที่ดาบเล่มนั้น หลินฮุ้ยเริ่มร่ายคาถาเรียกบอลจิตขึ้นมา แต่เอลรอสก็ยกมือปรามเอาไว้ ลาปิสรีบกอดคอ เอามืออุดปากซิกไว้เพราะเห็นท่าทางว่าซิกจะพูดหาเรื่องเข้าตัวกับเอ็ดก้า “ข้าแต่พญาเสือผู้ยิ่งใหญ่ พวกข้าน้อยพลัดเข้ามาในป่าแห่งนี้เฉยๆ มิได้มีเจตนารุกล้ำท่าน”เอลรอสกล่าวพร้อมน้อมตัวลง

    “เจ้าพูดปด!”เอ็ดก้าตะคอกเสียงดัง เอลรอสเห็นดังนั้นจึงถอยตัวออกมาอีกนิด ทั้งหมดก็เช่นกัน “แล้วนี่ฝีมือใคร รบกวนเวลาพักผ่อนของข้า ฟู่ว...”มันพูดพร้อมพุ่นควันยาสูบออกจากปาก “นั่นคือดาบมุรามาสะ ของปีศาจวันเดอร์เร่อ ที่พวกข้าได้กำจัดไป”เอลรอสพูดจบก็เหลือบตามองพญาเสือ ดูอาการ

    “วันเดอร์เร่อรึ!”พญาเสีอพูดเสียงดัง “ฟู่ว... อืม...ตายๆซะได้ก็ดี หมู่นี้มันทำร้ายพรานเยอะซะเหลือเกิน ฟู่ว...”มันพ่นควันออกปากแล้วก็ดึงดาบออกมา “พวกเจ้าไปได้ พวกเจ้ามิได้ทำผิดอะไร ซ้ำยังทำดีให้แก่พรานชาวพาย่อน”มันพูดขึ้นกับทุกๆคน “ขอบคุณในความกรุณาของท่านมาก พวกข้าน้อยขอลาก่อน”ภิกษุหนุ่มพูดก็โค้งคำนับทีหนึ่งแล้วก็เดินมาโอบไหล่หลินฮุ้ย

    “เดี๋ยวก่อน ท่านภิกษุ”เอ็ดก้าพูดขึ้นห้ามเอลรอสไว้ เอลรอสละมือจากไหล่ของหลินฮุ้ยเดินมาหาเจ้าป่า “ดาบนี่ของท่าน รับไปสิ”เอ็ดก้าพูดพร้อมยื่นดาบให้เอลรอส “ข้าทำเพื่อปกป้องพวกพ้อง มิได้อยากได้สิ่งตอบแทนหรอกท่านเจ้าป่า” เอลรอสยื่นดาบคืนไปให้เอ็ดก้า “เดี๋ยว! ดาบ...!”เหมือนซิกอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ลาปิสตบปากและอุดเอาไว้พร้อมส่งยิ้มหวานและพูดกับเอ็ดก้า “ไม่มีอะไรค่ะ...”  เมื่อหลินฮุ้ยและเอลรอสเดินเข้าไปในตัวปราสาท ก็พบทหารยามยืนเฝ้าทางเข้า เขาไม่สนอยู่แล้ว ส่งยิ้มและจะเดินเข้าไปแต่ทั้งสองทหารยามก็เอาหอกกันไว้ “ที่นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ต้องถอดอาวุธก่อนเข้าไป!”ทหารยามเอ่ยเสียเข้ม ภิกษุทั้งสองถอดสนับมือโฮร่าออกและยื่นให้ทหารยามเก็บไว้ แล้วจึงเดินผ่านเข้าไปได้

    เมื่อเดินเข้าไปแล้ว พบนักดาบน้อยคนหนึ่งกำลังนั่งทำนายกับหญิงชราตัวเล็กอยู่ แต่เมื่อเขาเดินเข้าไป หญิงชราก็หันมาสนใจที่เขาอย่างมาก ส่งยิ้มให้พร้อมน้ำตาไหลปริๆ และพูดขึ้นอย่างยินดี “ข้ารอท่านมานานแล้ว...ท่านราสเตอร์”หญิงชราไล่นักดาบหนุ่มน้อยออกไปทันทีเหลือเพียงหลินฮุ้ย เอลรอสและเธอเท่านั้น

    “มิต้องเรียกข้าท่านก็ได้ ท่านแม่หมอ โปรดเรียกข้าว่าเอลรอสเฉยๆก็ได้”เอลรอสพูดพร้อมมองที่แม่หมอพยากรณ์ “ไม่ได้ๆ ทายาทแห่งราสเตอร์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านถ่อมตนขนาดนี้ ช่างน่าเลื่อมใสนัก..”แม่หมอพูดพร้อมปาดน้ำตา “ราสเตอร์ สกุลข้าน่ะหรอ...”เอลรอสเอ่ยอย่างประหลาดใจ จริงๆแล้วชื่อสกุลเขาเป็นเพียงตัวอักษรที่เขียนติดกระดาษมา ตอนที่เขาถูกทิ้งไว้ที่วิหารแห่งภิกษุ

    “ท่าน... เอ่อ...ใช่สินะ ข้าได้ดูคำทำนายบางส่วนเกี่ยวกับท่าแล้วล่ะ ท่านคงไม่รู้จริงๆใช่มั้ย ต้นตระกุลของท่าน”เอลรอสก้มหน้าส่ายหน้าไปมา และหลินฮุ้ยนั่งฟังอย่างตั้งใจ “จริงๆแล้ว เมื่อนานกาล จอมปีศาจดาร์คหลอด ได้ครอบครองรูนมิดการ์ดเอาไว้ทุกเมืองมีสภาพคล้ายนิฟเฮม ปีศาจเพ่นพ่านไปทั่ว แล้วผู้กล้ามหาธาตุทั้ง 7 1 ในนั้นคืออาเธอร์ ราสเตอร์ มหาธาตุอัคคี บรรพบุรุษของท่านนั่นแหละ ลุกขึ้นปราบดาร์คหลอดลงได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยชีวิตของทั้ง 7 ต่อมา ทายาทของมหาธาตุก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลย ตามคำทำนายบอกไว้ว่า ก่อนดาร์คหลอดตายได้ลบความทรงจำเกี่ยวกับมหาธาตุออกไปจากทายาททั้งหมด จึงไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีกเลย”ยายแก่พูดซะยาว เอลรอสนั่งฟังหน้าเคลียด

    “จริงๆแล้ว ข้าก็ไม่ได้ไร้ญาตินี่ ได้ยินมั้ย หลิยฮุ้ย ข้าคือราสเตอร์ ทายาทมหาธาตุอัคคี”เอลรอสพูดทั้งน้ำตาและโผเข้ากอดหลินฮุ้ย “แต่เมื่อไม่นานมานี่...”แม่หมอเริ่มคำทำนายต่อ ทั้งคู่ผละจากกันมานั่งฟังอย่างตั้งใจ “เกิดกระแสความปั่นป่วนไปทั่วมิดการ์ด ทุกสิ่งทุกอย่างบ่งบอกว่า เทพแห่งมาร ดาร์คหลอดจะกลับมา... และเมื่อมันกลับมา จากตำราทุกอย่าง ทั้งที่กิฟเฟน และจูโนไม่ได้จารึกวิธีปราบไว้เลย มีน้อยผู้นัก ที่จักรู้เรื่องมหาธาตุทั้ง 7”หญิงชราพูดจบก็เปิดกระบอกไม้ไผ่ดื่มน้ำ

    “ดังนั้น วิธีที่จะปราบดาร์คหลอดได้ คงต้องรวมมหาธาตุทั้ง 7 ท่าน เข้าสู้อีกครั้ง”หญิงชราพูดกับเอลรอส “ข้า... มหาธาตุไฟงั้นหรอ”เอลรอสพูดขึ้นนึกถึงในอดีต บางครั้งเขาก็ยิงกระสุนไฟได้ พ่นไฟได้ เสกไฟได้โดยไม่ตั้งใจตลอดมาตอนนี้ เขาหายสงสัยแล้ว “หน้าที่การรวมทายาทคงเป็นของท่านแล้วล่ะ ท่านราสเตอร์”หญิงชราพูดพร้อมลากกระเป๋าใบใหญ่ออกมา

    “ข้าจะทำได้หรอ ภาระยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ข้าคงทำไม่ไหว”เอลรอสประเมินการเอาไว้ก่อน “ต้องได้สิท่านราสเตอร์!”หญิงชราพูดเสียงดัง “ขอโทษที่เสียมารยาท ถ้าท่านไม่ทำ มิดการ์ดต้องล่มแน่ๆ อ๊ะ! นี่”เธอพูดจบก็เปิดกระเป๋าออกข้างในมีแร่จำนวน 7 ชิ้นด้วยกัน “นี่คือแร่ที่จะมีปฏิกิริยาก็เมื่ออยู่ใกล้ทายาทมหาธาตุ”เธอพูดพร้อมหยิบแร่รูปหัวใจสีแดงขึ้นมา มันลอยออกมาเปล่งแสงและเกิดไฟลุกท่วมทันที ที่อยู่ใกล้กับเอลรอส หลินฮุ้ยร้องหว๋า ผละตัวออกมา เอลรอสเก็บมันลงไปในกระเป๋าหนังของยายแก่ มันก็เชื่อฟังและสงบไป ยายแก่เล่าต่อ “นี่ มิสติกส์ ฟรอสเซน สำหรับมหาธาตุน้ำ รัฟ วิน สำหรับมหาธาตุลม เฟลม ฮาทก้อนเมื่อกี้ สำหรับท่านมหาธาตุไฟ เกรท เนเจอร์ สำหรับธาตุดิน แล้วก็ โอลปอร์ สำหรับธาตุวิญญาณ”หญิงแก่เล่าจบหลินฮุ้ยก็มีคำถามทันที

    “แล้วอีกสองมหาธาตุล่ะเจ้าคะ” “อีกสองมหาธาตุคือ แสงและความมืด ตามคำทำนายบอกว่าจะสามารถพิสูจน์ได้ก็ต่อเมื่อทั้งคู่มาพบกัน”หญิงชราพูดจบก็เก็บแร่ทั้งหมดลงเป้ “อย่างนี้ อีกสองมหาธาตุก็คงหายากล่ะสิ?”เอลรอสพูดพร้อมเอามือจับที่คาง แล้วแม่หมอพยากรณ์ก็ยื่นเป้ที่บรรจุแร่เอาไว้ให้เอลรอส “นั่นคือชะตา ของมิดการ์ดที่ท่านจะกำหนดมัน ขอให้โชคดี...”แม่หมอพูดจบก็เดินเข้าห้องไปแต่ก็ได้ยินอะไรแว่วๆจากเพดาน

    “รูวาช!”หลินฮุ้ยสร้างลูกบอลไฟสีฟ้าขึ้นมา มันพุ่งเข้าหาสิ่งที่แอบอยู่บนเพดาน เจ้าสิ่งนั้นตะโกนร้องลั่นด้วยเสียงที่คุ้นเคย “หว๋า! คาถาแยกร่าง คาไกบันชิน!” บรึม!ลูกบอลไฟชนเข้าให้กับร่างแยกจนระเบิดหายเป็นควันไป

    “อ้าว!ท่านซิกเองหรอ แอบฟังตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”เอลรอสไม่มีท่าทีโกรธกลับยิ้มรับ “ข้าขอโทษที ข้าใจร้อนน่ะ อ้าวแม่หมอไปซะละ โถ่...”ซิกกล่าวอย่างเสียดาย ก่อนที่หลินฮุ้ยจะมาตอกย้ำ “สมน้ำหน้านะเจ้าคะ ไม่มีมารยาทซะจริง แอบฟังคนคุยกันเนี่ย”

    “ช่างเถอะ ว่าแต่การตามหาทายาทคราวนี้ข้าขอไปด้วยได้มั้ย ท่านเอลรอส”ซิกเกาะแขนประจบเอลรอส แต่หลินฮุ้ยก็เดินมาปัดแขนซิกออกไปพร้อมยังแลบลิ้นใส่ซิกอีก “ท่านแน่ใจหรือ ข้าไม่รับประกันความปลอดภัยนะการตามหามหาธาตุคงเป็นงานหนักน่าดู”เอลรอสพูดพร้อมสะบัดเป้ไปด้านหลัง “แน่นอน ข้าไม่อยากกลับอามัตซึ พ่อข้าเกลียดข้าจะตาย” เอลรอสยิ้มและหัวเราะเล็กน้อย ก่อนพากันเดินออกห้องไป

    เมื่อรับอาวุธคืนจากยามแล้วก็เดินกลับโรงแรมไปพร้อมๆกัน เมื่อเปิดประตูเข้ามาในโรงแรม หลินฮุ้ยปิดประตูแรงไปหน่อยทำให้กุญแจห้องที่แขวนอยู่หล่นลงมากองกันอยู่พื้น เอลรอสรีบวิ่งไปขอโทษของโพยแล้วช่วยเก็บ “ข้าขอห้องคืนเดียวแล้วกันท่านป้า เอ่อ... นอนสองคนกับภิกษุคนนี้”เอลรอสก็เขียนลงสมุดเช็คอิน

    ตามด้วยซิก “เอ่อ... ข้าจะอยู่ห้องไหนดีน้า”ซิกปากมากจริงๆ ถามได้ทั้งวี่ทั้งวัน “อ้าว มาด้วยกันหรอจ้ะ ก็ไม่ต้องลงชื่อหรอก เอากุญแจห้องไปเลย ห้องข้างๆพ่อหนูแม่หนูสองคนนี้แหละ”เจ้าของโรงแรมก็ยื่นกุญแจให้ซิก แล้วซิกก็วิ่งตีลังกาอย่างลิงโลดขึ้นไปทันที ต้องให้เอลรอสขอโทษเจ้าของโรงแรม

    เมื่อซิกเปิดกุญแจเข้าไปห้องสะอาดเรียบร้อย มีน้ำดื่ม โต๊ะ น้ำชา และหน้าต่างชมวิวของหุบเขาพาย่อนที่สวยงาม เขานอนแผ่ตัวลงบนเตียง เตียงในห้องมีเพียงเตียงเดียวแถมยังค่อนข้างเล็กเหมาะสำหรับนอนคนเดียว เป็นจังหวะเดียวกันกับที่หญิงสาวผู้หนึ่งที่มีปลายผมสีเทาคล้ายหมาป่าเดินเปลือยเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ ทั้งคู่ไม่ได้มองกัน ซิกที่นอนคว่ำอยู่ก็หันไปและเดินไปที่หน้าต่างพร้อมๆกับลาปิสเช็ดผมและเดินไปหน้ากระจกหวีผมในสภาพเปลือย

    “ฮัดชิ่ว!”ทั้งสองคนจามออกมาพร้อมๆกัน จนหันมามองกัน

    “กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!”เสียงวีนดังสนั่นลั่นโรงแรมพร้อมกับซิกที่กระโดดออกมานอกหน้าต่างหนีห่ากระสุนของลาปิส

    “เสียงอะไร?”เอลรอสที่นอนดูมณีทั้งหมดอยู่ถามกับหลินฮุ้ยที่นั่งโซ้ยบะหมี่ หลินฮุ้ยได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ 

    “เปลี่ยนห้องให้ข้าเดี๋ยวนี้!”ซิกไปบอกขอเปลี่ยนห้องกับป้าที่เคานท์เตอร์ทันที “อ้าว! เออ ใช่ ลืมไปซะสนิดว่าหนูคนนั้นมาเช่าก่อนแล้วนี่นา โทษทีจ่ะ ไหนดูซิห้องไหนว่างอีก...”ซิกยืนรออย่างอดทนกับป้าที่เคานท์เตอร์แล้วลาปิสในชุดมือปืนก็วิ่งลงมาพร้อมแกทลิ่งอันเบ้อเริ่ม “เจ้า ซิก! เจ้าตายแน่!”

    ก่อนที่เธอจะยิง ป้าเจ้าของโรงแรมได้ขอเอาซะก่อน จึงสงบอารมณ์ได้บ้าง แต่ก็เคลียดแค้นใจที่ซิกเห็นเครื่องในหมดแล้ว ซิกยืนมองลาปิสตาเย้มปากยิ้มน้ำลายไหลกำเดาไหลนึกภาพที่เขาเห็นตอนนั้น “~เหอๆ~”เขาพูดเบาๆก่อนหันไปหาป้าเจ้าของโรงแรม “ห้อง...เต็มแล้วจ่ะ” “หา!”ทั้งคู่อ้าปากค้าง “พวกหนูรู้จักกันนี่ก็อยู่ห้องเดียวกันไปเลยก็ได้นิ” แล้วป้าก็เดินหายเข้าไปในล็อบบี้

    คืนนี้ทั้งสองคงหลับยากแน่ๆ ต้องนอนกับศัตรูแบบนี้ ไม่ฝ่ายใดก็คงต้องตายกันไปข้างหนึ่ง

    ตกดึก ลาปิสนั่งขัดปืนมันวับในชุดนอนที่เตียงอันแสนนุ่ม ซิกนั่งเช็ดคุไนทุกเล่มของเขาจนขึ้นมันเช่นกัน ทั้งคู่จ้องศัตรูตาไม่กระพริบ แล้วภาพเดิมเมื่อตอนเย็นก็พลุ่บเข้าหัวซิก “เหอๆ แจ่ม...” “ฟุ่บ!เพล้ง!”แจกันหัวเตียงพุ่งเข้าฟาดหัวซิกแทบตกหน้าต่าง “ทำอะไรของเจ้าน่ะ!”ซิกตะคอกใส่พร้อมเลือดที่ไหลย้อยลงมาตามใบหน้า “เหอๆ”เขายังเหอไม่เลิก ยังดีที่ในห้องมีหมอนสองใบ

    ลาปิสขว้างหมอนไปที่หน้าประตู “เจ้านอนหน้าประตูแล้วกัน”ลาปิสพูดจบก็กอดแกทลิ่งนอนไป “หาๆ ไม่ๆ!”ซิกในชุดนอนหัวเปื้อนเลือดก็เถียงทันที แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากลาปิสคงหลับไปแล้ว “หน้าประตูเรอะ ใครเปิดมาก็หัวแตกอีกน่ะสิ”ซิกพูดพร้อมคว้าหมอนมาขว้างไปที่ข้างๆเตียง “นอนข้างล่างนี่ก็ได้ไม่ได้ง้อนี่!”ซิกเช่นเดียวกัน กอดคุไนนอนหลับไป

    รุ่งเช้าแสงอาทิตย์สาดส่อง แยงตาภิกษุหนุ่มที่ถอดเสื้อนอนอยู่ มีภิกษุสาวอีกคนหนึ่งซบอกหลับอยู่ เอลรอสตื่นขึ้นเดินไปบิดขี้เกียจที่หน้าต่าง มองวิวพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็หันกลับมามองพลางยิ้มกับภาพของหลินฮุ้ยที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่

    ข้างๆของห้องเอลรอส แกทลิ่งกันได้ถูกวางไว้บนเตียงเฉยๆ ล่างข้างๆเตียงพบหนุ่มสาวคู่หนึ่งนอนกอดกันกลม แล้วแสงอาทิตย์ก็ส่องผ่านม่านส่องตาทั้งคู่ให้ตื่นพร้อมกัน ซิกลืมตาขึ้นมาพบลาปิสที่ลืมตาขึ้นมาจ้องตากัน เขายิ้มทักง่ายๆ “Hi…” ลาปิสยิ้มและเมื่อกำลังจะส่ง Hi ตอบเธอก็วีนซะลั่นโรงแรมไปซะก่อน ตามด้วยเสียงร้องว้ายอย่างกระเทยด้วยเสียงซิกดังตามมา

    หลินฮุ้ยเดินมากอดเอลรอสที่ยืนชมวิวอยู เขาก็เอ่ยออกมานิดๆ “การเดินทางครั้งนี้...จะรอดมั๊ยเนี่ย” 

    To be continue....


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×