❥ Whisper, VII
'คนที่น่าอิจฉา'
ภายในคอนโดชุดที่ถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนอย่างลงตัว จองกุกนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นโดยมีหมิงฮ่าวนอนเขียนหนังสืออยู่กับพื้น วันนี้หลังจากที่พี่จินมารับเขาจากบ้านเพื่อมาส่งเขาที่คอนโด เหมือนทุก ๆ วัน หน้าที่พิเศษสำหรับเขาตอนนี้นอกเหนือจากการดูแลหมิงฮ่าวคือการสอนหนังสือ เพราะหมิงฮ่าวไม่สามารถเข้าสังคมร่วมกับคนอื่น ๆ ได้ จึงมีความจำเป็นที่ต้องเรียนด้วยตัวเองแล้วอาศัยการไปสอบเทียบระดับชั้นเอาเอง ซึ่งถ้าถามเขามันก็ไม่มีปัญหาอะไร ระดับคิมซอกจินแล้ว ถึงสอบไม่ผ่าน พี่จินก็สามารถทำให้ผ่านได้อยู่ดี แต่ในสายตาเขา มันคงดีกว่าถ้าหมิงฮ่าวสามารถสอบผ่านได้ตัวน้องเอง
อย่างน้อยหมิงฮ่าวจะได้ภูมิใจในตัวเองและมีกำลังใจที่จะกลับมาเป็นเด็กปกติเหมือนเดิม...
แต่ตั้งแต่พี่จินมาส่งเขา เขาก็ไม่เจออีกคนเลย เหมือนจะเดินเข้าห้องใดห้องหนึ่งในคอนโดนี้ไปแล้วแหละ หายไปกับเพื่อนพี่จินนั้นแหละ เพื่อนที่ผมพึ่งเจอครั้งแรก พี่ซานดึล นี่หายไปกันนานและ แถมใกล้เที่ยงแล้วด้วย พวกเขาจะไม่ออกมาหาอะไรกินกันใช่ไหม...
"หมิงฮ่าว หิวไหม หืม?"
จองกุกเอ่ยถามเด็กชายที่นอนคัดตัวหนังสือเกาหลีอยู่บนพื้นอยู่ เขาเห็นว่านี่ก็น่าจะเลยเวลามื้อเที่ยงของหมิงฮ่าวแล้วแหละ ก็มันบ่ายกว่าแล้ว ทั้งเขาและเด็กชายยังไม่มีได้กินข้าวเลยสักคน ส่วนเจ้าของห้องนี้ก็หายหัวไปไหนไม่รู้กับเพื่อนเขา นี่เขาเป็นแขกจริง ๆ ใช่ไหมไม่ใช่เจ้าของห้องหรอกนะ
"นะ นิดหน่อยครับ"
"งั้นพี่ทำข้าวผัดให้กินไหม ก่อนมาถึงพี่กับป๊าจินแวะซุปเปอร์มา ขืนรอป๊าเรามาทำได้เป็นกระเพาะกันแหงๆ"
"หะ ให้ฮะ ฮ่าวช่วยไหม?"
สำเนียงแปลก ๆ ของเด็กชายเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ ถึงแม้หมิงฮ่าวจะไม่มั่นใจในการพูดกับเขา แต่ก็ยังดีกว่าไม่ยอมพูดเลยนั่นแหละ ยอมคุยกับเขา คงไม่มีอะไรน่าเครียดมากแล้วแหละ กับอาการของหมิงฮ่าว เขาก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองมีอะไรทีทำให้เด็กชายไว้ใจที่จะพูดกับเขา ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือไง
"ได้สิ เข้าครัวกันเถอะ"
"ทำแบบนี้ถูกไหมครับพี่จองกุก"
"อ่า~ เก่งมาครับ ทีนี้ก็มาโรยงากันเถอะ ไม่ต้องใส่เยอะนะ"
"คะ ครับ"
เสียงพูดคุย และเสียงข้าวของเครื่องใช้ที่ดังออกมาจากโซนครัว ทำให้ซอกจินที่พึ่งเปิดประตูห้องทำงานออกมาต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัย ความจริงเขาไม่ต้องสงสัยก็ได้ นอกจากเขาและเพื่อนก็มีเพียงหมิงฮ่าวกับจองกุกสองคน เพราะเขากับซานดึลซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเขาและเป็นหมอที่มารักษาหมิงฮ่าวคุยถึงอาการของหมิ่งฮ่าวอยู่ในห้องทำงานของเขาตั้งแต่กลับมา
"เสียงเด็กคนนั้นคุยกับอาฮ่าวเหรอวะจิน"
ซอกจินหันไปมองเพื่อนตัวเองอย่างเพลียใจ คือก็อยู่ตรงนี้ด้วยกันสองคนไหมครับเพื่อนถามกู แล้วกูจะไปถามใคร อีกอย่างเสียงเด็กที่เขาได้ยินก็เป็นเสียงหมิงฮ่าวนั้นแหละ ถึงจะเบากว่าเสียงจองกุกแต่เขาก็จำเสียงลูกตัวเองได้นะ
"ทำไมมองกูแบบนั้นวะ กูสงสัยก็ถาม ผิดอะไรไม่ทราบครับคุณจิน"
"ผิดที่มึงถามกูนี่แหละ ก็อยู่ด้วยกันไหม"
ซอกจินส่ายหน้าให้กับเพื่อนตัวเองแล้วเดินไปยังจุดต้นตอของความสงสัยของเขาและซานดึล เขาเลือกที่จะยืนพิงกำแพงทางเข้าโซนครัวของคอนโดเขา เพื่อดูเด็กชายสองวัยกำลังช่วยกันจัดจานที่ใส่ข้าวผัดกิมจิเตรียมไว้สี่จาน เขาก็เคยทำกิจกรรมแบบนี้กับหมิงฮ่าวนะ แต่ทำไมบรรยากาศที่อบอวลในห้องครัวถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้ ถ้าให้อธิบายเป็นสี ห้องครัวเขาตอนนี้คงเป็นสีชมพูพาสเทลที่เขาชอบนั้นแหละ
รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อของนักธุรกิจไฟแรง ซึ่งปฏิกริยานี้ก็ไม่พ้นสายตาของเพื่อนสนิทอย่างซานดึลที่มองซอกจินสลับกับจองกุกและหมิงฮ่าวในห้องครัวแล้วยิ้มอย่างมีความหมายกับตัวเอง
เรื่องนี้ต้องถึงหูเพื่อนเคน คิมซอกจินยิ้มอบอุ่นเนี่ยมันหายไปตั้งแต่มันอกหักสมัยปีสี่แล้ว ไหนเพื่อนบอกว่าชอบน้องจีมินไงครับ กับน้องกูไม่เห็นมึงจะยิ้มแสงอาทิตย์เบอร์นี้เลยคิมซอกจิน มีแต่รอยยิ้มเอ็นดู
จองจอนกุก... ไม่ได้เป็นเด็กที่มีผลแต่กับหมิงฮ่าวอย่างเดียวแน่นอน ทำไมคนนอกแบบเขาดูออก ถ้าเปรียบคนตระกูลคิมเป็นเหมือนภูผาน้ำแข็งที่แข็งแกร่งและเยือกเย็น ในขณะที่จอนจองกุกเหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้าที่อ่อนโยนและอบอุ่นนั้นแหละ เขาจะรอดูนะเพื่อนว่าความอ่อนโยน อบอุ่นจะละลายภูผาน้ำแข็งที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลคิมอย่างคิมซอกจินได้ขนาดไหน
"ยืนมองแบบนี้จะได้กินไหมข้าวอะเพื่อนจิน"
ซอกจินหันมองเพื่อนตัวเองที่ใช้น้ำเสียงล้อเลียนเขาอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะเดินนำเข้าห้องครัวโดยมีซานดึลที่เดินตามอย่างอารมณ์ดี ถีบหมอตกคอนโดใช้เงินปิดความผิดเท่าไหร่ เฮ้อ... ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นเเพื่อนมาเกือบสิบปีเลิกคบไปแล้ว
"อ่าวพี่จินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ผมยังจัดจานไม่เสร็จเลย"
เสียงหวานเอ่ยทักซอกจินทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาเจออีกคนยืนมองเขากับหมิงฮ่าวที่กำลังโรยงาบนไข่ดาวอยู่ หลังจากเขาเริ่มทำข้าวผัดกิมจิ ก็สังเกตได้ถึงความสนใจของหมิงฮ่าวที่นั่งมองเขาทำอาหารอยู่ที่โต๊ะเงียบ ๆ ถึงจะนั่งมองเขา แต่แววตาคู่นั้นจับจ้องทุกการกระทำของเขาอย่างตั้งใจจนเขาอดไม่ได้ที่ลองเอ่ยชวนให้มาช่วยกันจัดจานแทน และเหมือนจะเป็นกิจกรรมที่เขาได้ทำร่วมกับหมิงฮ่าวได้เป็นอย่างดี แววตาตั้งใจกับท่าทางในการจัดจานอย่างคล่องแคล่วของเด็กชายทำให้จองกุกมองอย่างเอ็นดู
คนของตระกูลคิมนี่เขาสายอาหารกันโดยสายเลือดเลยไหม ตั้งแต่ปะป๊าจนถึงเด็กน้อย
"ไมใช่พึ่งเสร็จเหรอ พี่เห็นเมื่อกี้หมิงฮ่าวเลื่อนจนสุดท้ายมารวมกับจานอื่น ๆ แล้วไม่ใช่เหรอ"
"ก็ใช่ แต่ที่ผมพูดเพราะพี่เหมือนมายืนมองอยู่นานแล้วต่างหาก!"
"ก็ใช่"
ไม่กวนตีนเขาสักวันหุ้นคิมกรุ๊ปจะตกหรือไง นึกว่าไอ้นิสัยกวนตีนนี่มันหายไปแล้วนะ ไม่หายไม่พอ ไอ้ท่าทางยักไหล่กว้าง ๆ ไม่ใส่ใจแล้วนั่งลงบนเก้าอี้นี่มันคืออะไร จะไฟว์ใช่ไหมคิมซอกจิน เอาซอสราดได้ไหม...
"พี่จองกุก"
เสียงของเด็กน้อยหนึ่งเดียวในห้องครัวเรียกสติของจองกุกที่กำลังจะคว้าขวดซอสมะเขือเทศที่อยู่ใกล้มือมาละเลงลงบนข้าวผัดกิมจิที่เตรียมไว้ให้พี่จิน
"เฮ้อ... กินข้าวกันเถอะหมิงฮ่าว"
ดวงตากลมโตหันไปมองแรงใส่ปะป๊าของเด็กชายอย่างหงุดหงิดก่อนจะขยับนั่งลงแล้วเลื่อนจานข้าวผัดกิมจิแจกจ่ายให้สมาชิกร่วมโต๊ะทั้งสี่คน พร้อมกับช้อนและตะเกียบที่หมิงฮ่าวหยิบส่งให้ผู้ใหญ่ทั้งสามคน
อย่าถามว่าทำไมจองกุกไม่หยิบช้อนและตะเกียบส่งไปพร้อมกับจานข้าว เขาเกรงว่าจะทนไม่ไหวเอาตะเกียบแทงเหนียงพี่จินต่างหาก เพื่อความปลอดภัยให้หมิงฮ่าวทำนั่นแหละดีแล้ว อยู่ต่อหน้าเด็กเขาไม่อยากเป็นคนใจร้ายนักหรอก ถ้าผู้ใหญ่บางคนมันยังไม่เลิกกวนตีนเขาอะนะ
"ขอบคุณนะครับน้องจองกุก ช่วงนี้ไม่มีตารางว่างเข้ามาอยู่น้องเหรอครับ"
เสียงของคุณหมอคนเดียวในโต๊ะอาหารเอ่ยอย่างเป็นมิตรกับจองกุก ซานดึลที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับจองกุกที่ส่งสายตามองแรงใส่เพื่อนเขาที่นั่งกินข้าวเงียบ ๆ ไม่สนใจว่าไปปลุกรังสีทะมึนในตัวกระต่ายตรงหน้าเขา คือหมออยากถามคิมซอกจินว่ามึงไปกวนตีนน้องเขาทำไมมมม เดือดร้อนกูไหมครับเพื่อน ย้ายที่กับเพื่อนไหมครับเพื่อนจิน น้องจองกุกจะได้เอาขวดซอสบีบใส่หน้ามึงได้ถนัดที่สำคัญกูจะได้ไม่ต้องมารับลูกหลงนี้
"ครับพี่หมอ ช่วงนี้รอเตรียมอัลบั้มใหม่ครับเลยว่าง จริง ๆ ก็มีงานเข้ามาเยอะนะตั้งแต่คนแถวนี้สร้างข่าวให้ผม แต่พอดีที่บริษัทไม่มีนโยบายรับงานที่มาจากกระแสข่าวอะครับเลยมีเวลามาอยู่กับน้องหมิงฮ่าว"
เอิ่ม... น้องไม่ต้องกระแทกเสียงก็ได้นะพี่ว่า ถึงพี่จะเป็นหมองานเยอะ แต่พี่ก็ไม่ตกข่าวน้องกับเพื่อนจินหรอก ไม่ต้องส่งรังสีมองแรงกับน้ำเสียงแบบนั้นให้เพื่อนพี่ก็ได้นะ หรือไม่ก็ให้สัญญาณพี่ก่อนเนอะถ้าจะคว้าขวดซอสมะเขือเทศสาดหน้าเพื่อนจิน พี่จะได้หาที่หลบทัน
"อะ เอ่อ ดีแล้วครับ พี่ค่อยสบายใจหน่อยที่มีน้องจองกุกมาอยู่เป็นเพื่อนหมิงฮ่าว ไอ้จินก็งานยุ่งชอบทิ้งน้องอยู่คอนโดคนเดียว"
"ไม่ต้องห่วงครับพี่หมอ ผมใส่ใจน้องดีกว่าคนบางคนอยู่แล้วแหละ อยู่กับน้องก็เหมือนไม่อยู่ชวนคุยก็ไม่ชวนคุย เย็นชาชะมัด"
เพื่อนจิน... นายเจอคู่ปรับที่เหมาะสมแล้วแหละ ดื้อ แสบ เหมือนที่เพื่อนเคนสปอยมาจริง ๆ โชคดีนะครับเพื่อนรัก...
ถ้ามองในมุมเพื่อนเขาก็เป็นห่วงจินนะ ที่ต้องรับมือกับเด็กแบบจองกุก แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่ก่อนจะเข้ามาในโซนครัวนั้น ความอ่อนโยน น่ารัก ร่าเริง ทุกสิ่งที่หลอมรวมเป็นเด็กคนนี้ มันคือสิ่งที่เขาอยากได้ คนแบบนี้อยู่กับหมิงฮ่าว ความรัก ความอบอุ่น และวิธีการเข้าหาเด็กของจองกุกจะสามารถรักษาหลานชายเขาได้ ถ้าเขาไม่รู้จักจองกุกมาก่อนว่าเป็นนักร้องเขาคงคิดว่าเด็กคนนี้เป็นจิตแพทย์ ครูอนุบาล ไม่ก็พ่อลูกหนึ่งแล้วอะไรแนว ๆ นี้ โชคดีของจินกับหมิงฮ่าวด้วยที่ได้คนคนนี้เข้ามาช่วย ถึงเขาจะรู้ว่าเพื่อนเขาก็ยังไม่ไว้ใจได้เต็มที่ก็ตาม
เขาก็แค่หวังว่าจองกุกจะมาช่วยเยียวยาทั้งหลานชายเขาและเพื่อนเขาด้วยความจริงใจก็พอ ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง เพื่อนเขาเป็นคนที่โครตน่าอิจฉาเลยแหละ
เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่าคนตระกูลคิมหนะ โตมาพร้อมแรงกดดัน สังคมที่แข่งขันกัน จนทำให้เพื่อนเขา หรือแม้แต่ป๊าแท้ ๆ ของหมิงฮ่าว กลายเป็นคนเฉยชาแข็งกระด้าง แต่เขาเชื่อนะลึก ๆ เพื่อนเขาก็ยังเป็นคนที่อ่อนโยน คบมากันตั้งนานทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเพื่อนเขาจริง ๆ เป็นคนอย่างไร...
หลังจากจองกุกพูดแซะพี่จินจบ ก็ไม่มีบทสนทนาใด ๆ อีก นอกจากต่างคนต่างกินกันเงียบ มีเขาที่ดูแลหมิงฮ่าวบ้างในบางที สาเหตุที่เขาไม่สาวต่อบทสนทนาใด ๆ ต่อนั้นเพราะไม่อยากจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ดีในสายตาหมิงฮ่าวก็แค่นั้น และดูเหมือนพี่จินก็จะเข้าใจมั้ง เพราะไม่ได้โต้ตอบอะไรนอกจากนั่งกินข้าวกันเงียบ ๆ
พอกินข้าวเสร็จเขาเลยอาสาทำความสะอาดเอง เพราะเขาเป็นคนทำนี่หน่า ให้พี่จินกับหมิงฮ่าวมีเวลาให้กันบ้าง ยังไงซะเขาก็เป็นคนนอก และเหมือนจะมีอีกคนที่คิดเหมือนเขา หมอซานดึลเพื่อนพี่จินที่อาสามาช่วยผมเก็บกวาดห้องครัวล้างจาน เขาไม่คิดว่าผู้ชายอย่างคิมซอกจินจะมีเพื่อนเป็นถึงหมออะไรแบบนี้ คิดว่ามีคุณเคนเป็นเพื่อนคนเดียวด้วยซ้ำ
คิมซอกจินในสายตาจองกุกหนะ เป็นคนที่ไม่น่าจะมีใครคบเลย
"คุณจองกุกครับ"
เสียงนุ่มของคุณหมอเอ่ยทักจองกุกที่กำลังตั้งใจล้างกระทะที่ใช้ผัดข้าวเมื่อกี้ ดวงตากลมหันไปมองเป็นคำถามในการเรียกของคุณหมออย่างสงสัย
"คุณทราบใช่ไหมว่าน้องฮ่าวเป็นอะไร"
"ผมไม่ทราบรายละเอียดหรอกครับ ผมรู้แค่แกเสียพ่อแม่ไป และอยู่ในเหตุการณ์นั้นเลยกลายเป็นโรคซึมเศร้าแบบนี้ ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าเด็กที่ป่วยแบบนี้ต้องรักษายังไง แต่ในมุมมองผม ความคิดของผมเอง..."
เสียงหวานเอ่ยจนกระทั่งหยุดนิ่งไปสักพัก จองกุกหันมามองซานดึลตรง ๆ พร้อมรอยยิ้มน่ารักและคำพูดที่ทำให้คนเป็นหมอคาดไม่ถึงว่าสิ่งพวกนี้จะออกมาจากคนที่ทำงานในโลกของมายา ที่เต็มไปด้วยการใส่หน้ากากแข่งขัน ชิงดีชิงเด่นกัน วงการที่หามิตรภาพที่แท้จริงยาก...
"หัวใจที่ถูกทำร้ายอย่างรุนแรงนั้น บาดแผลมันจะลึกและสาหัสอยู่แล้ว แผลภายนอกอาจจะใช้ยา หรือวิธีการทางการแพทย์รักษาถึงจะหาย แต่บาดแผลในหัวใจนั้น... มีเพียงแค่ยาชนิดเดียวแหละครับที่สามารถรักษาได้... ยาที่ชื่อว่าความรัก ความอบอุ่น และความจริงใจ คุณหมอครับ ผมไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไรที่ทำให้หมิงฮ่าวกล้าที่จะคุยกับผม อาจจะเพราะความจริงใจที่ผมเลือกให้กับทุกคนที่เขามาในชีวิตผมก่อน หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมคิดว่าน้องต้องการรักษาด้วยสิ่งเหล่านี้แหละ ผมไม่รู้หรอกนะว่าความรักของผมจะช่วยรักษาอะไรได้ไหม มันอาจจะไม่เท่ากับความรักของคนในครอบครัว แต่ผมก็จะพยายาม... เพราะคำว่าเด็ก ในความรู้สึกผม... ไม่ใช่วัยที่จะต้องจมอยู่กับความทุกข์หรือการโทษตัวเอง ผมไม่รู้ว่าที่ผมเข้าใจถูกไหม ถ้ามีอะไรที่คุณหมอแนะนำได้ บอกผมได้เลยนะครับ"
คิมซอกจิน มึงไปหาเด็กคนนี้มากจากไหนวะ ไม่สิ ตระกูลมินเลี้ยงเด็กคนนี้ให้โตมาในโลกมายานี่ได้ยังไง ที่สำคัญ เด็กที่เลือกที่จะให้คนอื่นก่อน โดยไม่สนใจว่าเขาจะทำร้ายตัวเองไหมแบบนี้อยู่รอดในสายงานแบบนั้นได้ยังไงกัน...
"คุณทำให้ผมประหลาดใจนะครับคุณจองกุก ที่คุณเข้าใจหนะถูกต้องแล้ว ความรักคือยารักษาจิตใจ คุณไม่เหมือนคนทำงานอยู่วงการบันเทิงมาเกือบหกปีเลยนะครับ"
"อ่า... มีแต่คนพูดแบบนี้ ผมชินแล้วครับ ถึงวงการนี้มันจะแย่ แต่มันก็ไม่ได้แย่ไปทุกอย่างหรอกครับ อย่างน้อย... ความจริงใจผมยังสามารถหามันได้จากแฟนคลับที่สนับสนุนผมเสมอแหละ ใครจะเป็นอย่างไรก็เรื่องของเขา ผมเป็นของผมแบบนี้ผมสบายใจกว่า"
"ประหลาดเหมือนไอ้จินมันพูดเลยนะเรา"
"ใครว่าผมประหลาด? พี่จิน?"
เสียงหวานตวัดเสียงอย่างหงุดหงิด ดวงตากลมโตจ้องมองมาที่คุณหมออย่างหงุดหงิด จองกุกเบ้ปากบางอย่างหงุดหงิดแล้วหันกลับไปขัดกระทะต่ออย่างรุนแรงจนซานดึลต้องรีบปรามเกรงว่าถ้าปล่อยไว้เห็นทีซอกจินได้ซื้อกระทะใหม่แน่ ๆ
"ใจเย็น ๆ น่าจองกุก พวกพี่แค่ไม่เคยเจอคนแบบเราก็เท่านั้นเอง เดี๋ยวกระทะทะลุพอดี"
"ทะลุก็ซื้อใหม่สิ พี่เขารวยอยู่แล้วหนิ จะทำอะไรก็ได้ได้ทั้งนั้นแหละ!"
เสียงขัดกระทะของจองกุกดังออกไปนอกห้องครัวจนซอกจินที่นั่งดูทีวีกับหมิงฮ่าวต้องหันหน้ามามองอย่างสงสัย แต่ความสงสัยนั้นไม่ได้มีคำตอบใด ๆ กลับมานอกจากรอยยิ้มเจื่อน ๆ ของซานดึลกับคำพูดที่ไร้เสียงที่จับใจความประมาณว่า 'ขอโทษ เตรียมซื้อกระทะใหม่ด้วยนะมึง'
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย