Let Them Love : ร้ายนัก รักนายซุปตาร์
คิม มินกยอง เด็กอินโทรเวิร์ตที่แอบมองเพื่อนร่วมชั้นสุดฮอตอย่าง ฮัน แทจุนมาตลอดสามปี ก่อนเรียนจบเขาต้องสารภาพรักให้ได้ แล้ววันหนึ่งเส้นทางของนักแสดงหนุ่มแถวหน้า กับ นักเขียนฝึกหัดก็โคจรมาเจอกันอีกครั้ง
ผู้เข้าชมรวม
3,443
ผู้เข้าชมเดือนนี้
83
ผู้เข้าชมรวม
นิยายวาย วาย yaoi BL ชายรักชาย โรแมนติก พระเอกคลั่งรัก ดราม่า แอบรัก ดารา พระเอกเป็นดารา นักเขียน วงการบันเทิง เกาหลี 18+
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ถ้าการรอใครสักคนเป็นกีฬา เขาคงจะได้เหรียญทองเป็นแน่
.
.
ถ้าไม่พูดออกไปตอนนี้ คงจะเสียใจไปตลอด
.
.
ยังไงก็ไม่ได้คาดหวังกับคำตอบอยู่แล้วนี่นะ
บทนำ
“เหลือเวลาอีกสิบนาทีนะ ใครที่ฟุบหลับอยู่ เงยขึ้นมาทำข้อสอบได้แล้ว จะจบไหมเนี่ยมอปลายน่ะ”
เสียงของอาจารย์ที่ทำหน้าที่คุมสอบรายวิชาคณิตศาสตร์ดังขึ้น สันหนังสือในมือเคาะลงกับโต๊ะหน้าห้อง ตั้งใจกระตุ้นให้เด็กหนุ่มสาวในเครื่องแบบของโรงเรียนนานาชาติโซลเร่งทำข้อสอบปลายภาคให้เสร็จทันเวลา
เด็กหนุ่มร่างเล็กสะดุ้งสุดตัว ดวงตากลมโตสีดำคู่นั้นเบิกกว้าง สะบัดหน้าไปมาเพื่อเรียกสติของตัวเองให้กลับมาจดจ่อกับกระดาษข้อสอบตรงหน้า สมการตัวเลขยาวเหยียดเป็นอะไรที่เขาไม่ชอบใจเอาเสียเลย กระดาษคำตอบที่ฝนไปได้แค่ครึ่งหนึ่งนั้นทำให้รู้สึกถอดใจที่จะทำต่อ เขาตัดสินใจฝนลงไปโดยไม่อ่านโจทย์ให้ครบ แล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะอีกครั้ง
คิม มินกยอง หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน เวลาทั้งคืนที่เขาควรจะใช้ไปกับการทบทวนหนังสือนั้นถูกใช้ไปกับเรื่องว้าวุ่นในใจของตัวเองแทน ฮัน แทจุน เพื่อนร่วมชั้นคนนั้นที่เป็นสาเหตุให้ใจดวงนี้ไหววูบไม่เป็นปกติ แม้จะไม่ได้สนิทกัน แต่การได้พบทุกวันตลอดเวลาสามปีที่เรียนอยู่ที่นี่มันก็เพียงพอแล้วที่จะรู้สึกดีเกินเพื่อน
คนที่เป็นขวัญใจคนทั้งโรงเรียน เรียนดีระดับต้น ๆ ของระดับชั้น ร่างกายสูงโปร่งทำให้ภาพของนักกีฬาโรงเรียนนั้นดูดียิ่งขึ้นไปอีก อะไรก็ไม่ร้ายไปกว่ารอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่ตกเหล่านักเรียนหญิงมานับไม่ถ้วนนั้น และมินกยองเองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย แม้จะไม่ใช้ผู้หญิงก็ตามที
“หมดเวลาแล้วจ้ะ มาทำตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว พวกเธอนี่นะ เป็นห้องผลงานดีแท้ ๆ ทำไมมาผ่อนกันปลายภาคล่ะ...ไม่ต้องคุยกัน เอาข้อสอบมาส่งครูได้แล้ว”
เก้าอี้จำนวนสามสิบสองตัวเลื่อนไปด้านหลังพร้อมกัน หนุ่มสาวในวัยสิบเจ็ดสิบแปดปีลุกขึ้นมาล้อมโต๊ะของอาจารย์ดามีไว้จนมองไม่เห็นอาจารย์ร่างเล็กคนนั้น เสียงพูดคุยดังจอแจฟังไม่ได้ศัพท์แทรกไปกับเสียงออดหมดเวลา
มินกยองเดินไปใกล้กับกลุ่มเพื่อนร่วมชั้น ลมหายใจผ่อนออกมาอย่างหนักใจ คิ้วเรียวขมวดมุ่น ก่อนจะสะดุ้งขึ้นอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงกระดาษปึกหนึ่งที่สัมผัสลงกับเรือนผมสีดำของตน เด็กหนุ่มหันไปมองในทันทีนั้น แล้วก็ยืนตัวแข็งไป
แทจุน...คนต้นเหตุที่ทำให้เขาไม่เป็นอันอ่านหนังสือหยุดยืนซ้อนหลังอยู่
ดวงตาเทาคู่นั้นหลุบต่ำลงมองร่างเล็กตรงหน้านิดหนึ่ง สีหน้าสงบเรียบเฉยจนไม่อาจเดาอารมณ์ได้ถูก ร่างสูงนั้นก็ดูจะรู้ตัวว่ามินกยองกำลังจ้องนิ่งอยู่ แต่เขาไม่ได้สนใจแต่อย่างใด ยังคงสะบัดกระดาษในมือลงกับศีรษะคนตัวเล็กอยู่อย่างนั้น
มินกยองรู้สึกใจเต้นแรงอย่างที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสาเหตุมาจากใคร ริมฝีปากสีสดเม้มเข้าหากัน รู้สึกว่าจมูกจะบานออกนิดหน่อยเวลาทำตัวไม่ถูกแบบนี้
“จมูกบานนะ...”
เป็นแทจุนที่พูดขึ้นก่อน ใบหน้าหล่อเหลาหันมองไปรอบตัวก่อนจะจับนิ่งอยู่ที่เพื่อนตัวเล็กของเขาตามเดิม เหยียดยิ้มนิดหนึ่งจนเห็นคมเขี้ยวขาว มินกยองเบิกตากว้างยกมือขึ้นปิดจมูกโด่งสวยของตัวเองทันที เสียงอึกอักในลำคอดังขึ้น ท่าทีประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
“เอ้า...สองคนนั้นน่ะ มาส่งได้แล้ว ครูจะเอาไปส่งห้องวิชาการต่อ เร็ว ๆ”
หญิงในวัยสี่สิบปีเคาะนิ้วลงกับโต๊ะเบา ๆ เมื่อเห็นว่ายังมีลูกศิษย์อีกสองคนที่ไม่ยอมส่งข้อสอบกลับมาเสียที แทจุนที่เหยียดยิ้มอยู่เปลี่ยนเป็นสีหน้าอ่อนโยนและรอยยิ้มสดใสในทันทีนั้น ช่วงขาเรียวยาวก้าวไปส่งกระดาษให้กับอาจารย์ดามีอย่างอ่อนน้อม ปิดท้ายด้วยการโค้งตัวนิดหนึ่งอย่างเป็นมารยาท
มินกยองมองตามหลังร่างสูงไปจนลับตา ก่อนจะรีบเข้าไปส่งข้อสอบแล้วออกจากห้องมา เสียงพูดคุยจากเพื่อนร่วมชั้นที่ยังออกันอยู่ตรงทางเดินดังขึ้น ดูเหมือนว่าเรื่องที่คุยกันจะเป็นการฉลองหลังสอบเสร็จที่ไหนดี แทจุนเองก็ถูกรายล้อมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วยเช่นกัน
มันเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ชายคนนี้มักจะเป็นที่รักของเพื่อนและอาจารย์เสมอ ความดังนี้ไม่ได้หยุดอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้เพียงอย่างเดียว แต่ยังแพร่สะพัดไปข้างนอกด้วย แม้จะไม่มีโซเชียลมีเดียใด ๆ แต่ก็สามารถครองใจใครหลายคนได้ไม่ยากเลย
การที่หนุ่มหล่อ เรียนดี บ้านรวย แถมเป็นนักกีฬาอย่างแทจุน ทำตัวลึกลับ ไม่เปิดเผยมุมส่วนตัวให้สาธารณชนเห็นนั้นทำให้เพิ่มความน่าค้นหาในตัวของเขาให้เพิ่มขึ้นไปอีก เพราะแบบนี้สาว ๆ ทั้งในและนอกโรงเรียนถึงพยายามพิชิตใจของคนคนนี้ให้อยู่หมัดให้ได้
“ไปกินเนื้อย่างที่ฮงแดไหม สอบเสร็จแบบนี้มันก็ต้องเนื้อย่างสิ ไปกันไหม ไปทั้งห้องเลย”
ดงจุน ที่เป็นตัวตั้งตัวตีพูดขึ้น กระชับกระเป๋าเป้ด้านหลังขึ้นมากระชับไว้ หันไปหาแนวร่วมคนสำคัญอย่างแทจุนอย่างขอความเห็น ร่างสูงที่ยืนสงบฟังอยู่นิ่งคิดไปครู่ ก่อนจะพยักหน้า
“เดี๋ยวเราก็ไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ แบบนี้แล้วนี่นะ ไปด้วยกันเถอะ”
เด็กหนุ่มกล่าวมาเรียบๆ สิ้นคำนั้นเพื่อนร่วมห้องที่รายล้อมอยู่รอบตัวก็ยิ้มออกมา ตกลงพร้อมใจกันไปกินเลี้ยงตามที่แทจุนบอก ดูเหมือนว่าการตัดสินใจของห้องจะขึ้นอยู่กับชายคนนี้มานานแล้ว ความทรงอิทธิพลแบบที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นมันได้รับความยอมรับจากเด็กในวัยเดียวกันตลอด
แวบหนึ่งที่ดวงตาสีเทาของเด็กหนุ่มร่างสูงชำเลืองมาทางมินกยองที่มองอยู่ก่อนแล้ว ร่างเล็กทำทีมองข้ามไหล่ไปยังสนามบาสเกตบอลด้านหลังแทน กลบเกลื่อนความรู้สึกและเรื่องสำคัญไว้ให้อยู่ในส่วนลึกของใจที่สุด
.
.
“ร้านนี้ปิดกี่ทุ่มอะ ฉันเริ่มง่วงแล้วนะ”
“เออ นั่นสิ ท้องจะแตกตายอยู่แล้ว ฉันกลับก่อนนะ แม่โทรตามแล้วเนี่ย”
เด็กสาวคนหนึ่งที่เป็นหัวหน้าห้องลุกขึ้น ขยับแว่นสายตาที่ตกอยู่กับปลายจมูกให้ขึ้นไป โบกมือให้เพื่อนสาวที่นั่งร่วมโต๊ะกันอยู่ นาฬิกาที่ผนังเป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว
“เฮ้ย! คุณมินอา จะรีบกลับไปไหนครับ ยังไม่ได้ถ่ายรูปรวมเลย”
เสียงของเพื่อนชายอีกกลุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปดังขึ้น มือหนึ่งจับที่คีบพลิกเนื้อราคาแพงไปมา ส่วนอีกมือก็ยกขึ้นกวักเรียกเพื่อนสาวที่กำลังจะชิ่งกลับบ้านให้เข้ามาหา แม้จะไม่มีเครื่องดื่มมึนเมาเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เสียงเอะอะโวยวายตามวัยแทรกไปเสียงเพลงในร้านตลอดเวลาสามชั่วโมง
“พวกนายกินวัวเข้าไปทั้งฟาร์มแล้วย่ะ กลับบ้านได้แล้วไป รูปรวมน่ะดูในสมุดรวมรุ่นก็ได้ ฉันง่วง”
“โห่...เย็นชาจริงครับ กำลังสนุกเลย”
“ยังไม่ได้รับหนังสือจบกันเลย ยังไงก็เจอกันอีกอยู่ดีแหละน่า จะมาซาบซึ้งอะไรกับมิตรภาพตอนนี้ยะ”
เสียงต่อล้อต่อเถียงระหว่างหัวหน้ากับเพื่อนชายกลุ่มหลังห้องยังคงดำเนินต่อไป มินกยองนั่งเหม่อออกไปนอกร้าน คู่รักผลัดกันแวะเวียนเข้ามาและออกไปตามเวลาที่เริ่มดึกขึ้นทุกที ใจจริงเขาอยากจะกลับตั้งแต่สามทุ่มแล้ว แต่ภารกิจบางอย่างที่ตั้งใจมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้ทำให้ไม่สามารถลุกไปได้ตามใจชอบ
ตลอดเวลาที่นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อน คนตัวเล็กไม่ได้มีสมาธิในการฟังเรื่องตลกที่ถูกหยิบยกมาคุยเลย ดวงตาสีดำมักจะเหลือบมองไปยังโต๊ะที่เยื้องไปทางด้านหลังซ้ายมือเสมอ เพราะมีใครบางคนนั่งร่วมอยู่ด้วย
แทจุน...กลับได้แล้ว
“เดินทางกลับดี ๆ นะคะ ขอบคุณที่มาใช้บริการร้านของเรานะคะ”
พนักงานหญิงทำหน้าที่เปิดประตูให้เด็กนักเรียนมอปลายที่มีอันจะกินเหล่านั้น สีหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรแบบที่คนทำงานด้านนี้มี ยิ่งดึกขึ้นคนก็ยิ่งบางตาลง จนเหลือไม่อยู่กี่โต๊ะ รวมถึงโต๊ะของมินกยองด้วย
“ฉันกลับก่อนล่ะ พวกแกก็อย่าโต้รุ่งล่ะ ฉันขี้เกียจรับสายจากญาติแกนะ”
แทจุนขยับตัวลุกขึ้น ไหล่กว้างนั้นห่อลงนิดหนึ่ง บิดกายอย่างเมื่อยล้า คว้ากระเป๋าราคาแพงขึ้นมาสะพายไว้ เสียงโห่อย่างขัดใจจากเพื่อนชายกลุ่มนั้นประสานกันขึ้น แต่ก็ไม่ได้ยื้อยุดไว้แต่อย่างใด ร่างสูงของหนุ่มฮอตเปิดประตูเดินออกจากร้านเนื้อย่างนั้นไปโดยไม่หยุดรอฟังเสียงบ่น
“งั้นฉันกลับก่อนนะ เดี๋ยวสถานีปิดก่อน”
มินกยองโบกมือลาเพื่อนสนิทในกลุ่มในทันทีนั้น ลุกพรวดพราดออกวิ่งตามหลังของแทจุนไป โดยมีสายตาของเพื่อนสนิทอย่าง ซอ แชริม มองตามไปอย่างเอาใจช่วย
‘ฉันว่าจะสารภาพรักกับแทจุนล่ะ’
‘เอาสิ บอกเลย’
‘แต่ฉันก็กลัวเหมือนกันนะ ถ้าเขาปฏิเสธล่ะ’
‘โธ่ มินกยอง...ยังไงนายก็ไม่ได้เจอเขาอยู่ดีแหละ บอกไปเถอะ ดีกว่าเสียใจทีหลังนะ เชื่อฉันสิ ฉันเป็นทั้งโค้ชและแพทย์สนามมาไม่รู้กี่คนแล้ว’
สวัสดีนักอ่านทุกคนที่แวะเวียนเข้ามานะคะ แม้จะมีแค่วันละหนึ่งถึงสองวิว แต่ก็รู้สึกขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ เค้าจะไม่หยุดเขียน และพัฒนางานเขียนต่อไปนะคะ
ผลงานอื่นๆ ของ Chubby_4N ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Chubby_4N
ความคิดเห็น