ไต้หวัน...ร่างฟิวชั่นของญี่ปุ่นและจีน - ไต้หวัน...ร่างฟิวชั่นของญี่ปุ่นและจีน นิยาย ไต้หวัน...ร่างฟิวชั่นของญี่ปุ่นและจีน : Dek-D.com - Writer

    ไต้หวัน...ร่างฟิวชั่นของญี่ปุ่นและจีน

    "ไต่หวันคือประเทศญี่ปุ่นที่พูดจีน" คำนิยามสุดฮิตของชาวไทยที่เยือนไต่หวัน เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น และไต่หวันมีดีอะไร ทำไมบ้านเมืองถึงสะอาดนัก ทำไมถึงมีผลสอบPISAติดอันดับโลกทุกคร้้งและจะนำมาปรับใช้ยังไง

    ผู้เข้าชมรวม

    139

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    139

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 มี.ค. 63 / 21:19 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    โลกใบนี้มีประเทศที่เป็นหมู่เกาะอยู่หลายแห่ง แน่นอนว่ามีพื้นที่และทรัพยากรรมที่น้อยกว่าประเทศในแผ่นดินใหญ่ จึงทำให้มีไม่กี่ประเทศที่สามารถเจริญได้เทียบเท่าหรือเจริญกว่าประเทศในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือไต้หวัน

                ประเทศที่ผลการสอบ PISA ติดอันดับโลกทุกครั้งในรายวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์     ประเทศที่เป็นแหล่งผลิตและส่งออกของแบรนด์จักยานชั้นนำของโลกอย่าง  Giant และยังเป็นแหล่งผลิตและส่งออกแบรนด์เทคโนโลยีระดับโลกเช่น Apple Asus และ Acer ในเรื่องของแนวคิดในการมุ่งหน้าพัฒนาด้านเทคโนโลยีนั้นถูกสะท้อนออกมาในรูปแบบของสถาปัตยกรรมนั้นคือ ตึกไทเป101 ซึ่งนอกจากเป็นแลนด์มาร์คของไต้หวันอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเทียวต้องไปให้ได้แล้ว เลข 101 ยังสื่อถึงความทันสมัยและเทคโนโลยีเหมือนภาษาของคอมพิวเตอร์ และยังเป็นประเทศที่ระบบจัดการขยะดีเป็นอันดับต้นๆของโลกอีกด้วย คำถามคือจากประเทศหมู่เกาะเล็กๆทำไมจึงสามารถมาไกลได้ขนาดนี้ หากเราอยากทราบว่าเหตุใดผลไม้ถึงมีรสชาติหวานอร่อยเราก็ต้องทราบก่อนว่ารากของต้นไม้ต้นนั้นเป็นยังไงและดูดซับอะไรมา ซึ่งรากฐานของทุกประเทศก็คือวัฒนธรรม ถึงแม้ว่าวัฒนธรรมไต้หวันจะมีประวัติศาสตร์มาเพียงร้อยกว่าปีแต่วัฒนธรรมไต้หวันนั้นเกิดจากการรวมของสองวัฒนธรรมที่เก่าแก่ของโลกนั้นคือวัฒนธรรมจีนและญี่ปุ่น ถ้าได้ลองไปเทียวไต้หวันแล้วจะพบว่าที่นั้นคือประเทศญี่ปุ่นที่พูดภาษาจีนนั้นเอง และคนไต่หวันก็มีอุปนิสัยและหน้าตาไกลเคียงกับคนไทยที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเมื่อประมานห้าหมื่นปีที่แล้วชนชาติที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในเกาะไต่หวันคือ จีน และฟิลิปปินส์ ส่วนสาเหตุว่าทำไมไต้หวันถึงมีวัฒนธรรมที่ไกลเคียงกับญี่ปุ่นมาก ก็เพราะว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเกาะไต่หวันถูกปกครองโดยญี่ปุ่นถึง 50 ปี ทำให้ญี่ปุ่นวางหลักสูตรการศึกษาในสมัยนั้นให้นักเรียน เรียนภาษาญี่ปุ่น และเรียนประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ถึงขนาดที่ หลี่เตินหุ้ย อดีตประธานาธิบดีไต้หวัน ได้กล่าวว่าตอนที่เขายังเด็กเขาคือคนญี่ปุ่น แต่ในภายหลังที่ไต้หวันได้รับเอกราชแล้วทางรัฐบาลก็ยกเลิกหลักสูตรที่ญี่ปุ่นเคยทำเอาไว้แต่ก็ไม่ได้ยกเลิกทั้งหมดเพราะหลักสูตรภาคบังคับหกปีและการศึกษาระดับอุดมศึกษาก็ได้เกิดขึ้นในสมัยที่ญี่ปุ่นยังปกครองไต้หวันอยู่ นอกจากเรื่องการศึกษาแล้วไต้หวันยังได้รับความรู้เรื่องการเกษตรและอุตสาหกรรมจากญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้ทำให้คนไต้หวันมีความขยันของจีนและกระบวนการคิดที่เป็นระบบของญี่ปุ่น ทำให้เศรษฐกิจของไต้หวันเติบโตเป็นอย่างมาก และได้รับฉายาว่าเป็นหนึ่งในสี่เสือแห่งเอเชีย เนื่องจากไต้หวันได้รับความรู้ทางด้านการเกษตรมาจากญี่ปุ่นทำให้ระบบชลประทานและระบบในการดูแลสิ่งแวดล้อมมีคุณภาพและยังมีวัฒนธรรมที่โดดเด่นจึงส่งผลให้กลายเป็นจุดหมายของนักท่องเทียวจากทั่วโลก แต่สิ่งที่รัฐบาลไต่หวันต้องการพัฒนามากที่สุดนั้นคือเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ เพราะว่าคนไต่หวันที่เติบโตมากับยุคที่อุตสาหกรรมหนักกำลังเติบโต ทำให้มีแนวคิดว่าการเป็นพนักงานเงินเดือนปลอดภัยที่และเป้าหมายที่พ่อแม่ชาวไต่หวันปลูกฝังให้ลูกๆคือ สอบโรงเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงให้ได้เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าทำงานในองกรที่มีความมั่นคงและรายได้ดี ด้วยเหตุนี้ทำให้ประชาชนชาวไต่หวันไม่กล้าออกมาทำธุรกิจของตัวเองและไม่กล้าคิดนอกกรอบ รัฐบาลไต่หวันที่เห็นปัญหานี้จึงได้จัดโครงการที่จะส่งนักเรียนไต่หวันไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศและนำความรู้กับแนวคิดใหม่กลับมาพัฒนาประเทศต่อไป นอกจากการส่งเสริมให้นักเรียนไปศึกษาต่อในต่างประเทศแล้วทางรัฐบาลไต้หวันยังสร้างอุทยานวัฒนธรรมชงชาน ที่จะจัดแสดงผลงานทการออกแบบมากมาย และยังสร้างพิพิธภัณฑ์การออกแบบอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีสถาที่ท่องเทียวที่ที่เป็นแหล่งรวมของนักท่องเทียวมากมายที่สร้างขึ้นมาจากสถานที่ธรรมดาๆ เช่น Huashan 1914 Creative Park ซึ่งเป็นอดีตโรงงานผลิตไวน์และบุหรี่ที่ปิดตัวลงและย้ายไปตั้งโรงงานใหม่นอกเมืองไทเป ทำให้เหลือเพียงอาคารร้างหลายหลัง ซึ่งทางรัฐบาลไต้หวันก็ได้เปลี่ยนอาคารที่หาประโยชน์ไม่ได้เหล่านั้นให้กลายเป็นสถานที่ท่องเทียวและแหล่งเรียนรู้ศิลปะ ซึ่งนอกจากจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศแล้วสถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่แสดงให้คนไต้หวันได้เห็นว่าศิลปะและความคิดสร้างสรรค์นั้นสามารถเปลี่ยนสิ่งธรรมดาที่ไม่มีมูลค่าให้กลายเป็นสิ่งสวยงามที่มีมูลค่ามหาศาลได้

                ประเทศไต้หวัน ประเทศที่ซึ่งเป็นเพียงหมู่เกาะเล็กๆมีขนาดใหญ่กว่าโคราชในประเทศไทยเพียง 1.75 เท่าแต่ก็สามารถสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับประชาชนในประเทศได้ถึงเพียงนี้ แต่ว่าเราที่ได้รับรู้เรื่องราวอันน่ามหัศจรรย์ของหมู่เกาะเล็กๆนี้แล้ว มันก็คงน่าเสียดายที่เรื่องราวนี้จะไม่ส่งผลต่อชีวิตของเราเลยเหมือนเราแค่เสียเวลามานั่งอ่านเฉยๆ ดังนั้นในบทสรุปนี้ผมจึงต้องการที่จะให้ทุกท่านได้รับแนวความคิดและแนวทางปฏิบัติที่ตัวผมเองได้เรียนรู้และคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวท่านผู้อ่านด้วย      ว่าในขนาดแนวระดับการบริหารประเทศพวกเราจะสามารถนำมาประยุกน์ใช้ในชีวิตของเราได้อย่าง

    1.การเปิดรับวัฒนธรรมและความรู้ใหม่ๆโดยไม่ปิดกั้น จะเห็นได้ว่าไต่หวันส่งเสริมให้นักเรียนของพวกเขาไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ ซึ่งในข้อนี้ทุกคนอาจจะคิดว่าเป็นการเรียนรู้จากคนที่มีความสามารถเหนือกว่าเราซึ่งนั้นก็ถูกครับแต่ว่าผมอยากให้ทุกคนลองมองมาที่คนหรือสิ่งที่เราคิดว่าเราเหนือกว่าเขาและเรียนรู้อะไรบางอย่างจากเขาเหมือนที่ไต่หวันมุ้งหน้าสร้างความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆไม่ว่าจะเข้าจะเจริญกว่าหรือเจริญน้อยกว่าก็ตาม เพราะคนเรามีความสามารถที่ต่างกันดังนั้นบุคคลเหล่านั้นอาจมอบแนวทางในการดำรงชีวิตทีคุณค่าให้เราก็ได้

    2.ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการสามารถทำให้สิ่งธรรมดากลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เช่นการที่ทางรัฐบาลของประเทศไต้หวันทำการปรับปรุงโรงงานผลิตไวน์และบุหรี่เก่าจากตึกร้างที่หาประโยชน์ไม่ได้ให้กลายเป็นสถานที่ท่องเทียวที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างมหาศาล

    3.สิ่งที่เรียกว่าขยะแท้จริงแล้วคือสิ่งที่เรายังเข้าไม่ถึงศักยภาพที่แท้จริงของ ดังเช่น การปรับปรุงโรงงานเก่าที่ได้กล่าวมา และระบบขั้นตอนในการนำขยะกลับมาใช้ใหม่ของไต้หวันที่มีการรับขยะสภาพดีมาซ่อมแซมและนำไปขายต่อ เช่น พวกเสื้อผ้าและของตกแต่งบ้าน

    สุดท้ายนี้ผมคิดว่าทั้งคนไทยและคนไต้หวันก็ไม่ได้มีความต่างอะไรกันมากเพียงแต่สภาพแวดล้อมของพวกเขาอาจจะเอื้ออํานวยมากกว่า และระบบการจัดการของรัฐที่อาจจะดีกว่าเรานิดหน่อย แต่เพราะในยุคปัจจุบันที่มีอินเตอร์เน็ตเราจึงสามารถหาความรู้ใหม่ได้ตลอดเวลาถึงแม้จะไม่มีใครมาสนับสนุนเรา แต่เราก็สามารถพัฒนาตนเองได้ เหมือนประเทศไต้หวันสำหรับบางประเทศก็ยังไม่ยอมรับไต้หวันว่าเป็นประเทศแต่ไต้หวันไม่ได้รอค่อยให้ประเทศไหนมาช่วยแต่เขาเลือกจะเรียนรู้จากประเทศอื่นและสิ่งที่เขามีจนมาไกลได้ขนาดนี้ ดังคำคมจีนที่มีความว่า

    อย่ารอคอยโอกาส แต่จงสร้างโอกาสนั้นขึ้นมาเอง

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×