คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6 คำสารภาพของบยอนแบคฮยอน
Sehun’s Side
“คือว่าฉัน…” ผมมองแบคฮยอนที่ยังอ้ำอึ้ง ยังไม่ยอมพูดออกมาซักที
ออดดดดดดดออดดดดดดดดดด
แต่ยังไม่ทันที่แบคฮยอนจะได้พูดจนจบ เสียงออดที่หน้าบ้านก็ดังขึ้นมาก่อน
“พูดต่อเถอะ ไม่ต้องไปสนใจหรอก” ประเด็นคือผมอยากรู้ครับ อะไรก็ฉุดไม่อยู่แล้วตอนนี้
“คือว่า จริง ๆ แล้ว…”
ออดดดดดดออดดดดดดดดด
เสียงออดดังมาอีกครั้งจนผมเริ่มรำคาญ
“เดี๋ยวฉันมาฟังนะ”
ผมเดินไปเปิดประตูบ้านอย่างหัวเสีย และเมื่อเห็นหน้าคนกดออดผมก็แทบอยากจะพุ่งเข้าไปชกซักหมัด
คิมจงอิน คิมจงแด ปาร์คชานยอล ครบทีมเลย!
“ทำอะไรอยู่ทำไมเปิดช้า” จงอินโวยวาย
“นอกใจมึงชัวร์ๆ” จงแดยุ
“มึงมั่วละจงแด กูกับจงอินไม่ได้เป็นอะไรกัน” ถึงจริง ๆ ผมจะอยากให้เป็นก็เถอะ “แล้วพวกมึงมาทำไมกันเนี่ย”
“กูว่าง คิดถึง เลยมาหา โอเคป่ะ เปิดประตูได้แล้ว” ไอ้ดำพูดหน้าตาย
แต่แหม เล่นพูดซะขนาดนี้แล้วผมจะไม่เปิดได้ยังไงล่ะครับ -///-
ผมว่าผมลืมอะไรไปอย่างนึงนะ.... อ้อ ! ผมลืมไปเลยน่ะสิ ว่าแบคฮยอนยังอยู่ข้างใน
............................................
“อ้าว แบคฮยอนทำไมมาอยู่นี่” จงแดถามงงๆ
“รู้จักเหรอวะ พอดีกูนัดมาทำรายงานน่ะ” ผมเหล่ไปมองคนที่ถูกนินทา แล้วก็รู้สึกว่า...
เสียวสันหลังชอบกล...
ข้างหลังผม.....
...........
....
.
มันมีพลังงานอะไรบางอย่าง.....
“แบคฮยอนนนนนนน” แล้วชานยอลที่มาจากไหนก็ไม่รู้ ก็พุ่งไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงแบคฮยอนเหมือนคนที่รู้จักกันมานาน ท่ามกลางความงุนงงของผม
“ออกไปเลยไอ้เอ๋อ อย่ามายุ่งกับฉันนะ” แบคฮยอนพยายามจะดันหน้าไอ้หื่นออกไปไกลๆ
“อย่าไล่ชานเลยนะแบคฮยอนคนดี ชานอยากอยู่ใกล้ ๆ แบค” ว่าแล้วก็หัวไปถู ๆ กับไหล่แบคฮยอน
เหมือนหมาอ้อนเจ้าของไม่มีผิด!
“นี่มันอะไรกันวะจงอิน” ผมหันไปถามบุคคลที่น่าจะรู้ทุกอย่าง... คนร้ายตัวจริงมีเพียงหนึ่งเดียว !
ไม่ใช่ละ!
“นี่ไม่รู้เหรอ ชานยอลมันตามจีบแบคฮยอนมาตั้งนานแล้ว” จงอินทำหน้างง ....
………………
…. ขอนอกเรื่องแปบ
หล่อสลัด !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
............
โอเค เข้าเรื่องๆ
“เออ เอ๋อ ๆ เหมือนกัน .....ก็เหมาะกันดีแล้วล่ะ” ผมไม่รู้ว่าทำไมตัวเองตอบไปแบบนั้น
แต่พอคิดว่าคำพูดพวกนั้นหลุดจากปากตัวเองแล้ว .... ก็รู้สึกไม่ดีเลย
“ตลกล่ะเซฮุนเอ๋ออะไรกันล่ะ แบคฮยอนเนี่ยโคตรฮอตเลยนะ วงในเค้ารู้กันหมดว่าแบคฮยอนคือมิสเตอร์อายไลน์เนอร์แห่ง Friday Night Club มึงรู้จักได้ยังไง หรือมึงอยู่แต่กับลู่หานจนไม่ออกไปเที่ยวไหนเลย”
ก็ใช่น่ะสิ! ประเด็นคือผมไม่มีเพื่อนไปมากกว่า จะให้ชวนลู่หานเนี่ย อย่าหวังเลยครับ คุณหนูลู่หานไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขทั้งปวง
“ไง แบคฮยอน ลุกจากเตียงไหวด้วยเหรอ” จงอินหันไปถาม น้ำเสียงเยาะเย้ย
อะไรนะ? ลุกจากเตียง?
เมื่อคืนไอ้หมอนี่ไปดื่ม...
เมา....
จงอินถามว่าลุกจากเตียงไหวด้วยเหรอ....
หรือว่า !!!????
“ฉันต้องเป็นฝ่ายถามนายมากกว่ามั้งจงอิน นายมันอ่อนว่ะ” แบคฮยอนยิ้มร้ายที่มุมปาก
อ่อน !?
อะไรของจงอินที่.... อ่อน... ???????????? เฮ้ย ผมคิดมากนะเนี่ย
“อ่อนอะไรวะจงอิน” ไม่ได้การละ ต้องถามๆๆ หวังว่าคงจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดหรอกนะ
“มึงคิดไปถึงไหนแล้วเนี่ยเซฮุน คือจริง ๆ แล้วเมื่อคืนกูไปท้าเขาดวลเหล้าว่ะ”
ฟู่... แค่ดวลเหล้ากันหรอกเหรอ.. งั้นก็อย่าพูดให้เขวสิวะ! ไฝว้กันมะ ? ฮะ ???
“แล้วไอ้ดำมันก็แพ้น็อคจนฉันกับชานยอลต้องแบกกลับบ้าน” จงแดแฉ เออ มึงนี่เป็นเพื่อนที่ดีจริง ๆ จงแด ผมจะจำไว้ว่าอย่าไปเปิดเผยความลับอะไรให้มันฟัง
เพราะถ้าจงแดรู้ โลกก็รู้นั่นแหละ
“หุบปากไปเลยนะ”
“หึ” แบคฮยอนเหยียดยิ้มออกมาบาง ๆ ก่อนจะสลัดชานยอลออกแล้วเปิดหนังสือแปลต่อแบบไม่แคร์
“จริง ๆ มึงมาก็ดีละ ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย กูขี้เกียจตั้งกล้องเอง”
“ถ่ายรูปอะไรวะ”
“ถ่ายการทำงานของกูไงครับ อาจารย์ แม่งเรื่องมาก จะเอารูปคู่ด้วย” ผมยื่นมือถือให้จงอินแล้วแผ่รังสีอำมหิตไปอีกทาง “จงแดครับ มึงออกมาจากตู้เย็นกูเดี๋ยวนี้เลย”
“อะไรวะ ของกินออกจะเยอะแยะ แบ่ง ๆ กัน”มันมุดหัวเข้าไปในตู้เย็น มือก็คุ้ยๆไป ..เออ ท่าให้มาก
เหมือน........ อะไรก็คิดกันเอาเองนะครับ ฮ่าๆ
“ของกูกับแบคฮยอนเว้ย”
“แหล่ว ๆ ๆ ๆ ๆ จงอิน กูบอกแล้วว่าเซฮุนมันนอกใจมึง” จงแดครับ ในปากมึงยังคาบช็อกโกแลตของกูอยู่เลยนะเว้ย !
“กูเชื่อใจเซฮุน” เออ มึงก็เล่นกับมันด้วยเนอะจงอิน มึงรู้ป่ะกูหวั่นไหวนะเนี่ย
“ชอบผู้ชายเซ็กซี่แบบแบคฮยอนก็บอกมา” จงแดยังแซวต่อ
“ผู้ชายเซ็กซี่? แบคฮยอนเนี่ยนะ..เซ็กซ์เสื่อมก็ว่าไปอย่าง” แบคฮยอนเอาหนังสือตีหัวผมทีนึงอย่างแรง เน้นว่าอย่างแรง ดีที่มันไม่หนามากเท่าไหร่(แค่ร้อยกว่าหน้าเอ๊งงงง)ไม่งั้นผมคงสมองแบะไปแล้ว
“เจ็บ”
“ก็ตีให้เจ็บไง” แบคฮยอนค้อนใส่ “นายนั่งเล่นกับเพื่อนไปแล้วกัน ฉันจะไปต้มมาม่ากิน หิวจะแย่”
“เดี๋ยวฉันพาไปกินข้างนอก” ชานยอลชูมือขึ้นมาโบกยิกๆ เสนอตัวเต็มที่ ท่าทางระริกระรี้จนดูน่าหมั่นไส้
“ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจรอ หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว” แล้วแบคฮยอนก็เดินเข้าครัวไป
จงแดรีบดึงผมขึ้นมา ตามด้วยชานยอลที่ดันหลังผมไปทางห้องครัวทันที ส่วนจงอินก็เดินตามมาแบบเงียบ ๆ
“มึงดูดิเซฮุน ไม่เซ็กซี่ได้ไงวะ ตัวเล็ก ๆ บาง ๆ แถมผิวขาวเนียนไปทั้งตัวแบบนั้น” จงแดบอกตอนที่แบคฮยอนกดน้ำร้อนใส่ชามรามยอน
“แล้วมึงดูดิ มือโคตรสวยอ่ะมึง นุ่มด้วยนะกูเคยจับ” ชานยอลพูดแทรกขึ้นมา ตานี่แทบจะกลายเป็นหัวรูปหัวใจไปแล้ว แบคฮยอนวางชามลงบนโต๊ะ แล้วฉีกเครื่องปรุงเทใส่ แล้วแลบลิ้นเลียเครื่องปรุงที่ติดอยู่ปลายนิ้ว “เซ็กซี่โคตรๆ” น้ำเสียงชานยอลดูเลื่อนลอยเหมือนคนกำลังเพ้อ
ใช่ มึงอ่ะเพ้อ …เพ้อเจ้อ!
แบคฮยอนค่อย ๆ ใช้ตะเกียบคีบเส้นรามยอนขึ้นมา ริมฝีปากสีพีชนั่นเป่าไล่ความร้อนสองสามที แล้วกำลังจะคีบเข้าปาก แต่ชะงักไป พวกผมก็ชะงักเหมือนกัน เพราะมองตามร่างบางนั้นทุกอิริยาบถ
ลุ้นอย่างกับเชียร์บอล =____=
ดวงตารีเรียวหันมามองพวกผมที่ยืนเกาะประตูครัวอย่างเซ็ง ๆ แล้ววางตะเกียบลง
“พวกนายจะยืนมองกันอยู่ตรงนั้นอีกนานป่ะ อยากกินก็มาทำกินเอง แค่กดน้ำร้อนใส่ชามนี่คงทำกันเองได้ใช่มั้ย ไม่ได้ง่อยนี่”
พวกผมก็ยังนิ่ง
“ถ้าไม่กินก็ออกไป มามองคนอื่นกินทำไม เสียมารยาท!!”
เท่านั้นล่ะครับ สลายตัวแทบไม่ทัน!
“เซฮุน กี่โมงแล้ว”จู่ๆ แบคฮยอนก็ถามผม เหมือนเพิ่งนึกอะไรออก
“หกโมงครึ่ง ทำไม”
“เปิดช่อง MBC ให้หน่อยดิ”
“ทำไม”
“วันนี้ EXO Comeback stage แล้ว เร็ว ๆ ดิ เดี๋ยวไม่ทัน”
“ไม่เอา ขี้เกียจ”
“ชานยอลอ่า….” พอผมไม่ยอมเปิดให้ แบคฮยอนก็หันไปอ้อนชานยอลแทน
“เดี๋ยวฉันลุกไปเปิดให้เดี๋ยวนี้เลย รอแป๊บเดียว” แล้วรายนั้นก็ตามใจแบคฮยอนทุกอย่าง
“ไม่ค่อยเลยนะมึงอ่ะ” จงแดหันไปแขวะชานยอล
“เออ เซฮุน กูว่ากูกลับก่อนดีกว่า พวกมึงก็กลับกันได้แล้ว เร็วๆ” อยู่ดีๆจงอินก็ลุกพรวดขึ้นมา หน้าตาดูเครียดมาก อะไรวะ.. ปวดท้องเมนส์หรือไง !
“อ้าว ทำไมวะ กูอยากนั่งดู EXO กับแบคอ่ะ”
“กลับเหอะน่า กูไปก่อนนะเซฮุน เดี๋ยววันหลังแวะมาหาใหม่”
“เออ ๆ ขับรถดี ๆ นะ” ผมโบกมือลาพวกนั้น แถมเดินออกไปส่งหน้าบ้าน... มองไปเห็นขอบฟ้ากำลังกลายเป็นสีส้มเรื่อเรือง พระอาทิตย์สีแดงจัดจนผมคิดว่ามันจะระเบิดออกมา
...แต่ก็ไม่ระเบิดแฮะ
จะว่าไปนี่ก็หกโมงครึ่งแล้ว แบคฮยอนจะหิวหรือเปล่านะ
“แบคฮยอน ตกลงว่าจะออกไปกินข้างนอกรึเปล่า” ผมเกาะขอบประตู โผล่หัวเข้าไปถาม แบคฮยอนจ้องโทรทัศน์ตาไม่กระพริบ แถมอยู่ชิดติดขอบจอจนแทบจะสมสู่กับจอภาพแล้วนะนั่น !
“ไม่อ่ะ ฉันกินอะไรก็ได้ ง่ายๆ”
“งั้นเดี๋ยวฉันไปทำให้กิน”
“นายทำอาหารเป็นด้วยเหรอ”
“ก็นายบอกว่ากินอะไรก็ได้ไง งั้นกินมาม่าอีกมื้อแล้วกันนะ”
แล้วภาพแบคฮยอนทำหน้าเอ๋อ อ้าปากค้าง ก็ทำให้ผมหัวเราะออกมา
“จริง ๆ มีขนมอยู่ในตู้เย็นนะ แต่จงแดมาผลาญไปซะครึ่ง ไม่รู้จะเหลืออะไรบ้าง”
“อือ” แบคฮยอนหันกลับไปสนใจโทรทัศน์อีกครั้ง
“นายไปหยิบมากินก่อนก็ได้นะ ถ้าหิวอ่ะ”
“อือ”
“นี่ฟังฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย”
“นายเงียบ ๆ หน่อยสิ ฉันดู EXO อยู่ วันนี้ Comeback Stage เชียวนะ”
“นายก็ฟังที่ฉันพูดซะบ้างสิ นี่นายเห็น EXO สำคัญกว่าฉันเหรอ”ผ มยืนเท้าสะเอว ไม่รู้ทำไม แต่จู่ๆมันก็โมโหขึ้นมาซะอย่างนั้น
“แน่นอน”
“เออ จำไว้นะ”
“นายทำอะไรกินอ่ะ”
“……………………….” เงียบไว้ก่อนครับ จะได้รู้ว่าผมไม่พอใจ !
“เฮ้.....นายทำอะไรกินอ่ะ”
“....มิวสิคคอร์จบแล้วรึไง” ว่าแล้วก็อดแดกดันไม่ได้
“ยังไม่จบหรอก แต่เอ็กโซแสดงเสร็จแล้ว เลยเข้ามาง้อคนขี้งอนก่อน” ผมแอบอมยิ้มนิด ๆ ก่อนจะเก๊กขรึมเหมือนเดิม ยิ้มไปเดี๋ยวเสียฟอร์มแย่
“ใครงอน?”
“แถวๆ นี้แหละ ตัวก็โตแต่งอนอย่างกับสาวน้อย” แบคฮยอนเหล่ตา ทำปากขมุบขมิบอะไร ! บ่นเหรอ ? ไฝว้กันมั๊ย !?
“ฉันไม่ได้งอน”
“งั้นก็ไม่พอใจ”แบคฮยอนเถียงหน้านิ่ง เข้าสู่ท่าประจำตัว ยืนกอดอก และสายตา ‘ฉันรู้ฉันเห็น’ นั่นด้วย
“นายควรจะสนใจที่ฉันพูดบ้าง”
“ฉันก็ฟังอยู่” ฟังอยู่ ?
“แต่นายไม่สนใจ” ผมประท้วง
เฮ้ย ? ทำไมเสียงผมมันแต๋วแตกอย่างนี้? หรือผมจะเคะจริงๆ? ไม่นะ =[]=!
“ขอโทษ” ในที่สุด ก็ได้ยินคำนี้ ที่รอคอย !
“ช่างเถอะ มาก็ดีแล้ว หั่นหอมหัวใหญ่ให้ทีสิ จะทำลาซานญ่าอบชีส” ผมทำท่าทางปัดๆเหมือนไม่ใส่ใจ ไม่อยากจะบอกหรอกว่าหายงอนตั้งแต่ที่แบคฮยอนเข้ามาคุยด้วยแล้ว
ฮึ...เรื่องอะไรจะบอกให้ได้ใจล่ะ
“จริงดิ ไหนบอกจะต้มมาม่าไง” แบคฮยอนขมวดคิ้ว หน้ายุ่ง หยิบหัวหอมขึ้นมาโยนเล่น
ผมเงียบ... หันไปจ้องหน้า...“จะกินเหรอ”
ผมเห็นแบคฮยอนสะดุ้งแวบนึง ก่อนจะตีหน้านิ่งๆเหมือนเคย
“ไม่อ่ะ พูดไปงั้นแหละ”
ผมหยิบแผ่นลาซานญ่าลงไปต้มแล้วจับเวลาไว้สิบนาที อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นนะ ผมไม่ใช่แม่ศรีเรือนซักนิด บอกไว้ก่อน
“นายทำอาหารเป็นด้วยเหรอ”
“ไม่อ่ะ” ปฏิเสธอย่างไม่แคร์ ก็มันเรื่องจริง คนอย่างโอเซฮุนเนี่ยนะ จะเป็นแม่บ้านขนาดนั้น.. ไม่มีทาง
“อ้าว แล้วลาซานญ่าที่กำลังทำอยู่นี่อ่ะ”
“.........ทำครั้งแรกเลย”
ครับ อย่างที่บอก ผมไม่ใช่แม่ศรีเรือนที่ชอบเข้าครัวทำอาหารอะไรแบบนั้น ลาซานญ่าที่จะทำเนี่ย สูตรแปะอยู่หน้าตู้เย็นเลยครับ เพิ่งเคยทำครั้งแรกในชีวิตจริง ๆ =____=
“อ้าวววววววว คือฉันเป็นหนูทดลองเหรอ ไม่เอานะเซฮุน ฉันยังไม่อยากตายอ่ะ” แบคฮยอนถอยห่างจากหม้อต้มเหมือนกับว่ามันเป็นตัวอะไรสักอย่าง สีหน้าขยะแขยงมาก จนผมชักหวั่นๆ
“ไม่ตายหรอกน่า ซอยหอมไปเลย ทำมาตั้งนานแล้วทำไมไม่เสร็จซักที” ผมลอบมองแบคฮยอนที่หั่นหอมหัวใหญ่อย่างเก้ ๆ กัง ๆ แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
“มาทำเองมั้ยล่ะ มันแสบตาอ่ะ”
“หั่นไปเหอะ อย่าพูดมากน่า แล้วก็เอาเห็ดไปซอยด้วย”
“ฉันไม่ชอบกินเห็ดอ่ะ” อยากให้คุณๆมาได้ยินจัง.. เสียงง้องแง้ง น่ารักมากอ่ะ ฮ่าๆ
“เรื่องของนาย ถ้านายไม่ชอบเวลากินก็เขี่ยออก”
“เสียดายบ้างเหอะ ช่วงนี้เห็ดแพง”
“บ้านฉันรวย”
“เออ ยอม”
ผมมัวแต่วุ่นวายอยู่แต่กับของในกระทะพักใหญ่ จนลืมสังเกตไปว่าแบคฮยอนเงียบไป
จนกระทั่งได้ยินเสียงสูดจมูกฟึดๆ ถึงหันไปมอง
“เฮ้ย!!! เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” ผมตกใจจนทิ้งทัพพีในมือ แบคฮยอนน้ำตาไหลพรากๆ เลย !
“...แสบตาอ่ะ”
“ไหนดูหน่อย” ผมปิดแก๊สไว้แล้วเดินเข้ามาหาแบคฮยอน ผมตั้งใจจะดึงแว่นของแบคฮยอน แต่เจ้าตัวยื้อไว้ไม่ให้ถอด ผมเลยส่งสายตาดุๆ ให้หนึ่งที แล้วดึงออกเองโดยไม่ถามความสมัครใจของเจ้าตัว ไม่รู้จะหวงทำไมนักหนาแว่นอันนี้ รู้แล้วล่ะว่าน่ารักน่ะ
……….
…
…แต่ไม่คิดว่าจะน่ารักขนาดนี้หรอกนะ
“อย่าขยี้ตาดิ” ผมบอกเบาๆแล้วก้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ
จนมารู้สึกตัวอีกที... ใบหน้าของพวกเราก็ใกล้กันซะจนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจของแบคฮยอนแล้ว
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม น้ำใสๆ เอ่อล้นที่ขอบตาจนไหลลงมาอาบแก้ม แล้วยิ่งตาปรือ ๆ ที่มองผมแบบนั้น
จงแด กูขอโทษ กูรู้แล้วว่ามึงไม่ได้โกหก แบคฮยอน แบบ…
โคตรเซ็กซี่เลยว่ะ!!
“ไปล้างหน้าล้างตาเถอะ จะอาบน้ำเลยก็ได้นะ เดี๋ยวต้องเอาเข้าเตาอบอีกสามสิบนาที”
“อือ” เป็นครั้งแรกที่แบคฮยอนยอมทำตามคำสั่งผมอย่างว่าง่าย
เออ …ว่าง่ายแบบนี้ค่อยน่ารักดีขึ้นมาหน่อย
ผมจัดการยัดลาซานญ่าใส่เตาอบไว้เมื่อสามสิบนาทีก่อน ไม่รู้สภาพจะออกมาเป็นยังไง แค่ภาวนาให้มันกินได้ก็พอ (._____.)
แล้วตอนนี้ผมก็กำลังไดร์ผมอยู่ในครัว ฟังไม่ผิดหรอกครับ ไดร์ผมในครัวจริงๆ แบบว่ามันลุ้นนะ ผมเพิ่งเคยทำครั้งแรก และผมก็อยากจะเห็นหน้าตาของมันตอนออกจากเตาอบเป็นคนแรกเหมือนกัน
เสียงเพลงดังมาจากโทรศัพท์ที่ดังอยู่ข้างๆ ตัวผม ผมเผลอยิ้มอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อเห็นว่าใครโทรมา ก่อนจะกดรับสายด้วยเสียงที่เก๊กเต็มที่
“ว่าไงจงอิน”
“เซฮุน เรื่องวันนี้น่ะ ขอโทษนะ” เสียงอ่อย จนนึกภาพจงอินทำหูลู่ คอตก ออกเลย
“ขอโทษทำไมวะ”
“กูควรจะโทรถามมึงก่อนว่าว่างรึเปล่า ไม่ใช่โผล่พรวดเข้าไปแบบนั้นแถมพาไอ้ตัวแสบไปป่วนเวลาทำงานนายตั้งสองคน” นี่แหละ จงอินที่ผมรู้จักใส่ใจและแคร์คนรอบข้างเสมอ
ทำไมเป็นคนดีแบบนี้ว้า อย่างนี้กูก็หยุดรักมึงไม่ได้ซักทีอ่ะดิ
ขอโทษครับ ผมรู้ว่าผมเสี่ยว =_____=
“เรื่องเล็กน้อยน่า ไม่เป็นไรจริง ๆ มาก็ดีซะอีก บ้านกูมีสีสันขึ้นเยอะ”
“มึงไม่โกรธจริง ๆ นะเว้ยเซฮุน เดี๋ยววันหลังกูจะบอกจงแดซื้อขนมไปคืน”
นี่เห็นผมงกขนาดนั้นเลยรึไงเนี่ย ขนมนิดเดียวทำไมจะแบ่งให้เพื่อนกินบ้างไม่ได้
“เฮ้ยมึง แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนกัน แต่ว่าพรุ่งนี้ไม่เอาแล้วนะ บอกตรงๆกูเกรงใจแบคฮยอนว่ะ”
“รับรอง พรุ่งนี้จะไม่มีใครไปกวนใจมึงเลย” ผมเดาออกเลยว่าตอนนี้จงอินคงกำลังยิ้มกว้าง
และพอเสียง ติ๊งงงงงงงงงง ดังมาจากเตาอบ ผมก็แทบจะถลาเข้าไปดึงถาดลาซานญ่าออกมาทันที
เออ หน้าตาดูดีกว่าที่คิดนะ
“มึงกินข้าวยัง เดี๋ยวโรคกระเพาะกำเริบนะ” จงอินถาม
เฮ้ย มีเป็นห่วงด้วยอ่ะ น่ารัก เหมือนแฟนกันเลยเนอะ > <
“อือ.. กำลังจะกิน” อยากชวนมากินด้วยกันจัง ฝีมือผมทำครั้งแรกเลยนะ
แต่คิดอีกที ไม่เอาดีกว่า …ถ้าจงอินกินเข้าไปแล้วตาย จะทำยังไง?
บ้าน่า มันคงไม่ได้รสชาติแย่ขนาดนั้นหรอก …มั้งนะ
“...เออ งั้นเดี๋ยวกูไปกินข้าวละ ฝันดีล่วงหน้า” ปลายสายตัดไปแล้ว ทิ้งให้ผมยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว พร้อมจังหวะหัวใจที่เต้นดังตึกตัก ๆ อย่างกับจังหวะแรป
ทำไมจงอินถึงห่วงเพื่อนขนาดนี้
มันจะรู้บ้างมั้ยว่าใจผมหวั่นไหวจนเกิดสึนามิไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว
บางทีผมก็ไม่อยากให้มันเป็นคนดีแบบนี้เลย
ถ้ามันร้ายกับผมมากกว่านี้ซักนิด ผมอาจจะไม่ชอบมันก็ได้นะ
แต่เรื่องที่ใจดีและให้ความหวังคนอื่นไปทั่วเนี่ย ไม่ชอบเลยจริงๆ
“เสร็จแล้วเหรอ” แบคฮยอนวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้นพร้อมด้วยชุดนอนที่…
แมนมาก!! จริง ๆ ก็เป็นแค่ชุดนอนลายทางสีดำสลับขาวธรรมดาๆ แต่อย่างน้อยก็ดูแมนกว่าชุดนอนสีชมพูลายฮัลโหลคิตตี้ของผม
แบบว่า ชุดนี้ลู่หานเป็นคนซื้อให้น่ะ =_____=
“คนที่ทำแค่ซอยหอมหัวใหญ่อย่างนายจะตื่นเต้นทำไม” ผมเบรก ขำๆ
“ฉันหิว” ผมคงตาฝาด แต่เมื่อกี้ผมเห็นภาพแบคฮยอนหูตั้งกระดิกหาง “เฮ้ย! จะกินได้ป่ะเนี่ย ทำไมมันเละ ๆ แบบเนี้ย” แล้วก็หูตกหางลู่เมื่อเห็นสภาพลาซานญ่าที่ผมภูมิใจนำเสนอ
“ลองกินๆ” ผมตัดใส่จานแล้วยื่นให้แบคฮยอน
“คือนายกินก่อนป่ะ” แบคฮยอนเหลือบมองผมที จานที แล้วเบ้หน้า ท่าทางจะไม่อยากชิมคนแรก
“ฉันให้เกียรติ”
“ฉันกลัวท้องเสีย” รักษาน้ำใจกันบ้างเหอะ!! “คือ กินก็ได้” แล้วแบคฮยอนก็ตักลาซานญ่าเข้าปากด้วยท่าทางแหยงๆ
“เป็นไงบ้างอ่ะ” สาบานได้ว่าลุ้นยิ่งตอนสอบอีก
แบคฮยอนจะตายมั้ย?
ผมจะกลายเป็นฆาตกรรึเปล่า?
นอกเรื่องอีกแล้ว ขอโทษครับ!
แบคฮยอนเม้มปาก “...ก็พอกินได้ ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่”
“นึกว่าจะต้องกลับไปกินมาม่าซะแล้ว” ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก
“กินเหอะ หิวจะแย่ละจะได้ทำงานต่อ” ผมตัดแบ่งให้ตัวเองกับแบคฮยอนคนละครึ่ง
“งั้นก็กินเยอะ ๆ จะได้มีแรงทำงาน นายผอมกะหร่องอย่างกับเด็กขาดสารอาหาร”
“ถ้ากินหมดนี้ฉันก็คงอ้วนกันพอดี”
และเชื่อมั้ย เราสองคนกินหมดครับ หมดเกลี้ยงเลยด้วย คงได้อ้วนกันจริงๆ อย่างที่แบคฮยอนบอกนั่นแหละ ดูท่าแบคฮยอนจะหิวมากๆ อาจจะเพราะเมื่อตอนกลางวันกินแค่มาม่าไปแค่ชามเดียว แต่อย่างน้อยลาซานญ่าของผมก็ประสบความสำเร็จนะ
ปลื้มใจเบาๆครับ
ตอนนี้เที่ยงคืนครึ่งแล้ว ผมสองคนยังคงแปลเจ้าหญิงเงือกน้อยกันต่ออย่างงัวเงียสุดชีวิต ผมกับแบคฮยอนโซโลกาแฟไปคนละสองแก้วเต็มๆ แต่ดูท่าตอนนี้กาแฟก็คงเอาไม่อยู่ เพราะตาผมแทบจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่อยู่แล้ว
“เดี๋ยวฉันขึ้นไปเอาของบนห้องแป๊บนึงนะ”
“อือ” แบคฮยอนตอบแบบขอไปที สงสัยคงกำลังต่อสู้กับความง่วงที่เริ่มครอบงำ
และพอผมเดินลงมาจากชั้นบน ก็เห็นร่างบางนอนหลับคุดคู้อยู่บนโซฟาซะแล้ว
“แบคฮยอน ขึ้นไปนอนข้างบนดีกว่า”
“อื้อ ไม่เอา…” คงง่วงมากจริง ๆ นั่นแหละ
ผมจัดการเก็บโน้ตบุคทั้งของผมและของแบคฮยอน จัดหนังสือไว้อย่างป็นระเบียบ แล้วเดินขึ้นไปชั้นบนอีกรอบเพื่อเอาผ้าห่มลงมาให้คนตัวเล็กตรงหน้า
ผมเดินไปปิดไฟ อาศัยแสงสว่างจากไอโฟนนำทาง ผมค่อยๆ ห่มผ้าให้แบคฮยอนอย่างเบามือ และกำลังไปนอนบ้าง เพราะผมก็ง่วงมากเหมือนกัน
แต่มือเล็ก ๆ นั่นก็จับแขนผมไว้ซะก่อน
เออ มือนุ่มอย่างที่ชานยอลบอกจริง ๆ ด้วย
“เดี๋ยว…” เสียงใสๆ นั้นดังแผ่วเบาในความมืด
“มีอะไรไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะ ฉันง่วงแล้ว”
“นายจำเรื่องที่ฉันจะสารภาพเมื่อตอนกลางวันได้มั้ย” อ่า ฟังซักหน่อยก็ได้ เพราะจริง ๆ แล้วผมก็คาใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
“ว่ามาสิ”
“จริง ๆ แล้วฉันน่ะ…” แบคฮยอนเงียบไป “ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่บังเอิญได้ยินที่นายคุยกับลู่หานที่ร้านชานมไข่มุกน่ะ…เรื่องที่นายชอบจงอิน” ผมรู้สึกหน้าชาวาบ “วันนั้นฉันลืมหยิบกระเป๋าตังค์ไปด้วย ที่ร้านเลยให้ฉันไปเช็ดแก้วที่หลังร้าน แล้วก็บังเอิญได้ยิน”
“นายจะไม่บอกใครใช่มั้ย” ผมถามเสียงเบาหวิว
“ถ้าฉันคิดจะบอก ป่านนี้ทุกคนคงจะรู้กันหมดแล้วล่ะ”
“แล้วนายมาบอกฉันทำไม ต้องการอะไรงั้นเหรอ”
“ฉันไม่ได้ต้องการอะไร ก็อย่างที่บอก ฉันรู้สึกผิดนิดหน่อย”
“สัญญากับฉัน ว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ไม่ว่ากับใครก็ตาม”
“ด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย”
“นอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องทำงานต่อ” ผมผละออกมา แต่มือเล็กๆนั่นก็เลื่อนมาจับมือผมไว้ แบคฮยอนประสานมือกับผมอย่างนุ่มนวล บีบเบาๆเชิงให้กำลังใจ
“เซฮุน เคยได้ยินมั้ยว่า ความสุข ถ้ารู้จักแบ่งปันก็จะสุขเป็นสองเท่า ส่วนความทุกข์ ถ้ามีคนมาแบ่งเบาก็จะทุกข์น้อยลงไปครึ่งหนึ่งฉันแค่จะบอกว่าถ้านายมีเรื่องไม่สบายใจล่ะก็... บอกฉันได้นะ ยังไงตอนนี้ฉันก็เป็นเพื่อนคนนึงของนายแล้ว”
“ขอบใจนะ” เราสองคนประสานสายตากันในความมืด ดวงตาคู่สวยที่ไร้กรอบแว่นคั่นกลางนั้นดูหวานซึ้ง จนผมต้องค่อยๆ โน้มลงไปใกล้ใบหน้าน่ารักนั่นราวกับต้องมนต์สะกด
และริมฝีปากของเราก็แตะกัน…
เป็นแค่เพียงเวลาไม่กี่วินาที แต่ผมกลับรู้สึกว่าโลกกำลังหมุนติ้ว ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้รุกล้ำชิมเข้าไปความหวานจากริมฝีปากบางนั้นแม้แต่น้อย
“ถือซะว่าจูบแทนคำขอบคุณก็แล้วกันนะ” ผมตอบแบบขอไปที เริ่มทำตัวไม่ถูก คิดได้ว่าสมควรจะไปนอนซักที
แต่มือเรียวๆ ของแบคฮยอนกลับรั้งคอผมไปจูบเบาๆ
“พอดีว่าฉันไม่ชอบเป็นฝ่ายเสียเปรียบน่ะ ถือว่าเจ๊าๆ กันไปแล้วกันนะ ฝันดี”
แบคฮยอนยิ้มให้ผมแล้วกระชับผ้าห่มขึ้นคลุมตัว
“อือ ฝันดีนะ”
อยู่ๆ หัวใจผมก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ………………….
เต้นแรงเหมือนกับเวลาที่ผมอยู่ใกล้ๆ จงอิน
แต่คนๆ เดียว …………………..
จะสามารถใจเต้นแรงกับคนสองคนได้ในเวลาเดียวกันได้ยังไง??
_______________________________________________________________
เย่ๆ ในที่สุดก็มาอัพได้แล้วค่า
หลังจากที่กิจกรรมมหาลัยสูบพลังชีวิตเราไปเยอะมาก
ตอนนี้เราให้เต็มๆ เลยกับไคฮุน และฮุนแบค อย่าหาว่าฮุนหลายใจนะ ฮุนก็แค่หล่อ(สวย) เลือกได้ 5555
ขอบคุณทุกคอมเม้นและทุกกำลังใจค่า
ถ้าว่างเมื่อไหร่จะรีบมาอัพทันทีเลย
ปล. ตอนหน้าคริสลู่ดีมั้ย 555
ความคิดเห็น