ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FIC] Love Paradise [KrisLu HunBaek ft.Kai]

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7 งานวันเกิดของคริส (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ย. 56


     

     

                ผมไม่รู้จะซื้ออะไรให้คริส  เพราะดูแล้วคริสก็มีทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์  แถมของใช้แต่ละอย่างก็แบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า  เมื่อวานผมก็ถามพี่เลย์เหมือนกันว่าควรจะซื้ออะไรดี  ก็ได้รับคำตอบกวนๆ มาว่าซื้ออะไรก็ได้ที่เค้าชอบอันที่จริง ก็ถูกของพี่เลย์นั่นแหละ

     

    แต่ผมคงจะไม่มานั่งกลุ้มใจแบบนี้ถ้ารู้ว่าคริสชอบอะไร?

     

    “นายเป็นอะไรรึเปล่าลู่หาน  ทำไมวันนี้ดูไม่ค่อยสดใสเลย”คยองซูสะกิดไหล่ผมเมื่อเห็นว่าผมแปลกไป  คงเผลอแสดงสีหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลาออกไปล่ะมั้ง

     

    “มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อยอ่ะ   คยองซู  ธรรมดานายให้อะไรแบคฮยอนเป็นของขวัญวันเกิดอ่ะ”

     

    “แบคฮยอนเหรอ  ก็ให้บัตรคอนโซชิแบบ VIP ชิดติดขอบเวทีไง”อ้อ ใช่  แบคฮยอนชอบ SNSD แถมเป็นติ่งพี่แทยอนด้วย

     

    “แล้วนายให้อะไรคยองซูเหรอแบคฮยอน”

     

    “ให้โฟโต้บุคพี่ดีโอหนาแปดร้อยหน้า” นั่นมันไม่ใช่โฟโต้บุคแล้วมั้งแบคฮยอน  คงเป็นพจนานุกรมแล้วล่ะ =_____= “แล้วอยู่ ๆ นายถามเรื่องของขวัญวันเกิดทำไมล่ะ”

     

    “อ๋อออออออออ ฉันรู้ล่ะ  พฤหัสฯ นี้วันเกิดคริสนี่นา  นายกำลังหาของขวัญให้คริสอยู่ใช่มั้ย”

     

    “เปล่าซักหน่อย”ผมรีบปฏิเสธ  ถึงจะรู้ว่าไม่เนียนก็เถอะ

     

    “คริสเป็นคนชวนนายเหรอ”  คยองซูทำตาโตกว่าเดิม  หรือถ้าจะพูดให้ถูก  ตาเหลือกกว่าเดิม -_____-

     

    “ก็ประมาณนั้น”

     

    “อื้อหือ  เจ้าของงานลงทุนชวนเองแบบนี้  ฉันว่านายคงเป็นคนพิเศษแล้วล่ะ”

     

    “ไม่มั้ง?”

     

    คยองซูตาโต อ้าปากค้าง “ไม่ต้องมาทำหน้าแอ๊บแบ๊วกลบเกลื่อนเลยนะ  ก็ส่วนมากเพื่อนคริสจะเป็นคนชวน  เพราะคริสไม่ได้มานั่งสนใจหรอกว่าใครจะมาหรือไม่มา”

     

    “จะว่าไปฉันก็ยังไม่ได้หาของขวัญให้คริสเลยนะ  นายมีรึยังแบคฮยอน”

     

    “คริสไม่แคร์เรื่องแบบนั้นหรอกน่า  ให้ไปจะแกะรึเปล่าก็ไม่รู้”  แบคฮยอนไหวไหล่

     

    “แล้วแบบ ...พวกนายรู้มั้ยว่าคริสชอบอะไร”

     

    ทั้งสองคนเงียบไปพักนึง มองหน้ากัน แล้วหันมาตอบผมอย่างพร้อมเพรียง

     

    ฉันว่าคริสชอบนาย”

     

    ตึ่งโป๊ะ !!

     

    “ถ้าให้ลู่หานผูกโบว์เป็นของขวัญ  คริสคงจะพอใจน่าดู”ทั้งคู่หันไปแปะมือกันอย่างถูกใจ  แหม่  ได้ทีก็แซวผมกันใหญ่เลยนะ  แค่นี้ไม่สะทกสะท้านหรอกจะบอกให้

     

    “ฉันล้อเล่นน่ะ  ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าคริสชอบอะไร  เพราะที่ให้ส่วนมากก็น้ำหอม นาฬิกา อะไรพวกนี้  แต่ก็อย่างที่บอก  คริสไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก  จัดงานให้เพื่อนๆ จอยกันมากกว่า  บ้านรวยก็เงี้ย”  คยองซูพูด แล้วหันไปซุบซิบอะไรบางอย่างกับแบคฮยอน จากนั้นก็หันมามองผม...

    แล้วกลับไปซุบซิบหัวเราะคิกคักกันอีกที..

     

    เพื่อ ????????????

     

    เฮ้อ...

     

    ถึงจะพูดแบบนั้น  แต่ผมก็ยังกลุ้มใจอยู่ดี

     

    หรือจะให้ลู่หานผูกโบว์อย่างที่คยองซูบอกดีนะ?

     

     

     

     

    จะบ้าเหรอ!!!!???

     

    ผมไม่ทำแบบนั้นหรอกน่า!!=_____=

     

    ผมแมนเต็มขั้นนะ ! ย้ำอีกที !

     

    “นี่ลู่หาน  เมื่อวันก่อนไปเดทกับหนุ่มที่ไหนมาเหรอ  ”หลังจากที่มุดหน้าเข้าไปในไอแพดสักพัก หน่วยข่าวล่ามาเร็วก็หูตั้งหางกระดิก ยืดหน้ามาถามผมแบบ.. ฉันอยากรู้มากๆเลย

     

    “หือ? หนุ่มที่ไหน?”

     

    “ไม่ต้องมาทำเนียนอ่ะ  ฉันมีหลักฐาน”

     

    คยองซูโชว์ไอแพดที่มีรูปผมกับพี่เลย์กับจะทุกอิริยาบถ  ทั้งตอนติวหนังสือ  ตอนหัวเราะคิกคัก ตอนป้อนเค้ก และอีกหลายๆ ภาพที่มองดูเผินๆ แล้วเหมือนแฟนกันไม่มีผิดจะว่าไปแล้ว  ผมกับพี่เลย์ก็เหมาะสมกันดีนะเนี่ย

     

    “ฉันอยากจะรู้จริงๆ เลยว่าใครที่แอบถ่ายฉันได้ตลอดขนาดนี้”

     

     “ไม่ต้องเบี่ยงประเด็นเลยควีน  ว่าไง  ไปรู้จักกับหมอเลย์ได้ยังไง”คยองซูงอแงเหมือนเด็กไม่มีผิด  แถมมองผมด้วยสายตาอาฆาตมาดร้ายด้วยนะ  ถ้าผมแกล้งบอกว่าผมกับพี่เลย์เป็นแฟนกัน  ผมคงโดนปาดคอตายกลางห้องนี่แหละ

     

    “พี่เลย์เป็นครูสอนพิเศษของฉันน่ะนายรู้จักพี่เลย์ด้วยเหรอคยองซู”

     

    “นายไม่รู้อะไรลู่หาน  ก็เพราะหมอเลย์คนนี้แหละที่ทำให้คยองซูขยันหาเรื่องป่วยได้ทุกวี่ทุกวัน  โรคกระเพาะบ้างล่ะ  ปวดหัวบ้างล่ะ ไปยืนตากฝนให้ไข้ขึ้นบ้างล่ะแล้วก็อีกสารพัดวีรกรรม  เล่าเป็นวันๆ ก็ไม่จบ”  แบคฮยอนทำหน้าเอือมระอา กลอกตาแบบเซ็งๆ

     

    “อย่าแฉได้ป่ะ”  คยองซูบิดตัวเขินๆ

     

    “ไม่ต้องห่วงน่าคยองซู  ฉันไม่แย่งนายหรอก” ก็... ผมกับพี่เลย์น่ะ......... เป็นมากกว่า พี่น้องไม่ได้ไงล่ะ

    ...

    แต่ไม่ใช่ ไม่อยากเป็นนะ .........

     

    มัน เป็นไม่ได้ต่างหาก...

    .............

    ...

    “ใช่สิ  นายมีคริสแล้วนี่นา  ห้ามไปอ่อยหมอเลย์เด็ดขาดเข้าใจมั้ย”คยองซูตีหน้าจริงจัง เอามือมาเขย่าไหล่ผม จนเริ่มมึนหัวแบบเบาๆ

     

    โอ๊ย.. ถ้าอ้วกขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ หา ?

     

    “รู้แล้วน่า”

     

    “ไม่ปฏิเสธด้วยนะ  ว่ามีคริสแล้วน่ะ”  แบคฮยอนแซวผม 

     

    นั่นสิ  ก็อยากจะปฏิเสธอยู่หรอกนะ  แต่ถ้าบอกว่าไม่ได้คิดอะไรก็คงจะโกหก

     

    เพราะผมชอบคริสจริงๆ นี่นา -/////-

     

    ผมเลื่อนไอแพดของคยองซูแก้เขิน  แล้วก็มาสะดุดกับภาพๆ หนึ่ง

     

    “นี่ถ่ายตอนไหนเหรอคยองซู”

     

    ผมชี้ภาพที่คริสกำลังมองอะไรบางอย่างที่อยู่ในตู้กระจกใส

     

    “อ๋อ  ฉันได้มาจากเพื่อนอ่ะ  เห็นเค้าบอกว่าวันก่อนบังเอิญเจอคริสที่อเมริกา  เลยแอบถ่ายมา”

     

    “แล้วรู้มั้ยว่าคริสไปทำอะไรที่ร้านนี้อ่ะ”

     

    “ไม่รู้สิ  แต่เพื่อนฉันบอกว่าไม่เห็นคริสซื้ออะไรเลยนะ  ไปยืนดูเฉยๆ”  คยองซูเอานิ้วแตะปาก เอียงหน้าครุ่นคิด

     

     “นายนี่สนใจแต่เรื่องของคริสเลยนะลู่หาน”  ผมตวัดสายตาไปมองดัง ชิ้ง...เอาเลยแซวมาเลยแบคฮยอน  ฉันบอกแล้วไงว่าแค่นี้ไม่สะทกสะท้านหรอก หึ

     

    ถ้าเป็นรูปคริสธรรมดาๆ ผมก็จะไม่ใส่ใจขนาดนี้หรอกนะ

     

    แต่แค่อยากจะรู้ว่าผู้ชายตัวใหญ่  สูงเกือบสองเมตร แบบคริส

     

    ไปยืนทำอะไรที่หน้าร้านขายอัลปาก้า?????

     

     

     

     

     

    ผมมาร้านชานมตามปกติ  แอบคิดในใจว่าผมคงเป็นโรคเสพติดชานมไข่มุกอย่างที่พี่เลย์บอกจริงๆแต่นอกจากจะเสพติดชานมแล้ว  ผมคงเสพติดคริสด้วยเหมือนกัน  เพราะอีกเหตุผลหนึ่งที่มาที่นี่ก็เพราะอยากเจอคริสนั่นแหละ

     

    คริสยังคงสไลด์มือถือแบบไม่สนใจชาวบ้าน  และดูดชานมรสสตรอเบอร์รี่แบบไม่แคร์ชาวโลกเหมือนเดิม

     

    แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไป  คือเรามีบทสนทนากันมากขึ้นแล้วนะ

     

    “กลับมากจากอเมริกาตั้งแต่เมื่อไหร่”

     

    “เมื่อวาน”  แล้วความเงียบก็กลับมาปกคลุมอีกครั้ง

     

    แค่นั้นแหละครับ  ถึงจะมีนิดเดียวแต่ก็ดีกว่าไม่มีนะครับ  มันต้องค่อยเป็นค่อยไป

     

    แต่นี่มันค่อยเป็นค่อยไปมากเกินไปรึเปล่าวะ=_____=

     

    “ให้”

     

                คริสยื่นถุงกระดาษมาให้ผม  ผมรับมางงๆ  ก่อนจะเปิดดูและพบว่ามันคือ เคสโทรศัพท์?? 

     

                “ตั้งใจซื้อมาให้ก็บอกมาเหอะ”  ผมอมยิ้ม  มองเคสไอโฟนแบรนด์ดังที่สกรีนลายกวางแบบอาร์ทๆ เอาไว้

     

    “.....แค่ซื้อมาผิด”  เฮ้ยๆ.. เมื่อกี้ถ้าผมมองไม่ผิด คริสหยุดเลื่อนไอโฟนแป๊บนึงเลยนะ ฮ่าๆ

     

    “แปลกดีนะ  ที่ลายเคสมันเป็นรูปกวาง  เหมือนชื่อฉันเลย”

     

    “ก็บอกว่าซื้อมาผิดไง”

     

    “แอบชอบฉันอยู่ก็บอกมาเหอะน่า  หลงรักฉันเข้าแล้วอ่ะดิ”  ผมยังล้อคริสไม่เลิก ไม่รู้ว่าเอาความกล้าที่ไหนมาพูดแบบนี้เหมือนกัน  อยากจะบอกว่า...

     

    ถึงจะดูเหมือนพูดเล่น

     

    แต่คิดจริงนะ หึหึ

     

    “ฝันกลางวันอยู่รึไง  เลิกเพ้อเจ้อซักที”  โดนตอกกลับมาแบบนี้  ธรรมดาก็คงจะต้องแสบๆ คันๆ กันบ้างละครับ  ถ้าไม่ติดที่อยู่ตรงที่ว่า

     

    คริสหน้าแดงเป็นสตรอเบอร์รี่เลย !!

     

    “กินชานมรสสตรอเบอร์รี่มากเกินไปเหรอ  หน้าแดงทำไม”

     

    แค่นั้นล่ะครับ  หน้าแดงหนักกว่าเดิมอีก

     

    น่ารักจริงๆ เลยอู๋อี้ฟาน

     

     

     

     

     

    “นายชอบ Rilakkuma ตัวนั้นใช่ป่ะ”  ผมเอามือเท้าคาง อดถามไม่ได้จริงๆ  ก็ไม่ได้สังเกตอะไรมากมายหรอกนะ  แต่เห็นคริสหันไปมองตุ๊กตาหน้าแอ๊บแบ๊วสีชมพูนั่นประมาณแปดรอบแล้ว  ไม่รู้จะมองทำไมนักหนา =___=

     

    “บ้า  ใครจะชอบของปัญญาอ่อนพันธุ์นั้น”

     

    “โอเค  งั้นฉันซื้อนะ  นิวอะริวอลซะด้วย”

     

    “ห้ามแย่งนะ!

     

    โอเค  ผมรู้แล้วว่าคริสไปยืนหล่ออยู่หน้าร้านขายอัลปาก้าทำไม

     

    เพราะว่าคริสเป็นผู้ชายหล่อที่ชอบของน่ารักๆ ไง

     

    นั่นไม่รวมผมนะครับ  เพราะผมจัดตัวเองอยู่ในประเภทหล่อมาก  ไม่ยอมรับหรอกว่าตัวเองน่ารักอย่างที่ใครๆ ต่างก็พูดกรอกหูทุกวัน

     

    พอแยกกัน  ผมเลยหยิบโทรศัพท์ต่อสายไปต่างประเทศเพื่อโทรหาใครบางคน

     

    “ฮัลโหลเฮียเกิง  อยู่นิวยอร์คใช่ป่ะ  กลับวันไหนอ่ะ พรุ่งนี้เหรอ เออ  ผมฝากซื้ออัลปาก้าหน่อยดิเฮีย  เอาแบบรุ่นล่าสุด  ลิมิเต็ดอิดิชั่น เอ่อ  เอาทุกรุ่นที่มีอ่ะเฮีย  อ่าฮะ  ขอบคุณมากนะเฮีย”

     

    ผมอมยิ้มนิดๆ  ตอนนี้ก็มีของขวัญให้คริสแล้วสินะถึงตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่พลิกไอโฟนขึ้นมาดู ตั้งแต่ที่ได้เคสมา เวลาว่างทีไรก็เป็นต้องแอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาชื่นชมเคสลายกวาง อาจจะเพราะพอมองทีไรมันก็สวยมาก...

     

    หรืออาจจะเพราะ....

     

    มองทีไรก็คิดถึงคนให้ทุกที

     

     

     

     

     

    วันพฤหัสบดี  วันเกิดคริส

     

    ชั่วโมงสุดท้าย  เป็นคาบวิชาภาษาอังกฤษ  อาจารย์ให้ปรึกษากันเรื่องแปลหนังสือนอกเวลา  เพราะพรุ่งนี้ก็ถึงกำหนดส่งแล้ว  ผมกับคยองซูทำเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะ  แค่ตรวจสอบคำผิดอีกนิดหน่อยก็พร้อมส่งแล้ว  ส่วนแบคฮยอนกับเซฮุนก็คงทำเสร็จแล้วเหมือนกัน  เพราะเห็นเป็นรูปเล่มรายงานพร้อมส่งแล้ว  ผมเห็นสองคนนั้นเถียงอะไรกันงุ้งงิ้งๆ กันอยู่นานสองนาน  คาดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับงานหรอก =_____=

     

    “เสร็จซักที  เฮ้อ”  คยองซูถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเราแก้งานกันเสร็จแล้ว  “ฉันจะได้ไปงานวันเกิดคริสอย่างหมดห่วงซักที”  อันหลังเนี่ย  ประเด็นเดียวกับผมเลยล่ะ

     

    “ดูนายตื่นเต้นจังเลยนะ”ผมว่า  พลางช่วยคยองซูเก็บของเข้ากระเป๋าอย่างไม่รีบร้อน

     

    “พูดเหมือนนายไม่ตื่นเต้นงั้นแหละ  เผลอๆ จัดเต็มกว่าฉันอีก”

     

    “บ้าเหรอ”ผมยิ้มเขินๆ

     

     

    จัดเต็มอะไรกัน?!!

     

    แบบผมน่ะแต่งยังไงก็หล่ออยู่แล้ว  มองดูตัวเองในกระจกแล้วอดภูมิใจไม่ได้

     

    ดูดีอะไรขนาดนี้!!

     

    ผมยัดกล่องของขวัญกล่องใหญ่ใส่รถ  ภายในมีอัลปาก้าสามตัวพ่อแม่ลูกรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น  แถมมาถึงช็อปสด ๆ  ร้อนๆ ตอนที่เฮียเกิงไปซื้อให้ด้วยนะ

     

    ผมคว้ากระเป๋าตังค์ลายแมนยูกับไอโฟนใส่เคสที่คริสซื้อให้  แล้วสตาร์ทรถ

     

    และเวลาสามทุ่มตรง  ผมก็มาถึงงานวันเกิดของคริส

     

    เป็นปาร์ตี้ที่เลิศหรูหราอลังการงานสร้างอย่างที่แบคฮยอนกับคยองซูโม้ไว้จริงๆ

     

    ผมมองหาเจ้าของวันเกิดเพียงไม่นาน  ก็สะดุดตากับร่างสูงที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย  ผู้ชายคนนี้หาได้ไม่ยากเลย  ไม่ว่าอยู่ที่ไหน  ก็ยังคงโดดเด่นเสมอ

     

    น่าอิจฉาจริงๆ

     

    ผมแค่ไม่รู้จะทำตัวยังไง  ยิ่งเมื่อดวงตาคมของคริสสบตากับผมอยู่นานสองนาน  ผมก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาเฉย ๆ  ร่างสูงแยกตัวมากจากกลุ่มเพื่อนแล้วเดินเข้ามาหาผมท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมา

     

    “สุขสันต์วันเกิดนะ” ผมเอ่ยประโยคที่สุดแสนจะเบสิคสำหรับงานวันเกิดออกไป แล้วยื่นของขวัญให้คริสที่วันนี้ดูจะหล่อเป็นพิเศษ

     

    คือจริงๆ ก็หล่ออยู่แล้ว  แค่วันนี้หล่อกว่าเดิมเท่านั้นเอง

     

    โดยเฉพาะผมสีบรอนซ์ทองถูกเซตขึ้นไปจนหล่อเฟี้ยวนั่น  แถมกรีดตาด้วยนะ แบดบอยโดนใจสุดๆ อ่ะ!

     

    “กล่องใหญ่ขนาดนี้  ใส่ระเบิดมารึเปล่า”

     

    “เปิดดูสิว่าใช่ระเบิดรึเปล่า”  แล้วคริสก็เปิดฝากล่องอย่างว่าง่าย  พร้อมเบิกตากว้างอย่างดีใจจนปิดไม่มิด ดูท่าจะชอบอัลปาก้ามากจริงๆ  ทำหน้าเหมือนเด็กที่ได้ของเล่นที่ถูกใจยังไงก็ไม่รู้  แต่ที่รู้ๆ...

     

    น่ารักมากอ่ะ ><!!

     

    “ขอบใจ”

     

    “ชอบรึเปล่า”

     

    “ชอบ แต่ชอบคนให้มากกว่า”

     

    ฉ่า >//////<!!!

     

    ผมหน้าร้อนขึ้นมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว  นี่ซีเรียสนะ  จริงจังนะเนี่ย!!

     

    “พูดอีกทีดิ๊”  ผมมองหน้าร่างสูงอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเขาพูดประโยคนั้นออกมาจริงๆ  คริสมองหน้าผมตอบ  ดวงตาฉายแววขบขันอย่างไม่ปิดบัง

     

    “ก็บอกว่าชอบคนให้มากกว่า”

     

    ตอบแบบนี้ฉันช็อคตายได้นะคริส!!



    ________________________________________________________________________ 70  เปอร์



     

     

     

    ผมเห็นเซฮุน จงอิน  แล้วก็เพื่อนของจงอินอีกสองคน(สารภาพว่าจำชื่อไม่ได้จริงๆ TT) ยืนคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่งของงาน  ตอนนี้ผมเลยอยู่กับคยองซู  เพราะคริสหนีไปยืนคุยกับเพื่อนฝรั่งที่มาจากแคนาดาแล้ว

     

    มายั่วให้อยาก(?)แล้วจากไป  นิสัยเสียสุดๆ!!!

     

    ว่าแล้วก็จิบไวน์แก้เซ็ง เชอะ!

     

    “ทำไมแบคฮยอนยังไม่มาอ่ะ”

     

    “รายนั้นนะเหรอ  สายประจำนั่นแหละ”  คยองซูบ่น  “นั่นไง  พูดถึงก็มาพอดี  ตายยากจริงๆ”

     

    “ไหนเหรอ”  ผมเห็นแค่ผู้ชายหน้าหวานจัดที่เซตผมขึ้นเป็นทรง  กรีดอายไลน์เนอร์หนาๆ เปี่ยมไปด้วยคาริสม่า  ฟีโรโมนฟุ้งกระจัดกระจาย  จนคนเกือบทั้งงานต้องหันมามอง ยิ่งเสื้อเชิร์ตสีดำขับผิวให้ดูขาวผ่อง  แถมยังปลดกระดุมออกสองเม็ดเหมือนจะยั่วยวนนั่นอีก

     

    ใครกันน่ะ  เซ็กซี่เป็นบ้าเลย  ให้ตายเถอะ!

     

    “ก็คนที่ทำให้นายอึ้งจนอ้าปากค้างนั่นแหละ”  คยองซูเหยียดยิ้ม  เอามือมาดันปากล่างผมขึ้นไป

     

    “จริงดิ”  แล้วผมก็ยังอ้าปากค้างอีกรอบ

     

    “นี่ไม่รู้จักมิสเตอร์อายไลน์เนอร์แห่งฟรายเดย์ไนต์คลับจริงๆ เหรอ”  จะรู้จักได้ยังไง  เพราะผมไม่เคยไปฟรายเดย์ไนท์คลับนี่นา

     

    แต่ผมไปคลับที่อื่นแทน

     

    อย่าฟ้องเซฮุนนะครับว่าผมแอบหนีไปกับพี่เลย์บ่อยๆ  > <

     

    “อ้าว  คยองซู  ลู่หานมากันนานแล้วเหรอ”  แบคฮยอนเดินเข้ามาทักด้วยสีหน้าปกติ  แต่ผมยังไม่ชินกับอีกลุคหนึ่งของแบคฮยอนอ่ะ

     

    “นายช้านะ”

     

    “มาช้าๆ ไง  จะได้เด่นๆ”  แบคฮยอนยักไหล่อย่างไม่แคร์

     

    “จริงๆ ถึงนายไม่ทำอะไรก็ดูโดดเด่นอยู่แล้วนะ”  แล้วคยองซูก็ทุบอกแบคฮยอนดังอั๊ก!  อย่างหมั่นไส้

     

    “ลู่หาน  ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ”  แบคฮยอนสะกิด  ขอบใจที่ยังไม่ลืมว่ามีฉันอยู่ตรงนี้อีกคนนะ =___=

     

    “เอ่อ คือแบคฮยอน?”

     

    “ใช่  ฉันเอง”

     

    “ให้ตายเถอะ  พระเจ้า! นายดูแล้วเปลี่ยนไปคือแบบ เซ็กซี่  นี่นายคือแบคฮยอนเด็กแว่นสุดเนิร์ดประจำห้องเอจริงรึเปล่าเนี่ย”

     

    “ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ”  แบคฮยอนกรุ้มกริ่มที่มุมปาก  นั่นยิ่งทำให้ดูเซ็กซี่เข้าไปใหญ่  “เดี๋ยวฉันไปหาอะไรกินก่อนนะ หิวจะแย่แล้ว”  แล้วแบคฮยอนก็เดินไปที่ซุ้มบุฟเฟ่โดยมีสายตาหลายคู่จ้องมองอย่างหลงใหล  เป็นคนประเภทที่ไม่ต้องทำอะไร  แค่อยู่เฉยๆ ก็เซ็กซี่ได้

     

    “เสน่ห์เหลือล้นเลยใช่มั้ยล่ะ  แบคฮยอนน่ะ”

     

    “พูดตรงๆ นะ อย่างกับคนละคน  ขนาดเป็นผู้ชายเหมือนกันฉันยังชอบเลยอ่ะ”

     

    “แบคฮยอนไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายน่ะ  แล้วไม่ชอบทำตัวโดดเด่น  แต่ถึงจะใส่แว่นหนาทำหน้าเนิร์ดก็ยังน่ารักอยู่ดี  อิจฉาเบาๆ นะเนี่ย”

     

    “อิจฉาทำไมคยองซู  นายน่ารักจะตาย”

     

    “ไม่เท่าควีนหรอกน่า”

     

    “ฉันไม่น่ารักซักหน่อย  ฉันน่ะ มาดแมนแฮนซั่ม รูปหล่อพ่อรวย สนใจขอเบอร์ได้นะเบเบ้”

     

    “ไม่ล่ะ  ไม่อยากมีปัญหากับคริส”

     

    “เล่นตัวอ่ะ”  ผมผลักไหล่คยองซูแก้เขิน 

     

     

     

    “ขอโทษนะครับ  ขอไลน์หน่อยได้รึเปล่า”  ผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาคุยกับผม  ใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มชวนฝันนั่นทำเอาผมอิจฉาตาร้อนจนขนตาแทบไหม้!

     

    ขนาดผมเป็นผู้ชายด้วยกันยังมองว่าโคตรดูดี!

     

    “เสน่ห์แรงไม่หยุดเลยนะควีน”  คยองซูล้อ

     

    “อย่าเรียกแบบนั้นนะ  ได้ยินแล้วสยองทุกที”  ผมค้อนใส่  เจ้าตัวไหวไหล่เบาๆ  ก่อนจะเดินไปหาแบคฮยอนที่ซุ้มบุฟเฟต์ ปล่อยให้ผมเผชิญหน้ากับคนตรงหน้าเพียงลำพัง

     

    เป็นเพื่อนที่ดีมากจริงๆ =_____=

     

    “คือ  ผมว่าคุณคงเข้าใจผิด  ผมเป็น ผู้ชาย  ผมบอกอย่างสุภาพ  จริงๆ ก็มีคนเข้าใจผิดบ่อยๆ ผมไม่ถือสาหรอกครับ  เพราะผมเป็นผู้ชาย  ผมแมนมาก  ผมชอบผู้หญิง  แต่ผมก็แค่ชอบคริส เท่านั้นเอ๊ง

     

    “พี่ก็ไม่ได้เข้าใจผิดนี่ครับ  พี่ก็แค่อยากรู้จักน้องลู่หานเท่านั้นเอง”  ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไง  นี่จีบกันตรงๆ แบบนี้เลย?

     

    ถ้าผมบอกว่า  ขอโทษนะครับ  ผมไม่อยากรู้จักคนที่หล่อกว่าตัวเองผมจะโดนต่อยมั้ยเนี่ย

     

     

     

     

     

    “แต่ผมว่าพี่ทงเฮคงไม่ชอบใจแน่ๆ  ถ้ารู้ว่าพี่คิบอมอยากรู้จักใครๆ ไปทั่ว”

     

    เสียงนิ่งๆ  ของคริสที่ดังมาจากข้างหลัง  ทำเอาผมเสียวสันหลังวาบ

     

    คือธรรมดาคริสเป็นคนหน้าดุอยู่แล้วนะ  แต่ตอนนี้เหมือนอัพเลเวลขึ้นไปอีก

     

    ยอมรับว่าไม่เคยเห็นคริสเป็นแบบนี้  ถ้าเปรียบดวงตาคมกริบคู่สวยนั้นเป็นมีด  ผมว่าพี่ทงเฮคงถูกสับจนละเอียดไปแล้ว!!

     

    คนของนายก็ไม่บอก”  พี่ทงเฮกลอกตาเซ็งๆ  ก่อนจะยอมเดินจากไปโดยดี

     

    ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก  ยังไงก็ไม่ชินกับการโดนผู้ชายด้วยกันจีบซักที

     

    แต่โล่งอกได้ไม่นาน  ผมก็ต้องมาเผชิญกับคริสเวอร์ชั่นปล่อยรังสีอำมหิตได้

     

    “เสน่ห์แรงไม่หยุดเลยนะควีน”  ถึงจะพูดประโยคเดียวกับคยองซู  แต่ไม่รู้ทำไมความสยดสยองมันต่างกันหลายล้านเท่าขนาดนี้

     

    มือใหญ่คว้าข้อมือผมอย่างแรง  แล้วลากให้เดินตามเข้าไปในคฤหาสน์

     

    ได้กลิ่นจำเลยรักลอยมากับสายลมยังไงไม่รู้

     

    กำลังเป็นห่วงผมใช่มั้ยล่ะ  กลัวจะมีฉากที่คริสผลักผมลงกับเตียง แล้วขืนใจใช่รึเปล่า

     

    หยุดความคิดของคุณ ณ บัดนาว  เพราะตอนนี้ผมอยู่ในห้องรับแขกไม่ใช่ห้องนอน!

     

    แต่ถ้าคริสอยากเปลี่ยนบรรยากาศ  อันนั้นอีกเรื่องนึง  ล้อเล่นนะครับ

     

    ร่างสูงผลักผมให้นั่งลงบนโซฟา  แล้วคุกเข่าลงตรงหน้า

     

     “ทำไมลู่หาน  คริสสบตาผมด้วยแววตาจริงจัง

     

     

    “ทำไมถึงทำแบบนี้  นายมีสิทธิอะไรมาทำกับฉันแบบนี้!

     

    “เดี๋ยวสิ  ฉันไปทำอะไรให้นาย”  ผมโวยวาย 

     

    “นายทำให้ฉันรู้สึกอยากจะบ้าตาย  คนแบบนายนี่ปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้จริงๆ”

     

     

    “ถ้าอยากให้นายมองฉันแค่คนเดียว  ฉันจะต้องทำยังไง”

     

    ”  ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น  เพราะตั้งแต่นายเข้ามาในชีวิตฉัน  ฉันก็ไม่เคยมองใครคนอื่นอีกเลย

     

    “ถ้าอยากจะได้หัวใจของนาย  ฉันจะต้องทำยังไง”

     

    ”  ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น  เพราะนายได้มันไปตั้งนานแล้ว

     

     “ถ้าอยากจะครอบครองนาย  ฉันจะต้องทำยังไง”

     

    ”  ผมยังคงเงียบ  รู้สึกช็อคกับวิธีสารภาพรักทางอ้อมของคริส  ถึงจะฟังดูแปลกประหลาด

     

    แต่ก็น่ารักแบบพิลึกพิสดารสไตล์คริสนั่นแหละ  นี่ชมนะครับ

     

    “ตอบฉันหน่อยสิ  ลู่หาน”

     

    “นายไม่ใช่คนโง่  ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงคิดเองไม่ได้”  ผมเงยหน้าขึ้นตอบทั้งที่รู้สึกหน้าร้อนจัดจนแทบจะระเบิด

     

     

     

    เราทั้งสองคนสบตากันท่ามกลางความเงียบที่โรยตัว  คริสค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้ามาหาผมช้าๆ  และสุดท้ายริมฝีปากเราก็แตะกันอย่างแผ่วเบา  มือหนาประคองหน้าผมอย่างทะนุถนอม  คริสกดจูบหนักๆ ก่อนที่ลิ้นเรียวจะค่อยๆ รุกล้ำเข้ามาในโพรงปากผมอย่างไม่รีบร้อน  ลากไล้ไปตามแนวฟัน แล้วเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของผมอย่างร้อนแรง

     

    ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน  เหมือนกับทุกอย่างเป็นสีขาวโพลน   เหมือนกำลังเคลิบเคลิ้ม  ล่องลอยอยู่ในความฝัน

     

    “อื้อ”  ผมเผลอหลุดเสียงครางในลำคอ  คริสกระตุกยิ้มพอใจแล้วเพิ่มความร้อนแรงมากขึ้นอีก

     

    “อ๊ะ”  ผมดันไหล่คริสออก  เมื่อเริ่มรู้สึกว่าหายใจไม่ทัน  ร่างสูงค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง  ดวงตาหวานเชื่อมจ้องมองมาที่ผมอย่างอ่อนโยน 

     

    แทบไม่คิดว่าจะได้เห็นคริสในมุมแบบนี้

     

    ดูหวานละมุนจนผมแทบจะละลายไม่สิ  ละลายไปแล้วต่างหาก

     

     

     

     

     

    “ชั้นบนมีห้องว่างนะ

     

    ผมขอถอนคำพูดทั้งหมดเดี๋ยวนี้เลย  =_______=!!!!

     






    ____________________________

    หายไปนานมากกกกกก ขอโทษจริงๆ ค่ะทุกคน TT

    เป็นเฟรชชี่นี่เหนื่อยนะเออ  555

    มาต่อให้แบบไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็น  แต่อยากอัพมากเลย กลัวคนอ่านจะหนีไปซะก่อน

    อยู่ด้วยกันนนานๆ นะคะ รักทุกคน เลิฟ ^3^

    ___________________________
    ในที่สุดก็มาต่อจนครบร้อยเปอร์เซ็นจนได้ เย่ๆ
    ขอบคุณทุกคอมเม้นค่า ^^

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×