ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนต์กินรี

    ลำดับตอนที่ #4 : ๓

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 62



    หลังจากอาบน้ำเสร็จ คนตัวเล็กก็ค่อยๆ พาตัวเองเดินลงมาด้วยร่างกายที่อ่อนแอหากแต่เพราะเป็นห่วงครอบครัวจึงต้องการโทรหาพวกเขาให้เร็วที่สุดและบังเอิญได้ยินลูกน้องของรามพูดถึงเรื่องการรับสมัครคนงานใหม่เพราะแรงงานที่นี่ไม่พอแต่หญิงสาวไม่ได้สนใจอะไรนัก ตอนนี้เรื่องของครอบครัวสำคัญที่สุด เดินไปแบบสุ่มๆเอาไม่นานก็เจอห้องนั่งเล่นแสนทึบทะมึนแม้จะมีแสงจ้าสาดเข้ามาก็ตาม เขานั่งอยู่ตรงนั้นและกำลังทำอะไรบางหน้าตาเคร่งเครียดพอดู

    “เอ่อคือ” คนตัวเล็กมองนาฬิกาทรายในมืออย่างลำบากใจก่อนจะทำใจกล้าเอ่ยปากขอโทรศัพท์ “ฉันขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหม”

    “อะไรของเธออีก เอาไป ยุ่งจริงๆ เลย” ทำเป็นโวยวายแต่รามก็ยอมล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงยื่นให้เธออย่างขอไปที ธุวดาราไม่รอช้ารีบกดโทรหาพ่อของตนทันทีแม้ว่าคลื่นโทรศัพท์จะไม่เต็มขีดก็ตาม

    “รีบๆ หน่อย”

    “ค่ะ” เธอตอบพลางยกโทรศัพท์ข้างหูก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อพ่อของเธอรับสายอย่างรวดเร็ว “พ่อคะ”

    ‘ดาวเหรอลูก’

    “ค่ะพ่อ”

    ‘มีปัญหาอะไรหรือเปล่าทั้งวันทั้งคืนหนูเงียบไปเลย พวกเราเป็นห่วงแทบแย่’

    “ดาวไม่ได้เป็นไรค่ะแล้วเรื่องคุณคณิน เขาไม่ได้มาหาเรื่องให้พ่อกับแม่ทุกข์ใจใช่ไหมคะ” ปลายสายเงียบไปครู่ใหญ่ๆ จนธุวดาราเริ่มเอะใจ

    ‘ไม่…ดาวหนูห้ามกลับมาเด็ดขาดนะ ตอนนี้เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว คณินส่งคนออกตามหาตัวเราให้ควัก อย่าเพิ่งกลับมาเด็ดขาด’

    “หนูจะกลับไป ถ้าหนูเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ หนูต้องรับผิดชอบ”

    ‘พี่ดาว’

    “ดา ดาเหรอ ดาเป็นไงบ้าง”

    ‘ดาไม่ได้เป็นไรแต่ว่าดาขอยืนยันตามพ่อว่าพี่ห้ามกลับมาเด็ดขาดไม่ว่ายังไงก็ตาม ตอนนี้นายนั่นส่งคนมาเวียนดูบ้านเราด้วยแถมจับตาดูเราตลอดเวลานี่ว่าต้องมีแอบดักฟังด้วยแน่ๆ เขาบอกว่าถ้าตามหาพี่เจอเขาจะต้องเอาตัวพี่มาเป็นเจ้าสาวให้ได้ไม่ว่ายังไง’

    “พี่ยิ่งต้องกลับ มันเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่ควรจะเดือดร้อน มันไปกันใหญ่แล้ว”

    ‘ถ้าพี่กลับมา มันจะใหญ่กว่านี้อีกอย่าเพิ่งกลับ หลบที่นั่นไปก่อนนะตอนนี้พวกเราสบายมากแต่คนที่จะเดือดร้อนคือพี่เต็มๆ อีตานี่ดูอยากจะเอาคืนพี่กับกลัวเสียหน้ามากกว่าอยากได้พี่ไปเป็นเจ้าสาวซะอีก’ ว่าแล้วน้องสาวก็วางสายไปทำเอาธุวดาราหน้าเครียดเลยทีเดียว ผู้ชายอย่างคณินน่ากลัวจริงๆ ที่จองล้างจองผลาญเธอไม่เลิก เอาวะ ไม่กลับก็ไม่ต้องกลับ ใบหน้าหวานค่อยๆ ช้อนดวงตามองรามตาปริบๆ อีกครั้ง

    “เอ่อ คุณรามคะ”

    “มีอะไร”

    “ฉัน ฉันได้ยินเรื่องที่นี่กำลังรับสมัครคนงานหลายอัตรา ฉันขอสมัครด้วยได้ไหมคะพอดีว่าที่บ้านมีปัญหานิดหน่อย ฉันคิดว่าที่นี่คุณคงจะใหญ่โตอยู่” 

    “ดูหน้าฉันสิ หน้าฉันดูเหมือนพนักงานกรมการจัดหางานหรือไง ตกลงเธอหาทางออกให้ชีวิตตัวเองยังไงเนี่ย” ผู้หญิงคนนี้ชักจะมากไปแล้ว ทำให้คนอย่างเขาต้องอดปากเถียงกลับไม่ได้ทั้งที่รามก็ไม่เคยเป็นคนแบบนี้

    “ไม่เหมือนหรอก แต่คุณดูใจดี หน้าตาก็หล่อ ดูเป็นคนมีน้ำใจ ดูน่ากลัว…เอ่อ น่าเกรงขาม ตอนนี้ฉันเดือดร้อนมากๆเลยอยากจะขอร้องคุณ ฉันไม่ได้ขออยู่ไปวันๆนะฉันจะทำงานแลก” แม้ว่าเขาจะดูก็รู้ว่าคนตรงหน้ายกสตรอเบอร์รี่มาทั้งสวน ช่วยไม่ได้นี่ในเมื่อเขาเป็นคนแรกที่เธอเจอนี่นา

    “พอ! ได้แต่เธอต้องมีเอกสารของเธอด้วยฉันจะได้รู้ว่าเธอไม่ใช่ไอ้พวกเห็บหมัดน่ารำคาญ” เขาไม่ได้พูดอะไรนอกจากบอกแค่นั้น ธุวดาราก็ไม่อยากทู่ซี้มากเพราะตอนนี้การได้อยู่ที่นี่สำคัญกับเธอที่สุด นอกจากหนีคู่หมั้นเก่าแล้ว การที่ต้องทำในสิ่งที่เรียกว่าล้างคำสาปก็เป็นหนึ่งในนั้นที่สำคัญเช่นกัน

    “ค่ะๆ ขอบคุณมากนะคะ”




    อีกฟากหนึ่งในกรุงเทพมหานครที่เหล่าครอบครัวของธุวดาราเองก็ทำทีโทรตามหาไม่หยุด ล่าสุดปรากฏว่าโทรศัพท์ของเธอจะโทรไม่ติดเสียแล้ว ดารกาทำเป็นติดต่อไปยังรีสอร์ตที่ธุวดาราจะเข้าพักไม่มีรายงานว่ามาเช็คอินเพื่อตบตาคนของคณิน

    “ทำยังไงดีคะแม่”

    “ดาวเหนือหายไปเลยจนป่านนี้ยังโทรหาไม่ติด ต้องมีเรื่องแน่ๆ เลย”

    “เอาล่ะๆ เดี๋ยวเราค่อยไปแจ้งตำรวจดีไหมให้ออกตามหาดาวเหนือแล้วกันนะ ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าอะไรเป็นอะไร คิดในแง่ดีคือดาวอาจจะยังรอดเพราะพ่อรู้ดีว่าลูกสาวทุกคนเป็นคนเข้มแข็ง”

    “ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะนะคุณ” ทั้งหมดถอนหายใจอย่างเป็นห่วงคนที่อยู่ไกล

    “บางทีเรื่องนี้มันอาจจะไม่เลวร้ายขนาดนั้นก็ได้”

    “สาธุ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองดาวเหนือให้ปลอดภัยด้วยเถอะ” ภัคจีราเหลือบตาไปมองคนของคณินที่มาเดินเพ่นพ่านดูครอบครัวตนเองก็รีบทำเป็นยกมือขอสิ่งลี้ลับอย่างจนปัญญา งานนี้ขอแค่ได้ลูกอย่ากลับมาตกนรกกับผู้ชายแบบนี้ไม่ว่าอะไรก็ยอมทั้งนั้น




    ผ่านไปอีกวัน ร่างกายที่ผ่านการอาบน้ำก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันใด หลังจากการใส่เสื้อและนุ่งซิ่นของแจงจิตก็ทำเอาคนช่วยใส่ตาวาวอึ้งในความงามไม่หยุด ขนาดนั่งหวีผมหน้ากระจกแล้วเสียงของแจงจิตก็ยังชมไม่หยุด

    “หนูดาวเหนือนี่สวยมากๆ เลยนะ สวยแบบไม่ต้องพยายาม ขนาดหน้าสดยังดูเนียนดูเปล่งปลั่งอยู่เลย”

    “ขอบคุณค่ะ แค่นี้หัวหนูก็จะติดเพดานแล้วนะ”

    “งั้นหวีผมเสร็จรีบมาทานข้าวต้มเลยนะจ๊ะมันจะเย็นหมดแล้ว”

    “ค่ะ ว่าแต่นายใหญ่ของที่นี่ของป้าใช่คนหน้าหล่อๆ ดุๆ ดูร้ายๆ ใช่ไหมคะหรือมีใครที่ใหญ่กว่านี้อีกคะ” ทันใดนั้นหญิงสาวก็หันมาถามด้วยความสงสัย

    “ใช่ค่ะเขาเป็นเจ้าของที่นี่แล้วก็เป็นนายของพวกเรา ชื่อว่าคุณราม สิงหราช"

    “ที่นี่มีแค่เขาเหรอคะ ดูบ้านเงียบๆ เหงาๆ ยังไงก็ไม่รู้” แจงจิตทำหน้าลำบากใจก่อนจะพยักหน้ารับอย่างช้าๆ

    “มีแค่เขาคนเดียว ป้าก็อยู่บ้านป้า ลูกน้องคนอื่นก็มีบ้านพักคนงานของเขาที่นายสร้างไว้ให้”

    “ถ้าอย่างนั้นก็เหงาแย่ล่ะสิคะแถมต้องกินข้าวคนเดียวทุกวันด้วย เป็นดาวนะคงอึดอัดตายเลย” ใบหน้าหวานส่ายหน้าเป็นพัลวัน ขนาดเธออยู่บ้านคนเดียวกินข้าวคนเดียวแค่ไม่กี่วันก็เหงาจะแย่อยู่แล้ว ถ้าจะให้อยู่คนเดียวไม่มีใครคอยคุยคอยเล่นด้วยเธอต้องอกแตกตายแน่ๆ

    “ใช่ค่ะ บ้านหลังนี้เขาอยู่คนเดียวจนชินแล้ว” ธุวดาราหันไปมองนาฬิกาทรายของตนอย่างเงียบๆ บนหัวเตียงพลางครุ่นคิดอย่างหนัก

    “ตอนนี้เขาน่าจะทานข้าวอยู่ใช่ไหมคะ งั้นเดี๋ยวดาวกลับมานะคะ” ว่าแล้วคนร่างบางก็ยกถ้วยข้าวต้มลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็วจนแจงจิตเรียกไว้แทบไม่ทันต้องเดินลงไปตาม




    ธุวดาราเดินลงมาข้างล่างก็เห็นเขานั่งดูเอกสารปึกใหญ่บนโต๊ะและมีเหล้าวางไว้ข้างๆ ราวกับว่าเป็นน้ำเปล่า หญิงสาวเห็นหน้าตาอันเคร่งเครียดของรามก็แอบหวาดหวั่นไม่น้อย แต่ก็เอาเถอะเขาคงไม่ว่าอะไรถ้าเธอไปนั่งกินที่โต๊ะอาหารไม่ใกล้ไม่ไกลนั้น แต่ขอหน่อยเถอะ ว่าแล้วธุวดาราก็วางข้าวต้มไว้แล้วจึงเดินมาหารามพลางยิ้มหวาน

    “คุณ” เรียกไปแล้วแต่ก็ไร้สัญญาณตอบกลับมา “คุณราม”

    “เรียกหาสวรรค์วิมานอะไร” แรงมากแม่…

    “ฉันอยากจะมาขอบคุณที่คุณช่วยฉันทุกอย่างเลย ตอนนี้ฉันก็ดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณมากๆ นะ” ขนาดว่าส่งยิ้มกว้างๆ ไปให้รามยังไม่สนใจจะแลด้วยซ้ำ “ฉันรู้ว่าฉันทำให้คุณลำบากแต่ฉันเดือดร้อนจริงๆ นะคุณ”

    “อืม” ตอบแค่นั้นเองเหรอ

    “คุณพอมีเวลาสักเดี๋ยวไหมคะ”

    “เวลาของฉันมันราคาแพง ฉันไม่อยากเสียเวลาไปกับอะไรไร้สาระ”

    “แต่ช่วยคนไม่ไร้สาระนะ” เขาสูดลมหายใจลึกด้วยความเหลืออดก่อนจะยอมเงยหน้ามองเธออย่างติดจะรำคาญใจ หญิงสาวเห็นก็ยิ้มแหยๆ ส่งให้อย่างเป็นมิตร

    “มีอะไร”

    “คือ…ฉันอยากจะถามว่าหน้าที่ของฉันคืออะไรเหรอคะ”

    “ไม่หนักหรอก” ใบหน้าหวานยิ้มกว้างทันทีอย่างดีใจ

    “งานอะไรเหรอคะ”

    “แม่บ้าน” ทันใดนั้นยิ้มของเธอก็เริ่มค้างแข็งพร้อมๆ กับคำว่าแม่บ้าน เธอไม่ค่อยทำงานด้านนี้มามากนัก อยู่ที่บ้านก็แชร์หน้าที่กับน้องสาวเสียส่วนใหญ่แถมมักจะจ้างแม่บ้านบ่อยๆ

    “ฉันคือว่า…ฉันคิดว่ามันออกจะยากไปหน่อย” เห็นไม้เนื้อดีของบ้านหลังนี้ทำเอาธุวดาราไม่อยากทำขึ้นมาเลยทีเดียว

    “ถ้าหายดีแล้วก็เริ่มงานได้เลยนะ”

    “แล้วป้าแจงล่ะคะ” เธอรีบแย้งทันควันไม่ขอไปแย่งงานใครเด็ดขาด

    “แจงจิตก็มีงานของเขาที่ไร่องุ่นเหมือนกัน เธอล่ะจะเอายังไง” พอได้ยินอย่างนั้นก็แอบไม่ชอบอยู่บ้างเพราะต้องใช้แรงทำความสะอาดบ้านทั้งหลังคนเดียว พอดีเป็นคนขี้เกียจนิดหน่อย

    “ทำค่ะ”

    “เงินเดือน 55,000 ตกลงไหม” คนร่างบางหันขวับไปหาเขาหน้าแทบสั่นอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเงินเดือนที่จะได้ เป็นมหาเศรษฐีหรือไงงานแม่บ้านให้ตั้งห้าหมื่นกว่า

    “คุณให้เงินเดือนอีกนิดนี่คือจะใกล้เคียงกับแม่บ้านที่วังประเทศอังกฤษแล้วนะเนี่ย”

    “ของแพงๆ ฉันก็เยอะที่วางอยู่ทั้งบ้าน ไหนจะปืนเก่าปืนใหม่อีกเยอะแยะบนผนัง มันดูแลยากและเธอก็ต้องดูแลมันให้ดี เสียหายหนึ่งครั้งเงินเดือนเธอลดแน่”

    “แหม ก็ได้ค่ะ เพื่อความอยู่รอดฉันตกลง” ใบหน้าหวานเริ่มยิ้มอีกครั้งก่อนจะเดินไปนั่งทานข้าวต้มมองเขาเงียบๆ ส่วนรามนั้นกลับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ข้าวต้มไหมคะ”

    คิดผิดหรือคิดถูกที่ให้ผู้หญิงคนนี้ทำงานที่นี่

    “…”

    “ฉันชื่อดาวเหนือนะคุณราม”

    “ไม่ได้ถาม” ได้ยินเท่านั้นธุวดาราก็รีบหุบปากและทานข้าวทันที ตอกกลับแต่ละคำเอาเธอสะอึกแทบไปไม่เป็นเลยทีเดียว กินข้าวเฉยๆ ก็ได้ค่ะ

    คนอะไรเย็นชาที่สุดเลย




    คณินยืนมองกรุงเทพมหานครผ่านแผ่นกระจกใสบนตึกระฟ้าอย่างเป็นกังวล ยิ่งนึกภาพของธุวดาราตอนบอกเลิกเขาไปหัวใจก็เจ็บไม่ต่างกัน เขาทำแบบนั้นไปได้ยังไง ทรยศแฟนสาวที่แสนดีเพื่อความสุขชั่ววูบของตัวเอง พอทำไปแล้วถึงต้องมานั่งรับผลเสียที่เกิดขึ้นมาของตัวเอง

    ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอไปอยู่ที่ไหนทางฝ่ายดารกาก็ไม่บอกอะไรกันบ้างเลย

    “ท่านรองคะ น้องดารกามาขอพบค่ะ” เสียงพนักงานสาวผู้เป็นเลขาจำเป็นเพราะคนเก่าไล่ออกไปแล้วต่อสายเข้ามายังในห้องของเขาทำให้คณินต้องรีบรับอย่างรวดเร็ว

    “ให้เธอเข้ามา”

    รอไม่นานนักหญิงสาวในชุดนักศึกษาก็เปิดประตูเดินเข้ามาหน้าตาดูไม่เต็มใจนัก คณินเห็นก็อดจะแสยะยิ้มใส่ไม่ได้

    “มีอะไรเหรอคุณดารกา”

    “ฉันจะมาถามว่าคุณไปตามหาพี่สาวฉันถึงไหนแล้ว” เสแสร้งให้ดูร้อนรนหน่อยก็แล้วกัน

    “ทำไมผมต้องมาบอกเรื่องนี้กับคุณด้วยเดี๋ยวคุณก็ต้องเอาเรื่องไปบอกพี่สาวคุณอยู่ดี” เขาตอบเสียงเรียบ

    “ก็…เพราะตอนนี้ฉันก็ยังติดต่อพี่ดาวเหนือไม่ได้นะสิ”

    “ว่าไงนะ ยังติดต่อไม่ได้?”

    “ก็ใช่แหละ พี่สาวฉันหายไปนายคงจะรู้แล้ว ฉันเห็นว่านายชอบใช้ลูกน้องไปสอดก็เลยรำคาญ ก็เลยมาที่นี่กะจะบอกว่าครั้งสุดท้ายที่คุยกัน เธอจะไปไหน”

    “ครั้งสุดท้ายเธอบอกหรือเปล่าว่าอยู่ที่ไหน ผมจะรีบให้คนกลับมาตั้งต้นใหม่” คณินลุกพรึ่บถามขึ้นอย่างร้อนรน “ไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องนี้ ฉันจะช่วย”

    “ช่วยแต่ขอร้องถ้าตามเจออย่าบังคับจิตใจพี่สาวฉันนะ”

    “ไม่ได้ ผมต้องรีบตามให้เจอ งานแต่งงานกำลังจะมีขึ้นอยู่แล้ว”

    “คุณนี่มันบัวใต้น้ำจริงๆ เออ บอกก็ได้” ดารกาเงียบไปครู่หนึ่ง นึกจินตนาการว่าหากเขาพบเธอ ไม่รู้ว่าที่หายไปกับกลับมาต้องแต่งงานกับคณินแบบนี้ อย่างไหนจะน่ากลัวกว่ากัน “เอ่อ”

    “ก็บอกมาเร็วๆ”

    “อยู่จังหวัดสงขลาเห็นบอกว่าไป…ที่ไหนจำไม่ได้แล้วนะ รู้แต่ว่าไปจังหวัดสงขลา” พูดอย่างเดียวไม่พอเดี๋ยวไม่น่าเชื่อถือต้องทำตาเศร้าๆเติมเข้าไปด้วย

    “ได้ ผมจะรีบส่งคนไปตามหาเร็วๆ เลย” พูดจบเธอก็เห็นคณินหยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความด้วยแววตาเคร่งเครียด ตอนนี้ดูเหมือนจะรักธุวดารา พี่สาวของเธอนะ

    แค่ดูเหมือน

    ดารกามั่นใจมากว่าพี่สาวของเธอเป็นคนมีเหตุผล ใจเย็น น่ารักไม่ใช้อารมณ์แต่จากวันนั้นที่กลับมาบอกได้เลยว่าคณินต้องทำเรื่องผิดมาอย่างแรงแน่นอน

    “ก่อนไปฉันขอถามคุณได้ไหม คุณไปทำอะไรทำไมพี่สาวฉันถึงได้ร้องไห้กลับมา ก่อนหน้านั้นฉันสังเกตดู คุณกับพี่สาวฉันก็ไม่ได้ดูรักกันขนาดนั้นแต่ทำเหมือนกับเพื่อนกับพี่ที่นัดสังสรรค์กันทุกวันหยุดเพื่อไปดื่มกาแฟพูดคุยกัน มันดูไม่เหมือนคนรักกันจริงๆ นะ”

    “แล้วยังไง เราคบกับเพราะคิดถึงความมั่นคงในอนาคตเหมือนกัน การแต่งงานนอกจากความรักแล้วเรื่องนี้ก็สำคัญนี่”

    “โอ้โห ฉันอึ้งเลยอ่ะ ในโลกนี้ยังมีคนคิดแบบนี้นี่นะ”

    “ก็ยังไงล่ะ ฉันคิดแบบธุรกิจรักด้วยใจและรักด้วยสมอง ถ้าเผื่อเธอจะสังเกตนะคู่รักกันส่วนมากจะทะเลาะกันก็เรื่องเงินนี่แหละ ฉันให้เกียรติพี่สาวของเธอตลอด ดาวเหนือต้องการมีคืนแรกในวันแต่งงานฉันก็โอเคแต่ก่อนนั้นฉันขอสนุกมันผิดเหรอ” ดารกาทำหน้าขยาดโดยไม่ปกปิดด้วยซ้ำ ความคิดของของเขามันยิ่งทำให้เธอเกลียดที่สุด

    “คุณมันทุเรศของจริงเลย คิดได้ไงเอาเรื่องความรักกับธุรกิจมารวมกันแล้ว…” ฉับพลันตากลมเฉี่ยวก็เบิกกว้างขึ้นราวกับไข่ห่านเมื่อได้พินิจคำพูดของเขาอย่างละเอียดยิบ “คุณแอบไปมีอะไรกับคนอื่นแล้วพี่ดาวจับได้ใช่ไหม”

    “ก็…เรื่องนอกกายฉันยอมรับแต่เรื่องนอกใจฉันไม่ยอมรับ ฉันรักดาวเหนือจริงๆ”

    “เปล่า คุณรักตัวเองต่างหาก ขอตัวนะ ถ้าเจอเธอขอให้เธอไม่เอามีดปักคอคุณแล้วกัน” ว่าแล้วเธอก็เดินจากไปอย่างโกรธเกรี้ยวนึกเจ็บใจแทนพี่สาว นักธุรกิจที่คนข้างนอกมองเข้ามาว่าเป็นคนดีสุดแสนจะสมบูรณ์แบบแต่กลับเจ้าชู้ไม่รู้สึกผิดในสิ่งที่ทำ ตอนนี้ดารกาก็ได้แต่ขออย่างเดียว ขอให้พี่สาวเธอรอดจากผู้ชายแบบนี้เป็นพอ




    เสียงรถเครื่องเก่าๆ วิ่งเข้ามาในบริเวณบ้านอีกหลังไม่ไกลกันมากนักดับลง คนขับเองก็รีบลงจากรถวิ่งเข้าบ้านไปอย่างรีบร้อนด้วยมีเรื่อง

    “คุณปราชญ์ครับ” ปราชญ์ ชายหนุ่มวัยเกือบสามสิบผู้เป็นเจ้านายที่นั่งโอบเอวสาวๆ อยู่ก็มีอันต้องหงุดหงิดทันที คนกำลังมีความสุขดันมีมารผจญมาเสียนี่

    “มีอะไร”

    “คนของเราโดนพวกไอ้รามฆ่าตายแล้วครับ” เพียงเท่านั้นปราชญ์ก็ลุกขึ้นด้วยความตกใจเต็มความสูง

    “บ้านมันติดกล้องวงจรปิดทุกสองเซนหรือไงวะ มันจะหูตาไวอะไรขนาดนั้น”

    “ตอนนี้ศพไอ้เข่งโดนทิ้งอยู่แถวนี้ครับ”

    “มึงรีบพามันไปไกลๆ กูเลย เอามันไปฝังทำพิธีเลยไป กูหลอน” เขาบอกเสียงห้วนก่อนจะหันไปหยอกล้อกับสาวๆ ต่อโดยไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป

    “แต่คุณปราชญ์ครับ มันเป็นมือขวาของนายใหญ่…”

    “ไม่ต้องสนหรอกน่า ลุงกู กูจัดการเอง” ว่าแล้วก็หันไปโอบเอวสาวๆ ต่อตัดสินใจพาเดินขึ้นชั้นสองไปเพราะทนรำคาญลูกน้องที่ชอบขัดตลอดเวลาไม่ได้ คนจะมีความสุขมารผจญก็ไม่มีสิทธิ์


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×