คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 9 ฉันชื่อแอนนา
Sehun’s Side
ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะสติแตก มือหนึ่งของผมสอดเข้าไปใต้สาบเสื้อแล้วแล้วลูบไล้แผ่นหลังเนียนของร่างเล็กอย่างย่ามใจ แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะรู้สึกชาวาบที่มืออีกข้างเมื่อปลายคัดเตอร์แหลมคมกรีดเข้าที่ข้อมือของผมอย่างรวดเร็ว กลิ่นคาวเลือดเริ่มคละคลุ้ง เมื่อเลือดค่อยๆ รินไหลลงมา
แต่เวลานี้ใครจะแคร์ ถึงผมจะไม่เข้าใจว่าแบคฮยอนกรีดข้อมือผมทำไม แต่ตอนนี้ผมกำลังเมาจูบขั้นสูงสุด มือข้างที่เปื้อนเลือดของผมกดท้ายทอยแบคฮยอนให้แนบแน่น กดจูบหนักหน่วงกว่าเดิมเหมือนเป็นการลงโทษเด็กดื้อที่เล่นอะไรแผลงๆ!!
“อื้อ… พอแล้ว…” แบคฮยอนผลักอกผมออกอย่างแรง แล้วรีบตักตวงออกซิเจนเข้าปอดเพราะหายใจไม่ทัน
“เล่นบ้าอะไรของนายเนี่ย” ผมยกข้อมือเปื้อนเลือดของตัวเองขึ้นมาดูแล้วอดฉุนไม่ได้ มันน่า…
…ลงโทษอีกซักรอบสองรอบ
เอ่อ เมื่อกี้น่ะ คิดซะว่าผมพูดเล่นก็แล้วกันนะครับ =_____=
“นายนั่นแหละเป็นบ้าอะไร เจ็บแล้วทำไมไม่ปล่อยล่ะ เป็นมาโซรึไง?!”
หรือจะใช่วะ? ก็ตอนนั้นมันชาๆ อ่ะ ยังไม่เจ็บ แถมกำลังเมาจูบขึ้นสุดยอดด้วย =____=
“แล้วอีกอย่างนะ ฉันขอจูบเฉยๆ ป่ะ มือที่เลื้อยเข้ามาในเสื้อฉันนี่หมายความว่าไง” ก็คือแบบว่า …อารมณ์มันพาไป อะไรประมาณนั้นอ่ะ คือผมก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน…
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่นายเอาคัตเตอร์มากรีดฉันเนี่ย เป็นบาดทะยักขึ้นมาทำไง” ผมพยายามเบี่ยงประเด็นสุดสุดฤทธิ์ แถวบ้านเรียกว่าแถครับ
“ฆ่าเชื้อแล้วน่า…ฉันแค่จะอาศัยจังหวะที่นายเผลอๆ กรีดข้อมือนายก็เท่านั้นเอง เพราะรู้ว่าถ้าขอกรีดตรงๆ ยังไงคนป๊อดๆ อย่างนายก็ไม่ยอม”
“แล้วนายทำทำไมเนี่ย ซาดิสต์เหรอ เล่นอะไรแผลงๆ”
“พูดมากน่า แผลก็ไม่ได้ลึก เลือดก็ออกนิดเดียว เอ่อ… อาจจะไม่นิดเท่าไร่ แต่ก็นั่นแหละ เป็นผู้ชายป่ะวะ อย่าสำออยดิ”
ให้ฉันลองกรีดนายคืนมั้ยล่ะ!! แหม่!!
ผมก้มลงมองเลือดเริ่มแข็งตัว ดีที่ไม่ได้ลึกจนโดนเส้นเลือดใหญ่หรือเส้นเลือดเส้นสำคัญเส้นไหน แค่เฉี่ยวๆ แต่ก็เรียกเลือดได้มากเหมือนกัน แสดงว่าแบคฮยอนคงไม่ได้คิดจะฆาตกรรมผม และผมก็เชื่อว่าแบคฮยอนคงไม่ทำเรื่องพวกนี้โดยไม่มีเหตุผล เพราะงั้นอยากทำอะไรก็ทำเถอะ ผมตามแผนการของเจ้าตัวไม่ทันหรอก
“ทำแผลให้เลย”
“สำออย แค่นี้ทำเองไม่ได้ไง๊?” ผมรู้ว่าแบคฮยอนพูดไปงั้นเองแหละ เพราะเจ้าตัวคว้ากล่องปฐมพยาบาลที่วางอยู่ข้างๆ มาทำแผลให้ผมอย่างแผ่วเบา
อะไรกัน ทำไมผมไม่รู้ตัว ทั้งกล่องปฐมพยาบาล ทั้งคัตเตอร์ ทำไมผมไม่รู้สึกว่ามีมันอยู่ตรงนี้เลย แสดงว่าแบคฮยอนเตรียมการไว้หมดแล้วสินะ ถ้าอยากจะฆ่าผมก็ฆ่าได้ง่ายๆ เลยนะเนี่ยเพราะผมไม่ได้สังเกตจริงๆ
“ทำไปทำไมอ่ะ” ผมสาบานว่าผมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ขุ่นเคืองอย่างที่ควรจะเป็นแม้แต่น้อย มองใบหน้าหวานที่ก้มหน้าก้มตาทำแผลให้แล้วก็อดเคลิ้มไม่ได้ โดยเฉพาะปากสีพีชน่าหลงใหลที่บรรจงเป่าข้อมือผมยามค่อยๆ เช็ดแผลด้วยแอลกอฮอลล์นั่นอีก…
“เดี๋ยวก็รู้” ริมฝีปากบวมเจ่อเพราะผมบังเอิญทำรุนแรงไปหน่อยคลี่ยิ้มบางๆ ดูน่ารักซะจนใจผมกระตุกถี่ๆ
จับมาจูบอีกรอบได้มั้ยนะ?!!!!!
มือเรียวสวยเอื้อมหยิบไอโฟนสีขาวมาต่อสายถึงใครบางคน
“ฮัลโหล จงอินเหรอ ช่วงนี้เซฮุนดูไม่ค่อยดีเลยอ่ะ ฉันไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกันนะแต่วันนี้เห็นเซฮุนพยายามจะกรีดข้อมือตัวเองด้วย…”
ฉันประเมินนายผิดไปแบคฮยอน
นายนี่มันร้ายจริงๆ!
Luhan’s Side
หลังจากคริสชวนขึ้นห้องวันนั้นผมก็หนีกลับบ้านโดยไม่บอกไม่กล่าวใคร คริสโทรหาผมประมาณร้อยสายได้ แต่ผมไม่รับหรอก ต้องรอให้ครบสามวันก่อน(?????)
พอครบสามวันผมถึงยอมรับโทรศัพท์คริส เรียกได้ว่ามีความพยายามมากจริงๆ โทรมาทุกวันเพราะผมไม่ยอมไปร้านชานมอีกเลย หลบหน้าสุดชีวิต บอกแล้วไงว่าถ้าจะงอนต้องงอนให้ครบสามวัน!! (ตรรกะอะไรเนี่ย =____=)
เรานัดเจอกันอีกครั้งที่ร้านชานม คริสบอกว่าวันนั้นเห็นมันดึกแล้วกลัวผมขับรถกลับบ้านไม่ไหว เลยชวนผมค้าง ก็เท่านั้น อมพระมาพูดยังไม่เชื่อเลยนะครับ แหม่ เอาเป็นว่าเข้าประเด็นอีกเรื่องเถอะ
“แล้วเรื่องที่นายพูดวันนั้นหมายความว่ายังไง” สายตาคริสบ่งบอกว่าจริงจังมาก
“ฉันเมา ตอนนั้นมันแบบมึนๆ เบลอๆ พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” ผมไม่ยอมรับหรอก นึกถึงแล้วก็หน้าบางขึ้นมาทันที ไม่รู้ตอนนั้นกล้าพูดไปได้ยังไง
‘นายไม่ใช่คนโง่ ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงคิดเองไม่ได้’
ถึงจะมั่นใจในความแมนของตัวเองเต็มร้อย แต่ดูยังไง ผมก็รุกผู้ชายที่สูงเกือบสองเมตรแบบคริสไม่ได้อยู่ดี ขอยอมรับในโชคชะตาครับ T____T
“จริงๆ ถ้านายชอบฉัน ขอฉันเป็นแฟนตอนนี้เลยก็ได้นะ”
ไอ้………!!!!!!
ผมฮึดฮัดอย่างขัดใจ ด่าไม่ออกเลยครับ
มีอย่างที่ไหนมาบอกให้คนอื่นขอตัวเองเป็นแฟนแบบนี้!!!!
“ถ้านายไม่รีบตอนนี้ระวังจะเสียใจ มีคนต่อแถวรอคิวฉันอีกเยอะ”
“เชิญเถอะ!” ผมสะบัดเสียงใส่
ผมไม่เคยรู้เลยว่าเทพบุตรเงียบขรึมที่ชอบมานั่งกับผมในร้านชานมจะกวนตีนขนาดนี้!!!
“ถ้านายไม่พูด….” ทำไม ถ้าฉันไม่พูดจะทำไม ยังไงก็ไม่พูดหรอกกกกก เสียสถาบันเคะที่ผมเพิ่งผันตัวเองมาอยู่พอดีกัน
…
…
…
“งั้นฉันพูดเอง ….เป็นแฟนกันนะลู่หาน”
…
…
ผมรู้สึกว่าโลกทั้งใบหล่นทับโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว!!
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลายิ้มให้ผม นี่ฝันไปรึเปล่าเนี่ย ผมลองยกมือตบหน้าตัวเองแรงๆ เออ เจ็บว่ะ ผมมองหน้าคริสอีกครั้งอย่างช็อกไม่หาย ก่อนจะค่อยๆ ยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“ยิ้มมากจนตีนกาโผล่แล้ว …สรุปว่าตกลงมั้ย ถ้าไม่ตกลงฉันฆ่านายแน่!”
“ฉันยิ้มจนตีนกาโผล่ขนาดนี้ จะไม่ตกลงได้ยังไงเล่า!” ผมค้อนให้คริสทั้งๆ ที่ยังหยุดยิ้มไม่ได้ “ว่าแต่ฉัน นายก็ยิ้มจนเงิงโผล่เหมือนกันแหละ” คริสยกมือผลักหัวผมเบาๆ บรรยากาศดูเป็นสีชมพูอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“กินเค้กมั้ย” คริสถามขึ้นมาลอยๆ อย่างไม่รู้จะคุยอะไร
“เลี้ยง?”
“ก็ได้”
“โอเค เค้กช็อกโกแลตสองชิ้น”
“อ้วน” คริสทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะลุกขึ้นไปสั่งเค้กให้โดยดี
น่ารักอ่ะ!!!
ไม่นานเค้กช็อกโกแลตสองชิ้นก็อยู่ตรงหน้าผม เสิร์ฟโดยอู๋อี้ฟาน เด็กเสิร์ฟที่หล่อที่สุดในโลก พ่วงตำแหน่งแฟนใหม่ป้ายแดงของผมด้วย ฮ่าๆ
“อะไร” ผมถามอย่างแปลกใจ เมื่อคริสย้ายตัวเองมานั่งข้างๆ ผมแทนที่จะนั่งที่เดิม
“อยากนั่งใกล้ๆ แฟน”
ผมจะจำไว้ว่านอกจากคริสจะหล่อ บ้าตุ๊กตา และกวนตีนแล้ว ยังเสี่ยวได้โล่อีกต่างหาก!!!
แล้วก็อย่างที่บอก ถึงผมผันตัวเองมาอยู่สายเคะ(อย่างจำใจ) แต่ผมไม่ทำตัวงุ้งงิ้งมุ้งมิ้ง เอะอะก็หน้าแดงอะไรแบบนั้นหรอก มันต้องพีคจริงๆ ถึงจะทำให้ผมเขินได้!
“นั่งแบบนี้ทุกวันเลยได้มั้ย”
“ถ้าบอกว่าไม่ได้ล่ะ”
“ก็ถ้านายบอกว่าไม่ได้ ฉันก็จะไม่ทำ” ฮือออออ น่ารัก
“เอาสิ ไม่ห้าม”
“คริสสสสสสสส” เสียงดังแปดหลอดแสบแก้วหูดังมาแต่ไกล “ใช่จริง ๆ ด้วย ไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่เลยนะ” เจ้าของเสียงทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามเราอย่างไม่ขออนุญาต ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือสาผู้หญิงสวย J
“มาได้ยังไง” คริสถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มือใหญ่กระชับมือของผมไว้แน่น และเหมือนหญิงสาวตรงหน้าจะสังเกตเห็นมัน เจ้าตัวเลยมองผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
ไม่ใช่ไม่เป็นมิตรหรอก บ่งบอกว่าเกลียดผมมากต่างหาก!!
“แอนนามาชอปปิ้งค่ะ อีกทูวีคก็โกแบคทูแคนาดาแล้ว” หล่อนฉีกยิ้มหวานหยดย้อยให้คริส ที่ยังคงทำหน้าไร้อารมณ์
ทำไมเสียมารยาทกับผู้หญิงสวยๆ แบบนี้น้า
“คุณเป็นเพื่อนคริสใช่มั้ยคะ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อแอนนา เป็นแฟนเก่าคริส”
โอ้ว แฟนเก่าคริสเหรอเนี่ย ถึงว่าสวยอย่างกับดารา
“แอนนา…” คริสคำรามในลำคอ แต่แอนนาดูไม่สะทกสะท้าน มือเรียวสวยนั้นยื่นมาให้ผมอย่างเยาะเย้ย แต่ ผมยิ้มตอบอย่างจริงใจสุดๆ
ผมน่ะ… ใจร้ายกับผู้หญิงสวยๆ ไม่ลงหรอกนะ
“สวัสดีครับ ผมชื่อลู่หาน…” ผมเหลือบมองคริสนิดๆ ก่อนจะสบตากับสาวสวยอย่างท้าทาย “เป็นแฟนคนปัจจุบันของคริส” ใช่ เพิ่งเป็นเมื่อกี้นี่เอง
แล้วผมก็ยื่นมือไปเชคแฮนด์กับเธอช้าๆ
รู้สึกได้เลยว่าเล็บที่เคลือบด้วยสีแดงสดนั้นจิกเข้าไปในเนื้อผม แต่ผมไม่โต้ตอบหรอกนะ มันไม่เป็นสุภาพบุรุษจุฑาเทพ! … ไม่เกี่ยวสินะ =_____=
เราปล่อยมือกันอย่างช้าๆ ก่อนที่สาวสวยจะส่งรอยยิ้มเคลือบยาพิษมาให้ผมเหมือนจะเปิดสงครามประสาท
“ดีใจจังเลยค่ะที่เจอคริสที่นี่ ไปญี่ปุ่นกันมั้ยคะ ไปย้อนความหลังที่บ่อน้ำพุกัน”
ผมหัวเราะในลำคอ ทำไมจะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจงใจจะเยาะเย้ยผม
ผมพิมพ์ข้อความแล้วไลน์ไปให้คริสว่า
‘อื้อหือ บ่อน้ำพุเหรอ ร้อนแรงเป็นบ้า!’ คริสก้มลงอ่านข้อความแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับมา
“ไม่รู้ว่าคริสยังจำได้มั้ย แต่ว่าหกชั่วโมงที่บ่อน้ำพุวันนั้นแอนนามีความสุขมากเลยนะ”
‘หกชั่วโมงเหรอ พูดเป็นเล่น!’ ผมส่งไลน์ให้คริสอีกครั้ง ไม่ได้หวังให้ตอบหรอก จงใจกวนประสาทไปงั้นเองแหละ
‘ต้องลองเองถึงจะรู้’ คริสส่งตอบกลับมา อื้อหือ เสี่ยวเสมอต้นเสมอปลาย
“มันนานมากแล้ว ผมจำไม่ได้หรอกแอนนา”
“เพราะงั้นไง แอนนาถึงชวนเราไปรำลึกความหลัง ครั้งนี้ซักสามวันสองคืนดีมั้ยคะ” สาวเจ้ายิ้มแฉ่ง โชว์ฟันเขี้ยวน่ารักๆ
‘สามวันสองคืน? เอาให้ตายกันไปข้างเลยใช่มั้ยน่ะ’ ผมส่งไลน์ไปอีกครั้ง พลางตักเค้กเข้าปากอย่างชิลๆ เรื่องหึงเรื่องหวงนี่ผมไม่ทำหรอกครับ เพราะดูจากสายตาคริสไม่ได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์อะไรแอนนาเธอแล้ว ไว้ถ้าเจอใครที่คริสทำสายตาหวานซึ้งใส่ อันนั้นค่อยว่ากันอีกที หึ!
ยิ่งมีอุปสรรคมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้คนรักและเข้าใจกันมากขึ้นเท่านั้น
ผมคิดว่างั้นนะ J
“คงไม่ล่ะแอนนา” คริสปฏิเสธ “คุณกลับวันไหนนะ อีกสองอาทิตย์ใช่มั้ย ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะ” คริสทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะจูงมือผมออกจากร้าน เฮ้ย! เดี๋ยวดิ ยังกินเค้กไม่หมดดดดดดดดด TT
“จะพาไปไหนเนี่ยคริส”
“ไปบ่อน้ำพุดีมั้ยล่ะ”
“ไม่เอา ไม่ชอบทับที่ใคร”
“หมายความว่าถ้าเป็นที่อื่นก็โอเค?” ผมล่ะเกลียดเวลาที่คริสทำตาเจ้าเล่ห์แบบนี้จริง ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกนะว่ามีมันดูดีสุดๆ
“ฝันไปเถอะ”
“ฉันดีใจที่นายไม่โกรธ”
“ก็ถ้านายตกลงไปกับคุณแอนนาอะไรนั่น ฉันก็จะโกรธจริงๆ นั่นแหละ”
“แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าที่บ่อน้ำพุร้อนแรงแค่ไหน” คริสกระซิบที่ข้างหู ทำผมรู้สึกขนลุกวาบ
“ไม่อยากรู้หรอก เพราะถ้าเป็นฉัน มันจะร้อนแรงกว่านั้นหลายเท่า ชนิดที่ว่าคุณแอนนาเทียบไม่ติดเลยล่ะ”
“ให้ตายสิ ฉันชอบนายจริงๆ” คริสยิ้มกว้าง ยกมือขึ้นบีบจมูกผมอย่างหมั่นเขี้ยว
“หือ แข่งบอลเหรอ” แบคฮยอนทวนคำพูดผมอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
“นายเนี่ยนะลู่หาน! เตะบอลเป็นด้วยเหรอ” ตามมาด้วยเสียงอึ้งๆ ของคยองซู
“เป็นสิ! ไม่รู้จักลู่หานยูไนเต็ดซะแล้ว” ผมยักคิ้วกวนๆ หลังๆ มานี่รู้สึกสนิทกับแบคฮยอนและคยองซูมากขึ้นจนเผลอแสดงนิสัยที่แท้จริงออกไปหลายต่อหลายอย่าง
แต่เวลาที่ผ่านมานี่ทำให้ผมรู้แล้วล่ะว่า สองคนนี้เป็นเพื่อนที่ดีมากๆ
“ต้องไปเชียร์ให้ได้นะ”
“ไปอยู่แล้ว” ผมชักจะชินกับใบหน้านิ่งๆ ของแบคฮยอนแล้วล่ะ
เอาเป็นว่าผมจะจินตนาการว่าแบคฮยอนกำลังมองผมอย่างภูมิใจสุดๆ ก็แล้วกัน
“ไม่ได้การละ ฉันต้องไปเตรียมผ้าเชียร์” คยองซูดูกระตือรือร้น
“ขอลายแมนยูนะ”
“ได้เลยควีน”
“ไม่เอา อย่าเรียกชื่อนั้น” ผมทำหน้าป่วย โคตรเกลียดตำแหน่งนี้เลย ไม่ได้อยากจะได้ซักหน่อย เข้าประกวดเพราะโดนบังคับล้วนๆ ยกให้แบคฮยอนได้มั้ยนะ รายนั้นน่ะตอนแต่งเป็นแบคกี้ มิสเตอร์อายไลน์เนอร์แห่งฟรายเดย์ไนท์คลับ ยังจะดูน่ารักกว่าผมอีก!
ผมว่ายังมีอีกคนนึงที่ผมต้องบังคับให้มาดูผมแข่งนะ ผมไล่หน้าจอมาหยุดที่ชื่อคริสแล้วกดโทรออก ภาพประจำตัวคริสเป็นรูปคู่ของเราสองคน แล้วก็ไม่ใช่แค่ภาพประจำตัวในโทรศัพท์หรอกนะ ล็อกสกรีนไอโฟนผม ภาพโปรไฟล์เฟซบุคและทวิตเตอร์ ภาพประจำตัวในไลน์ และบลาๆ ๆ ล้วนเป็นรูปคู่ทั้งนั้นแหละ
แล้วอย่าเข้าใจผิดว่าผมเป็นคนทำเรื่องพวกนี้นะ คือผมไม่ได้เห่อแฟนขนาดนั้นหรอกครับ ทั้งหมดเนี่ย ฝีมือคริสทั้งนั้น! กลัวคนอื่นเค้าไม่รู้รึยังไงกันนะว่าเป็นแฟนกันน่ะ!
โดยเฉพาะพี่เลย์ อันนั้นตัวดีเลย ถึงขั้นไลน์มาทักว่า ‘แฟนหล่อดีนะ’
จะปฏิเสธก็ไม่ได้หรอกนะ เพราะคริสหล่อจริงๆ นี่นา
กรุณาอย่าหายางอายในตัวผม เพราะมันไม่เคยมีครับ 555
“ฮัลโหล” ปลายสายตอบกลับมาสั้นๆ
ดูดิ แค่ฟังเสียงยังอยู่เลยว่าหล่อ! นี่ไม่ได้อวยแฟนตัวเองเลยจริงๆ นะครับ
“คริส เย็นวันศุกร์นี้ว่างมั้ย”
“น่าจะว่าง ทำไม”
“มาดูฉันแข่งบอลด้วย”
“นายเนี่ยนะแข่งบอล”
“ใช่ อ้อ วันนี้ถ้าจะโทรมาต้องหลังสี่ทุ่มนะ ฉันต้องติวกับพี่เลย์อ่ะ”
“ใครคือพี่เลย์ ชื่อเหมือนหมอหล่อๆ ในโรงพยาบาลเอกชนหรูๆ แถวคังนัม ที่น้องสาวฉันกรี๊ดเลย”
“เลย์เดียวกันนั่นแหละ” ผมอมยิ้ม “แล้วโรงพยาบาลนั่นก็ของครอบครัวฉันเอง”
“ฉันจะไว้ใจให้นายไปกับผู้ชายหล่อๆ แบบนั้นได้ยังไงกัน” เสียงทุ้มฟังดูไม่ค่อยพอใจเท่า แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร
“บ้าน่า พี่เลย์ยังชมเลยว่าแฟนฉันหล่อมาก”
“งั้นก็แล้วไป” โรคหลงตัวเองนี่ที่หนึ่งเลยนะ
“อือ ต้องมาให้ได้นะ”
“แน่นอน ต้องไปสิ นายแข่งบอลทั้งที”
“แล้วเจอกัน” ผมกดตัดสาย มีความสุขสุดๆ เลย!
“ฉันล่ะเบื่อคนอินเลิฟแถวนี้จริงๆ” คยองซูกลอกตา
“ฉันก็เบื่อคนเลือกมากแถวนี้เหมือนกัน” ผมสวนกลับแทบจะทันที ก็คยองซูน่ะน่ารักใช่ย่อยที่ไหนกัน ทั้งผู้หญิงผู้ชายต่างพากันเข้าแถวรอให้คยองซูพิจารณากันเยอะแยะ ติดที่เจ้าตัวนั่นแหละ ไม่ยอมเปิดใจรับใครซักที แล้วก็มาบ่นว่าอิจฉาผม!
“นายชอบใครอยู่รึเปล่าคยองซู… ฉันหมายถึงนอกจากหมอเลย์น่ะ” แบคฮยอนหรี่ตาจับผิด
“ปละ…เปล่า ซักหน่อย” คยองซูปฏิเสธอย่างร้อนรน “จริง ๆ ก็มีอ่ะ แต่ยังไม่บอกตอนนี้ได้มั้ย”
“ตามใจนายแล้วกัน พร้อมเมื่อไหร่ก็บอก”
“สัญญาเลย” ผมมองเพื่อนสองคนที่เกี่ยวก้อยกันเหมือนเด็กๆ ดูแล้วก็เผลอยิ้มออกมาเหมือนกันแฮะ
“งั้นฉันไปก่อนนะ” แบคฮยอนเก็บกระเป๋าแล้วเดินไปหาเซฮุน เถียงอะไรกันมุ้งมิ้งๆ ก่อนจะเดินออกไปด้วยกัน
คือ… จงอินไปไหน ทำไมแบคฮยอนถึงไปกับเซฮุนได้? ผมพลาดอะไรไปรึเปล่า?
เย่ๆ ได้มาอัพอีกแล้วววววววววว > <
คิดถึงเค้ามั้ย 555 ไม่ค่อยได้มาอัพ ขอโทษน้าค้า TT
ตอนหน้า…. เอ่ออออออ รออีกนานนิดนึงแต่ไม่ดองแน่นอนค่ะ
รักทุกคน ชุบุๆ ^3^น
ความคิดเห็น