ผมเป็นฆาตกร ที่ฆ่าเพื่อนเพราะความรัก
ฟังดูโหดร้ายมากเลยใช่มั้ยครับ ผมก็ว่าโหดร้าย
งั้นลองมาฟังหน่อยมั้ยครับ เรื่องของผม
. 
.
ผมเป็นคนที่ได้รับความรักจากสาวๆมากมายจนแทบจะทิ้งขว้างได้อย่างสบาย
แต่ในขณะเดียวกันที่ผมเองก็ไม่รู้จักการค้นหารักด้วยตัวของตัวเอง
อะไรคือสิ่งที่เรียกว่ารักแท้? ความรู้สึกดีๆเหรอ? แล้วเนื้อคู่ล่ะ
เรื่องแบบนี้
-----------ผมจะมีกับเขาบ้างไหม------------
หรือว่าผมต้องออกตามหาเองถึงจะเจอ
แล้วเมื่อไหรจะเจอล่ะ อีกนานมั้ย
ยังไงดีล่ะ
ผมก็ไม่รู้ว่าผม ตั้งคำถามพวกนี้ไว้ถามใคร และให้ใครตอบ
เพื่อนเหรอ? ไม่หรอก
.ถ้าพวกมันได้ยินก็หัวเราะตายเลย
เรื่องพวกนี้ ผู้หญิงเขาพูดกัน ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องที่ผู้หญิงพูดกัน
ผู้ชายถึงเอามาพูดบ้างไม่ได้ มันน่าอายเหรอ
งั้นผู้ชายอย่างผมก็แย่สิ จะเอาเรื่องพวกนี้ไปปรึกษาใครได้ เสียเปรียบจัง
วันนี้ผมได้ยินเพื่อนผู้หญิงคุยกันเรื่องแฟนของพวกหล่อน มุมมองของพวกเธอฟังแล้วแปลกหูดี
‘อยากให้เขารักเราคนเดียวตลอดไป’
‘อยากนั่งคุยกันนานๆสองต่อสอง’
งี่เง่า ใครจะรักผู้หญิงคนเดียวให้โง่ล่ะ
พวกผู้ชายน่ะ เกิดมาพร้อมกับความเจ้าชู้อยู่แล้ว
ผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวน่ะหาอยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรซะอีก
พวกผู้หญิงเองก็เอาแต่ขอให้เขารักอยู่ได้ ไม่รู้ว่าพวกหล่อนเคยให้อะไรกับพวกผู้ชายอย่างผมบ้าง
ถึงได้ขอนักขอหนา
ผมเองก็เอาแต่วิจารณ์คำพูดของพวกหล่อนอยู่ในใจ และความคิดของผมก็หยุดกึ้ก เมื่อได้ยินคำพูดประโยคหนึ่งเข้า
‘อืม- - เราอยากรักคนที่เรารักไปนานๆ ถึงแม้จะไม่สมหวังก็เถอะนะ เห็นเขามีความสุขก็ดีแล้วล่ะ’
เป็นประโยคที่สะกิดใจผมมาก ใครกันที่พูดประโยคนี้ ผมค่อยๆหันตัวไปมอง
‘เธอ’ที่อยู่ในวงสนทนานั้นเป็นผู้จูงสายตาผม จำได้ว่าเคยคุยกับเมื่อตอนเปิดเทอมบ้างแล้วนิดนึง
หน้าตาเธอก็น่ารักตรงสเป๊ค ฐานะ การเรียนก็ดี
แต่ที่ถูกใจผมไปกว่านั้นคือ ประโยคที่หลุดมาจากปากอันเรียวบางของเธอมันโดนใจผมมาก
แล้วจู่ๆผมก็แปลงร่างเป็นกวีขึ้นมา
จะใช่เธอรึเปล่า- - -คนที่จะเข้ามาเป็นคู่แท้
จะคือเธอแน่รึเปล่า- - -คนที่จะมาเป็นคนคอยห่วงใย
และจะได้เธอมารึเปล่า ถ้ามัวแต่มองเธออยู่อย่างนี้ ห๊ะ!?!~ ไอ้ซื่อบื้อ
ใช่เลย! ผมลุกจากเก้าอี้อย่างรีบร้อน สายตาจับจ้องไปที่ “เธอ” เมื่อปลายเท้าหยุดลงตรงข้างหน้าเธอ
ผมเริ่มรู้สึกงงกับตัวเอง อะไรที่ทำให้ผมขาดสติได้ถึงขนาดนี้
. . .ความรักเหรอ?. . .
ผมมีแล้วเหรอ!~ ทั้งๆที่เมื่อกี๊ยังนั่งถวิลหา แต่ทำไมถึงได้มาอย่างรวดเร็วขนาดนี้ล่ะ
แล้วความรู้สึกหนักอึ้งนี่มันคืออะไรกัน ทำไมหน้าผมถึงร้อนผ่าวนัก
ผู้หญิงที่ยืนต่อหน้าผมเวลาที่จะสารภาพรักต่อผมมีความรู้สึกอย่างนี้เองเหรอ ผมรู้สึกสงสารพวกหล่อนจัง
รู้สึกผมจะกลายเป็นเป้าสายตาภายในห้องซะแล้ว ก็แน่ล่ะ ลุกพรวดพราดมาจากเก้าอี้แล้วเดินตึงตังขนาดนั้น
แถมมายืนต่อหน้าวงสนทนาของผู้หญิงเสียด้วย ใครเค้าก็มองด้วยความสงสัยอยู่แล้ว
รู้สึกว่าจะถอยไม่ได้แล้วสิ บ๊ะ! เอาไงเอากันวะ
ตอนนี้ . . . สายตาของผมและของเธอกำลังประสานกัน
ถ้าพูดไปตอนนี้เธอคงรู้แน่ว่ากำลังพูดกับเธอ อาจเป็นอะไรที่ห่ามๆไปนิด และก็เป็นอะไรที่ไม่แน่นอน
เพราะไม่รู้ว่าคำตอบของเธอจะออกมาในลักษณะไหน แต่ผมก็ไม่คิดถึงอะไรแล้ว. . . . .!?!~
“เราชอบเธอ คบกันได้มั้ย”
เหมือนบรรยากาศในห้องมันเป็นใจยังไงก็ไม่รู้ทุกคนเงียบกันหมดเหมือนผีเดินผ่าน
เมื่อตอนที่ผมหลุดประโยคนั้นออกมา
แล้วรู้สึกว่า ทุกคนจะได้ยิน. . . . . . อ๊าก------ก ผมอยากจะร้องขึ้นมาอย่างนั้น
อาย อายมากๆ ทำไมพึ่งจะมารู้สึกเอาตอนนี้ฟะ โถ่โถ่โถ่
ตอนนี้เพื่อนในห้องเริ่มส่งเสียงล้อเลียนเข้ามา บ้างก็ส่งเสียงวี้ดวิ้ว บ้างก็ตะโกนมาไม่ก็ตบมืออย่างสะใจ
แล้วถ้าเธอไม่ตอบรับผม เรื่องของผมไม่กลายเป็นเรื่องให้น่านินทาอันดับ1ของสัปดาห์ให้มันส์ขี้ปากชาวบ้านหรือเนี่ย
โห่. . .หมดกั. . .
“เราเองก็สนใจนายอยู่เหมือนกัน”
..
และนั้นคือประโยคที่หลุดออกมาจากปากอันเรียวบางของเธอ
ทำเอาสมองผมหยุดกึ้กไปทันที โอ๊ะ!~รู้สึกว่าจะไม่ใช่แค่สมองของผมซะแล้วแต่รวมไปถึงเพื่อนๆในห้องด้วย
แต่นี่มันจริงเหรอ ! จริงเหรอเนี่ย!! ผมดีใจจนแทบอยากจะร้อง Yahoo ออกมาดัง
แต่เพื่อรักษาภาพพจน์คงต้องเก็บเอาไปร้องในใจแทน
หลังจากนั้นผมกับเธอก็อยู่ด้วยกันบ่อยขึ้น ทำอะไรร่วมกันมากมาย
กลับบ้านด้วยกัน โทรศัพท์หากัน ทานข้าวหรืออ่านหนังสือด้วยกัน
อะไรต่อมิอะไรมากมาย แต่ผมยังไม่คิดที่จะทำอะไรเกินเลยหรอกครับ
ผมต้องการที่จะทะนุถนอมเธอมากกว่า ที่จะย่ำยีเธอเหมือนที่ผมเคยทำกับผู้หญิงคนอื่น
มันดูเป็นPuppy Loveมากครับ ใครจะคิดว่า Play boyอย่างผมจะมีอิมเมจอย่างนี้อยู่ในตัวบ้างล่ะ
แต่พอยิ่งคิดถึงประโยคที่เธอเคยพูด
‘เราอยากรักคนที่เรารักไปนานๆ ถึงแม้จะไม่สมหวังก็เถอะนะ เห็นเขามีความสุขก็ดีแล้วล่ะ’
เขาคนนั้นที่เธอพูดถึงคือผมรึเปล่านะ. . . แต่ถ้าไม่ใช่ เธอคงไม่ยอมคบกับผมหรอก
ถ้าใช่ ผมจะรู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก. . . เพราะมีคนที่ปรารถนาให้ผมมีความสุข และยังรักผมขนาดนั้น
ผมเองก็จะตอบแทนเธอด้วยความปรารถนาที่ดี และจะมอบความรักให้อย่างสุดซึ้งเลย
ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างในตัวเธอ แล้วเธอก็สอนอะไรหลายๆอย่างให้กับผม
ผมเริ่มคิดว่า คู่รัก ไม่ได้เป็นของกันและกันเสมอไป
แต่คู่รัก. . . คือคนสองคนที่อยู่ร่วมกันและผูกพันกันด้วยความเชื่อใจกันมากกว่า
ถ้าไม่เชื่อใจกัน ก็ไม่ใช่คู่ เหมือนที่พวกผู้หญิงอื่นคิดกับผม
ผมคิดว่าเราสองคนเชื่อใจกัน แต่ผมเอง. . . ก็อดคิดไม่ได้ว่า เธอเป็นของผม
ความคิดชั่งขัดแย้งกันเหลือเกิน สับสนจัง. . .
และความสับสนก็ยังมีต่อไปเรื่อยๆ
แต่เมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น. . . . . . . . ความสับสนของผมก็หายไปในพริบตา
“รักเธอ”
ขอบอกก่อนนะครับว่าประโยคนี้ผมไม่ได้พูดกับเธอ
แต่เป็นผู้ชายที่อยู่ในห้องเรียนกับเธอสองต่อสอง โดยที่มีผมยืนอยู่หน้าห้องคอยเธอได้ยินเข้า
‘บังอาจ’
ในหัวผมมีคำๆนี้ผุดขึ้นมา มันกล้ามากที่มาเจ๊าะแจ๊ะกับเธอของผม
แล้วเลือดก็ขึ้นหน้าทันที ผมก้าวเท้าออกไปแสดงตัว ดูเหมือนหมอนั่นจะตกใจไม่น้อย
เธอเองก็ดูตกใจมากเหมือนกัน
ผมจ้องหน้ามันซักพัก แล้วก็เดินตรงรี่ไปหามัน ในหัวผมกำลังคิดว่า ต่อยหรือถีบดี
อย่างนี้ต้องสั่งสอนซะบ้าง ว่าของใครเป็นของใคร
‘หมับ’
อุ้งมือน้อยๆของเธอมารั้งผมไว้ แต่มันก็น้อยจริงๆแหละครับ
เพราะมันไม่ได้ช่วยยั้งร่างของผมไว้ได้เลย
และตอนนี้ผมก็หยุดตัวเองไม่ได้ซะแล้ว
ผมเลือกต่อยบนใบหน้าของมัน โดนเข้าจังๆเลย ตัวของหมอนั่นแทบทรุดแน่ะ
ผมเริ่มถาม
“เอ็งมายุ่งอะไรกับแฟนข้า! อยากตายนักรึไง”
“. . . . . . . . “
ผมรู้ว่ามันเป็นคำถามที่ไม่จำเป็นต้องตอบ
แต่พอเห็นหมอนั่นไม่ตอบอะไรกลับมา มันยิ่งทำให้ผมยั้วะเข้าไปใหญ่ ก็เลยเสยคางเข้าให้อีกหมัดหนึ่ง
ปากกาที่อยู่ในมือหมอนั่นหล่นลงกับพื้น ตอนนี้มือข้างนั้นของหมอนั่นกำลังกำอากาศซะแน่น
ดูท่าทางมันจะเอาคืน นั่นไงว่าแล้ว ขอบอกว่าหมอนั่นพุ่งเข้ามาอย่างไร้ทักษะมาก
แน่นอน ผมหลบได้อยู่แล้ว แถมยังยิ่งใส่ที่ขมับมันอีกชุดแน่ะ
‘ตุบ’เสียงหมัดของผม . . . แล้วก็’ตุบ’ เสียงหมอนั้นล้มลงกับพื้น
จบแล้ว สำหรับการต่อสู้
ผมชนะ
แต่. . . เธอกลับร้องไห้ เหมือนผมเป็นผู้แพ้
“ทำไมถึงทำอย่างนี้” เธอถาม
ผม. . . ก็ไม่รู้ ก็เลยเงียบ
“ไม่เชื่อใจกันแล้วเหรอ?”เธอถามอีก
เชื่อใจเหรอ ผมน่ะเชื่อใ. . .
. . . อะไรที่ทำให้ผมพูดไม่ได้ หรือจริงๆแล้วผมไม่ได้เชื่อใจเธอ
ถ้าไม่ได้เชื่อใจกัน ก็ไม่ใช่คู่รักกันน่ะสิ
ผมยืนอึ้งอยู่พักหนึ่ง ส่วนเธอวิ่งหนีหายไปแล้ว
จะหายไปตลอดกาลรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกแย่มากๆ
ผมจะทำยังไงกับร่างไอ้หน้าจืดนี่ดีล่ะเนี่ย ดูท่าทางแค่สลบไปเท่านั้น
ฟ้าข้างนอกก็เริ่มทะมึน ฝนก็ใกล้จะตกแล้ว
ผมตัดสินใจเดินออกจากห้องไป ทิ้งร่างของหมอนั่นให้นอนอยู่ตรงพื้นห้องเรียน
เดี๋ยวฟื้นขึ้นมาก็คงกลับบ้านไปเองแหละ
ส่วนผม. . . จะไปอยู่ไหนดีล่ะ
เพราะทุกๆที่ๆเดินผ่านก็เคยเดินมากับเธอ
รถเมล์สายที่นั่งอยู่ก็เคยนั่งกับเธอ
บ้านที่ผมต้องกลับก็เคยกลับมาพร้อมกับเธอ
สิ่งของภายในบ้านก็เคยถูกสัมผัสด้วยปลายนิ้วของเธอ
ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็พาลเอาแต่คิดถึงแต่เธอ
อยากจะไปไหนสักที่ที่ไม่มีเธอ
ผมลืมวิธีการดำรงชีวิตที่ปราศจากเธอไปซะแล้ว
ตอนนี้เองก็เหมือนมีลางสังหรณ์ว่าเธอจะไม่กลับมาหาผมแน่นอน
ผมไม่เชื่อใจเธอที่เห็นเธอไปเจ๊าะแจ๊ะกับผู้ชายคนอื่น
อาจเป็นเพราะกลัวเธอจะเปลี่ยนใจไปจากผม. . .
ผมชักงงกับนิยามของคู่รัก
‘ไม่ใช่ของกันและกัน. . .แต่อยู่ร่วมกันด้วยความเชื่อใจ’
แต่ผมกลับมองเธอเป็นของๆผม และผมก็ไม่เชื่อใจเธอ
หมดสิ้นกันชีวิต
ผมทิ้งตัวลงบนลงโซฟาในห้องรับแขกที่บ้าน
นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย. . . สายลมพัดเอากลิ่นฝนโชยเข้าจมูกผม
เป็นกลิ่นที่รู้สึกดีจริงๆ แล้วฝนก็เริ่มลงเม็ด. . . .
จากเบาๆ. . . . เริ่มแรงขึ้น .. .. แรงขึ้น
. แรงขึ้นเรื่อยๆ
ผมไม่ได้สนใจเสียงฝนนักหรอกครับ แต่สายลมที่ผมมานี่มันเย็นสบายจนน่านอน
ถ้ามันพัดเอาความเลวร้ายที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้หายไปได้ ก็คงจะดีไม่น้อย
ดี ไม่น้อย. . . . . .
ผมตื่นขึ้นด้วยเสียงกริ่งหน้าบ้าน ปรากฏว่ามันเช้าแล้ว
ผมยังใส่ชุดเดิมของเมื่อวาน แล้วก็ยังนอนอยู่บนโซฟาเหมือนเดิม
เมื่อวานนี้ พ่อแม่คงไม่ได้กลับเข้ามาในบ้านสินะ
ผมลุกขึ้นไปดูหน้าบ้านว่าใครมา
ตำรวจสองนายยืนอยู่หน้ารั้ว ผมงงมากว่าเค้ามาทำไม
ทั้งสองพาผมไปที่โรงพัก ผมก็ตามเค้าไปอย่างว่าง่าย
พอถึงที่โรงพัก ผมก็พึ่งรู้สึกตัวว่าผมเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตาย
ผมตกใจมาก. . .ผมฆ่าใคร? แล้วใครที่ถูกผมฆ่า? ผมถามตำรวจอย่างกระวนกระวายใจ
ตำรวจนายหนึ่งยื่นรูปมาใบนึงแล้วก็พูดต่อว่า
“นี่คือคนที่พยานชี้ตัวนายว่าเป็นคนฆ่า มีรอยนิ้วมือนายอยู่ตามร่างกายของเค้า แล้วทางเรา
ได้สอบถามจากผู้หญิงที่อยู่ในเหตุการณ์นี้แล้ว เธอได้เล่าถึงรายละเอียดทั้งหมดให้เรารับทราบแล้ว
เพราะฉะนั้นเรามีพยานว่านายเป็นคนลงมือฆ่าเค้า”
ผมฟังก็ยังงง จนผมพลิกรูปดู
‘หมอนั่น’น่ะเอง
ผมฆ่ามันเหรอ ผมเพียงแค่ต่อยจนสลบเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ
ตำรวจก็ยังพูดต่อไปอีกว่า
“เราพบศพอยู่ตรงถนนทางเดินที่โรงเรียนเธอ เค้านอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น สันนิษฐานว่า น้ำคงจะท่วมพื้นถนน
ตอนที่เค้าหมดสติ เธอก็น่าจะรู้ดีหนิ. . . เวลาน้ำท่วมบริเวณนั้น มันลึกขนาดไหน”
รู้สิครับ ถึงเข่าเชียวแหละ. . . พื้นตรงนั้นมันต่ำมาก
ตะ. . . แต่ว่า.
“ทางเราคงจะต้องให้เธอไปอยู่สถานกักกัน”
สถานกักกันงั้นเหรอ. . .
“เธอจะยอมรับมั้ย ว่าเธอเป็นคนทำ”
“ผม. . .” ผมเริ่มอ้าปากพูดหลังจากนั่งเงียบมานาน
‘สถานกักกัน’ ในหัวผมมีแต่คำๆนี้ ผมก็จินตนาการถึงสถานที่นั้น
“ผมยอมรับครับ”
ตำรวจมองหน้าผมอย่างตกใจที่เห็นผมยอมรับอย่างว่าง่าย โดยไม่มีการโต้แย้ง
สถานกักกันคงเป็นสถานที่ที่ดี เหมาะสำหรับการลบเธอไปจากความทรงจำ
เพราะเป็นที่ที่ไม่มีความทรงจำร่วมกับเธอ ดีแล้ว ดีแล้วแหละ. . .
ผมจะไปเริ่มต้นใหม่ที่นั้น ที่ที่คนส่วนใหญ่เห็นมันเป็นจุดดับของอนาคต
ผมถูกควบคุมตัวไว้ในเรือนจำ ป่านนี้พ่อแม่ของผมจะรู้เรื่องรึยังนะ
ลูกชายเป็นฆาตกร. . . คงจะเสียใจน่าดู ผมอยากบอกว่า ขอโทษ ต่อพวกเค้าเสียเหลือเกิน
รักครั้งแรก กับอกหักพร้อมกับความเลวร้ายครั้งแรก
เปลี่ยนผันชีวิตผมได้ขนาดนี้เชียวหรือ เชื่อแล้วครับ ว่าความรักทำให้คนตาบอด
กรณีผมน่ะ บอดสนิทเลย
แย่ . . . แย่จริง. . . แย่มาก
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ผ่านจากเหตุการณ์นั้นมาได้ครึ่งปีแล้ว
จนบัดนี้ ผมยังสงสัยว่าทำไมหมอนั่นถึงไปนอนอยู่บนพื้นถนนได้
ผมทิ้งหมอนั่นไว้บนพื้นห้องเรียนไม่ใช่เหรอ คุณก็รู้นี่
แต่ไม่ต้องมาเป็นพยานแก้ต่างให้ผมหรอกครับ
ผมพอใจกับสภาพความเป็นอยู่ตอนนี้มาก
เพื่อนก็มี อาหารฟรี แถมยังอร่อยอีกด้วย และตอนนี้ก็แทบไม่เหลือความทรงจำเกี่ยวกับเธอแล้ว
แต่สิ่งที่ยังคาใจผมอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
. . . . . ทำไม ‘หมอนั่น’ถึงไปอยู่ที่ถนน . . . .
คุณคงจะได้รู้ในเร็วๆนี้แหละครับ
จาก
ผม . . . ‘เขา’จากผู้ไร้เสียง
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น