ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    RUNECHEER

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 007 โจรสลัดแห่งออร์ริคัส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 103
      1
      6 ส.ค. 48

    ตอนที่ 007 โจรสลัดแห่งออร์ริคัส



    เวลา 14.00 น. ชายฝั่งบราบิแกน



        สายลมที่พัดเข้ามาจากทะเลสู่ชายฝั่งเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ  เรือประมงหลายลำเริ่มจะกลับมาที่ฝั่งก่อนเวลาอันควร เพราะคิดว่าอาจเกิดพายุได้   ทันใดนั้นเรือลำหนึ่งซึ่งอยู่กลางทะเลค่อยๆแล่นมาด้วยความเงียบโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว

    “เร่งฝีพายเข้าไอ้พวกขี้เกียจสันหลังยาว!! กางใบเรือให้เต็มที่ ระวังหินโสโครกด้วย”เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ร่างกายสูงใหญ่ราว 180 หน้าตาคมเข้มไว้หนวด หน้าตาราวๆมหาโจรประมาณนั้น  

    “วันนี้เราจะต้องชิงรูนเชียร์มาให้ได้  และจับเจ้าหญิงแห่งโอเวอร์ฮิวพร้อมกับผู้เกี่ยวข้องมาให้หมด นี่คือคำสั่งจากท่านดราโนม่า”ชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนมหาโจรพูดขึ้น

    “กัปตันเสวนครับใกล้ถึงชายฝั่งแล้ว เอาไงต่อครับ”ลูกเรือคนหนึ่งตะโกนบอกเสวนซึ่งเป็นกัปตันที่หน้าตาราวกับมหาโจร

    “ก็เทียบท่าสิฟระ!! ไอ้สมองปลาซิว”เสวนตะโกนด่าเป็นคำไม่สุภาพใส่ลูกเรือคนนั้น



    แล้วเรือก็เทียบท่าที่ชายฝั่งในเวลาไม่นานนัก



    “เราจะเริ่มแผนการอันชั่วร้าย ในตอนเที่ยงคืนนี้เข้าใจมั้ย!!”เสวนตะโกนขึ้นอีกครั้ง  

    “อะ..เอ่อท่านเสวนครับ คือท่านดราโนม่าบอกว่าให้ใช้สิ่งนี้จับมันมัดเอาไว้”ลูกเรือคนหนึ่งยื่นบางสิ่งที่เหมือนเชือกแต่สีของมันกับดูมืดทึมๆ

    “อย่างงั้นนะรึ...อืมตกลง”เสวนพูดขึ้นเป็นการยอมรับ

    “ท่านดราโนม่าบอกว่ามันใช้ป้องกันเวทย์มนต์ได้และไม่มีอะไรที่จะแก้มันได้ ถึงเอาดาบที่แหลมคมที่สุดในทวีปฟรีคร์ม่ามาตัดก็ไม่มีวันขาด” ลูกเรือคนนั้นกล่าวต่อไป

    “อืม....ใครสั่งให้แกพูดขึ้นอีกห๊า!!”เสวนยังตะคอกใส่ลูกเรือคนนั้นต่อ



    ..........................



    รีเซ่ที่ตอนนี้นั่งอยู่บนหลังคาบ้านของเขา ซึ่งมันก็คือที่สิงสถิตของเขาอยู่แล้ว สังเกตุว่าท้องฟ้าเริ่มแปลกๆ

    “แปลกแฮะ...ทำไมวันนี้ดูทึมๆ”รีเซ่เอ่ยขึ้น เพราะเขาสังเกตุว่าท้องฟ้าเริ่มที่จะมืดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที้ปรกติตอนนี้ยังสว่างอยู่

    “สงสัยจะมีพายุ”เขาพูดต่อแล้วก็กลับเข้าไปในบ้าน (ผ่านทางหน้าต่างนะครับ)

    “แม่คร้าบ~ สงสัยวันนี้จะมีพายุอ่ะครับ”รีเซ่พูดกับแม่ของเขา

    “หรอจ๊ะ”แม่ของเขาพูดแบบไม่ใส่ใจนัก



    เขาเห็นท่าทีที่ไม่ใส่ใจของแม่ของเขา ทำให้รีเซ่คิดในใจ น่าจะเอะใจมั่งน้า แต่เขาก็ไม่พูดออกไป แล้วเขาก็กลับไปที่ห้องของเขา



    “มันต้องมีอะไรผิดปรกติแน่ๆเลย เพราะนี่ไม่ใช่น่าฝนซะด้วย อืม....”เขาก็ยังครุ่นคิดต่อไปจนถึงเวลาอาหารเย็น



    ............



    แองจี้กับรีซ่าที่กำลังอยู่ข้างนอก และกำลังเก็บผ้าที่ตากไว้อยู่นั้น ก็สังเกตุเห็นเช่นกันว่าท้องฟ้าเรื่อมจะอึมครึม ทั้งสองสาวจึงรีบกลับเข้าไปในบ้าน

    “พี่แองจี้ว่ามันแปลกๆไหมค่ะ”รีซ่าเอ่ยขึ้นกับแองจี้

    “นั่นน่ะสิ”เธอตอบ

    ภายในเมืองผู้คนเริ่มที่จะเก็บร้านค้า ผู้คนที่เคยพลุ่งผล่ามเหมือนกระแสน้ำ เริ่มที่จะหายไปหมด ทำให้ตอนนี้เริ่มจะเหมือนกับเมืองร้างที่ไร้ผู้คน และฝนก็เริ่มตกปอยๆ



    อลิเซียเริ่มที่จะสังเกตุแล้วเช่นกันว่าฝนเริ่มตก แต่เธอก็ไม่ใส่ใจนัก และทำอาหารเย็นต่อไป  

    “รีซ่าจ๊ะไปอาบน้ำได้แล้ว และก็เตรียมกินข้าวด้วย”อลิเซียบอกกับลูกของเธอ

    “ค่า”เสียงของรีซ่าตอบกลับออกมาจากห้องของเธอ

    “ป่ะ!! พี่แองจี้ไปอาบน้ำกัน”เธอพูดกับแองจี้แล้วลากเธอไปโดยที่เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร







    .....................





    พอช่วงหกโมงทุกคนก็มากันครบที่โต๊ะอาหาร อาหารที่อลิเซียเตรียมให้นั้นมีแต่ที่ดูน่ารับปทานทุกๆอย่าง

    “เอาล่ะกินซะนะจ๊ะ ไม่ต้องกลัวหมดมีอีกเยอะ”อลิเซียเริ่มชักชวนให้ลิ่มลองอาหารฝีมือของเธอ

    “เอ่อคุณอาค่ะ คือว่าหนูมีเรื่องนึงที่จะต้องบอกค่ะ” แองจี้เริ่มที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวกับตัวเธอและเรื่องภารกิจที่เธอได้รับมอบหมายมา



    .................



    “อืมเธอบอกว่าเธอเป็นเจ้าหญิงหรอจ๊ะ  แล้วเธอมาตามหาผู้ถูกเลือกมันฟังเหมือนเป็นนิทานเลยนะ”อลิเซียพูดขึ้นเป็นเชืองไม่เชื่อในสิ่งที่แองจี้พูด

    “จริงๆ นะคะ”แองจี้แย้งขึ้น และรีเซ่กับรีซ่าก็พยักหน้าช่วยเป็นฝ่ายสนับสนุนเต็มที่

    “ใช่ครับแม่”รีเซ่ช่วยเสริมให้อีกแรง

    “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงแล้วใครคือผู้ถูกเลือกล่ะจ๊ะ” อลิเซียเริ่มถาม

    แองจี้หันไปมองรีเซ่เป็นเชิงปรึกษา และเขาก็พยักหน้าเป็นเชิงตอบคำปรึกษานั้น

    เธอลังเลนิหน่อยก่อนจะตอบไป

    “รีเซ่ค่ะ”เธอบอก อลิเซียถึงกับอึ้ง

    “เพราะว่า รูนเชียร์เลือกเขาแล้วเขาเป็นคนที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างของรูนเชียร์เป็นดาบเซเวนท์พาราไดซ์ได้” เธอยังพูดต่ออีกว่า

    “เพราะฉะนั้น ขอร้องล่ะค่ะให้รีเซ่ได้ออกไปช่วยโลกด้วยเถอะค่ะ”เธอพูดเป็นเชิงขอร้องอย่างสุดซึ้ง

    “อืม.....ถ้าจะให้รีเซ่ออกไปช่วยโลกล่ะก็ อืม…”การตัดสินใจของอลิเซียนั้นทำให้ทุกคนต่างลุ้นกันยกใหญ่ เหมือนกับตอนที่มีฟุตบอลโลกรอบชิงแชมท์

    “ได้จ๊ะ” เธอพูดเป็นการตัดสินใจ

    ทำให้แองจี้ดีใจมากกับสิ่งที่อลิเซียพูด

    “เดี่ยวก่อน!! แล้วหนูล่ะ พี่แองจี้จะทิ้งกันอย่างงี้ได้ไงค่ะ ต้องเอาหนูไปด้วยสิ”รีซ่าซึ่งไม่พอใจแย้งขึ้น

    “อ่ะ...เอ่อ”อลิเซียร์เหมือนจะแย้งกับการตัดสินใจนั้น แต่เมื่อเห็นสายตาของรีซ่าที่ใองยังเธอ

    “จ่ะ...ก็ได้จ่ะ”อลิเซียพูดพร้อมกับถอนใจ

    “แล้ว...ช่วงที่พวกผมไม่อยู่แม่จะทำไงอ่ะครับ”รีเซ่ถาม

    “แม่ก็จะให้น้ามาเรียมาช่วยไปก่อนก็แล้วกัน”เธอตอบ

    “แล้วเราจะไปที่ไหนล่ะ การตามหาแท่งรูนเชียร์เนี่ยมันต้องเริ่มจากที่ไหนหรอ”รีเซ่หันไปถามแองจี้

    “อืม...งั้นก็เริ่มจากที่ชั้นจากมาก็แล้วกัน”แองจี้ตอบ



    .........................



    ในคืนนั้นอลิเซียก็ได้จัดเตรียมกระเป๋าเดินทางให้พวกเขาทั้ง 3 คน  และทุกคนก็รีบเข้านอนแต่หัวค่ำ แต่แองจี้ยังไม่นอน เธอกำลังคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับยิ้มให้ตัวเอง “พ่อค่ะหนูกำลังจะกลับไปหานะค่ะ” เธอพูดกับตัวเอง



    แกร่ก แกร่ก



    ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่อยู่ในความมืด



    “นะ..นั่นใครน่ะ”เธอพูดกับสิ่งที่อยู่ในความมืด

    “ฝันร้ายไงจ๊ะ.....เจ้าหญิง”เสียงของชายคนหนึ่งพูดขึ้น





    กรี๊ด!!





    เสียงกรีดร้องของแองจี้นั้นปลุกรีเซ่ขึ้นจากการนอนของเขา  

    “แองจี้”เด็กหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับวิ่งคว้าดาบเซเวนท์พาราไดซ้ของเขาและวิ่งออกจากห้องไป เขาวิ่งมาถึงห้องของรีซ่าและผลักประตูเข้าไป



    “แองจี้!! รีซ่า!!”เขาตะโกนเรียกชื่อของเด็กสาวทั้งสองเด็กสาว แต่เขากลับไม่พบใครเลยนอกจากเตียงนอนที่ว่างเปล่า  บนพื้นมีกระดาษแผ่นหนึ่งตกอยู่  มีใจความว่า



    -ถ้าอยากได้ตัวเจ้าหญิงกับน้องสาวของแกคืน

    จงส่งรูนเชียร์มาภายในเวลา 0.10 น. ที่ท่าเรือหมายเลข 13



    เสวน แห่งคาบสมุทรออร์ริคัส -



    “หน่อย!! รอก่อนนะแองจี้รีซ่า” แล้วเขาก็กระโดดออกมาจากหน้าต่างและออกวิ่งฝ่าฝนที่กระหน่ำลงมา

    ....................



    เด็กหนุ่มวิ่งผ่านบ้านเรือนมากมายที่ตั้งลายร้อมเขาอยู่  เขาวิ่งไปเรื่อยจนถึงจุดที่เป็นท่าเรือ  ฝนยังกระหน่ำลงมาเหมือนกับไม่เคยตกมาก่อน เกิดฟ้าผ่าไปทั่วท้องฟ้าแต่ก็ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มหยุดวิ่ง เขาวิ่งผ่านท่าเรือ หมายเลข 1  

    เลี้ยวที่หัวมุมขวา  ผ่านท่าเรือหมายเลข 5 เขาวิ่งต่อไปเรื่อยๆ จนถึงท่าเรือหมายเลข 13 ที่นั่นเขาพบกับเรือหนึ่งที่ใหญ่โตสีดำอึมครึม มีธงรูปหัวกะโหลกไขว้สีดำปลิวไสว  เด็กหนุ่มหยุดวิ่งและมองขึ้นไปบนเรือ



    “ปล่อยชั้นนะ!!”รีซ่าตะโกนบอกให้ลูกเรือปล่อยเธอ แต่เธอก็รู้ตัวดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้

    “พวกนายจับชั้นมาทำไม”แองจี้ถามชายที่อยู่ภายใต้หมวกใบใหญ่สีน้ำตาล

    “แหม...แม่หนูนี่น่ะหรอเจ้าหญิงแห่งโอเวอร์ฮิว น่าตาน่ารักดีนะ น่าเสียดายจัง”ชายคนนั้นพูดพร้อมกับจับที่คางของแองจี้ เธอสบัดมือของชายคนนั้นออก

    “หึหึ....เดี่ยวเขาก็คงมา”ชายคนนั้นพูด

    “อึก..เชือกนี้น่ะชั้นจะเผามันให้ขาดไปเลยคอยดู”รีซ่าพูดท้าทายแล้วเธอก็ร่ายเวทย์

    “ไฟร์เยอร์เรซ”ทันใดนั้นเปลวไฟก็ลุกขึ้นใส่เชือกที่มัดพวกเธอไว้กับเสากระโดงเรือ แต่มันก็หายไปในทันที

    “ทะ..ทำไมกัน”เด็กสาวเอ่ยด้วยความตกใจกับสิ่งที่เธอทำ

    “เชือกนี่เป็นเชือกพิเศษไม่อะไรจะเอามันออกได้หรอก ต่อให้เอาดาบที่คมกริชที่สุดจากฟรีคร์ม่าก็ตัดมันไม่ขาด หึหึ และมันยังป้องกันเวทย์มนต์ได้ด้วยนะแม่หนู”เขาพูด

    “นายเป็นใคร”แองจี้ถามอีกครั้ง

    “เสวน ครอกเครต แห่งคาบสมุทรออร์ริคัส”เขาตอบเรียบๆ



    เปรี้ยง!!



    เสียงฟ้าผ่าที่ดังมาจากทางทะเล ทำให้เด็กสาวทั้งเกิดกลัวขึ้นมาเล็ก  แต่แสงฟ้าผ่าก็ส่องให้เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ทางกาบขวาของเรือ  ฟนที่สาดซัดนั้นทำให้ผมปรกมาที่หน้าของเขาทำให้ไม่เนสายตา ของเด็กหนุ่มคนนั้น

    “อ๊ะ...รีเซ่”แองจี้เหลือบไปเห็นเขา

    “แกจับเพื่อนกับน้องสาวชั้นไป”รีเซ่ที่ตอนนี้ปกปิดสายตาของตัวเอง เอามือปาดน้ำฝนที่ไหล่อาบหน้าของเขาและตั้งดาบเซเวนท์พาราไดซ์ขึ้นเพื่อเตรียมรบกับลูกเรือจำนวนมากที่ถืออาวุธครบมือ

    “โฮ่..มาจนได้นะ ....ผู้ถูกเลือก”เสวนออกพูดขึ้นกับรีเซ่

    “ปล่อยพวกเขาซะ”รีเซ่พูดขึนพร้อมกับทำหน้าน่ากลัวใส่

    “ก็ลองมาช่วยดูสิผู้ถูกเลือก ฆ่ามัน!!”เสวนพูดขึ้นแล้วออกคำสั่งลูกเรือของเขา



    ลูกเรือทั้งหมดบนเรือก็วิ่งมารุมรีเซ่โดยมีอาวุธครบมือ รีเซ่จับดาบไว้มั่นเขาตวัดมันไปมาทำให้อาวุธที่ลูกเรือถือมาแตกกระจายหมด  และเขาพลิกดาบให้เป็นแนวตรงกับตัวตั้งท่าเตรียมรับการโจมตีแต่ไม่ใครกล้าบุกเข้ามาลูกเรือค่อยๆ วิ่งหนีออกห่างจากเขาเรื่อยๆ





    “เชอะ!! ไอ้พวกเลี้ยงเปลืองข้าวสุก ให้ชั้นออกโรงเองทุกที”พร้อมกับหยิบดาบที่เหมือนกับดาบในเรื่องอลาดินกับตะเกียงวิเศษอย่างใดอย่างนั้น รูปร่างของมันโค้งงอ มีดาบจับที่ไม่ยาวนัก

    “นี่คือดาบจ้าวพายุ (Sword of storm) สามารถควาบคุมพายุได้ ฝนที่สาดกระหน่ำใส่นายในตอนนี้ก็คือผลของดาบที่ชั้นได้รับจากท่านดราโนม่า” เสวนอธิบาย

    “ดราโนม่างั้นรึ”รีเซ่ทวนคำ

    “เตรียมตัวลงนรกได้เลย ผู้ถูกเลือก” เสวนพูดแล้วก็ตวัดดาบออกไปเกิดกระแสลมมหาสารพัดร่างของรีเซ่กระเด็นไปจนสุดหัวเรือเขาคว้าราวที่ใช้กั้นไว้ได้ทันก่อนที่จะตกลงไปข้างล่าง ซึ่งเป็นทะเลลึก



    เด็กหนุ่มล้มลงกับพื้นด้วยความจุกที่ถูกลมมหาสารพัดใส่แต่เขาก็ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ด้วยความเจ็บปวด รีเซ่ตั้งท่าอีกครั้งแล้ววิ่งเข้าใส่เสวนี่ยืนอยู่เฉย  เขาง้างดาบขึ้นเตรียมตัวที่จะฟัน แต่เสวนตวัดดาบด้วยความเร็วทำให้ เกิดกระแสลมที่รุนแรงอีกครั้งพัดร่างของรีเซ่ลอยสูง ขึ้นไปจนถึงใบเรือ เด็กหนุ่มรีบไปคว้าเชือกที่ใช้ผูกใบเรือไว้ แต่ไม่ทันร่างของเขากำลังด่างลงสู่พื้นเบื้องล่าง

    “รีเซ่!!”แองจี้ร้องขึ้น ส่วนรีซ่าหลับตาเพื่อที่จะไม่ให้เห็นภาพที่กำลังจะเกิดขึ้น





    …….ที่นี่ที่ไหนกันเนี่ย



    ภาพที่รีเซ่เห็นคือพื้นที่ว่างเปล่าสีขาว  มีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่เธอมองมาที่เขา เธอเป็นหญิงสาวผมยาวสีทองอร่าม ผิวขาวนวญของเธอทำให้สดุดตาเป็นยิ่งนัก



    “เธอเป็นใคร”รีเซ่ถามหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขา

    “ชั้นคือ นิวม่า ชั้นถูกส่งมาช่วยเธอก่อนที่เธอจะตาย ในตอนนี้เวลาที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบันกำลังเคลื่อนที่ช้าลง ชั้นแค่มาช่วยให้เธอได้มีชีวิตยาวนานขึ้นเท่านั้น”นิวม่าตอบ

    “หมายความว่าผมกำลังจะตายอย่างนั้นนะหรือ”รีเซ่ถามขึ้น

    “ใช่ในตอนนี้ชั้นแค่ถิดจิตใต้สำนึกของเธออกมาและทำให้เวลาช้าลง  เพราะฉะนั้น เธอจะยังไม่ตาย และชั้นจะบอกทางเลือกสุดท้ายของเธอในตอนนี้” นิวม่าพูดต่อ

    “เธอจงเชื่อในดาบและฟาดฟันมันออกไป”เธอพูดเป็นคำสุดท้ายด้วยสายตามุ่งมั่น



    และภาพสุดท้ายที่รีเซ่เห็นคือเขาค่อยๆ กลับสู่โลกปัจจุบันสถานที่สีขาวสะอาดตาค่อยๆหายไปและเปลี่ยนเป็นพื้นกระดานของเรือที่ใกล้เข้ามาทุกที



    ....เชื่อในดาบแล้วฟันออกไป...



    และทันใดนั้น ดาบเซเวนท์พาราไดซ์ก็เรืองแสงขึ้น  รีเซ่กำมันไว้แน่นแล้วฟันออกไปด้วยความแรงเกิดกระแสลมมากพอที่จะพัดเขาขึ้นลอยไปจนไปถึงเสากระโดงเรือเด็กหนุ่มเกาะมันไว้แน่นแล้วรูดตัวลงมาจนถึงพื้น



    “ตาชั้นมั้งล่ะ”รีเซ่พูดขึ้นแล้วฟันดาบออกไป เกิดกระแสลมพัดใส่เสวนเขาเอาดาบกันไว้

    “ไม่เท่าไหร่ว่ะไอ้...”ก่อนที่เขาจะพูดจบรีเซ่ก็เอาสันดาบฟาดที่หัวของเขาจนกระเด็นไปติดกับเสากระโดงเรืออีกต้นหนึ่ง ดาบจ้าวพายุหลุดออกจากมือของเขามันกระเด็นไปปักอยู่ข้างหน้าของรีเซ่ เขาง้างดาบเซเวนท์พาราไดซ์ขึ้น แล้วฟันไปที่ดาบเล่มนั้นจนมันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  

    “กะ..แก”

    “ชั้นชนะนายแล้ว  นายและพวกของนายจงกลับไปซะและอย่ามาที่นี่อีกเป็นครั้งที่ 2”รีเซ่พูดขึ้นเรียบๆพร้อมกับมองไปที่เสวนที่กำลังนั่งติดกับเสากระโดงเรือ

    เขาเดินไปหาแองจี้และรีซ่าที่โดนมัดไว้อยู่และเตรียมที่จะตัดเชือกออก

    “เชอะ!! ต่อให้เอาดาบที่แหลมคมจากทวีปฟรีคร์ม่ามาตัดเชือกที่ท่านดราโนม่าให้มา นี่ก็ไม่ขาดหรอก”เสวนพูดเป็นเชิงท่าทาย



    ฉึก!!



    รีเซ่สับลงไปที่เชือกที่มัดเด็กสาวทั้งสอง มันขาดออกในทันที



    “ไม่จริง!! มันเป็นไปได้ยังไง” เสวนถึงกับอึ้ง

    “ฝากไปบอกดราโนม่าด้วยว่า ดาบที่ใช้ตัดเชือกนี่น่ะมันไม่ได้อยู่ที่ทวีปฟรีคร์ม่า”เด็กหนุ่มพูดเป็นคำสุดท้ายแล้วก็พาแองจี้และรีซ่ากลับบ้านของเขา



    …………….



    ตะวันกำลังฉายแสงอยู่บนท้องฟ้าที่สดใสหลังวันฝนตก ปลุกให้เด็กหนุ่มลุกออกจากเตียง รีเซ่มองไปที่นาฬิกา

    ตอนนี้ เพิ่งจะ เจ็ดโมงเช้า เขาถึงกับดีใจที่ตน สามารถตื่นเช้าได้เป็นครั้งแรก



    ปัง!!



    เด็กหนุ่มรีบผลักประตูเข้าไปในห้องของรีซ่า พร้อมกับตะโกนว่า

    “ยัยบ๊องจะนอนไปถึงเมื่อไหร่กัน 555”รีเซ่ตะโกนด้วยความสะใจ

    “พี่ค่ะอย่าเพิ่งปลุกสิ”รีซ่าที่กำลังซะลึมซะลือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พูดกับพี่ชายของเธอ



    เด็กหนุ่มค่อยๆย่องไปข้างๆ รีซ่าและหยิกแก้มของเด็กสาวแรงด้วยความหมั่นไส้



    กรี๊ด!@!#   ป้าบ!!  ป้าบ!!



    To Be Continued

    …………………………………………………………………………

    แง่มๆ มีคนบอกว่านิยายผมมันสั้นไป ผมเลยประชดด้วยการทำให้มันยาวขึ้น อย่าว่าเลยนะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×