ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FIC] Love Paradise [KrisLu HunBaek ft.Kai]

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4 Hey Guy!

    • อัปเดตล่าสุด 6 ส.ค. 56


    Chapter 4 : Hey Guy

     

     

                Luhan’s Side

                เรื่องประหลาดสำหรับผมอีกเรื่องหนึ่งก็คือ  คริสมักจะมานั่งตรงข้ามผมทุกครั้งที่ผมมาที่ร้านชานมไข่มุกเจ้าประจำ  แม้ว่าโต๊ะอื่นจะว่างเค้าก็ไม่ไปนั่ง  แล้วก็ทำแค่นั่งจริง ๆ ไม่พูด ไม่คุย ทำแค่สไลด์มือถือเล่นชิล ๆ และเมื่อเพลง MAMA ดังขึ้น  เค้าก็ลุกออกไปทันที  เป็นแบบนี้มาเกือบอาทิตย์  ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ชอบ

     

                ผมถือโอกาสลอบมองใบหน้าเนียนใสนั้นหลายต่อหลายครั้ง   แต่เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรกรีกนั้นก็ยังคงนิ่งเฉย  ไม่ยักกะเงยหน้าขึ้นมาถามว่า  “มองอะไร?”  แบบในละครน้ำเน่าที่ผมชอบดู

     

                มีบางเวลาที่คริสจ้องมือถือแล้วก็เผลอยิ้ม  ถึงจะไม่ได้ยิ้มกว้าง  แต่ก็ทำให้ใจผมกระตุกวูบ  ไม่ปฏิเสธเลยว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ชายที่ดูดีทุกมุมมอง  ขนาดว่าแค่นั่งตรงข้ามกัน  ไม่ได้พูด ไม่ได้คุย  แต่พอนึกถึงหน้าหล่อ ๆ ตาคม ๆ จมูกโด่ง ๆ รอยยิ้มที่มุมปาก และชานมรสสตรอเบอร์รี่  ก็ทำให้ผมเผลอยิ้มคนเดียวจนแบคฮยอนหาว่าเป็นบ้า

     

    แต่ผมแมนจริงๆ! คุณต้องเชื่อผมนะ!

     

    และวันนี้ก็เหมือนทุกวัน  ผมชักจะเกลียดเพลง MAMA แล้วนะ  พอมันดังทีไร  คริสก็ลุกหนีผมทุกที =____=

     

    และเมื่อร่างสูงกำลังจะลุกจากเก้าอี้  ผมก็ตัดสินใจพูดบางอย่าง ที่ผมอยากจะถามเค้ามานานแล้ว

     

    “นี่นาย….  คริสหันมามองผมด้วยใบหน้าเรียบเฉย  ผมไม่กล้าสบตานัยน์ตาคบกริบนั่นเลย ได้แต่ก้มหน้างุดๆ แล้วอ้อมแอ้มพูดประโยคถัดไปออกมา

     

    “ทำไมไม่เปลี่ยนริงโทนเป็นเพลง Growlอ่ะ”

    “เอ่อ อันที่จริงแล้วนายจะใช้ริงโทนเพลงอะไรมันก็เรื่องของนายอ่ะนะ   ฉันแค่สงสัยเฉยๆ”ผมรีบแก้ตัวพัลวัน  ยังไม่อยากอยากถูกเข้าใจว่าเป็นพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน

     

    “ไว้ฉันจะเปลี่ยนแล้วกัน”  ร่างสูงยกยิ้มที่มุมปาก แล้วเดินฉับ ๆ ออกไปเลย

     

    คริสยิ้มให้ผมด้วยแหละ  ฝันไปรึเปล่า?

     

    ผมตบหน้าตัวเองแรง ๆ เออ เจ็บ  นึกเสียดายที่เมื่อกี้ยกกล้องขึ้นมาถ่ายไม่ทัน  มันเป็นภาพในประวัติศาสตร์เลยนะ!

     

    มีอะไรให้แปลกใจได้ทุกวันเลยนะ  อู๋อี้ฟาน

     

     

     

     

     

                ผมสะดุ้งเฮือก  เพราะไอโฟนตัวดีสั่นขึ้นมาแบบไม่เตือนให้รู้ล่วงหน้า  และเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาผมก็กลอกตาแล้วกดรับสายเซ็ง ๆ

     

                “เสี่ยวลู่  แกอยู่ห้างเดิมป่ะ”  เจ๊ฮีชอลนั่นเองครับ =____=

    “ครับ”

     

    “เออ  ดี  ฝากซื้อน้ำหอมชาแนล ให้ด้วยนะ ของฉันจะหมดแล้ว  แล้วก็ซื้อน้ำหอมของ  Amarni ให้เฮียเกิงด้วย  รู้ใช่มั้ยว่ากลิ่นไหน”

     

    “รู้สิ”ไม่รู้ก็บ้าแล้ว เจ๊เคยสั่งให้ซื้อติดๆกันตั้งสามเดือน... แถมไม่คืนตังค์อีกต่างหาก อันนี้ไม่ไหวจะเคลียร์นะครับ!

     

    ยังไงถ้าคุณเจอเจ๊ฮีชอล  ผมฝากทวงตังค์หน่อยนะ

     

    แล้วถ้าถามว่าทำไมไม่ทวงเอง  ตอบแบบแมนๆ เลยว่า  ผมกลัวครับ  TT

     

    “งั้นฝากด้วย ฉันมีนัดไปสปากับพวกฮยอกแจ  แค่นี้นะ”

     

     

     

     

     

    ผมจัดการซื้อน้ำหอมที่เจ๊ฮีชอลต้องการให้เสร็จสรรพ

     

    จะว่าไปน้ำหอมของผมก็ใกล้จะหมดแล้วเหมือนกันแฮะ  ว่าแล้วก็เลี้ยวเข้าเคาเตอร์ดิออร์ซักหน่อยดีกว่า

     

    แต่ที่เซอร์ไพรซ์กว่านั้น  มีใครบางคนยืนอยู่ข้างในก่อนแล้ว  ร่างสูงหยิบเทสเตอร์จรดจมูกพอดี

     

    แม้แต่ท่าดมน้ำหอมก็ยังดูดีอีกนะ!

     

    พนักงานยื่นถุงช็อปปิ้งให้คริส  เขาพยักหน้าเบาๆ รับมันมา  กำลังจะเดินออกจากร้าน  แล้วเราก็สบตากันพอดี

     

    อื้อหือ  เป๊ะเว่อร์!!

     

    เฮือกกกกก! 

     

    ผมสะดุ้งจริงๆ นะ  ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะตกใจทำไม  แต่พอสบตากับผู้ชายคนนี้ทีไร  หัวใจมันสั่น แถมยังควบคุมตัวเองไม่ได้ทุกที

     

    “ให้”  จู่ ๆ คริสก็ยื่นถุงดิออร์นั้นมาให้ผม

     

    “ห๊ะ?”   ผมทำหน้าเหวอ  ฟังผิดป่ะวะ =[]=

     

    “ก็ให้ไง”  เจ้าตัวตวัดเสียงใส่  ดูท่าคงเริ่มรำคาญนิดๆ

     

    “ให้ฉันทำไม”  ไม่ได้เล่นตัวนะ  แต่คือผมงง  เข้าใจป่ะ

     

    “ตอบแทนสำหรับริงโทนเพลงกราวล์” 

     

    เดี๋ยวนะ ตอบแทนทำไม  ผมไม่ได้เป็นคนโหลดให้ซักหน่อย

     

    ผมเหลือบมองน้ำหอมในถุง  แล้วอ้าปากค้าง  นี่เป็นน้ำหอมที่ผมกำลังอยากได้อยู่เหมือนกัน  แต่ราคามันแบบมหาโหดมาก  จะซื้อก็เสียดายเงิน  เก็บไว้กินชาไข่มุกดีกว่า 

     

    ไม่ได้งกจริงๆ นะ สาบาน!

     

    แต่ดูคริสสิ  รวยมากนักเหรอครับ?  ถึงได้ซื้อน้ำหอมแจกคนอื่นไปทั่วเนี่ย

     

    “ไม่เอาก็ตามใจ”  คริสชักถุงกลับ  จนผมแทบคว้าไว้ไม่ทัน

     

    “ให้แล้วห้ามเอาคืน”  กลิ่นก็ถูกใจ  คนให้ก็ถูกใจ(?)  ใครไม่เอาก็บ้า

     

    “เปลี่ยนริงโทนแล้ว”  คริสบอกเสียงนิ่ง  อยู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องซะเฉยๆ  ผมปรับอารมณ์ตามคุณชายเค้าไม่ทันจริงๆ ครับ  บ่องตง

     

    “แล้ว?”

     

    “เอาโทรศัพท์มา”

     

    “เอาไปทำไม” 

     

    “ให้ไม่ให้”  คริสเลิกคิ้ว  มองหน้าผมแบบไม่พอใจ 

     

    สุดท้ายก็ต้องยื่นไอโฟนตัวเองให้คนตรงหน้าแบบไม่เข้าใจ  ร่างสูงจิ้มจึก ๆ อยู่ไม่นาน  เสียงเพลงกราวล์ก็ดังมาจากไอโฟนสีขาวของคริส

     

    อ่อ  จะพิสูจน์ให้เห็นว่าเปลี่ยนเพลงแล้วจริง ๆ ว่างั้นเถอะ

     

    “แค่นี้ก็โอเคแล้วใช่มั้ย”  ผมถาม  คริสพยักหน้า ส่งไอโฟนคืนให้ผม  แล้วก็เดินออกจากร้านไปโดยไม่บอกไม่กล่าว

     

    อ้าวเฮ้ย  เดี๋ยวดิ  ผมงง  กลับมาก่อนนนนนนนนน

     

    ผมยกมือถือตัวเองขึ้นดู  ผมไม่เข้าใจ

     

    เบอร์ที่โทรออกเป็นเบอร์ของคริส?

     

    แปลว่าตอนนี้ผมมีเบอร์คริสและคริสก็มีเบอร์ผม

    ….

    “โธ่  จะขอเบอร์ก็ไม่บอก”

     

    ร้ายนักนะ  ขอดีๆ ผมก็ให้  นี่ไม่ได้ใจง่ายเลยนะ

     

    แต่ถ้าไม่ทำอะไรแปลกๆ ก็ไม่ใช่คริสน่ะสิ

     

    แล้วผมก็ยิ้มกว้างอย่างช่วยไม่ได้

     

    ให้ตายเถอะผู้ชายคนนี้น่ารักจริงๆ

     

     

     

     

     

    “นักเรียน  ให้จับคู่  แล้วส่งรายชื่อมาให้ครูนะ  แล้วครูจะสุ่มให้เองว่านักเรียนจะต้องแปลหนังสืออ่านนอกเวลาเรื่องอะไร  หัวหน้าห้องแบคฮยอน  ส่งรายชื่อให้ครูก่อนเที่ยงด้วยนะ  อ้อ!ย้ำอีกทีว่าเป็นงานคู่  ต้องช่วยกันแปลเท่านั้น  ห้ามแบ่งกันแปล  หรือทำคนเดียวเด็ดขาด  ถ้าครูจับได้จะหักสิบคะแนนทั้งคู่กำหนดส่งศุกร์หน้า  ส่งก่อนได้แต่ถ้าส่งช้าหักคะแนน  ถ้าเข้าใจแล้วก็เลิกคลาสได้”

     

    “เฮ้อ  งานอีกแล้วอ่ะ”  พวกนักเรียนทั้งหลายโวยวายกันระงมทั้งห้องเลยครับ แต่ก็บ่นเบาๆนะ กลัวอาจารย์ได้ยินแล้วแกจะเพิ่มงานให้อีกเป็นการตอบแทน(?)

     

    “นี่แบคถ้าเราคู่กันแล้วลู่หานจะคู่กับใครอ่ะ”  คยองซูหันไปปรึกษากับแบคฮยอนอย่างเป็นกังวล  ผมรู้สึกว่าสองคนนี้แคร์ผมมากเลยล่ะ  ใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของผมด้วย  ซึ้ง T^T

     

    “เออ  นั่นสิ  ไม่เป็นไร ๆ  นายคู่กับลู่หานไปเลยคยองซู  เดี๋ยวฉันไปคู่กับเพื่อนคนอื่นก็ได้”

     

    “เอ่อ  ฉันไม่รบกวนพวกนายดีกว่า”  ผมอดเกรงใจไม่ได้จริงๆ แหละ

     

    “ไม่เป็นไร ๆ เรารู้ว่านายไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนคนอื่นเท่าไหร่”  ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเซฮุนนะ  เพราะเราตัวติดกันตลอด  สร้างโลกส่วนตัวกันอยู่แค่สองคน  สารภาพแบบไม่อายว่าแทบจะไม่รู้จักเพื่อนคนอื่น ๆ ในห้องเลย  ไม่สิ  อย่าว่าแต่รู้จัก  แค่ชื่อยังจำได้ไม่หมด =____=

     

    “ขอบคุณนะ  เอ่อแบคฮยอน จะเป็นไรรึเปล่าถ้าจะรบกวนอีกเรื่องน่ะ”

     

    “ได้สิ  เรื่องอะไรล่ะ”

     

    “นายจับคู่กับเซฮุนได้มั้ย  แบบว่าธรรมดาเราทำงานด้วยกันตลอดอ่ะ  แล้วเซฮุนก็ไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนทั่วไปเท่าไหร่  ฉันกลัวว่าเค้าอาจจะทำส่งไม่ทันน่ะ”

     

    คยองซูกับแบคฮยอนมองหน้ากันเป็นเชิงปรึกษาว่าเอาไงดี

     

    “ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

     

    “เรื่องแค่นี้เอง  สบายอยู่แล้ว”  แบคฮยอนยักคิ้วให้  ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าใบหน้าใส ๆ ภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะนั่นดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก

     

    แต่พอมองอีกที  ผมคิดว่าผมคงคิดไปมากกว่า =____=

     

     

     

     

     

    Sehun’s Side

    “เฮ้ เซฮุน ยังไม่มีคู่ใช่มั้ย  คู่กับฉันก็ได้นะ”  เสียงใส ๆ นั่นดังมากจากริมฝีปากสีพีชแบบคนสุขภาพดีของบยอนแบคฮยอน  เด็กแว่นหน้าจืดประจำห้อง  ไม่รู้ใครตั้งฉายานี้ให้แบคฮยอนนะ  แต่ผมว่าแบคฮยอนไม่ได้หน้าจืดเลยซักนิด ดู ๆ แล้วออกจะน่ารักดีด้วยซ้ำ  ถ้าไม่ติดอยู่ที่แว่นอันใหญ่ที่บดบังใบหน้านั่นไปเกือบครึ่งหน้า

     

    “นายไม่ทำคู่กับคยองซูเหรอ”  ผมรู้จักเพื่อนทุกคนในห้องครับ  ไม่เหมือนลู่หานหรอก  รายนั้นชอบสร้างโลกส่วนตัว  ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น  ถ้าไม่ใช่คนที่ถูกชะตา หรือคนที่ถูกใจ

     

    “ฉันสงสารคนโดนทิ้งน่ะ”

     

    “ใคร? ใครโดนทิ้ง”

     

    “ไม่พูดเรื่องนี้ก็ได้  กลัวนายจะช้ำใจ”

     

    “ไปคู่กับคนอื่นเลยไป”  ผมเริ่มอารมณ์เสีย  ผมทำคนเดียวก็ได้วะ  แค่แปลวรรณกรรมหนาร้อยกว่าหน้าเอง  มันจะไปยากอะไร(ประชดสุดๆ)

     

    เมื่อกี้อุตส่าห์ชมว่าน่ารัก.. เอาคำชมคืนมาเลย!

     

    “อย่างกับฉันง้อนักนี่”  แบคฮยอนเบ้ปาก  “แต่ช่วยมองดูรอบตัวหน่อยเถอะ  คนอื่นเค้าจับคู่กันเสร็จหมดแล้ว  ฉันถึงต้องมาคู่กับนายไง”  เป็นเรื่องจริงที่ผมไม่อยากจะยอมรับ   แถมงานแปลอันนี้มันตั้งสามสิบคะแนน  แต่จะให้ผมทำงานร่วมกับเด็กแว่นหน้านิ่งปากจัดแบบแบคฮยอนเนี่ยนะ ฝันไปเถอะ!!

     

    “แล้วมาง้อทำไม  กลับไปคู่กับคยองซูสิ”

     

    “เฮอะ”  ร่างเล็กมองผมด้วยแววตาของคนที่เหนือกว่า “ฉันกลับไปคู่กับคยองซูก็ได้  แต่นายจะปล่อยให้ลู่หานไม่มีคู่เหรอ  หรือนายจะยอมคู่กับลู่หานกันล่ะ”

     

    เราจ้องหน้า  ทำสงครามประสาทกันอยู่นาน  ดวงเรียวใต้กรอบแว่นจ้องลึกเข้ามาในดวงตาผมเหมือนคนที่อ่านเกมออกทุกอย่าง  และสุดท้าย  ก็เป็นผมเองที่เป็นฝ่ายหลบตา

     

    โอเค  ยอมแพ้ก็ได้! แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวหรอกนะ บยอนแบคฮยอน!!!

     

     

     

     

     

    หลังจากแบคฮยอนเอารายชื่อไปส่งอาจารย์เมื่อตอนเที่ยง  ตอนนี้ผลสุ่มก็ออกมาแล้วว่าคู่ไหนได้แปลเรื่องอะไร

     

    อะไรกัน  ผมได้เรื่องThe Little Mermaid เหรอเนี่ย  น่าเบื่อเป็นบ้าผมพลิกหนังสือในมือไปมา รูปนางเงือกน้อยโชว์หราอยู่บนหน้าปก เธอนั่งพิงโขดหิน ใช้มือสางผมยาวสลวยนั้นท่ามกลางแสงจันทร์ริบหรี่

     

    อ้าว... แล้วพระอภัยมณีไปไหน ?

     

    อ่อ.. มันคนละเรื่องกัน ฮ่าๆๆ ผมหัวเราะในใจ อ๊ะๆ นี่เรื่องถนัดนะครับ ไอ้ประเภทชงมุขเอง กินเอง หัวเราะเอง

     

    มันเป็นสกิลคู่กายของโอเซฮุนคนนี้เลยล่ะครับ

     

    “ทำหน้าแบบนั้น  แอบบ่นอะไรในใจรึไง”  แบคฮยอนแขวะ

     

    อ่านใจผมได้รึไงกันนะ!  หน้านิ่ง ๆ แต่กวนประสาทนั้นยิ้มยียวนมาให้ผม เหมือนต้องการจะสื่อว่าว่า ฉันรู้ฉันเห็นทุกอย่าง

     

    “เป็นอับดุลรึไง  นายอ่ะ”

     

    “ฉันว่าเรื่องนี้น่าสนใจดีออก”  ร่างบางหยิบหนังสือจากมือผมไปเปิดดู  “ขนาดอัลบั้ม XOXO ของ  Exoยังมีเพลง Baby,Don’t Cry ที่พูดถึงรักอันแสนเจ็บปวดของเจ้าหญิงเงือกน้อยเลย  ความรักน่ะ  ถ้าไม่มีความสุขที่สุด  ก็เจ็บปวดที่สุดนั้นแหละ”  ผมเห็นใบหน้าใสนั้นเผลอแสดงความเศร้าสร้อยออกมาครู่หนึ่ง  ก่อนจะกลับมาเรียบเฉยตามเดิม

     

    “ช่างเถอะ  แล้วเรื่องแปลนี่เอาไง”

     

    “เออ  ลืมไปเลย  เดี๋ยวนะ”  แบคฮยอนทำหน้าเอ๋อ ๆ เหมือนนึกอะไรขึ้นได้  ก่อนจะวิ่งไปเขียนอะไรยุกยิก ๆ ที่กระดานหน้าห้อง

     

    ต้องมีรูปถ่ายขณะที่ช่วยกันแปลแนบท้ายมาในส่วนของภาคผนวก  ยิ่งเยอะยิ่งบวกคะแนนเพิ่ม

     

    ครูนี่เป็นอะไรมากป่ะครับ?  ห้ามแบ่งกันแปลนี่ผมก็หัวเสียพอแล้ว  นี่ยังต้องมีรูปอีก?

     

    “ตั้งร้อยกว่าหน้า  ทำวันเดียวไม่เสร็จแน่ ๆ”  แบคฮยอนทำสีหน้าคิดหนัก

     

    ผมชอบให้คนตรงหน้าแสดงอารมณ์ออกมานะ  ไม่ใช่ทำหน้านิ่งเป็นหุ่นยนต์  เพราะถ้าทำแบบนั้น  ผมก็ไม่รู้ว่าแบคฮยอนกำลังคิดอะไรอยู่

     

    “ก็ทำหลายๆ วันสิ”แบคฮยอนค้อนควับใส่ผมทันที  อะไรกันผมพูดอะไรผิด?  “ไม่งั้นไปทำที่บ้านฉันรึเปล่าล่ะ เสาร์อาทิตย์สองวันคงเสร็จ อ้อใช่ วันจันทร์หยุดนี่นา  สามวันเลยเสร็จชัวร์ๆ”

     

    “นายไม่ออกไปไหน?”

     

    “ยังไงรายงานก็ต้องมาก่อน” ผมยักไหล่

     

    “จริง ๆ นายนี่ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นะ”แบคฮยอนยิ้มกวนๆ ให้ผม

     

    “ฉันเป็นคนดีมากกว่าที่นายคิดซะอีก”  แล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบ

     

    “ว่าแต่บ้านนายอยู่ไหน”

     

    “อยู่ลึกมาก  ฉันว่านายคงมาไม่ถูก  งั้นเอางี้  พรุ่งนี้สี่โมงเช้าไปรออยู่ที่ร้าน Exo planet รู้จักใช่มั้ยเดี๋ยวฉันไปรับ”

     

    “ตามนั้นแล้วกัน”  แบคฮยอนพยักหน้าเข้าใจ

     

    ผมรีบกวาดของลงกระเป๋า  เมื่อเห็นจงอินยืนรออยู่หน้าห้อง  หมอนั่นยืนพิงพนัง สายตาจ้องมาที่ผม

     

    โอ๊ย.. พ่อคุณ คิดว่าทำแบบนี้แล้วหล่อเหรอ ?

    ....

    ..

    .

    เออ... มึงหล่อครับ

     

    ไม่อยากจะบอกว่าจงอินเท่ห์ดึงดูดสายตาคนที่ผ่านไปผ่านมามากกกกกกกกก ขอลากเสียงยาวๆ หน่อยเถอะ  เห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้

     

    หยุดหล่อซักวันไม่ได้เลยใช่มั้ย =______=

     

    “ไปนะ  แล้วเจอกัน”  ผมคว้ากระเป๋าแล้วติดสปีดออกไปหาจงอินทันที  เร็วยิ่งกว่าวิ่งสี่คูณร้อย

     

    “เฮ้ เซฮุน เดี๋ยว!”แบคฮยอนตะโกนเรียก

     

    “อะไร!!  ผมเผลอขึ้นเสียง  “ขอโทษที  พอดีฉันกำลังรีบ”

     

    “นายลืมไอโฟนไว้ใต้โต๊ะ”  มือเรียวส่งไอโฟนมาให้ผม  แล้วสะบัดหน้าใส่ทีนึง

     

    อะไรกัน  นี่ไม่ได้งอนใช่มั้ย?

     

    แบคฮยอนจะงอนมั้ยนี่ช่างเถอะ  ผมรู้แค่ว่า  ถ้าผมออกไปช้ากว่านี้อีกนิดเดียว  ไอ้ดำจงอินงอนผมแน่ ๆ !!





     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×