ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อารันเทร่า นครมหาเวท

    ลำดับตอนที่ #4 : ห้าผู้พิทักษ์ปราการตะวันออก

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 50


                   รุ่งเช้าฉันและซายูริถูกคุณซูซูกิเอามาส่งที่วังตั้งแต่ 7 โมงเช้า สำหรับตัวเองน่ะ ฉันรู้ว่ามาที่นี่ทำไม แต่ซายูรินี่สิ เธอมาที่นี่ด้วยทำไมกัน ผู้หญิงสวย ๆ น่ารัก ๆ อย่างเธอน่าจะอยู่ที่บ้าน ไม่สิ อยู่ในกรงทองถึงจะถูก ขณะที่ฉันนั่งตัวแข็ง เพราะคุณซูซูกิบอกว่าห้ามแตะต้องอะไรเด็ดขาด เพราะอาจทำมันเสียหายอยู่นั่นเอง ซายูริก็โปรยยิ้มมาให้กับฉัน

    ไม่ต้องเกร็งหรอกเร

    อ่ะ...เอ่อ...เปล่าๆ ฉันแค่ไม่ค่อยชินเท่านั้นแหละ ว่าแต่...นี่เธออุตส่าห์มานั่งอยู่ในห้องนี้เป็นเพื่อนฉันหรอ

                    ฉันพูดพร้อมแอบยิ้มในใจ

    แน่นอนน่ะสิ...ก็วันนี้เป็นวันประกาศตำแหน่งนี่นา

    ประกาศตำแหน่ง...เธอด้วยหรอ

    ใช่...ตระกูลของฉันเป็นตระกูลอัศวินนะ ลูกหลานทุกคนก็เข้าวังถวายอารักษ์ขากันหมด รวมทั้งฉันด้วย

    จริงหรอ...คนสวย ๆ อย่างเธอเนี้ยนะ

    แล้วทำไมล่ะ

                    อุ้ย...หลุดปากแฮะ...ดันชมเธอว่าสวยแบบออกหน้าออกตาแบบนี้ เขินเหมือนกันนะเนี้ย แต่ว่า...ซายูริเองก็เอียงหน้าหนีอย่างเขินอายเหมือนกัน

                    ไม่นาน ประตูห้องที่เรานั่งอยู่ก็เปิดออก ผู้ชายอายุราว ๆ 40 ปีที่แต่งกายด้วยชุดทหารสวยงาม เดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับผู้หญิงอีก 2 คน เธอมานั่งใกล้ๆ ฉันกับซายูริ ส่วนผู้ชายคนนั้นไปนั่งที่หัวโต๊ะ 

    อ้า...มากันครบแล้วสินะสำหรับผู้ที่จะไปอารักษ์ขาปราการตะวันออก

    ยังหรอกค่ะ...ยังขาดอีกหนึ่ง คนสำคัญซะด้วย

                    ซายูริพูดขึ้นแล้วยิ้มให้กับชายคนนั้น 

    อ้อ...ลืมไป คำสั่งเพิ่งจะมาเมื่อคืน เลยไม่รู้จำนวนที่แน่นอน

                    สิ้นคำพูดของชายคนนั้นห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ แล้วเสียงหนึ่งก็ดังมาเบา ๆ จากด้านนอก

    ฉันบอกนายเป็นล้านครั้งว่าให้ปลุกฉันด้วย

    กระหม่อมก็ปลุกท่านเป็นล้านครั้งแล้วเหมือนกัน

    แล้วแบบนี้ใครโดนด่าล่ะเนี้ย

    ท่านก็ซัดทอดกระหม่อมทุกทีนั้นแหละ

                    พร้อมกับที่ซายูริเดินไปเปิดประตู ผู้ชาย 2 คนกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู ชายคนสูงยิ้มให้ซายูริก่อนที่จะเดินผ่านประตูเข้ามา ชายอีกคนก็เอื้อมมือปลดผ้าคลุมไหล่สีแดงเลือดหมูออกให้กับเขา เผยให้เห็นชุดสีน้ำเงินเข้มที่ตัดเย็บอย่างประณีตที่สวยงาม เขานั่งลงติดกับซายูริ 

    เธอรู้ด้วยหรอว่าเป็นฉัน

    จะไม่รู้ได้ยังไง เล่นสายซะขนาดนี้

    เอ่อ...ขออนุญาตนะครับ...

                    ชายในชุดทหารหันไปพูดกับคนทัน 2 ก่นจะเริ่มหัวข้อของเขา

    จากการประชุมเพื่อสรรค์หายอดนักสู้เข้าประจำการในตำแหน่งต่าง ๆ สรุปได้ว่า ผู้ที่รับตำแหน่งอารักษ์ขาปราการตะวันออกได้แก่ หนึ่งท่านไซเซนซาอิ สองซูซูกิ ซายูริ สามคิซาโนะ อากิ สี่คุทาบิ มูมู่ และห้าโทคิมูระ เร เริ่มเดินทางในบ่ายวันนี้ ขอให้ทุกคนโชคดีกับปราการที่ต้องการนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดใน 4 ทิศ

                    เมื่อประกาศจบชายในชุดทหารก็เดินออกจาห้องไปโดยไม่สนใจใยดีพวกเรา 

                    และแล้วคนทั้ง 5 ก็เริ่มทำความรู้จักซึ่งกันและกัน  แต่ของฉันน่ะสบายหน่อย เพราะรู้จักกับซายูริกับท่านชายไซเซนซาอินั่นมาก่อนแล้ว จะว่าไป...พอเห็นท่านชายนั่นใกล้ๆ ฉันก็รู้ซะแล้วว่าหมอนี่เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวจริง ๆ เพราะนอกจากยศถาบรรดาศักดิ์จะไม่ธรรมดาแล้ว หมอนี่ยังหน้าตาหล่อเหลา สง่างามสมกับที่เป็นท่านชายเสียจริง ๆ

    อืม...ลืมไปเร...นายจะเรียกฉันว่าไซเซนเฉย ๆ เหมือนกับที่ซายูริเรียกก็ได้นะ เมื่อวันก่อนยัยนี่ไม่ให้ฉันพูด เพราะกลัวจะโดนพ่อว่าเอา

    อ้อ...ได้ ๆ อืม...เธอคนนั้นชื่อ อากิกับมูมู่ใช่ไหม ฉันขออนุญาตเรียกแบบนี้นะ ส่วนฉันชื่อเร

                ฉันหันไปทางผู้หญิงอีกสองคน คนหนึ่งหน้าตาสะสวย ออกทางน่ารัก ส่วนอีกคนหนึ่ง...หือ...ดูเหมือนจะเป็นเด็กอายุราว ๆ 13-14 อยู่เลย แต่ดูจากพลังเวทแล้ว ไม่แปลกเลยที่ถูกจัดเป็นนักสู้ชั้นดี พวกเธอยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร แต่คงไม่ใช่กับไซเซน เพราะเมื่อไซเซนหันไปทักทายพวกเธอบ้าง อากิกลับมีสีหน้าไม่เต็มใจนักผิดกับมูมู่จังที่ดูสดใสน่ารักตามประสาเด็ก

     

                    ขณะที่เราเดินทางด้วยรถม้าของวังซายูริกับไซเซนพูดคุยกันอยู่ตลอดทาง เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวแหย่กันเล่น ทำเอาบุคคลที่ 3 ที่นั่งอยู่ตรงนี้ใจร้อนเป็นไฟ

    เฮ้...เร ซายูริมีอะไรจะบอกน่ะ

    จะบ้าหรอ หยุดนะ

    โอ้ย...ยอมแล้ว ๆ ไม่บอกก็ได้ ฮ่ะ ๆ ๆ

                    โชคดีที่ทหารด้านนอกเข้ามาบอกพอดีว่าถึงปราการแล้ว เพราะถ้าขืนต้องนั่งดูนานกว่านี้คงอกแตกตายแน่ เอ๊ะ...นี่ฉันชอบซายูริตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะนี่ เมื่อไหร่ก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้สงสัยจะมีมากหัวใจซะแล้ว
     

                    เมื่อลงจากรถม้าไซเซนก็จัดการประคองผู้หญิงทุกคนลงจากรถม้า แต่เมื่อเขายื่นมือให้กับอากิ เธอกลับปฏิเสธที่จะจับมือเขา ไซเซนยิ้มพร้อมกัดริมฝีปากตัวเองแก้เขิน

    จะโดดลงเองหรือไงครับคุณผู้หญิง

                    และถึงแม้ว่าหมอนั่นจะโปรยน้ำเสียงนุ่ม ๆ กับเธอ แต่เธอก็ยังไงปฏิเสธและโดดลงมาจากรถม้าเองโดยไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย อะไรกันนี่ผู้หญิงอะไรใจแข็งชะมัด 

    นี่...อย่าให้เธอรู้นะว่าฉันเป็นท่านชาย

    ทำไมล่ะ

    เออน่า...

                    ไซเซนเดินมาบอก ก่อนที่วิ่งไปขนข้าวของของพวกผู้หญิงเข้าปราการ อ้าวเฮ้ย...ฉันก็ควรทำด้วยสิจะให้หมอนั้นมาโชว์เท่อยู่คนเดียวได้ยังไง

    เฮ้ ไซเซนรอด้วย...เอามาแบ่งฉันบ้าง

                ประตูปราการอยู่สุดขอบกำแพงเมืองพอดี ที่แท้ ปราการนี่ก็คือด่านแรกที่จะสกัดฆ่าศึกนี่เอง ประตูของปราการใหญ่เกือบเท่ากับประตูเมืองใหญ่ที่ด้านหน้า พวกเรามาหยุดยืนอยู่หน้าประตูก่อนที่ไซเซนจะจัดการเคาะประตู แล้วประตูก็เปิดออก เผยให้เห็นปราการสีขาวที่สวยงามพร้อมสวนกว้างขวาง มีชายร่างใหญ่ราว ๆ 2 เมตรกว่ายืนรอเราอยู่ที่ด้านใน

    ยินดีต้อนรับ...ข้าโยอิน นายทวารแห่งปราการตะวันออก

    สวัสดีครับ พวกเราก็มีซายูริ อากิ มูมู่ เร แล้วฉันไซเซน

                    ไซเซนแนะนำทุกคนเสร็จสรรพ แล้วเดินนำทุกคนเข้าปราการ

    ว้าว...กว้างจัง ทีแรกนึงว่าจะดูอับ ๆ ซะอีก น่าอยู่กว่าบ้านฉันอีก ไม่มีคนมาพันแข้งพันขาด้วย

                    ไซเซนยืนหมุนมองไปรอบ ๆ ก่อนจะตะโกนเล่นเสียงก้อง ๆ จากผนัง เหมือนกับไม่เคยเห็นมันมาก่อน นี่ชีวิตการเป็นท่านชายนี่มันอึดอัดขนาดนั้นเชียวหรอ

    ไปดูห้องพักกัน

                    ฉันเดินตามไซเซนขึ้นมายังชั้น 3 ของปราการ ผู้หญิงไปดูห้องพักทางด้านซ้าย ส่วนทางด้านขวาเป็นห้องพักของผู้ชาย แต่ไซเซนชวนฉันให้อยู่ห้องเดียวกับเขา ทีแรกฉันก็ไม่สู้จะเต็มใจนักเพราะห้องที่เตรียมไว้ให้หมอนั่นหรูเหลือเกิน ถ้าฉันนอนฉันคงคันแน่ ๆ แต่สุดท้ายก็สู้คารมหมอนั่นไม่ได้ต้องยอมจำนนแต่โดนดี และขณะนั่งพักอยู่ในห้องไซเซนก็ชวนฉันพูดคุย

    วันประลองนายสุดยอดมาก ฉันชอบ

    อ๋อ...ก็แค่วิชาอะไรไม่รู้ที่ลุงของฉันสอนน่ะ

    วิชาอะไรไม่รู้ที่ไหนกัน นั้นน่ะต้องคนที่มีพลังเวทขั้นสูงนะถึงจะปลดปล่อยพลังเวทแบบนั้นได้

    จริงหรอ...นายพูดแบบนี้ก็แสดงว่านายเองก็คงมีพลังเวทไม่เบาเหมือนกันล่ะสิ

    ไม่หรอก...นายจับกระแสเวทของคนอื่นได้ไม่ใช่หรอ ก็ลองเพ่งมองฉันดูสิ

                เมื่อเขาพูดจบ ฉันก็ลองทำตามที่เขาว่า พยายามจับพลังเวทของเขา แต่หน้าแปลกที่กลับจับได้แค่พลังเวทอ่อน ๆ เท่านั้น

    อ่ะ...คงมีอะไรผิดปกติล่ะมั้ง...คนอย่างนายจะมีแค่พลังเวทอ่อน ๆ แบบนี้เองหรอ

    แค่นี้ก็พอแล้ว

    หือ...

                    คำตอบด้วยเสียงเบา ๆ ในลำคอจากไซเซนทำให้ฉันต้องส่งเสียงถามกลับไป แต่ฉันได้กลับมาแค่การยักไหล่และรอยยิ้มกวน ๆ ของหมอนั่น จะว่าไปนิสัยหมอนี้ถือว่าน่าคบทีเดียว ถึงแม้ว่าจะมียศศักดิ์สูงขนาดนั้นแต่หมอนี่กลับทำตัวสบาย ๆ และเป็นกันเองกับทุกคน ที่จะไม่ชอบก็คืออ้ายที่หมอนี่ชอบทำเท่ต่อหน้าสาว ๆ ตัดหน้าฉันน่ะสิ โดยเฉพาะชอบอ่อยซายูริเหลือเกิน อันนี้ยอมไม่ได้

    นายไม่ใช่คนเมืองนี้ใช่ไหม แล้วนายมาจากที่ไหนล่ะ

    ฉันมาจากโรฮังน่ะ แต่สงสัยว่าจะไม่ได้อยู่ที่นั่นตั้งแต่เกิดหรอก แค่ฉันจำได้ว่าฉันเกิดวันที่ 21 กันยา นี่ก็บุญเท่าไหร่แล้ว

    หือ...นายเกิดวันที่ 21 กันยา งั้นหรอ แล้วนายอายุเท่าไหร่ล่ะ

                    หมอนั่นดูจะสนใจฉันขึ้นมาทันที

    กำลังจะ 21”

    เฮ้ย!!! นี่เราเกิดวันเดียวกันปีเดียวกันเลยหรอ เฮ้ ฉันไม่เคยเจอคนที่เกิดวันเดียวปีเดียวกับฉันเลยนะเนี้ย

    ฉันก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน ถึงว่าฉันถึงได้รู้สึกถูกชะตากับนาย

    งั้นเราคงเหมือนกันมากเลยล่ะ เพราะฉันเองก็ไม่ได้เกิดที่เมืองนี้เหมือนกัน

                ฉันมองหน้าหมอนั่นแล้วนึกขำในใจ ท่านชายบ้าที่ไหนไม่ได้เกิดในวังที่ใหญ่โตบ้างล่ะ

    จริงหรอ...นายจะบอกฉันว่าชีวิตนายเหมือนกับนิยายอย่างงั้นหรอ ที่เป็นเชื้อพระวงศ์ตกยากต้องไปเกิดนอกวัง แล้วอยู่ ๆ ก็ได้พบกับพ่อที่เป็นกษัตริย์ ก่อนจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขงั้นหรอ

                    ฉันพูดพร้อมหัวเราะตามประสา ไซเซนที่ฟังอยู่ก็หัวเราะเช่นกัน แต่ครู่หนึ่งสีหน้าของเขากลับดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด

    เปล่าเลย...มันเป็นโศกอนาตกรรมต่างหาก...

                    พูดจบเขาก็ลงไปนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง ส่วนฉันน่ะหรอ พูดอะไรไม่ออกเลยครับ ทำอะไรไม่ถูกด้วย ได้แต่ยืนเกาหัวเกาหูอีกตามเคย 

    เฮ้ ๆ ๆ ฉะ...ฉันขอโทษ เฮ้อ...ปากฉันมันไม่ค่อยจะอยู่สุขเท่าไหร่ ไม่น่าพูดเรื่องบ้า ๆ อะไรนั้นออกมาเลย ฉันนี่มัน...

    นี่...ถ้าจะเอาเวลามาพร่ำเพ้อน่ะ เราไปกินอาหารว่างพร้อมพวกสาว ๆ ดีกว่า จริง ๆ แล้วถ้านายสนใจความเงียบซะบ้าง นายจะไม่พลาดโอกาสนะ

                หมอนั่นหันมายิ้มให้ฉัน ก่อนจะลุกไปที่ประตู

    พ่อฉันสอนฉันว่าอย่างงั้น ดังนั้นถึงฉันจะอยู่ไม่สุข ชอบสนุกสนานยังไง แต่ฉันก็จะต้องใสใจเสียงเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบตัวเสมอ...แล้วโอกาสดี ๆ ก็มักเป็นของฉัน

                และเมื่อหมอนั่นเปิดประตูซายูริ อากิ และมูมู่ก็กำลังเดินผ่านห้องเราพอดี หมอนั่นหันมายิ้มกว้าง ๆ เป็นเชิงเยาะเย้ยก่อนจะเดินไปหยุดตรงหน้าของอากิ แต่เธอก็เดินผ่านเขาไปอย่างไม่สนใจใยดี หมอนี่มันร้ายจริง ๆ แบบนี้สงสัยฉันคงต้องหันมาสนใจความเงียบอะไรของหมอนั่นบ้างซะแล้ว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×