ตอนที่ 9 : Lost child ep9(รีไรท์)
“เออเอาสิ” เอริคตอบเขาสั้นๆ แต่คำพูดสั้นๆนั้นมีความหมายอย่างยิ่งสำหรับทีชาล่า
.
ตอน11ขวบ อดีตองค์ชายน้อยเคยนึกฝันว่าตัวเองจะเจอพรหมลิขิตในงานเลี้ยงหรูหรา จากนั้นเขาจะพาเธอไปร่วมงานประชุมสักงาน เพื่อบอกทั้งโลกให้รู้ว่าเธอเป็นของเขา พร้อมๆ กับแสดงตัวตนของเขาให้เธอได้ประทับใจ ถึงแม้ว่านี่อาจไม่ได้ตรงกับภาพฝันเป๊ะ แต่ทีชาล่าก็เชื่อคิดว่าขณะนี้เขาคือพระราชาที่มีความสุขที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
.
ใบหน้าของพวกเขาห่างกันเพียงแค่คืบ ใกล้จนน่าหวั่นว่าเสียงใจเจ้ากรรมจะเต้นดังเกินไปหรือเปล่า ดวงตาสีเข้มแอบลอบมองคู่พรหมลิขิตที่กำลังขะมักขะเม้นจัดเครื่องแต่งกายให้เขาอย่างหงุดหงิด ดูๆ ไปก็คล้ายเสือกำลังอาละวาด แต่ในใจของทีชาล่ากลับนึกถึงลูกแมวน้อยกำลังร้องแง้วๆ น่ารักน่าเอ็นดู
.
“โตขนาดนี้แล้ว ควรหัดจัดเครื่องแต่งกายเองบ้างนะ ถ้าเจอพวกบอดี้การ์ดไร้รสนิยมขึ้นมาพี่จะลำบากเอา” เอริคกล่าวเตือน ทว่าคนฟังหาได้นำพาคำเตือนพวกนั้น
.
กลิ่นดอกไม้ป่าจางๆ กระตุ้นให้เขาฮึกเฮิม อยากทำอะไรบ้าๆ เช่นพูดชวนให้มาเป็นบอดี้การ์ดให้เขาชั่วชีวิต แต่ต้องกั้นไว้ไม่ให้เผลอพูด ไม่ให้เผลอโอบเอวอีกฝ่ายให้เขามาแนบชิด หรือทำอะไรเกินงาม
.
“นั้นสินะ พี่ควรมีครูสอนพิเศษเรื่องนี้ ทำไมเจ้าไม่มาเป็นครูสอนพิเศษให้พี่ล่ะ ตอนบินกลับวากันด้า เราน่าจะมีเวลาคุยกันบนเครื่องบินนานพอสมควร”
.
“ตลก เป็นทั้งครูเป็นทั้งบอดี้การ์ด งานการกุศลซ้อนการกุศลชัดๆ ใครที่ไหนเขาทำงานฟรีขนาดนี้บ้าง” เอริคทำหน้างอใส่ทีชาล่า
.
นัยน์ตาของพวกเขาสบประสานเชื่อมกัน เอริคชอบกวนประสาท ถ้ากล้าเข้าไปยุ่มย่ามมากเกินจำเป็นก็จะถูกปั่นหัวจนเสียสูญ แต่ถ้าจับทางได้ถูกก็จะหลงรักเนื้อในของคนๆ นี้ได้ไม่ยาก ถ้าคิดจะฝึกเสือ ต้องรู้จักดูอารมณ์ของเสือ นั่นเป็นข้อแรกที่ทีชาล่าพลาดตอนเข้าไปเจรจาเรื่องการหมั้น เลยโดนอัดกลับซะอับอายขายหน้าถ้าอย่างเป็นตอนนี้แปลว่าเหนื่อย แต่ไม่ได้ปฏิเสธจริงจัง
.
“แต่เจ้าก็จะรับงานการกุศลให้พี่อีกสักงานใช่ไหม?…นะ?…เราจะได้ใช้เวลาพี่น้องร่วมกันด้วย”
.
เคยนึกสงสัยเหมือนกันว่าตอนขอนาเคียแต่งงาน เคยพยายามขนาดนี้ไหม บางทีถ้าตอนนั้นพยายามได้สักครึ่งหนึ่งของตอนนี้ คงได้ราชินีคู่บังลังก์ไปแล้ว แต่ก็ดีแล้วที่ไม่ทำ ถ้าเกิดมีสาวคนอื่นอยู่ก่อน คิดไม่ออกเหมือนกันว่าหน้าด้านจีบคนอันตรายตรงหน้าต่อได้อย่างไร
.
เขาโน้มใบหน้าลงราวกับถูกดึงดูดด้วยแม่เหล็ก ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคิดทำอะไร ทุกๆ อย่างว่างเปล่า เขาแค่เคลื่อนขยับกายไปตามจังหวะการเต้นของก้อนเนื้อในอกซ้าย ใกล้…และใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไม่มีสัญญาณปฏิเสธใดๆ จากเอริค ทีชาล่าก็เคลื่อนใบหน้าลงมากระทั่งปลายจมูกพวกเขาเข้ามาชนกัน
.
แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดึงพวกเขาออกจากห้วงเวลาแห่งมนตร์สะกดนั้น ทำให้ทีชาล่าต้องผละตัวออกจากบอดี้การ์ดหนุ่ม
.
“เข้ามา” เขาเอ่ยสั่งเสียงห้วน เอโย่ นักรบสาวผิวสีเข้มเปิดประตูเข้ามาเมื่อได้ยินคำอนุญาตจากนายเหนือหัว
.
“ฝ่าบาท กระม่อมมาแจ้งว่าอีกสิบห้านาทีการประชุมจะเริ่มแล้ว” เธอชะงักเมื่อเห็นว่าในห้องมีใครอีกคนยืนอยู่ด้วย ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่ลึกๆ แล้วเธอยังรู้สึกข้องใจกับคำตัดสินใจของทีชาล่าอยู่พอสมควรเรื่องการเก็บศัตรูเก่าไว้ข้างกาย
.
“ได้…เจ้าไปรอข้างนอกก่อน ขอเวลาข้าอีกสักครู่นะ” พอเห็นผู้มาแจ้งเวลาเดินออกไป ทีชาล่าก็รีบใช้เวลาสุดท้าย พูดบางสิ่งบางอย่างกับคนตรงหน้า บางสิ่งที่ยังติดค้างอยู่ในใจของเขามานานเหลือเกิน ไหนๆ ก็ต้องพยายามใหม่แล้ว เลยอยากลองพูดคำขอที่โดนปฏิเสธนั้นอีกสักครั้ง
.
“งานประชุมครั้งนี้สำคัญสำหรับพี่มาก เพราะเป็นก้าวแรกที่วากันด้าจะปรากฏตัวต่อหน้าประชาคมโลกอย่างแท้จริง ถ้าการประชุมวันนี้เป็นไปด้วยดีก็จะมีก้าวต่อๆ ไปตามมา พี่ต้องการใครสักคนมาช่วยเป็นแรงผลักดัน” ราชันหวังเพียงเอ่ยความในใจออกไปให้คนตรงหน้ารับรู้ โดยไม่ได้คาดหวังผลตอบรับใดๆ อย่างไรเสียเขาจะตอกย้ำคำพูดตรงนี้อีกด้วยการกระทำ
.
“และพี่ก็หวังว่าเจ้าจะยอมเป็นแรงขับเคลื่อนนั้นให้พี่” พระราชาแห่งวากันด้าผละตัวออกห่างจากผู้เป็นที่รักอีกครั้ง แล้วเดินออกจากห้องรับรอง พริบตาหนึ่งในจังหวะที่ราชาผู้สูงศักดิ์ผ่านหน้าเอโย่ออกไป จมูกของเธอก็บังเอิญได้กลิ่นสาบจากัวร์ ซึ่งแฝงอยู่ในกลิ่นน้ำหอมราคาแพง
.
เธอหรี่ตาจ้องโอรสของเอ็นโจบูเหมือนนางสิงห์จ้องเหยื่อ ใครต่อใครในวังต่างพากันพูดว่าจากัวร์สิ้นเขี้ยวเล็บแล้ว แต่สัญชาตญาณโอเมก้ากลับบอกเธอในทางตรงกันข้าม เขาจ้องเธอกลับพร้อมเลิกคิ้วกวนประสาทเป็นเชิงท้าทายเหมือนทุกครั้ง ทุกคนในวังหวาดกลัวทรราชย์คนนี้เกินกว่าจะยอมรับความจริงว่าอสูรสงครามคนนี้ยังไม่ตาย และพร้อมกลับมากลืนกินชีวิตให้วากันด้าลุกเป็นไฟอีกครั้ง
.
“เมื่อสักครู่ ฝ่าบาทให้เขาจัดฉลองพระองค์ให้หรือ” เธอเอ่ยถามเพื่อแก้ความคับข้องใจ
.
“ใช่ มีอะไรหรือเปล่า”คำอธิบายของฝ่าบาทฟังดูสมเหตุสมผล เธออาจกำลังคิดมากเกินไปการทิ้งกลิ่นไว้แสดงเป็นสัญลักษณ์ที่รับรู้กันเองในหมู่โอเมก้า หมายถึงการประกาศอาณาเขตว่าแอลฟ่าคนนี้มีเจ้าของแล้ว หากเอริค สตีเวนส์กำลังอยู่ในภาวะสูญเสียความจำ เหตุใดจึงต้องประกาศว่าฝ่าบาทเป็นของเขา ไม่สิ…ต่อให้ชายคนนี้มีความทรงจำครบถ้วนก็ไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลว่าทำไมเขาถึงทิ้งกลิ่นไว้บนตัวศัตรูที่อยากฆ่าให้ตาย
.
“ไม่มีอะไรหรอกเพค่ะ กระหม่อมแค่ถามดูเฉยๆ” เธอโกหกนายเหนือหัวก่อนรีบเร่งฝีเท้าเดินตามเขาออกไปโดยไม่ได้หันกลับมามองอดีตทรราชย์คนนั้นอีกครั้ง
.
++++++++++++++++++++++++
.
เอริค สตีเวนส์ อยู่กับการหลอกลวงมาทั้งชีวิต เขารู้ว่าใครกำลังโกหก ใครกำลังพูดความจริง ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าต้องเล่นละครตบตาอย่างไรอย่างไรจึงจะทำให้ผู้คนรอบข้างเชื่อในบทบาทที่เขาแสดง
.
เขาไม่เคยสูญเสียความทรงจำ ถึงไม่ได้ชัดเจนนัก เขาก็พอจำได้ว่าเคยทำอะไรในช่วงฮีท เบื้องล่างถึงได้ปวดหนึบจนแทบขยับไม่ได้ ริมฝีปากหนาเม้มแน่น นิ้วมือหยาบกร้านเผลอลูบบริเวณหลังคอโดยไม่รู้ตัว กลิ่นและความรู้สึกของใคร คนนั้นยังตราตรึงบนร่างกายทุกส่วน
.
ทีชาล่าอาจไม่ได้มาร์กเขา การผูกสัมพันธ์ระหว่างคู่พรหมลิขิตยังไม่สมบูรณ์ แต่เอริคก็รู้แก่ใจว่าโลกทั้งใบของเขาจะไม่มีทางกลับเป็นอย่างเดิม อดีตทหารสหรัฐตบใบหน้าตัวเองแรงๆ เพื่อเรียกสติ แล้วเดินตามหลังพี่ชายออกไป
.
จากศัตรูกลายเป็นผู้คุ้มกัน คงมีเพียงคู่ของเขาเท่านั้นล่ะมั้งที่คิดเรื่องโง่ๆ พวกนี้ได้ ถ้าเมื่อกี้เขาอยากเล่นบทตัวร้าย หยิบสร้อยปลอมให้ แล้วยิงอีกฝ่ายทิ้งเสีย งานประชุมวันนี้คงล่มไปแล้ว แต่นั้นแหละเขาก็ทำไม่ลง ซ้ำร้ายยังเผลอทิ้งกลิ่นเอาไว้เหมือนผู้หญิงขี้หึง เพราะไม่ชอบใจเวลาโอเมก้าคนอื่นมาป้วนเปี้ยนกับทีชาล่า
.
ความสัมพันธ์ของเอริคกับทีชาล่าในช่วงฮีท เปรียบเสมือนไซคีกับอีรอส เขาไม่รู้ว่าเขากำลังหลับนอนกับใคร แต่เขาก็หลงรักนิสัยความเป็นสุภาพบุรุษ อ่อนโยน ชอบเอาใจใส่ของคู่พรหมลิขิต รักจนอยากรู้ว่าคนๆ นั้นเป็นใคร พลันพอคำตอบปรากฏออกมา ทุกอย่างกลับร่วงหล่นสู่ความสับสน
.
เขาไม่เคยคิดเรื่องมีคู่ ไม่เคยคิดเรื่องมีครอบครัว อันที่จริงเขากินยาต้านฮีทราคาถูกมาตลอดจนแทบไม่คิดว่าตัวเองเป็นโอเมก้าด้วยซ้ำ เขาไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะร้องครางใต้อาณัติของแอลฟ่า ไม่เคยนึกว่าวันหนึ่งหน้าท้องของเขาจะโป่งนูนออกมาเพราะการตั้งครรภ์ ถ้าทีชาล่าไม่ใช่พรหมลิขิตของเขา คงไม่มีใครคิดด้วยซ้ำว่าเขาเป็นโอเมก้า
.
“พี่รู้ว่าเจ้าคงเจอเรื่องเลวร้ายมามาก แต่อย่าเพิ่งมองข้ามความจริงใจของพี่เลย” ราชันคุกเข่าลงหน้าชายผู้ถูกมัดติดกับเก้าอี้ ก่อนหยิบภาพตัดจากหนังสือพิมพ์ภาพหนึ่งออกมาวางไว้บนตักของโอเมก้าหนุ่ม “นายน่าจะจำสถานที่ในข่าวได้ ใช่มันคือบ้านเก่าของนายไงล่ะ พี่ซื้อมันมาก่อนถูกทุบทิ้ง รวมทั้งตึกข้างๆ ด้วย เพื่อใช้เป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้อพยพ เพื่อสืบสานเจตนารมณ์ของท่านอาเอ็นโจบู”
.
ภาพความทรงจำในอดีตหลั่งไหลเข้ามา เขาควรรู้สึกว่าตัวเองถูกเอาเปรียบ ทว่าลึกๆ เขากลับแค่รู้สึกว่าตัวเองแค่ทำรักกับคนที่เขามีใจให้ สมองของเขายังคงคิดว่าทีชาล่าเป็นลูกศัตรู แต่ใจและร่างกายไม่ได้เห็นด้วยเช่นนั้น พวกมันทรยศเขายอมโอนอ่อนพ่ายแพ้ให้แก่โชคชะตา
.
กำแพงระหว่างพวกเขาในวันแรกที่เจอกันถูกกร่อนจนเขาไม่คิดว่าจะมีวันนี้ แม้มันจะยังไม่พังทะลายลงแต่เขาก็รับรู้ได้ว่ามีใครบางคนกำลังยืนอยู่ที่อีกฝากของกำแพง
.
“ขอใช้สิทธิ์โดยสายเลือด ท้าประลองชิงตำแหน่งกษัตริย์ และแบล็คแพนเธอร์” เพลิงแค้นแผดเผาหยาดน้ำตาแห่งความทุกข์โศกจนมลายสิ้น เลือดย่อมต้องชำระด้วยเลือด ชีวิตชดใช้ด้วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดจะมาหยุดการแก้แค้นของเขาได้ แม้ชายคนนั้นคือครึ่งชีวิตที่สวรรค์ลิขิตให้ก็ตาม เขากับทีชาล่ามีชะตาต้องฆ่าฟันกันเท่านั้น
.
เอริคเคยคิดเช่นนั้น ความแค้นพาเขาเดินทางมาไกลเหลือเกิน ทว่าบัดนี้ เขากลับไม่เหลือแรงกรีดใจตัวเองอีกต่อไป
.
เขาเกลียดทีชาล่า เพราะลุงฆ่าพ่อ ทำลายครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวและพรากโลกทั้งใบของเขาไป แต่ทีชาล่าคนนั้นกำลังพยายามคืนโลกทั้งใบให้กับเขา พยายามปกป้อง และทำในสิ่งที่ครอบครัวพึงกระทำต่อกัน สิ่งเหล่านั้นทำให้เขาย้อนถามตัวเองว่าทีชาล่าใช่ศัตรูของเขาจริงๆหรือ
.
การประชุมสำคัญที่ทีชาล่าขอให้เขาช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนให้ คือเรื่องการอพยพผู้ลี้ภัยไปวากันด้า ทีชาล่ากำลังสานความฝันของพ่อ สิ่งที่เคยพูดกับเขาเอาไว้ในตอนนั้นไม่ใช่การเล่นละคร เพื่อให้เขายอมหมั้นหมายด้วย
.
เขาโกหก…ก็เพราะต้องการเวลาอีกสักนิด สำหรับทบทวนเรื่องระหว่างพวกเขาทั้งคู่ และเพื่อขอพื้นที่ส่วนตัวสำหรับจัดการอารมณ์ตัวเอง เขาคิดว่าอารมณ์ตัวเองในตอนแรกกำลังไม่เสถียรเพราะเพิ่งผ่านระยะฮีทมา แต่สุดท้ายคนถอยห่างกลับต้องทรมานเพราะความโหยหาไม่แพ้กัน…
.
ยิ่งถอยห่าง ทุกๆ อย่างยิ่งชัดเจน ความรู้สึกได้ก่อเกิดเป็นปลอกคอโดยไม่ต้องพึงคำสัญญาหรือข้อผูกมัด เขาไม่เคยรู้ว่าก่อนว่ามันหนาวขนาดนี้เมื่อไม่มีอ้อมกอดของชายตรงหน้า…พยายามเอาสมาธิไปอยู่กับการฝึกต่อสู้ก็ไม่เป็นผล…แค่คนอายุมากกว่าขอให้เขามาเป็นบอดี้การ์ดให้…ใจเขาก็ตอบตกลงตั้งแต่ดวงตาคู่นั้นจ้องสบมา
.
เขาเป็นโอเมก้าจริงๆ และถูกลิขิตมาให้คู่กับพระราชาที่แสนอ่อนโยนคนนี้
.
จากัวร์หนุ่มโยนร่างที่เมาไม่ได้สติของเสือดำลงเตียง พลางสบถด่าอีกฝ่ายเรื่องไม่ประมาณตน จริงอยู่ว่าต้องดื่มเพื่อรักษามารยาท แต่บางครั้งก็ไม่ต้องรับมาดื่มทุกคนก็ได้ไหม สุดท้ายก็มาลำบากให้เขาลากกลับห้อง
.
“ผัวเฮงซวย” เอริคก่นด่าก่อนตบแก้มซ้ายคนที่กำลังหลับอย่างอาฆาต รู้สึกแปลกๆ กับสรรพนามที่ผุดขึ้นมาในหัวแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าคันปากอะไร
.
เขาจ้องคนที่กำลังนอนหลับในความเงียบจนกระทั่งแน่ใจว่าหลับสนิทจริงก่อนจุมพิตเบาๆ บนริมฝีปากที่คุ้นเคยอย่างห่วงแหน
.
รสสุรากระตุ้นสัญชาตญาณให้นึกถึงความรู้สึกรุ่มร้อนที่เคยเสพติดตอนฮีท เอริครีบถอนริมฝีปากออกก่อนอารมณ์จะพุ่งพล่านจนไม่อาจยับยั้ง ใจของเขาเบาหวิวไปกับสัมผัสเพียงแผ่วเบา
.
“ฉันไม่ให้โอกาสคนพร่ำเพรื่อหรอกนะ”อดีตนายทหารพึมพำในความมืด พลางซบศีรษะลงบนแผงอกแกร่ง เสียงหัวใจของทีชาล่าเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอมั่นคง เขาลองหลับตาลง ปล่อยให้กลิ่นกายอันคุ้นเคยนำเขาเดินทางสู่ห้วงนิทรา ในดินแดนที่ปราศจากการแบ่งแยก
.
.
การตามหาของเด็กหลงทางจากโอ๊คแลนด์ดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด…บ้านใหม่ของเขาอยู่ตรงนี้มาตลอด…ไม่ใช่ที่ดินแดนที่มีพระอาทิตย์สวยที่สุดในโลก หากแต่เป็นข้างกายของจอมราชัน
.
.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่งดีมากเลยค่ะ เข้าถึงตัวละครดี ชอบที่ฝ่าบาทอ่อนโยน แต่ก็เร่าร้อนดุเดือดด้วยเหมือนกัน555555 ชอบที่ฝ่าบาทเป็นเช่นนี้ กลัวแต่ด็ยอมที่จะทำ เพื่อให้น้องมีความสุขT_T
สารภาพว่าร้องไห้ด้วยแหละ555555