ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปาฏิหาริย์ดาบเหล็กนำพี้-มหากาพย์ดาบศักสิทธิ์-

    ลำดับตอนที่ #6 : โคลงที่๖[ดาบเหล็กนำพี้]

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 51


     

    โคลงที่๖[ดาบเหล็กน้ำพี้]

    ม่หมอยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะพูดขึ้นว่า“ข้าอยากจะให้เจ้าช่วยเจ้าหนุ่มนี่ก่อน อย่างแรกเลยนะ เจ้าต้องไปหาต้น[สังกรณี ตรีชฎา]มาเสียก่อน”เอกและชาวบ้านทุกคนต่างตกตะลึง ก็ต้นสังกรณี ตรีชฎามันเป็นต้นไม้ในวรรณคดีมิใช่รึ? อาคมยังยืนนิ่ง ก่อนจะพูดว่า“ไม่ต้องไปตามหาไอ้ต้นสังข์ทอง..ช่างเถอะ.. อะไรนั่นหรอก”อาคมชักดาบของตัวเองออกมา แล้วพูดต่อ“ประเดี๋ยวข้าจะจัดการเอง!”แม่หมอแย้งขึ้น“ข้ารู้ว่าดาบของเจ้าคือดาบอะไร แต่มันไม่ได้ผลหรอก”อาคมนิ่งสักพักจึงสักพักจึงพูดต่อ“ก็ช่างปะไรมันสิ ข้าทำได้ก็แล้วกัน”ชายหนุ่มพูดแบบขวานผ่าซากก่อนเพ่งสมาธิอย่างแรงกล้า“ที่เจ้าทำน่ะ มันไม่ได้หรอกเชื่อข้าสิ”แต่อาคมไม่ฟัง เมื่อดาบเปล่งแสงสีเขียวอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงเงื้อดาบ“ย้าก!!”ดาบสีเขียวผ่านร่างของพัฒน์ไปเพียงชั่วพริบตา เอกและชาวบ้านต่างพากันเบือนหน้าหนีกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาคิดว่าร่างของเด็กหนุ่มจะต้องขาดเป็นสองซีกแน่แล้ว แต่ทว่า..“เปรี๊ยะ!”เสียงของโลหะแตกดังมาจากตัวของเด็กหนุ่ม ควันสีดำออกมาจากปากของเด็กหนุ่มแล้วจึงสลายหายไป ดูเหมือนที่อาคมทำจะได้ผล“ข้าบอกแล้วไง ว่าข้าทำได้”แม่หมอแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นี่เธอทำนายพลาดรึนี่ เอกนั้นสงสัยอยู่นานแล้ว ก็เพิ่งจะกระจ่างในตอนนี้“เอ่อ..ทะ..ท่าน นั่นมัน..”อาคมรู้ว่าเขาจะถามอะไร จึงชูดาบขึ้น แล้วพูดว่า “..ถูกต้องแล้ว..นี่แหละคือ..[ดาบเหล็กน้ำพี้]” “!!?”ชาวบ้านทุกคนตกตะลึงเป็นรอบที่สาม นี่น่ะรึคือดาบเหล็กน้ำพี้ในตำนาน นี่น่ะรึดาบที่ว่ากันว่ามีฤทธาสลายอาคมต่างๆได้(แต่คนใช้ดันชื่ออาคม)เอกจึงถามต่อ“ง่ะ..งั้น..ท่านก็..”แล้วอาคมก็ตอบให้อีก“แน่นอน..ข้านี่แหละ..[ขุนคมปาฏิหาริย์]ตัวจริงเสียงจริงล่ะ”ชาวบ้านทุกคนเริ่มเชื่อในคำพูดที่ว่าเขาคือขุนคมปาฏิหาริย์แล้ว เพราะจากฝีมือการถล่มเหล่าอสูรทั้งกองทัพในคราวเดียว คงไม่มีใครไม่เชื่ออีกแล้ว“งั้นก็ตกลง”แม่หมอเกือบจะถูกทุกคนลืมว่าอยู่ที่นั่นเสียแล้ว“เอาเป็นว่าเจ้าสงสัยว่าพวกอสูรกายพวกนั้นคือตัวอะไรใช่ไหม?”อาคมพยักหน้า“ใช่ขอรับ”(ทุกคนตกใจเพราะเพิ่งเคยเห็นอาคมพูดสุภาพเป็นครั้งแรก)“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าช่างสงสัยแบบนี้ข้าก็จะอธิบายให้ฟัง”แม่หมอเรียกให้คนเอาน้ำมาให้ดื่มก่อนเล่า“เจ้าพวกนั้นถึงเป็นรูปเป็นร่างแต่ก็เป็นวิญญาณ พวกเราเหล่าหมอผีเรียกพวกมันว่า[อสุระวิญญาณ]”แม่หมอหยุดไปอึดใจหนึ่งก่อนจะพูดต่อ“หรือเรียกสั้นๆว่าอสูรวิญญ์ พวกมันเป็นวิญญาณที่มีความแค้นฝังลึกมานานหลายสิบปี ย้ำว่ามันหลายสิบปีมาก ซึ่งเจ้าพวกนี้มีความสามารถเกินมนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเจ้ามากนัก แต่พวกมันมีจุดอ่อนอย่างหนึ่งคือ พวกมันแพ้แสงเทวะ หรือก็คือแสงที่เปล่งออกมาจากตราไสยเวทย์นั่นเอง”ชาวบ้านทุกคนต่างงุนงงว่า อะไรคือแสงเทวะ? อะไรคือตราไสยเวทย์?“เฮ้อ..ลงท้าย พวกนี้มันก็ไม่เข้าใจ ยังงี้นะ ตราไสยเวทย์คืออาวุธประจำตัวของพวกหมอผี อย่างเช่นดาบเหล็กน้ำพี้ของเจ้าหมอนั่นเป็นต้น..”แม่หมอชี้ไปทางอาคม“..ซึ่งการจะมีได้นั้นจะต้องมีคุณสมบัติหมอผีเก้าประการเท่านั้น อันนี้ใครอยากรู้มาถามเอาทีหลัง ส่วนแสงเทวะ..ศิษย์หมายเลขหนึ่ง เจ้าลองสาธิตให้ดูหน่อยสิ..”อาคมนึกยัวะในใจ..ตูเป็นศิษย์เอ็งตั้งแต่เมื่อไหร่ฟะ!?..(แม่หมออ่านใจได้และเรียกตัวมาฟาดกบาลหนึ่งที)อาคมถือดาบและเริ่มเพ่งสมาธิ พลันดาบก็มีแสงสว่างจ้าขึ้นมาอีกครั้ง ชาวบ้านตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมันสวยงามราวกับปีกของวายุภักษ์กระพือไปมา“เอาล่ะ พอได้แล้ว”อาคมดับแสง ชาวบ้านพากันเซ็งไปตามๆกัน “ทีนี้เข้าใจรึยัง ว่าอะไรเป็นอะไร”ชาวบ้านทุกคนรวมทั้งอาคมและพัฒน์พยักหน้า(!?)“เฮ้ย!?พัฒน์ นี่เจ้าตื่นแล้วหรอกรึ”พัฒน์ตอบ“ขอรับ”“ เหตุใดเจ้าจึงต้องปิดบังฐานะที่แท้จริง”แม่หมอถามพัฒน์ อาคมงงเป็นไก่ตาแตก“เอ่อ..ข้า”ไม่ทันที่พัฒน์จะตอบ แม่หมอก็ใบ้ให้ทุกคนทันที“[มงกุฎแห่งกษัตริย์]เนี่ย มิคิดจะถอดออกบ้างเลยรึ”..

    จบโคลงที่๖

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×