❥ Whisper, XII
'สิ่งที่ขาดหาย'
"ไอ้จิน!! กูจะทนไม่ไหวแล้วนะ เป็นห่าอะไรของมึง นี่มึงเซ็นต์เอกสารผิดมาสี่รอบแล้วนะตั้งแต่เช้า ไม่ดิ สามวันแล้วที่มึงเป็นแบบนี้ บอกกูทีเป็นอะไร?!"
เสียงโวยวายพร้อมกับเอกสารชุดใหม่ที่ทิ้งลงบนโต๊ะเขาอย่างหงุดหงิดของเคนทำให้เขาเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารที่กำลังอ่านอยู่ตรงหน้ามองเพื่อนที่ยืนมองเขาอย่างหงุดหงิด
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร แต่สาเหตุนั้นก็พอรู้อยู่
"ไม่รู้"
"เอ้า! มึงเป็นอะไรมึงไม่รู้แล้วกูจะรู้ไหมวะ"
"ก็กูไม่รู้ว่ากูเป็นอะไร"
"เอออ เอาเข้าไปเจ้านายกู สัสเซ็นต์แก้ด้วยชุดนี้ กูขอให้เป็นชุดสุดท้ายนะจิน กูยังมีงานอื่นต้องทำ"
"อือ"
มือใหญ่ปิดแฟ้มเอกสารตรงหน้าก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเอกสารที่เพื่อนตัวเองเพิ่งเอามาให้เซ็นต์แก้ไข อาการแบบนี้เขาไม่ได้เป็นมาสามวันหรอก
มันเป็นตั้งแต่เช้าวันนั้นที่จองกุกออกไปจากคอนโดเขา ตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจหรอกว่าสิ่งที่น้องพูดนั้นหมายถึงอะไร แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าคำบอกลาของน้องนั้นคือการบอกลาจากชีวิตเขา...
วันนั้นตั้งแต่จองกุกออกจากคอนโดเขาไปไม่นาน เขาก็จัดการตัวเองเสร็จและดูแลหมิงฮ่าวเรียบร้อยก็ได้กลับมาทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนั้นกับจองกุก...
ถึงน้องจะบอกว่าให้เขาลืมเรื่องราวทั้งหมดไป แต่สุดท้าย... เขาก็ทำไม่ได้เลยตั้งใจจะคุยกับจองกุกอีกครั้งให้รู้เรื่อง เขาปล่อยน้องไปแบบนี้ไม่ได้จริงๆ ถึงเขาจะยังรักจีมินอยู่ก็เถอะ
แต่ยังไงหละ ทักแชทไปน้องไม่แม้กระทั่งเข้ามาอ่าน โทรไปหาก็ไม่รับหนักๆ เข้าก็ปิดเครื่องหนี ตามที่บ้านก็เงียบไม่มีคน ไปหาที่บริษัทก็ไม่เข้า...
เขาไม่รู้จะตามหาจองกุกที่ไหนแล้วจริงๆ ทุกวันนี้เขาก็วนเวียนตามหาในที่เดิมๆ ก็ไม่เจอ ยิ่งจองกุกไม่มีงาน การที่ตามหาตัวนั้นยิ่งยากไปใหญ่ เพราะเจ้าตัวเตรียมทำอัลบั้มใหม่เลยไม่มีตารางงานใดๆ ในช่วงเวลานี้ พอเข้าไปบริษัทก็ไม่เจอ
บางทีก็สงสัย... ทำอัลบั้มใหม่ไม่ทำที่บริษัทแล้วเขาทำที่ไหน เขาต้องตามหาจองกุกทุกสตูดิโอทำเพลงทุกที่ในเกาหลีเลยไหม?
แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจ... จองกุกยังอยู่รอบตัวเขานี่แหละ ใกล้แต่เขากลับไม่เจอ เพราะทุกครั้งที่กลับคอนโด เขาจะเห็นหมิงฮ่าวทำอะไรสักอย่างทิ้งไว้อยู่ อะไรที่ไม่สามารถนั่งทำได้ด้วยคนเดียว และเขาก็มั่นใจว่าอะไรสักอย่างที่หมิงฮ่าวทำอยู่นั้นทำกับจองกุกแน่นอน แต่พอเขาถามหมิงฮ่าว ก็ได้คำตอบสั้นเพียงแค่คำปฏิเสธกลับมาซึ่ง...
เขารู้ว่าหมิงฮ่าวโกหก...
แต่เขาไม่รู้ว่าถึงสาเหตุที่ลูกเขาถึงโกหก จองกุกพูดอะไรไว้ลูกเขากันแน่ หมิงฮ่าวถึงเลือกที่จะโกหกเขา...
"เคน"
"อะไร! ถ้าเซ็นต์ผิดอีกกูไม่ทำให้ใหม่แล้วนะ"
นี่ก็จะหงุดหงิดอะไรขนาดนั้น... แค่สั่งปริ้นเอกสารใหม่มันวุ่นวายอะไรขนาดนั้นเลยเหรอเพื่อน เงินในออฟฟิตก็เงินเขาไหมเล่า!
"ถ้ามึงทำอะไรผิดกับใครสักคนโดยไม่ตั้งใจ มึงจะทำยังไง"
"ไอ้จิน... นี่มึงถามคำถามเด็กสองขวบเหรอ? ทำผิดก็ต้องขอโทษดิวะ จะตั้งใจ ไม่ตั้งใจก็ขอโทษ ทำไมบ้านมึงไม่ได้สอนมาหรือไง"
"ถ้าเขาไม่อยู่ให้ขอโทษหละ"
"ก็ตามหาดิสัส"
"ตามแล้วไม่เจอ"
"เฮ้อ... ไอ้จิน กูจะบอกอะไรให้นะ ทำอะไรผิด ถ้ารู้ตัวว่าผิดแล้วขอโทษมันคือสิ่งที่ถูกต้อง หาตัวไม่เจอ มึงทำสุดความสามารถแล้วเหรอ กูว่าคนแบบมึงไม่มีคำว่าทำไม่ได้หรอกมั้ง"
"ความรักไงที่กูทำไม่สำเร็จ"
"มันเป็นเรื่องของความรู้สึก มึงตัดใจเถอะ มองในสิ่งที่เป็นอยู่ กูไม่อยากจะพูดมากหรอกนะจิน แต่กูกับซานดึลคิดเหมือนกันนะ มึงไม่ได้รักคุณจีมินหรอก มันก็แค่สิ่งหนึ่งที่มึงอยากจะทำให้สำเร็จการชนะใจคุณจีมินหนะ แล้วจนกลายเป็นความผูกพันธ์ บางทีความรักที่มึงเข้าใจอาจจะไม่ใช่สิ่งที่มึงคิดก็ได้นะเพื่อน กลับกันสิ่งที่คิดว่าไม่ใช่มันอาจจะเป็นความรักที่มึงตามหาก็ได้นะ"
สิ่งที่คิดว่าไม่ใช่งั้นเหรอ...
"อืม"
"เออ ทำไรผิดก็ขอโทษซะ กูไม่รู้อะไรหรอก แนะได้เท่านี้แหละ การขอโทษไม่ได้ทำให้มึงเสียอำนาจที่มีหรอกนะไอ้จิน"
ถ้าเขาพยายามจริงๆ ต่อให้กระต่ายจะล่องหนได้... ก็ไม่รอดมือเขาหรอก และในเมื่อพยายามในทางตรงไม่ได้... ไม่ผิดใช่ไหมถ้าเขาจะทำผิดขึ้นอีกนิดเพื่อให้เจอกระต่ายที่กำลังหนีเขาอยู่
จับกระต่ายต้องใจเย็นมันคงจะจริง แต่ไม่พอหรอก มันต้องมีเล่ห์เหลี่ยมบ้าง เพราะกระต่ายตัวนี้ไม่ใช่กระต่ายทั่วไปหนะสิ...
ถ้าจับมาได้ถึงจะไม่ให้อภัยเขา เขาจะไม่ปล่อยไปไหนอีกแล้ว จะจับไว้จนกว่าทำให้เขารู้ได้ว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะอะไร
สาเหตุคือนาย นายต้องหาคำตอบให้พี่เพียงคนเดียวเท่านั้นจองกุก ถึงพี่จะเป็นคนผิดก็ตาม
❥ Whisper
"เคน บ่ายนี้กูมีนัดอะไรไหม?"
เสียงทุ้มโทนอบอุ่นต่อสายไปยังเลขาหน้าห้องเขาเพื่อถามถึงตารางที่เขาต้องจัดการหลังจากเคลียเอกสารกองตรงหน้านี้ให้เสร็จ เคลียงานเสร็จเขาจะได้มีเวลาไปเคลียตัวเองสักที
"ไม่มีนะ"
"อืม งั้นช่วยหาที่อยู่ของสตูดิโอทำเพลงในโซลให้ที ทุกที่ในโซลนะ"
"สตูฯทำเพลง? เอาไปทำอะไรวะ"
"หามาเถอะ กูต้องไปตามหาคน"
"จองกุกเหรอ?"
"รู้ได้ไง"
"กูเพื่อนมึงนะ เรื่องแค่นี้ไม่รู้ก็ไม่ควรเป็นเพื่อนมึงไหม คนในวงการพวกนี้ที่มึงรู้จักก็มีแค่น้องอีกอย่างกูรู้สึกว่าช่วงที่ผ่านมาน้องก็หายหน้าหายตาไป เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูหาให้ แต่มึงต้องจัดการเอกสารบนโต๊ะให้กูด้วยนะครับคุณซีอีโอ เลขาคนนี้จะได้ทำงานอย่างอื่นบ้าง"
"เออ แค่นี้นะ"
นิ้วคดจัดการกดตัดสายทันทีที่คุยธุระจบ ถ้าไม่รีบวางเดี๋ยวพ่อคุณเลขาก็ได้บ่นเขาอีก บางทีอยากจะถามนะ นี่เลขาหรือเจ้านาย บ่นอะไรนักหนา
แต่... มันชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ ระหว่างเขากับจองกุก และการที่จองกุกหายไปจากวงโครจรชีวิตเขาตลอดหลายวันที่ผ่านมา
จองกุกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน... พอรู้ตัวอีกทีเขาก็ไม่ชินกับการที่กลับไปถึงคอนโดแล้วเจอเพียงหมิงฮ่าวนั่งคนอ่านหนังสือเพียงลำพัง ไร้ซึ่งจองกุกที่คอยหันมาทักทายเขา หรือไม่ก็ให้เขาแหย่เล่นแบบนี้
เหมือนอะไรบางอย่างมันขาดหายไป...
"ถ้าหาไม่เจอ... พี่คงต้องหลอกแม้กระทั่งลูกตัวเองแล้วนะจองกุก"
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูก่อนจะปรากฏร่างเลขาคนเดิมที่วันนี้เข้าออกห้องเขาหลายรอบจนขี้เกียจจะนับแล้วเดินมาพร้อมแฟ้มเอกสารชุดนึงในมือ เดินตรงมาหาเขาพร้อมกับยืนให้ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
"เอา มันไม่ทุกทีหรอก แต่กูคัดให้แล้วว่ามีสตูฯไหนบ้างที่จองกุกน่าจะไปอยู่โดยหาจากเช่าใช้ของต้นสังกัดจองกุก... ไอ้จิน แต่กูว่านะ จองกุกไม่อยู่ที่พวกนี้หรอก ถ้าจองกุกทำเพลงน้องก็ทำที่บริษัทนั่นแหละ พี่ชายน้องเป็นโปรดิวเซอร์มีห้องทำเพลงส่วนตัว ไม่ธรรมดาหรอกนะมินยุนกิหนะ อีกอย่างจากที่กูค้นดู รายชื่อที่เช่าสตูฯนอกใช้ทำเพลงอะมีแต่ศิลปินหน้าใหม่ทั้งนั้น ระดับจองกุก ไม่อยู่บ้านก็บริษัท มึงไปหาหรือยัง"
"ถ้าบ้านกับบริษัทมีกูจะให้มึงหาข้อมูลพวกนี้เหรอ? แต่ขอบใจมากนะ"
"มึงไม่คิดจะเล่าให้กูฟังใช่ไหม"
คำถามจากเคนทำให้เขาที่กำลังเปิดดูที่อยู่สตูฯทำเพลงต่างๆ ที่เพื่อนหามาให้อยู่ชะงัก... ไม่ใช่ชะงักกับคำถาม แต่สิ่งที่เขาชะงักคงเป็นน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความน้อยใจของเพื่อน
"ขอโทษนะ... ขอกูจัดการกับตัวปัญหาของกูก่อน แล้วจะเล่าให้ฟัง เรื่องนี้กูเป็นคนผิด เข้าใจกูไหมเคน"
"อืม อย่าลืมละกันว่ามึงไม่ได้อยู่คนเดียวนะจิน มึงยังมีกู ยังมีไอ้ดึล ทุกคนเป็นห่วงมึง ทั้งเรื่องนี้แล้วเรื่องคดีพี่ชายมึง"
"อืม ขอบใจนะ"
อย่างที่เคนพูด... เขาไม่ได้อยู่คนเดียว เขายังมีเพื่อนที่คอยเป็นห่วงและช่วยเหลืออีกตั้งสองคน แต่ปัญหามันเกิดจากตัวเขา ทุกอย่างมันต้องแก้ด้วยตัวของเขาเองโดยเฉพาะเรื่องจองกุก เพราะความไม่มีสติมันเลยทำให้เขาทำร้ายคนที่หวังดีกับเขาแบบนั้น
เพราะเขาเป็นคนสาดสีใส่ผ้าสะอาดแบบจองกุก... และเขาต้องเป็นคนที่ต้องชำระผ้าผืนนี้ด้วยตัวเขาเอง
ห้องสี่เหลี่ยมขนาดกลางที่ถูกติดกระจกบานใหญ่ทั้งสามด้านของห้องนี้ พร้อมด้วยเสียงดนตรีที่ดังเป็นจังหวะอย่างเชื่องช้าแต่กลับหนักแน่น กับชายหนุ่มที่กำลังขยับสัดส่วนพริ้วไหวไปตามเสียงดนตรีเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวนในสายตาคนนอก ถ้าเดินผ่านมาเจอเขาคนนี้กำลังเต้น
เนื้อเพลงกับดนตรีที่แสนเศร้าไม่ได้ทำให้โชว์นี้น่าหดหู่แม้แต่น้อย กลับกันมันเข้ากับการเต้นแบบโมเดลแดนซ์เป็นอย่างดี ทำให้เวทีนี้ร้อนแรงด้วยฟิลลิ่งที่เปร่งมาจากน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และท่าทางลายเต้นอันพริ้วไหวของมินจองกุก
วันนี้เป็นวันแรกหลังจากจองกุกได้เข้าบริษัทมาเรียนท่าเต้นในเพลงโปรโมทสำหรับคัมแบคครั้งนี้ เนื้อหาเพลงโปรโมทครั้งนี้กล่าวถึงชายคนหนึ่งที่เลิกลากับคนรักไปแล้ว แต่ไม่สามารถลืมอีกคนได้ บวกกับท่าเต้นที่ต้องถ่ายถอดอารมณ์ออกมาอย่างเจ็บปวด ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจพี่ชายตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงแต่งเพลงเนื้ออะไรแบบนี้มาให้เขาร้อง
เหมือนรู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไง...
อัลบัมนี้เขาอยากจะขอโทษแฟนคลับเหมือนกันนะ เพราะมันมีแต่เพลงเศร้า แม้กระทั่งเพลงที่เขาลองแต่งเองก็ยังออกมาค่อนข้างเศร้า
ถึงจะพูดว่าบอกให้ลืมยังไง สุดท้ายตัวเขาเองก็ลืมไม่ได้อยู่ดี ไม่งั้นวันนี้เขาไม่เข้ามาซ้อมไวแบบนี้หรอก เพราะเขาไม่อยากอยู่ว่างๆ หรือเข้าไปหาดูหมิงฮ่าวไวกว่าปกติ
เพราะเขากลัว... กลัวจะเจอใครคนนั้น
เปลือกตาสีอ่อนค่อยๆ ปิดลงอีกครั้งพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเรียกสมาธิของตัวเองให้กลับมา ก่อนจะปล่อยอารมณ์ออกมาพร้อมกับการเต้นพร้อมเสียงร้อง
ในขณะที่จองกุกตั้งใจเต้นอยู่นั้น เจ้าตัวไม่ได้รู้สึกถึงสายตาอีกคู่ที่จับจ้องมองตัวเองตั้งแต่เริ่มเพลงรอบที่เท่าไหร่ก็นับไม่ได้ ชายหนุ่มสูงโปร่งกำลังยืนพิงประตูห้องซ้อมกอดอกมองจองกุกที่เต้นไปตามเสียงเพลงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
คิมยูคยอมไม่รู้หรอกว่าเพื่อนสนิทตัวเล็กนี้เจอเรื่องอะไรมาในระหว่างที่เขาไปทัวร์คอนเสริต แต่พอเขากลับมาก็เห็นเพียงแค่ข่าวลือของเพื่อนที่สร้างความแปลกใจให้กับเขา เขารู้จักจองกุกมานานพอๆ กับการที่เขาเข้ามาเป็นเด็กเทรนของที่นี่จนกระทั่งตอนนี้เดบิวเป็นนักร้องดูโอ้แล้ว จองกุกไม่ใช่คนที่จะปล่อยตัวเองให้มีเรื่องเสียหายแบบนี้ง่ายๆ
ยิ่งเมื่อวานที่เขาเห็นจองกุกครั้งแรกในรอบหลายเดือนยิ่งทำให้เขาสงสัย... เพื่อนรักคนนี้เจออะไรมาในระหว่างที่เขาไม่อยู่กันแน่ ไหนตอนนี้อีกเพลงที่ว่าเศร้าแล้ว ยิ่งคนที่ถ่ายถอดคำร้องและท่าเต้นเป็นจองกุกแล้วนั้น มันโคตรเศร้าจนเขาอยากจะล็อคคอมาถามให้รู้แล้วรู้รอด
มันเศร้าเหมือนคนนั้นกำลังเผชิญสิ่งนั้นอยู่เอง
หรือข่าวลือพวกนั้นจะเป็นเรื่องจริงกันแน่...
เสียงดนตรีที่กำลังดำเนินไปจนถึงช่วงท่อนท้ายเพลงนั้นถูกตัดหายโดยฝีมือบุคคลที่สองที่อยู่ห้องนี้โดยที่เจ้าของห้องไม่ได้สังเกตุสักนิด จองกุกที่กำลังเต้นอยู่นั้นหยุดชะงักทันทีพร้อมหันกลับมามองที่เครื่องเล่นเพลงก่อนจะพบเพื่อนสนิทยืนกอดอกมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
คิมยูคยอมเพื่อนสนิทที่สุดของเขา
"มึงเป็นอะไรเจเค"
"เป็นเพื่อนมึงไงยูคยอม"
จองกุกเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาซับเหงือด้วยท่าทางปกติ ไม่สนใจน้ำเสียงกดดันของเจ้าเพื่อนตัวสูงแม้แต่น้อย ไม่ใช่เขาไม่รู้ว่ายูคยอมต้องการคำตอบอะไรจากเขา
แต่เขาต้องการเวลาจัดการความรู้สึกตัวเองด้วยตัวของเขาเองมากกว่า
และเขารู้ว่าเพื่อนคนนี้เป็นห่วงเขา
"จองกุก..."
"เรียกทำไม?"
"มีอะไร ระบายกับกูได้นะ ไม่โอเคมากๆ ที่มึงเป็นแบบนี้"
"อืม แค่มีอะไรให้คิดก็แค่นั้น"
เขาทิ้งตัวลงนั่งพิงกระจกในห้องซ้อมอย่างเหนื่อยล้า ก่อนที่ยูคยอมจะเดินถือขวดน้ำมาให้และทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ เขาด้วยท่าทางเดียวกัน
"แล้วแต่ละกัน ว่าแต่เรื่องมึงกับคุณจินนี่มึงไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือไง ข่าวไม่มีท่าทีจะซาลงเลยนะจองกุก"
"กูทำอะไรได้เหรอ คยอมมึงน่าจะรู้ยิ่งมึงดิ้นกับข่าวมากเท่าไหร่ พวกนักข่าวก็เอาไปตีความในสิ่งที่ขายได้อยู่ดี ไม่มีใครสนใจความจริงหรอกว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง กูไม่สนใจหรอกข่าวพวกนั้นเรื่องมันเป็นยังไงกูรู้ตัวเองอยู่ เอาเวลามาเตรียมตัวคัมแบคยังดีกว่า แฟนๆ ที่รอกูคัมแบคจะได้ภูมิใจ"
"มึงเตรียมคัมแบคดีเหมือนกับเพลงโปรโมทมึงแต่งมาจากเรื่องมึงไรงี้เลย มึงรู้ตัวไหม มึงถ่ายทอดออกมาทั้งน้ำเสียงการเต้นได้แบบเศร้าชิบหาย"
"งั้นเหรอ"
คงงั้น... เหมือนเพลงโปรโมทครั้งแต่แต่งมาเพื่อเขาจริงๆ แหละ ถึงจะไม่ใช่คนที่เขารัก แต่ความรู้สึกเขาไม่ต่างกับเพลงเท่าไหร่นักหรอก เขาตอนนี้เหมือนคนเมาที่ไม่สามารถหลุดออกมาจากเรื่องคืนนั้นได้จริงๆ...
"จองกุก กูถามจริงๆนะ ทำไมช่วงที่กูติดทัวร์คอนฯ มึงถึงไปไหนมาไหนกับคุณจินบ่อยจนเป็นข่าวได้"
น้ำเสียงจริงจังที่เอ่ยถามเขาด้วยความสงสัยและเป็นห่วงของยูคยอมทำให้เขาต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ... ปิดมันไปสุดท้ายไอ้เพื่อนคนนี้ก็ตามตื้อจนเขาต้องตอบอยู่ดีนั่นแหละ
"ช่วยเขาดูแลลูกบุญธรรม"
"นี่เพื่อนกูเปิดเนอสเซอรี่เหรอ"
"พ่องมึงดิ"
"ด่ากูอีก ก็กูถามตามจริงอะ เขาจ้างมึงเป็นพรีเซนเตอร์แบรน์ดสินค้าเขาไม่ใช่เหรอวะ ทำไมมึงต้องไปช่วยเขาดูแลลูก พรีเซนเตอร์นะไม่ใช่ทำได้ทุกอย่าง"
"กู... แค่สงสารเด็ก"
"สงสารเด็กหรือสงสารพ่อเด็ก จองกุกกูว่ามึงถามตัวเองใหม่ดีกว่าไหม ที่มึงเป็นแบบนี้เพราะอะไร แล้วที่มึงทำอยู่นี้เพราะเด็กจริงๆ หรือเพราะพ่อเด็กกันแน่ กูเป็นเพื่อนมึงนะจองกุก แล้วกูก็รู้ว่ามึงไม่ได้โง่จนคิดไม่ออกว่าที่ทำไปจริงๆ เพราะอะไร ความจริงมันอาจจะไม่สวยงาม แต่การที่มึงยอมรับความจริงมันอาจจะเป็นทางออกที่ทำให้เพื่อนกูกลับมาร่าเริงอีกครั้งก็ได้นะ"
"..."
"คิดดี กูไปล่ะ เดี๋ยวพี่เมเนกับไอ้แบมตามหา ไม่ได้บอกว่าจะมาดูมึง ส่วนมึงคิดให้ดี ก่อนที่อะไรๆมันจะวุ่นวายไปมากกว่านี้ ถ้าพี่ยุนกิรู้เรื่อง มึงก็น่าจะรู้นะว่าพี่เขาจะทำยังไง"
เขาเงียบไม่ตอบอะไรอีกคนจนกระทั่งยูคยอมออกไปจากห้องซ้อมเหลือเพียงแค่เขาที่ยังจมอยู่กับคำพูดของเพื่อนสนิทเพียงลำพัง
มันจริงที่ยูคยอมพูดกับเขา ความจริงมันไม่สวยงาม แต่ความจริงนั้นมันไม่ได้ทำให้เขากลับมาเป็นจองกุกคนเดิมได้หรอกเพื่อน...
ความจริงนั้นมันยิ่งทำให้เขายิ่งเจ็บปวดมากกว่าเดิมต่างหาก ทางออกที่ดีสำหรับเขาตอนนี้คือเลิกคิดและลืมมันให้ได้ สิ่งนี้ต่างหากที่จะทำให้เขากลับมาเป็นจองกุกที่เข้มแข็งเหมือนเคย
ความจริงที่เพื่อนเขาบอกให้เขายอมรับมันคือความจริงที่เขานั้น...
รักผู้ชายโง่ๆ คนนั้นไปแล้วนั้นแหละ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
เเต่ชอบคำว่า ไม่ธรรมดาหรอกนะมินยุนกิ อะชอบๆๆๆไม่รุ้ทำไมชอบเฉยๆ5555
จินหากุกเจอสะทีเถอะะะ
มาาต่ออเร็วๆน่าาาา