ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนต์กินรี

    ลำดับตอนที่ #1 : อารัมภบท

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ย. 62



    แสงสว่างยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างในห้องครัว เป็นเวลาพอดีที่สมาชิกครอบครัวจะมารวมตัวกันบนโต๊ะอาหารหลังจากละครจักรๆ วงศ์ๆ ยามเช้าจบพอดี ทั้งหมดอาศัยอยู่ในอำเภอปากช่องจึงมีทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับภาพครอบครัวในฝัน

    “ดูละครจักรๆ วงศ์ๆ ตั้งแต่เด็กจนโตยังไม่เบื่ออีกเหรอดาว” หญิงสาวที่นั่งดูเพลงละครตอนจบอยู่ก็หันมายิ้มกว้างให้คนเป็นแม่อย่างอารมณ์ดี

    “แต่แม่ก็มานั่งดูกับหนูบ่อยๆ นะได้ข่าว แม่ขอหอมหน่อย” ธุวดาราบอกพลางเดินมากอดภัคจีราด้านหลังหวังจะหอมแก้มหากแต่ผู้เป็นแม่กลับหนีท่าเดียว ผู้เป็นพ่อและน้องสาวก็ได้แต่หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ

    “ยัยดาวเหนือ โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงยังไม่หยุดอีกนะ”

    “แม่อ่ะ…ก็แก้มแม่นุ่มดี ให้หนูหอมหน่อย หอมหน่อยแม่จ๋า” ว่าแล้วก็เกิดการยื้อยุดไปสักพักจนผู้เป็นแม่ยอมแพ้ยอมให้ลูกหอมพลางยิ้มอย่างเหนื่อยใจ

    “โตจนจะแต่งงานแล้วยังมาทำตัวแบบนี้อยู่ได้”

    “เอาเถอะน่า เดี๋ยวดาวแต่งงาน คนที่จะนั่งร้องไห้ก็มีแต่แม่นะ” วิชิตยิ้มแกมหยอกภรรยาเสียงนุ่มจนภัคจีราแอบถอนหายใจเล็กน้อย

    “แต่ฉันว่ามันก็เร็วไปแล้วมันก็ดีเกินไปมากด้วย อะไรที่ดีเกินไปมันมักจะเป็นโทษซะเกือบหมด”

    “เอาน่า ไว้ใจลูกสาวเราเถอะ พ่อเชื่อนะว่าถ้าคู่กันแล้วยังไงก็ไม่แคล้วกัน” ดารกา ลูกสาวคนเล็กของบ้านก็หันไปพยักพเยิดเห็นด้วยกับพ่อทำเอาคนเป็นแม่หัวเดียวกระเทียมลีบหน้างอทีเดียว

    “ใช่ค่ะแม่ เจ๊ดาวน่ะอายุ 24 แล้วนะคะอีกอย่างคุณคณินเขาก็ไม่แย่นักหรอกมั้ง รวยขนาดนั้น แถมทำอะไรก็ดีไปหมด” น้องคนเล็กจีบปากจีบคอเล่นเอามือเรียวๆ ของธุวดาราต้องแล่นไปตีแขนป้าบใหญ่

    “นี่ พี่ไม่ได้คบเขาที่ความรวยซะหน่อย เขาเป็นรุ่นพี่ที่แสนดี อบอุ่นแล้วก็น่ารักมากด้วย ให้เกียรติพี่ทุกอย่างเลย เขาเป็นคนดี” เหมือนธุวดาราจะเห็นคนทำท่าอ้วกเหมือนแพ้ท้องทางหางตาเมื่อพูดจบ

    “แต่รักจริงๆ หรือเปล่า แล้วที่ว่ามีแผนจะไปพักผ่อนล่ะคะพี่ดาว”

    “ก็ขอเลื่อนไปก่อนแล้วกัน ยังไงตอนนี้ก็กำลังวุ่นเรื่องงานแต่ง ฝันอยากเป็นเจ้าสาวมานานแล้ว” อยู่ๆ ธุวดาราก็เผลอหัวเราะชอบใจออกมาจนทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างตื่นตะลึง

    สติมาค่ะคุณพี่

    “แม่ก็อยากให้หนูระวังไว้นะดาว เขาดีเกินไปจนแม่แอบกังวลอยู่ อีกอย่างแม่ก็ดูว่าหนูกับเขาไม่เหมือนคู่รักกันเลย”

    “หนูก็ไม่รู้สิคะ ระหว่างความรักกับความเป็นจริง หนูขอเลือกความเป็นจริง เขาเป็นคนดี ขยันทำงาน ให้เกียรติดาวแล้วดาวก็สบายใจมากเวลาที่ได้พูดได้คุยกับเขาแค่นี้ก็พอ ดาวไม่เชื่อหรอกว่าสมัยนี้จะมีความรักแบบพ่อกับแม่รักกันเหลืออยู่ ข่าวดารานอกใจกัน คนนอกใจกันเต็มบ้านเต็มเมืองเลย หนูไม่กล้าเอาหัวใจตัวเองไปเสี่ยงหรอก” ภัคจีราหันไปขอความเห็นจากสามีก็เห็นแต่เขายิ้มแป้นอยู่ท่าเดียว

    “พี่ดาวแม่หมายถึงโมเม้นกุ๊กกิ๊กๆ ต่างหากพี่ดาว” ดารกาหันมาเสริมคนเป็นแม่บ้าง “ก็ไม่เคยเห็นแบบนั้นเลยจริงๆ นะ ทางนู้นก็เหมือนกัน เหมือนเพื่อนชายเหมือนพี่ชายกันมากกว่าอย่างกับธุรกิจ อย่าว่ากันนะพี่ดาว”

    “แล้วยังไงล่ะดา พี่โอเคที่เป็นแบบนี้นะ ถึงจะดูคบกันที่ผลประโยชน์หรือธุรกิจและเราทั้งสองคนก็เลือกแล้ว เขามั่นคง สุภาพและอาจจะเป็นคู่ชีวิตที่ดี พี่เองก็อยากจะฝากชีวิตไว้นะ”

    “แต่มันโคตรไม่เมคเซ้นส์เลยนะพี่ ผู้ชายแบบนี้หนูก็แอบคิดเหมือนแม่นะไม่รู้เขามีด้านมืดอะไรรึเปล่า อีกอย่างนั่นมันเรียกว่ารักเหรอคะ”

    “ความรักสมัยนี้ใจอย่างเดียวมันไม่ได้ต้องใช้สมองด้วย เขาเป็นคนดีก็โอเคแล้ว”

    “เอาเถอะน่า ดาวเหนือเรารักใครเราก็ต้องรักด้วยจริงไหม” วิชิตเริ่มหิวข้าวก็รีบพูดขัดขึ้นมาทันทีทำให้สองพี่น้องเงียบลงและมานั่งทานข้าวแต่โดยดี

    “แม่ก็หวังอย่างนั้นนะพ่อ ขอให้เขาดีจริงๆ แบบพ่อก็พอ”

    “แบบที่พ่อรักแม่มากเหมือนเพลงหยาดเพชรที่พ่อชอบร้องให้แม่ฟังอย่างนั้นใช่ไหม”

    “ใช่จ้ะ”

    “เดี๋ยวพ่อจะร้องให้แม่ฟังสองคนนะรอ กขค พวกนี้ไปที่อื่นก่อนเนอะ” ว่าแล้วผู้เป็นพ่อก็โบกมือไล่ลูกสาวทั้งสองของตนก่อนจะเข้าสู่โหมดหวานต่อกันสองคนเริ่มหยอดคำหวานกันไม่หยุด ทำเอาธุวดาราและดารกาได้แต่ยืนมองหน้ากันอย่างงงๆ พลางแอบเบะปากเล็กน้อยมองบน

    เห็นลูกเป็นก้างขวางคอเหรอหรือไงคะ

    ฉากครอบครัวมาจบที่ฉากโรแมนติกได้ยังไงเนี่ย?




    วันนี้ธุวดารามีนัดกับแฟนหนุ่มที่กรุงเทพฯ เรื่องการพูดคุยเกี่ยวกับการหมั้นซึ่งเขาได้ส่งข้อความมาในไลน์ คณินเป็นรุ่นพี่หนุ่มคนเดียวที่เห็นเธอแล้วไม่ได้หยอดคำหวานเสี่ยวๆ หรือแซวเธอกลางฝูงชนให้เป็นที่สนใจ แต่กลับปฏิบัติและยิ้มแย้มให้กับเธออย่างเป็นมิตรไม่มีสิ่งใดเจือปน

    ร่วมยี่สิบนาทีแล้วที่เลยเวลานัดจนหญิงสาวแอบชะเง้อคอไปมองบ่อยๆ น้ำส้มในแก้วที่สั่งมาดื่มรอก็พร่องไปกว่าครึ่งแล้วแต่ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของแฟนหนุ่ม

    ตื๊ด!

    เสียงโทรศัพท์สั่นทำให้เธอก็หยิบขึ้นมาเปิดดูอย่างรวดเร็วหากแต่ไม่ใช่จากคณินแต่จากใครก็ไม่รู้ เธอรีบเปิดเข้าไปดูในห้องสนทนาอย่างรวดเร็วแก้รอเก้อก็พบกับคลิปวิดีโอที่ส่งมา ตากลมสวยดั่งกวางเบิกกว้างทันทีที่เห็น หัวใจร่วงลงสู่ตาตุ่มโดยไม่ทันตั้งตัวเมื่อเปิดเข้าไปก็พบว่ามันเป็นคลิปวิดีโอกิจกรรมบนเตียงของคณินและหญิงสาวปริศนาอีกถึงสามคนซึ่งเป็นเวลาสั้นๆ เท่านั้น น้ำตาหยดไหลลงด้วยความเสียใจพูดไม่ออกจนหน้าชา

    เธอเห็นหน้าของเขาอย่างชัดเจนจนไม่อาจโลกสวยคิดแง่บวกในทางอื่นอีกแล้ว

    ‘ถ้าอยากรู้ว่าอยู่ที่ไหนก็รีบตามมานะจ๊ะ’

    หญิงสาวสกัดกั้นความเสียใจรีบวางเงินบนโต๊ะพลางเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็วด้วยหัวใจที่เจ็บช้ำอย่างหนัก

    ทางนั้นส่งที่อยู่มาอย่างละเอียดราวกับว่าอยากให้เธอมาเห็นกับตาเสียเหลือเกิน แค่นี้ก็ทำเอาหญิงสาวแทบไปทางไหนไม่ไหวอีกแล้วต้องร้องไห้ในรถจนตัวโยน ตาคู่สวยที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาค่อยๆ ก้มมามองแหวนเพชรสวยๆ บนนิ้วนางข้างซ้ายอย่างเจ็บปวดหัวใจและรู้สึกว่าถูกหักหลัง

    ถ้าจะเจ็บ ธุวดาราคนนี้ก็ขอให้เจ็บสุดๆ เลยก็แล้วกัน ในเมื่ออยากให้เธอไปเห็นนักเธอก็จะไป

    เธอบอกตัวเองในใจก่อนจะเช็ดน้ำตาฮึดสู้ความเจ็บปวดและออกรถไปตามเส้นทางที่ผู้หญิงคนนั้นส่งมา อย่างน้อยในความเจตนาเยาะเย้ยก็ยังทำให้เธอตาสว่างว่าสิ่งที่แม่ของเธอพูดก็มีเค้าความจริง




    หลังจากได้ที่จอดรถของโรงแรมหรูแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพ ธุวดาราก็เดินขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นจุดหมายปลายทาง ในดวงตายังคงแดงก่ำไม่หายในใจก็ทำใจมาแล้วระดับหนึ่งแต่มันก็ดูตื่นเต้นอยากรู้ไปหมด ไม่นานนักก็ถึงห้องที่คณินอยู่มันแง้มประตูไว้นิดๆ ด้วยซ้ำเหมือนจงใจ

    “แหม เหนื่อยแล้วนะคะบอส” เสียงออดอ้อนอย่างน่ารักดังออกมาจากข้างในทำเอามือเรียวสวยต้องรีบทาบอกไม่กล้าผลักประตูเข้าไป

    “อีกหน่อยน่า เลขามากความสามารถอย่างคุณไม่อยากได้เงินเดือนเพิ่มหรือไง”

    “บอสเอามาล่อทุกที ถึงวันบอสแต่งงานพวกหนูจะไม่ต้องคิดถึงบอสแย่เลยเหรอคะ”

    “เถอะน่า ถึงแต่งงานแล้วไงยังไงผมก็จะมาหาพวกคุณอยู่ดี อย่าพูดถึงดาวตอนนี้เลยเสียอารมณ์จริงๆ” สิ้นเสียงนั้นก็ทำเอาเธอแทบทรุด ไม่รู้ว่าธุวดาราเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนผลักประตูเข้าไป

    “อารมณ์เสียขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

    “เห้ย! ดาว” คณินหน้าซีดเผือดลุกพรึ่บหันมามองคนหน้าหวานที่ย่างสามขุมมาด้วยสายตาคุกรุ่น “ดาวมาได้ไง”

    “มายังไงมันสำคัญกว่าเรื่องตรงหน้านี้เหรอคะพี่หนึ่ง”

    “ดาวฟังพี่ก่อนนะคือพี่แค่…” ชายตรงหน้าไม่แม้แต่จะสามารถคิดคำแก้ตัวได้

    “แค่มักง่ายเหรอ เราจะแต่งงานนะคะพี่หนึ่ง พี่ทำแบบนี้ได้ไง พี่ใจร้ายมากเลยรู้ไหม ทำไมพี่ไม่บอกดาวตรงๆ ล่ะว่าพี่ยังไม่พร้อม พี่มีคนอื่น ทำไมไม่บอก” เธอตอกกลับโดยไม่มีน้ำตาสักหยดขณะที่คณินจ้วงเดินมากุมมือเธอเอาไว้แต่ก็ถูกธุวดาราสะบัดออก

    “ดาว มันก็แค่ครั้งเดียว พี่ผิดพี่ขอโทษขอโอกาสให้เราได้เริ่มต้นกันใหม่นะ”

    เพี๊ยะ!

    ร่างสูงหน้าหันไปตามแรงตบของธุวดาราที่ใส่เต็มแรงแทนความแค้น

    “ครั้งเดียว? แต่เท่าที่ได้ยินดาวคิดว่ามันไม่ใช่นะคะ เราเลิกกันเถอะดาวยอมแล้ว พี่อยากจะใช้ชีวิตอะไรของพี่ก็เชิญแต่ดาวขอลา” ว่าแล้วคนร่างบางก็ดึงแหวนออกมาจากมืออย่างรุนแรงโดยไม่สนว่ามันจะทำให้เธอเจ็บก่อนจะวางไว้ที่โต๊ะข้างๆ เขา

    “พี่ไม่เลิก พี่ไม่ยอมเด็ดขาด ดาวต้องแต่งงานกับพี่ ผู้หญิงพวกนี้ก็แค่ของกินเล่นไม่ได้สำคัญอะไรแต่ดาวสำคัญกับพี่ พี่ยกดาวไว้เหนือกว่าทุกคนเลยนะ แค่นี้ยังไม่พอใจอีกเหรอ”

    “ดาวไม่ใช่ศาลพระภูมิ ดาวไม่อยากอยู่บนหิ้ง เราจบกันแค่นี้เถอะ อ้อ แล้วฉันก็ขอลาออกจากบริษัทคุณด้วย จบ” เธอบอกเสียงแข็งก่อนจะรีบเดินจากไปทิ้งให้คณินมองตามอย่างอารมณ์เสียระคนใจหาย

    ทันใดนั้นเขาก็หันไปหาผู้หญิงทั้งสามคนอย่างโกรธขึ้งแววตามาดร้าย

    “พวกเธอใช่ไหมที่ทำให้ดาวมาถึงที่นี่” เลขาสาวและทุกๆ คนรีบกระโดดมายืนประชิดกันอย่างรวดเร็วด้วยความหวาดกลัว ยิ่งเลขาสาวที่คิดว่าเขาโปรดปรานเธอมากจึงได้ทำเช่นนี้ลงไปแต่พอได้เห็นคณินโกรธก็ได้แต่ยืนอึ้งหวาดกลัว

    “ไม่นะคะ เราก็อยู่กับบอสตลอดใครจะไปทำแบบนั้น ฆ่าตัวตายชัดๆ”

    “ถ้าฉันรู้ว่าใครทำ ฉันจะฆ่ามันจริงๆ” เขาพูดขู่ลอดไรฟันก่อนจะรีบแต่งตัวหยิบโทรศัพท์เดินออกไปตามหาอดีตแฟนสาวอย่างรวดเร็ว




    เสียงรถอันคุ้นเคยดังขึ้นทำเอาสามคนพ่อแม่ลูกต้องรีบชะเง้อมองออกไปพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายขณะนั่งดูสารคดีด้วยกันอยู่

    “พี่ดาวนี่คะ ไหนว่าจะค้างที่กรุงเทพฯ” ดารากามองดูอย่างงงๆ แต่พอทุกคนเห็นธุวดาราจ้ำอ้าวออกมามาจากรถก็ตกใจ นี่ไม่ใช่สีหน้าของคนที่เพิ่งไปคุยเรื่องงานแต่งงานมาแน่นอน

    “ดาว” ภัคจีราเอ่ยเรียกลูกสาวคนโตทันทีที่เห็นเดินเข้าบ้านมา ธุวดาราไม่รอช้ารีบพุ่งเข้ากอดคนเป็นแม่อย่างรวดเร็วก่อนจะปล่อยโฮออกมาไม่อายใครอีก ดารกาและวิชิตมองหน้ากันอย่างตกใจก่อนจะเดินเข้าไปปลอบธุวดาราบ้าง

    “แม่…ดาว…ดาว”

    “ไม่ต้องพูดหรอกแม่รู้ว่าหนูจะพูดอะไร แม่จะกอดหนูไว้อย่างนี้จนกว่าหนูจะหายเสียใจนะลูก” ภัคจีราบอกเสียงสั่นพลางกระชับอ้อมกอดให้แนบแน่นมากยิ่งขึ้น หัวใจคนเป็นแม่แทบแตกสลายเมื่อได้เห็นน้ำตาของลูกสาว

    “พี่ดาว พี่อย่าร้องไห้เลยนะ”

    “หนูเลิกกับเขาแล้ว เขาใจร้ายมาก หนูไม่รู้ต้องทำอะไรอีกต่อไปแล้วแม่” หญิงสาวสะอึกสะอื้นร้องบอกตัวโยน

    “ใจเย็นๆ ลูกเดี๋ยวมันก็ผ่านไป เขาไม่คู่ควรกับลูกแม่ ลูกโชคดีที่รู้ก่อนแต่งงาน อย่าเสียใจเลยนะมันเป็นโชคของดาวเหนือต่างหาก”

    “ขอบคุณนะที่อยู่ข้างๆ กัน”

    “เรามันครอบครัวเดียวกันถ้าไม่รักสามัคคีกันแล้วเราจะไปรักใครล่ะ” หญิงสาวคลายกอดจากแม่ออกก่อนจะหันมายิ้มให้กับผู้เป็นพ่อ เธอรู้สึกโชคดีอย่างที่แม่ของเธอบอกไว้จริงๆ นั่นแหละ

    ความรักที่นี่เต็มเปี่ยมอบอวลจนเธอไม่ได้รู้สึกขาดเลยสักนิด เขาก็แค่ผู้ชายเลวๆ คนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป

    “แล้วอย่างนี้เขายอมเลิกไหม”

    “ไม่ค่ะ เขาไม่ยอมดาวหนีมาก่อน ดาวไม่สนใจหรอก ดาวจบแล้ว”

    “โธ่ ลูกแม่”

    “แม่คะ วันพรุ่งนี้ดาวจะไปตาก”

    “อะไรที่หนูสบายใจแม่ไม่ห้าม ลูกของแม่ แม่เชื่อว่าหนูเข้มแข็งมากพอเรื่องแค่นี้มันทำอะไรหนูไม่ได้แน่นอน” ภัคจีรากล่าวพลางยิ้มให้เธอทั้งน้ำตา ธุวดาราเองก็เช่นกัน

    “ค่ะแม่ มันอาจจะยากแต่หนูเชื่อว่าแม่พูดจริง”

    “อย่าลืมถ่ายรูปมาฝากด้วยนะ”

    “ไม่มีทางลืมแน่นอน”



    ในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้นขณะที่ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกกลับมาหลังจากส่งธุวดาราที่สถานีขนส่งตอนเช้ามืด ไม่ใช่ว่าขับรถไม่เป็นแต่เพราะไม่เคยขับจากนครราชสีมาข้ามไปไกลเกินกรุงเทพฯ สักครั้ง ทันทีที่ร่างบางของดารกาฟุบลงที่โต๊ะกินข้าวเธอก็ต้องสะดุ้งลุกขึ้นมาอีกครั้ง

    “ดาว!” เสียงด้านนอกทำเอาทั้งสามหันขวับ คณินลงทุนตามมาถึงที่นี่เลยทีเดียวและไม่ใช่แค่เขาแต่เป็นคนของเขาอีกหลายคน ช่างเป็นยามเช้าที่น่าหนวกหูของดารกาและพ่อแม่ที่แท้จริง ข้าวเช้าของเธอเลยไม่อร่อยไปเลยเพราะเสียงของคณินทำพิษมาโหวกเหวกแต่เช้า

    “พ่อ เขามาทำไม”

    “ดาว!” เสียงข้างนอกดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ “ออกมานะดาว! พี่ไม่เลิกกับดาวเด็ดขาด! ดาวจะทิ้งพี่ไปแบบนี้ไม่ได้!”

    “ไม่ต้องห่วง ดาเอาอยู่แน่นอน! คิดเหรอว่ามีคนเยอะแล้วดาจะกลัว”

    หลังจากที่ธุวดาราเดินทางไปต่างจังหวัดแล้ว คณินก็เพิ่งมายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านของเธอ เขาเคาะเรียกอย่างบ้าคลั่งแต่ก็ไม่มีใครมาเปิดให้เลยสักคน

    “ถ้าไม่เปิด ฉันจะพังไปเดี๋ยวนี้แหละ”

    “หยุดเลยนะไอ้นิสัยเสีย” ทันใดนั้นดารกาก็เปิดประตูออกมาชี้หน้าใส่เขาอย่างโกรธเคือง อีกมือหนึ่งนั้นมีโทรศัพท์แนบหูอยู่

    “ดา”

    “ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลยถ้าไม่อยากโดนข้อหาบุกรุก”

    “ฉันไม่กลัว ดาวเหนืออยู่ไหน เธออยู่ที่ไหน!” เขาตะโกนลั่นพลางพยายามมองเข้ามาด้านในหวังจะได้เจอธุวดารา

    “พี่ดาวเหนือไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วเพราะไม่อยากเห็นหน้าด้านๆ ของนาย นายก็ออกไปได้แล้ว เลิกยุ่งกับพี่สาวฉันสักที ทำชั่วแล้วอย่ามาสร้างกรรมต่อเลย”

    “เธอพล่ามอะไรของเธอ”

    “ก็ทำอะไรมาล่ะถึงต้องมาเห่าเป็นหมาหน้าบ้านขนาดนี้”

    “เธอ!”

    “เอาสิ คิดจะใช้อำนาจบาตรใหญ่ก็เชิญ ก็ใช้มาจนเคยชินแล้วนี่” เขาค่อยๆ กดอารมณ์คุกรุ่นในใจที่ถูกต่อว่าก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย

    “ได้ ถ้าพี่สาวเธอไม่ยอมมาแต่งงานล่ะก็ ฉันจะไม่ยอมเสียหน้าให้แขกแน่ๆ” ว่าแล้วเขาก็กระชากแขนเธอขึ้นมาทันทีทำเอาวิชิตและภัคจีราต้องก้าวพรวดมาช่วยดารกา

    “ไอ้บ้าปล่อยนะ ฉันไปทำอะไรให้แก”

    “ปล่อยลูกสาวฉันนะ”

    “คุณพ่อคุณแม่ ผมเชิญแขกมาตั้งเยอะมีหน้ามีตาทั้งนั้น จะมายกเลิกกันง่ายๆ ได้ยังไง ตำแหน่งเจ้าสาวว่างพอดี ถ้าดาวยังไม่ยอมกลับมาเป็นเจ้าสาวของผมเหมือนเดิมล่ะก็” เขาหันไปมองคนตัวเล็กพลางแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ดารกาก็ต้องไปเป็นตัวแทนของพี่สาวเธอก็แล้วกัน”

    “ว่าไงนะ?” วิชิตโพล่งขึ้นด้วยความตกใจ

    “ได้ ฉันกำลังช็อตอยู่พอดี แต่งงานกับคนรวยๆ อย่างนายก็ไม่เสียหายอะไร ค่าเทอมค่าเล่าเรียนมหาลัยก็ไม่ต้องจ่ายไม่ต้องลำบากเงินพ่อแม่ ค่ากิน ค่าช็อปปิ้งอีก โอ้โห บุญหล่นทับชัดๆ” เขาแค่นยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำนั้นจากคนอย่างดารกา วิชิตและภัคจีราก็ดูจะอึ้งไปจนอ้าปากค้าง “ไม่ต้องห้ามนะคะพ่อแม่ หนูฝันมานานแล้วว่าอยากแต่งงานกับคนรวย It’ s my dream”

    “ได้ ถ้าเธอแสดงเจตจำนงแบบนี้ก็ดีแต่ระวังเพราะฉันไม่มีวันทำให้ได้มีความสุขเหมือนภาพที่มันลอยใน It’ s your dream แน่ๆ ถ้าไม่ยอมคืนดาวให้ฉัน”

    “ก็มาดูแล้วกันว่านายกับฉันใครกันแน่ที่จะต้องแพ้ ในที่สุด ตอนนี้ฉันก็เห็นสันดานจริงๆ ของนาย ไม่ใช่อย่างที่พี่ดาวเคยชมไว้เลยสักนิด”

    “แล้วยังไงตอนนี้ฉันก็ไม่สน อยากเห็นสันดานจริงๆ ฉันก็ไม่ขัดนะ แค่เปลี่ยนชื่อเจ้าสาวใหม่มันจะไปยากอะไรแต่ไม่ต้องห่วง ฉันก็จะยังส่งคนตามหาพี่สาวเธอเหมือนเดิมไม่ว่าจะหลบไปที่ไหนก็ตาม”

    “เธอต้องการอะไรกันแน่คณิน หลังจากที่ทำเรื่องทั้งหมด” วิชิตก้าวมาถามเสียงเรียบหากแต่แววตาฉายชัดถึงความขุ่นเคือง

    “จะเอาความจริงใช่ไหม เพราะจะได้เป็นหน้าเป็นตาไงครับพ่อตา พวกคุณดูดีเป็นครอบครัวอบอุ่นเป็นอดีตข้าราชการผู้ใหญ่ที่ยังคงซื่อสัตย์มีแต่คนนับหน้าถือตา ใครๆ ก็เคารพรักคุณ ไม่เห็นเดายากเลย”

    “โอ้โห นี่นายแบบหาความดีไม่เจอจริงๆ นะ เอาจริง น่าเป็นห่วงพี่ดาวจริงๆ”

    “ไม่ต้องห่วงหรอกน่าดา ยังไงซะตอนนี้เธอก็ต้องมาเป็นเมียแก้ขัดฉันอยู่ดี”

    “คิดจริงๆ เหรอว่าฉันกลัวนาย ไม่ค่ะ ไม่กลัวสักนิด”

    “พอเถอะ เลิกเล่นได้แล้ว เราไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอะไรกับเธออีก ถ้าเธอกลัวเสียหน้าพวกเราจะออกหน้าเอง”

    “คุณแม่ยายครับงานแต่งงานอีกแค่สามเดือน คุณแม่ยายจะเอาแบบนั้นใช่ไหม”

    “ใช่ พวกเราจะยอมเป็นฝ่ายออกหน้ารับผิดทั้งหมดแค่เลิกยุ่งกับเราแล้วก็อย่าได้เอายัยดาของฉันไปข้องเกี่ยวกับปัญหาที่เธอสร้างเลย” ภัคจีรากล่าวพลางก้าวมายืนเบื้องหน้าของคณินก่อนจะดึงมือของเขาที่กำแขนกลมกลึงของดารกาออกจากเธอ คณินเงียบไปครู่หนึ่งแต่แววตายังคงคุกรุ่น

    “อีกสามเดือนผมจะหาเธอให้เจอคอยดูเถอะไม่อย่างนั้นดารกาต้องรับผิดชอบหรือไม่ก็ต้องจ่ายเป็นเงินก้อนสองร้อยล้านให้กับผมภายในสามเดือนแทน หนี้ที่พ่อของลุงวิชิตมายืมเราไปไง”




    TBC
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×