ฉันเพิ่งรักเธอเมื่อ7วันที่แล้ว - นิยาย ฉันเพิ่งรักเธอเมื่อ7วันที่แล้ว : Dek-D.com - Writer
×

    ฉันเพิ่งรักเธอเมื่อ7วันที่แล้ว

    หนึ่งคำตัดสินที่อยุติธรรม ชี้ชะตาให้เขาต้องตายพร้อมตราบาปเเสนทรมาน มีเพียงเธอที่ยืนหยัดทวงคืนทุกสิ่งเพื่อเขา เเม้เธอจะรักเขาได้เพียงแค่เจ็ดวันก็ตาม..เเล้ว ตำนานที่เล่าขานจะกังวานขึ้นไม่รู้จบ

    ผู้เข้าชมรวม

    219

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    14

    ผู้เข้าชมรวม


    219

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  10 ก.ย. 63 / 23:29 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทนำ

                   หยาดน้ำใสร่วงรินจากนัยน์เนตรคู่งามสะท้อนประกายหม่นคลุ้งอารมณ์โทสะ จ้องกลับยังผู้เป็นใหญ่แห่งแดนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา บัลลังก์แก้วผนึกใสสะท้อนเเสงขาวละเอียดทอประกายสีรุ้งมิได้งดงามเช่นเดิมในความรู้สึกของ 'มณีเมขลา' เทพธิดาผู้เป็นบุตรีขององค์พระยานาคราช หรือที่ตำนานหลายเรื่องเล่าขานกันว่าเธอคือ เทพธิดาที่ปกป้องห้วงบาดาลเเละมหาสมุทร
                   เหล่าทวยเทพที่ระบำร่ำร้อง สังคีตดนตรีอยู่ พลันเงียบงันลงเเล้วจดจ้องยังมณีเมขลา เทวีอันเป็นผู้มีฐานะสูงถึงว่าที่อนุภริยาของ องค์ปรรชันยะ หรือที่มนุษย์โลกรู้จักกันในนาม พระอินทร์ หรือ อินทราธิราช

                   "ไม่น่าเชื่อว่าผู้เป็นใหญ่ที่เหล่ามนุษย์ก้มกราบทุกวี่วันจะหูเบาเชื่อคำโป้ปดของอสูรกายต่ำช้า..." 
                     
              สุรเสียงหวานเอ่ยเรียบเเต่เเน่นหนักทุกถ้อยวลี ท้ายประโยคเหลือบหางตายังอสรุกายนามว่า "ราหู" ผู้ที่เอาความดีเข้าใส่ตนเเล้วโยนความชั่วให้ผู้อื่นได้ซึ่งๆ หน้า เเม้ผู้นั้นจะเป็นเพื่อนสนิทของตน...

              นี่คือ อสุรกายผู้ต่ำทราม อย่างเเน่เเท้

                   ฝ่ายอสูรกายหนุ่มที่รูปร่างผิดแปลกไปจากตำนานที่กล่าวไว้ถึงความอัปลักษณ์ น่าเกลียด น่ากลัว ในตอนนี้กลายเป็นชายหนุ่มใบหน้าคมเข้ม พร้อมกระตุกยิ้มเหยียดเเล้วก้มศีรษะรับเเทนคำขอบคุณ เห็นเช่นนั้นยิ่งทำให้ไฟที่สุมในอกร้อนรุ่มจนเเผดเผาความยับยั้งชั่งใจของเทพธิดาผู้ครองบาดาลไปแทบสิ้น

                   "การที่ข้าจะฟังหรือไม่ฟังใครมันก็เรื่องของข้า ส่วนเรื่องของเจ้า เจ้าควรหัดรับฟังเเละอยู่ในระเบียบสวรรค์บ้างเมขลา" ผู้ครองจาตุมหาราชิกาเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนนั่งไขว่ห้างเจิบมธุรสชั้นเลิศคล้ายสบายอารมณ์ เว้นเพียงนัยน์ตาคมที่จดจ้องยังเทพธิดาเบื้องหน้า

                   "ระเบียบที่เอาไว้สร้างอำนาจความสุขสำราญให้พวกตนเองข้าไม่สนหรอก..." นัยน์ตาหวานเเดงช้ำเพราะฤทธิ์ความคับเเค้นใจ ริมฝีปากบางสั่นระริกก่อนที่จะเอ่ยความในใจออกมาอย่างยากลำบาก "...ท่านฆ่าเขา ฆ่ารามสูรผู้บำเพ็ญตบะมานานนับชั่วกัลป์ หากเขาได้ขอพรจากแก้ววัชรา ป่านนี้เขาคงเลื่อนฌาณขึ้นเป็นเทวดาอย่างเต็มตัว เเต่เขากลับต้องมาตายลงไปเพราะท่าน..เป็นเช่นนี้ ข้ายังต้องเคารพระเบียบของสวรรค์ที่อยุติธรรมอย่างนั้นรึ?"

    เพล้ง!!!

                   เเก้วมธุรสเเตกกระจายเพราะเเรงโทสะจากองค์ปรรชันยะ ร่างสูงกำยำในชุดสีขาวสลับเขียวมรกตยืนประจันหน้าธิดาองค์พระยานาคราช ใบหน้าคมคายขบกรามเเน่นคล้ายระงับโทสะในมโนสำนึก

                   "ระวังคำพูดเจ้าด้วยมณีเมขลา!!! " เเผดเสียงพร้อมนิ้วดัชนีชี้ยังใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา "รามสูรขโมยแก้ววัชราไปจากบัลลังก์ของข้า! มันจะพาความอัปยศเเละมลทินมัวหมองมาให้จาตุมหาราชิกาของข้า กลางวันจะไม่มีเเสงอาทิตย์ เเม้รัตติกาลก็ไร้ซึ่งเเสงจันทร์ เช่นนี้ข้าสมควรส่งมันลงสู่ความตายหรือไม่!"
                   กลีบปากบางของผู้เป็นเจ้าของ แก้ววัชรา ที่เเท้จริงเม้มเป็นเส้นตรง ก่อนยิ้มหยันขึ้น

                   "ท่านตัดสินได้เเน่เเล้วหรือว่ารามสูรเป็นผู้ขโมย..." นัยน์ตากลมเหลือบมองยังร่างสูงกำยำที่ยืนอยู่อีกฝั่งอย่างนึกรังเกียจ "ข้าไม่ยักจะรู้...การที่ข้าหยิบเเก้ววัชราที่เป็นของของข้าไป มันจะทำให้คนบริสุทธิ์ต้องตายลงพร้อมบาปที่เขาไม่ได้ก่อ"

                   "เช่นนั้น เจ้าก็ไปเอาเเก้ววัชราจากมันมาให้ข้า ล้างมลทินที่เหล่าเทวดาอ้างว่ามันคิดทรยศต่อบัลลังก์สวรรค์...หึ ถึงรามสูรจะจุติไปเเล้ว เเต่บารมีที่ทำมาคงพอให้ไปเกิดยังมนุษยภูมิ" น้ำเสียงฟังดูประชดประชันเเต่นั่นมิได้ทำให้เทพธิดาสั่นไหวแม้เเต่น้อย
         
                   ริมฝีปากบางเม้มเเน่น วงหน้ากระจ่างขบกรามเเน่นจนเห็นเส้นเอ็นขึ้นลำคอระหง นัยน์ตากลมฉายแววโรจน์ออกมาคล้ายยอมรับในข้อเสนอ

                   "หากเป็นการพิสูจน์ว่าเขาบริสุทธิ์ ข้ายินดี!"

                   คำตอบจากยอดดวงใจตรงหน้า ทำเอานัยน์เนตรคมสั่นไหวเพียงครู่ ความรักที่นางมีให้รามสูรยังคงเเน่วเเน่มั่นคง ไร้ซึ่งที่ว่างให้เขาได้เข้าไปทวงคืนตำแหน่งชายในฝัน
                   เเม้มณีเมขลาจะขึ้นชื่อว่าอยู่ใต้อาณัติเขา ทว่านางไม่ชายตามองยังผู้เป็นใหญ่แห่งสวรรค์เลยสักครั้งเดียว ความเจ็บหน่วงที่จุกอกนั้นพลันทำให้เกิดข้อเเม้ขึ้นในหัวองค์ปรรชันยะ

         ...ข้า จะต้องได้ครอบครองแก้ววัชราเช่นเดิม

         ...ข้า จะต้องได้ความรักของเจ้าคืนมา

                  "แต่ข้าให้เวลาเจ้าได้เพียงเจ็ดวันของสวรรค์เท่านั้น เเละหากเจ้าทำไม่ได้ข้าจะสาปเจ้าให้เป็นบาทบริจาริกาของเทพธิดาอื่นชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ หวังว่าเจ้าจะรู้ฐานะของตัวเองดีนะ มณีเมขลา"

                    การเป็น "บาทบริจาริกา" ของเทพองค์อื่นนั้นหมายความถึง "การจำกัดอิสระเสรี" ซึ่งเทพผู้รักอิสระอย่างมณีเมขลานั้นมิอาจทนได้ คำขู่ลงโทษได้ผลไม่มากก็น้อย
         
         คำขู่...เพื่อให้ได้มาซึ่งเเก้ววัชรา อัญมณีเรืองอำนาจ มากล้นด้วยบารมี
         คำขู่...เพื่อให้ได้ครอบครองอิสระของนาง เทพธิดาผู้ไม่เคยมีใจรัก หรือเเม้มั่นคงภักดี
         คำขู่...เพื่อให้ได้กำจัดเสี้ยนหนามที่แทงใจ โดยที่มือไม่ต้องเปื้อนคาวเลือด

                 "ข้า ไม่มีอะไรจะเสียเเล้วนี่"  พูดจบเทพธิดาแห่งน่านสมุทรพลันสลายหายไปพร้อมฟองอากาศจากฟากทะเล 

              ทิ้งไว้เพียงเสียงซุบซิบนินทาของทวยเทพทั้งหลาย บ้างก็ว่ามณีเมขลาหลงรักรามสูรมาเนิ่นนานจนยอมทำตามคำบัญชาขององค์ปรรชันยะ บ้างก็ว่ารามสูรอยากเป็นใหญ่จึงคิดขโมยแก้ววัชราไปเพื่อขอพรในงานวสันตฤดู ทุกคำว่าร้ายได้ยินถึงพระเนตร พระกรรณ ของผู้เป็นใหญ่แห่งสวรรค์

                "องค์ปรรชันยะ" ร่างสูงกำยะในชุดสีดำทมิฬ โน้มศีรษะลงเล็กน้อย ใบหน้าคมคายซ่อนนัยน์ตาเจ้าเล่ห์อยู่เบื้องหลัง

                "ราหู...เจ้าจงตามหารามสูรเเล้วฆ่ามันเสีย ก่อนที่มณีเมขลาจะได้เเก้ววัชราไป...หากงานนี้ไม่สำเร็จเเม้เเต่น้ำอมฤตก็ไม่อาจช่วยวิญญาณเจ้าได้"
           
              ร่องรอยคมลึกบนคอของอสูรหนุ่มคล้ายเป็นเครื่องหมายกลโกงที่ติดตัวดังตำนานบนโลกมนุษย์ เเม้ว่าเขาจะพยายามบำเพ็ญเพียรเเละทำความดีมากมายเท่าใด ก็ไม่มีสักเสี้ยวนาทีเลยที่รอยบาปนี้จะจางลง

                 ความไม่พอใจที่คำตัดสินอันอยุติธรรมยัดเหยียดให้รามสูรเป็นผู้ผิด ทำให้เทพธิดาผู้รักความเที่ยงตรงมิอาจทนมองเฉยได้ เเละด้วยความรักเธอจึงอยากปกป้องเขาจากภยันตรายทั้งปวง เเม้เมื่อประสบผลตามปรารถนาเเล้วนั้น...เธอจะต้องเเหลกสลายไปพร้อมกาลเวลาก็ยินกี

                             คราใดที่ "ฝนพร่ำ" เจ้าจงจำไว้ว่า ข้ากำลังตามหาเจ้า...
                             คราใดที่ "สายฟ้าพาดผ่านท้องนภา" ได้โปรดจำให้ได้เถิด...ว่า ข้าเฝ้ามองเจ้าอยู่ในทุกแห่งหน
                             เเละหากคราใดที่ "พายุโหมกระหน่ำ" จงรู้ไว้เสียด้วยว่า...เราจะพบกันอีกครั้ง...


    "รามสูร"
         
         
         

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น