ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 6 : ตึกเลือกสรร
บทที่ 6 : ตึกเลือกสรร
เช้าวันต่อมา นักเรียนปีหนึ่งทุกคนมารวมกันที่หน้าตึกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นตึกสูงก่อสร้างด้วยอิฐสีน้ำตาลแดง โดยมีคาซาดัสนำทางมาจากลานน้ำพุ เขาเรียกตึกนี้ว่า ‘ตึกเลือกสรร’
“เอาล่ะ วันนี้นักเรียนปีหนึ่งทุกคนจะต้องทำการคัดเลือกหอพักของตนเอง โรงเรียนของเรามีหอพักอยู่สี่แห่ง คือ ” คาซาดัสหยุดพูด แล้วร่ายมนตร์เสียงเบาราวกับกระซิบ เมื่อเขาร่ายจบก็ปรากฏตัวอักษรขึ้นกลางอากาศ โดยเรียงเป็น 4 บรรทัด คือ ‘แอธทาเนส’ ‘ฟรอนเทียรัส’ ‘ซีนิท’ และ ‘เพรสเอจ’
“หอแอธทาเนสเป็นที่รวมของผู้ที่เก่งเรื่องพลังทำลาย หอฟรอนเทียรัสเป็นที่รวมของผู้มีสติปัญญาล้ำเลิศ หอซีนิทเป็นที่รวมของผู้เชี่ยวชาญเวทมนตร์ และหอเพรสเอจเป็นหอที่รวมผู้ซึ่งไม่ได้เด่นในเรื่องพลังทำลาย สติปัญญา และเวทมนตร์” คาซาดัสอธิบาย
“หมายความว่ายังไงเหรอครับ ที่บอกว่าคนในหอเพรสเอจจะไม่ได้เด่นในสามเรื่องที่หออื่นถนัด” นักเรียนชายคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม
“อ้อ หมายถึงพวกที่ถนัดด้านอื่น เช่น ความสามารถพิเศษ หรือความเร็ว หรือการประดิษฐ์ของ อะไรพวกนี้น่ะ แต่ที่บอกว่าหอไหนถนัดอะไรก็แค่หมายถึงคนที่ไม่ได้เลือกหอเองหรอกนะ ถ้าจะเลือกหอเองก็เลือกได้ แต่ต้องทำหลังจากสอบคัดเลือกหอเสร็จแล้ว และจะเปลี่ยนหอได้ต่อเมื่อหอที่เราจะเปลี่ยนยังเหลือที่ว่างเท่านั้น เช่น อยากเข้าหอเพรสเอจซึ่งมีจำกัดคนไว้ 50 คน แต่เราสอบคัดเลือกได้หอเอธทาเนส พอทำเรื่องย้ายหอปรากฏว่าหอเพรสเอจมีคนเต็มจากการคัดเลือกหอแล้ว เราก็จะไม่สามารถย้ายหอได้” คาซาดัสอธิบายอย่างละเอียด
“เราจะเปลี่ยนหอพักได้ต่อเมื่อมีคนเปลี่ยนออกจากหอพักนั้น หรือจำนวนคนที่รับได้ยังไม่ครบใช่มั้ยคะ แล้วการเปลี่ยนหอพักสามารถเปลี่ยนได้แค่หลังสอบคัดเลือกเสร็จเท่านั้นใช่มั้ยคะ” เสียงนักเรียนหญิงถามขึ้น
“ใช่แล้วล่ะ การเปลี่ยนหอพักต้องยื่นใบขอเปลี่ยนภายในสองชั่วโมงหลังรู้ผลการคัดเลือกหอ และถ้าใครไปยื่นใบขอเปลี่ยนหอก่อนก็มีสิทธิ์ได้ที่ในหอก่อนด้วย” คาซาดัสตอบ เขารีบพูดต่อก่อนที่จะมีคำถามมากกว่านี้
“เราเริ่มสอบกันเลยดีกว่า วิธีสอบคัดเลือกง่ายยิ่งกว่าง่าย เธอแค่เดินเข้าไปในตึกนี้ ซึ่งมีทั้งหมดสี่ชั้น แต่ละชั้นจะมีกรรมการรออยู่ และเธอต้องทำตามคำสั่งของกรรมการจึงจะได้คะแนน ซึ่งเรื่องเกณฑ์การให้คะแนนฉันก็ยังไม่รู้ เพราะมีการเปลี่ยนกรรมการทุกปี เอ้า! เดินเข้าไปในประตูนี้ทีละคนนะ แต่ละคนให้เว้นช่วงห่างกันคนละสองนาที” คาซาดัสเรียกชื่อนักเรียนเจ้าของหมายเลขผู้สอบหมายเลขหนึ่งออกมา และเปิดประตูให้เขาเข้าไปในตึก ก่อนที่จะกดนาฬิกาข้อมือเพื่อจับเวลา
นักเรียนชั้นปีหนึ่งค่อย ๆ เดินเข้าไปทีละคน ไลท์นึกสงสัยในใจว่าทำไมจึงไม่มีใครออกมาแม้แต่คนเดียว ครู่หนึ่งเมรินก็เข้าไป ตามด้วยพอล และสุดท้ายก็มาถึงหมายเลขของเขาซึ่งเป็นหมายเลขผู้เข้าสอบคนสุดท้ายของปีนี้
“หมายเลข 168 ไลท์ ดิเคออส” คาซาดัสเรียกแล้วเปิดประตูให้ไลท์เดินเข้าไป ชายสวมแว่นยิ้มให้เด็กชายที่เดินเข้าไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เนื่องจากเมื่อมองภายในประตูจากด้านนอกก็พบเพียงความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด
ทันทีที่ประตูเบื้องหลังของเขาปิดลง รอบข้างของเขาก็มีเพียงความมืด ไลท์ลองกางมือทั้งสองข้างออกไป ก็พบว่าด้านซ้ายขวาของเขาเป็นกำแพงเย็นเฉียบ มีเพียงด้านหน้าของเขาที่ไม่มีวัตถุใดกั้น ไลท์ตัดสินใจก้าวไปข้างหน้าแม้จะไม่เห็นอะไรรอบข้าง
เขาเดินไปพร้อมกับใช้มือสองข้างแตะกำแพงด้านซ้ายขวาไปด้วย เผื่อมีทางเลี้ยวจะได้รู้ตัวก่อน ทุกก้าวที่ไลท์เดินเขารู้สึกถึงความเย็นในอากาศรอบข้างที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“หนาวชะมัด ถ้าเราใช้เวทมนตร์ไฟได้ก็ดีสิ” ไลท์รำพึงเบาๆ ก่อนจะหยุดเดินเนื่องจากเบื้องหน้าของเขามีวัตถุบางอย่างกั้นทางอยู่
“ประตู งั้นเหรอ เย็นเฉียบเลยแฮะ” ไลท์แตะวัตถุนั้นเพียงเล็กน้อยก็ทราบว่าเป็นประตูเหล็กที่เย็นมาก ราวกับสิ่งที่เขาจับอยู่คือประตูที่สร้างจากน้ำแข็ง เด็กชายค่อย ๆ ผลักประตู แสงสว่างจากด้านในก็ทำให้เขาแสบตา เพราะสายตาเขาเคยชินกับความมืดแล้ว
ใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าสายตาของไลท์จะสามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ปกติ สิ่งที่เขาเห็นคือห้องขนาดเล็กที่มีแสงไฟจากตะเกียงรอบห้อง ริมห้องมีกรงเหล็กอยู่กรงหนึ่ง เมื่อเขามองเข้าไปในกรงก็พบเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเขาคุ้นตา เป็นเด็กหนุ่มที่สูงกว่าเขาเล็กน้อย อยู่ในชุดทูพีซสีชมพูดลายดอกไม้ เด็กหนุ่มคนนั้นกอดตนเองแน่นด้วยความหนาวเย็น
“! โดคุ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” ไลท์ร้องถามขณะก้าวเข้าไปในห้อง เขามองซ้ายขวาหาศัตรูแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร เมื่อเด็กชายเคลื่อนเข้าใกล้กรงเหล็ก ก็มีอะไรบางอย่างมามัดตัวเขาไว้ ไลท์พยายามมองก็ไม่พบอะไร นอกจากเงาสีดำแปลกประหลาดบนตัวเขา เงานั้นสามารถขยับเขยื้อนไปมาได้
“ศัตรูคราวนี้เป็น เงา งั้นเหรอ” ไลท์พูดเสียงราบเรียบ แต่ดวงตาสีฟ้าของเขากลับฉายแววตื่นเต้น
“ถึงรู้ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก เจ้าหนู” เงาสีดำที่เกาะตัวของไลท์อยู่กล่าวขึ้น ก่อนที่จะปล่อยเด็กชายจากพันธนาการ และหายเข้าไปในเงาของไลท์ เมื่อเด็กชายหลุดจากการพันธนาการก็รีบมองหาเงาลึกลับที่โจมตีเขา แต่กลับไม่พบสิ่งใดที่จะบ่งบอกถึงการมีตัวตนของเงานั้นได้เลย
ไลท์จะเคลื่อนเข้าหากรงอีกครั้ง แต่ทันทีที่เขาขยับขาก็ปรากฏเงาสีดำพุ่งมาเกาะตัวเขาไว้อีก เด็กชายพยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่ช่วยอะไรแม้แต่หน่อย เขาจึงตัดสินใจยืนนิ่ง ครู่หนึ่งเงาสีดำก็หายเข้าไปในเงาของเขาอีก
‘ถ้าเราขยับขามันก็จะพุ่งออกมายึดตัวเราไม่ให้ขยับ แล้วถ้าเราขยับมือจะเป็นยังไงนะ’ ไลท์วิเคราะห์การต่อสู้ เขาลองแกว่งมือก็พบว่าเงาดำนั้นพุ่งมาเกาะกุมตัวของเขาไว้ และทุกครั้งที่มันสัมผัสโดนตัวเขา พลังเวทมนตร์ก็จะโดนดูดไปเรื่อย ๆ ด้วย
‘แย่ล่ะสิ จะขยับอะไรก็ทำไม่ได้เลย ไม่งั้นพลังเวทมนตร์หมดก่อนแน่ เรายิ่งมีพลังเวทมนตร์น้อย ๆ อยู่’ เด็กชายรู้ถึงความเสียเปรียบของตัวเอง จากสองครั้งที่เขาโดนพันธนาการก็ทำให้ได้รู้ว่ากว่าเงาลึกลับจะพุ่งออกมาก็ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งวินาที ‘เวลาร่ายมนตร์มีแค่วินาทีเดียว ต้องใช้คาถาที่ไม่ต้องพูดร่ายมนตร์หรือคาถาที่ร่ายจบในหนึ่งวินาที’ เขาคิด พลางยิ้มด้วยความพอใจ
“ซัน ไลเทล Sun Lightel”
สิ้นเสียง เงาลึกลับก็โผล่ขึ้นมาพันธนาการร่างเขาพอดี ไลท์ยิ้มกริ่มเนื่องจากเวทมนตร์ที่ร่ายได้ทำงานแล้ว แสงในห้องค่อย ๆ สว่างขึ้น ไม่มีทิศทางจุดกำเนิดแสงปรากฏให้เห็น เงาสีดำที่เกาะกุมร่างเด็กชายจึงหายไปเพราะเจอแสงไฟส่องสว่างทั่วห้อง
“เงากับแสงสว่างไม่ใช่ของคู่กันเสมอไป ถ้าจุดกำเนิดแสงอยู่ในด้านที่พอเหมาะก็จะเกิดเงา แต่ถ้ามีแสงสว่างที่หาจุดกำเนิดแสงไม่ได้ เงาก็เป็นเพียงสิ่งไร้ความหมาย” ไลท์กล่าวเสียงราบเรียบ ร่างของเขาชโลมไปด้วยเหงื่อกาฬทั้งที่เพิ่งใช้เวทมนตร์ไปเพียงบทเดียว เด็กชายหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน
“เฮ้อ ไม่น่าใช้เวทมนตร์ที่ไม่ถนัดเลย มันกินพลังเวทมนตร์มากกว่าปกติอีก” ไลท์บ่นพลางเดินเข้าหากรงเหล็ก แสงสว่างจากเวทมนตร์ ‘ซัน ไลเทล’ ทำให้เงาลึกลับไม่สามารถปรากฏตัวออกมาได้ เขาลองเปิดประตูกรงเหล็กแต่เปิดไม่ออก เขาพบว่ามียันต์แผ่นหนึ่งติดอยู่ที่กลอนประตู ซึ่งเขาพยายามดึงแต่ก็ไม่ยอมออกเช่นกัน
“หนาว ” โดคุซึ่งอยู่ในห้องนั้นพูดด้วยเสียงอันโรยแรง สายตาที่ใกล้ปิดลงของเขาจ้องมาที่ไลท์คล้ายกับจะขอความช่วยเหลือ
เด็กหนุ่มร่างผอมบางพยายามหาวิธีเปิดประตู ขณะนี้เวทมนตร์ของเขาเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว แสงสว่างจากเวทมนตร์ ‘ซัน ไลเทล’ค่อย ๆ อ่อนลง ร่างเงาลึกลับค่อย ๆ ปรากฏให้เห็น มันกำลังพันธนาการตัวเขาอยู่ แต่ด้วยเพราะเวทมนตร์ของเขาที่ยังไม่สิ้นฤทธิ์จึงทำให้เงานั้นมีแรงไม่มาก
‘วิธีที่จะเข้าไปในกรงเหล็กนั่นโดยไม่ต้องผ่านประตู มีเพียงวิธีเดียว แต่เมื่อเราเข้าไปแล้วใช่ว่าเราจะพาโดคุออกมาได้’ ไลท์คิดในใจ ก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาด ‘เข้าไปให้ได้ก่อนจะดีที่สุด!’
“ซัน ไลเทล Sun Lightel”
“เทเลพอร์เทต้า Teleporteta”
เขาร่ายมนตร์สองบทติดต่อกัน เวทมนตร์ ‘ซัน ไลเทล’ สร้างแสงเจิดจ้าอีกครั้ง เงาลึกลับที่กำลังจะพันธนาการไลท์สำเร็จก็อันตรธานหายไปในทันที ไลท์หอบหายใจหนักขึ้นเนื่องจากใช้เวทมนตร์สร้างแสงซึ่งเขาไม่ถนัดเป็นอย่างมาก
ร่างของเขาหายไปก่อนจะมาปรากฏที่หน้าโดคุซึ่งนั่งขดตัวอยู่ ไลท์ยิ้มให้เด็กหนุ่มเบื้องหน้าอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าของโดคุในทันที
“หนาว ” โดคุพูดด้วยเสียงสั่นเทา ไลท์จึงปลดกระดุมเสื้อนักเรียนของตนเองแล้วยื่นให้
“เอาเสื้อฉันไปใส่ซะสิ” ไลท์พูดขณะยื่นให้
“เอ๋ แล้วนายไม่หนาวเหรอ” โดคุรับเสื้อมาใส่แล้วถามอย่างแปลกใจ เขามองร่างของไลท์ที่เปลือยท่อนบนเนื่องจากไม่ได้ใส่เสื้อกล้ามหรือเสื้อคอกลมไว้ด้านใน
“ถ้าฉันหนาว นายก็คงหนาวกว่า จริงไหม” ไลท์ยิ้มให้ ร่างท่อนบนของเขารู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่แผ่พุ่งเข้ามาไม่สิ้นสุด แต่ก็ยังพยายามตีหน้าตาย ด้วยความคิดที่ว่า ‘ถ้าออกไปจากห้องนี้ได้ ความหนาวก็คงหายไปเอง’
โดคุเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ไลท์ แล้วจู่ ๆ ไลท์ก็รู้สึกถึงพลังบางอย่างที่อัดเข้ามาบริเวณท้องของเขา ทำให้ร่างเด็กหนุ่มร่างบางกระเด็นไปหลังชนกรงเหล็กอันเย็นเยียบ สิ่งที่ดวงตาของไลท์มองเห็น คือ โดคุกำลังอยู่ในท่าที่เพิ่งใช้เท้ายันเขาไปเมื่อครู่
“ทำไม!” ไลท์ร้องออกมา มือกุมท้องของตนไว้ ความหนาวเย็นกับพลังเวทมนตร์ของเขาที่ลดน้อยลงเนื่องจากใช้มนตร์ที่ไม่ถนัดทำให้ประสาทสัมผัสของเขาช้ากว่าปกติ หลังของเขาพิงเข้ากับผนังกรงเหล็กด้วยความอ่อนแรง
“เจ้าโง่ ชุดนักเรียนของโรงเรียนนี้จะช่วยปรับอุณหภูมิที่อยู่ในอากาศรอบ ๆ ได้ ถ้าถอดเมื่อไรพลังนี้ก็จะหายไปท อุณหภูมิติดลบตอนนี้จะทำให้แกเหมือนตกอยู่ในนรกทั้งเป็นเชียวล่ะ” โดคุพูดขึ้น ก่อนที่ร่างของเด็กหนุ่มร่างเล็กเบื้องหน้าไลท์จะค่อย ๆ กลายเป็นเงาดำ และขยายตัวเล็กน้อย
เงาดำแปรเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์อีกครั้ง ร่างโดคุที่ยืนอยู่บัดนี้กลายเป็นร่างของชายหนุ่มผู้มีผมชี้ขึ้นฟ้าสีแดงสด ร่างนั้นมองมาทางไลท์ที่อิดโรยจากการต่อสู้พลางยิ้มเยาะ
“ฉันชื่อ เอลโฟน โอบิรัส คณะกรรมการนักเรียนชั้นปี 4 โรงเรียนอีลิท วิซ พลังของฉันคือ เงา ร่างเด็กปีหนึ่งที่แกเห็นเป็นร่างปลอมที่ฉันใช้เงาสร้าง คราวนี้เป็นแค่การทดสอบหรอกนะ ไม่งั้นฉันใช้พลังเต็มที่ออกมาจัดการตั้งแต่เริ่มแล้ว ตอนนี้แกหลับไปซะเถอะ”
จบ บทที่6
เช้าวันต่อมา นักเรียนปีหนึ่งทุกคนมารวมกันที่หน้าตึกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นตึกสูงก่อสร้างด้วยอิฐสีน้ำตาลแดง โดยมีคาซาดัสนำทางมาจากลานน้ำพุ เขาเรียกตึกนี้ว่า ‘ตึกเลือกสรร’
“เอาล่ะ วันนี้นักเรียนปีหนึ่งทุกคนจะต้องทำการคัดเลือกหอพักของตนเอง โรงเรียนของเรามีหอพักอยู่สี่แห่ง คือ ” คาซาดัสหยุดพูด แล้วร่ายมนตร์เสียงเบาราวกับกระซิบ เมื่อเขาร่ายจบก็ปรากฏตัวอักษรขึ้นกลางอากาศ โดยเรียงเป็น 4 บรรทัด คือ ‘แอธทาเนส’ ‘ฟรอนเทียรัส’ ‘ซีนิท’ และ ‘เพรสเอจ’
“หอแอธทาเนสเป็นที่รวมของผู้ที่เก่งเรื่องพลังทำลาย หอฟรอนเทียรัสเป็นที่รวมของผู้มีสติปัญญาล้ำเลิศ หอซีนิทเป็นที่รวมของผู้เชี่ยวชาญเวทมนตร์ และหอเพรสเอจเป็นหอที่รวมผู้ซึ่งไม่ได้เด่นในเรื่องพลังทำลาย สติปัญญา และเวทมนตร์” คาซาดัสอธิบาย
“หมายความว่ายังไงเหรอครับ ที่บอกว่าคนในหอเพรสเอจจะไม่ได้เด่นในสามเรื่องที่หออื่นถนัด” นักเรียนชายคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม
“อ้อ หมายถึงพวกที่ถนัดด้านอื่น เช่น ความสามารถพิเศษ หรือความเร็ว หรือการประดิษฐ์ของ อะไรพวกนี้น่ะ แต่ที่บอกว่าหอไหนถนัดอะไรก็แค่หมายถึงคนที่ไม่ได้เลือกหอเองหรอกนะ ถ้าจะเลือกหอเองก็เลือกได้ แต่ต้องทำหลังจากสอบคัดเลือกหอเสร็จแล้ว และจะเปลี่ยนหอได้ต่อเมื่อหอที่เราจะเปลี่ยนยังเหลือที่ว่างเท่านั้น เช่น อยากเข้าหอเพรสเอจซึ่งมีจำกัดคนไว้ 50 คน แต่เราสอบคัดเลือกได้หอเอธทาเนส พอทำเรื่องย้ายหอปรากฏว่าหอเพรสเอจมีคนเต็มจากการคัดเลือกหอแล้ว เราก็จะไม่สามารถย้ายหอได้” คาซาดัสอธิบายอย่างละเอียด
“เราจะเปลี่ยนหอพักได้ต่อเมื่อมีคนเปลี่ยนออกจากหอพักนั้น หรือจำนวนคนที่รับได้ยังไม่ครบใช่มั้ยคะ แล้วการเปลี่ยนหอพักสามารถเปลี่ยนได้แค่หลังสอบคัดเลือกเสร็จเท่านั้นใช่มั้ยคะ” เสียงนักเรียนหญิงถามขึ้น
“ใช่แล้วล่ะ การเปลี่ยนหอพักต้องยื่นใบขอเปลี่ยนภายในสองชั่วโมงหลังรู้ผลการคัดเลือกหอ และถ้าใครไปยื่นใบขอเปลี่ยนหอก่อนก็มีสิทธิ์ได้ที่ในหอก่อนด้วย” คาซาดัสตอบ เขารีบพูดต่อก่อนที่จะมีคำถามมากกว่านี้
“เราเริ่มสอบกันเลยดีกว่า วิธีสอบคัดเลือกง่ายยิ่งกว่าง่าย เธอแค่เดินเข้าไปในตึกนี้ ซึ่งมีทั้งหมดสี่ชั้น แต่ละชั้นจะมีกรรมการรออยู่ และเธอต้องทำตามคำสั่งของกรรมการจึงจะได้คะแนน ซึ่งเรื่องเกณฑ์การให้คะแนนฉันก็ยังไม่รู้ เพราะมีการเปลี่ยนกรรมการทุกปี เอ้า! เดินเข้าไปในประตูนี้ทีละคนนะ แต่ละคนให้เว้นช่วงห่างกันคนละสองนาที” คาซาดัสเรียกชื่อนักเรียนเจ้าของหมายเลขผู้สอบหมายเลขหนึ่งออกมา และเปิดประตูให้เขาเข้าไปในตึก ก่อนที่จะกดนาฬิกาข้อมือเพื่อจับเวลา
นักเรียนชั้นปีหนึ่งค่อย ๆ เดินเข้าไปทีละคน ไลท์นึกสงสัยในใจว่าทำไมจึงไม่มีใครออกมาแม้แต่คนเดียว ครู่หนึ่งเมรินก็เข้าไป ตามด้วยพอล และสุดท้ายก็มาถึงหมายเลขของเขาซึ่งเป็นหมายเลขผู้เข้าสอบคนสุดท้ายของปีนี้
“หมายเลข 168 ไลท์ ดิเคออส” คาซาดัสเรียกแล้วเปิดประตูให้ไลท์เดินเข้าไป ชายสวมแว่นยิ้มให้เด็กชายที่เดินเข้าไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เนื่องจากเมื่อมองภายในประตูจากด้านนอกก็พบเพียงความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด
ทันทีที่ประตูเบื้องหลังของเขาปิดลง รอบข้างของเขาก็มีเพียงความมืด ไลท์ลองกางมือทั้งสองข้างออกไป ก็พบว่าด้านซ้ายขวาของเขาเป็นกำแพงเย็นเฉียบ มีเพียงด้านหน้าของเขาที่ไม่มีวัตถุใดกั้น ไลท์ตัดสินใจก้าวไปข้างหน้าแม้จะไม่เห็นอะไรรอบข้าง
เขาเดินไปพร้อมกับใช้มือสองข้างแตะกำแพงด้านซ้ายขวาไปด้วย เผื่อมีทางเลี้ยวจะได้รู้ตัวก่อน ทุกก้าวที่ไลท์เดินเขารู้สึกถึงความเย็นในอากาศรอบข้างที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“หนาวชะมัด ถ้าเราใช้เวทมนตร์ไฟได้ก็ดีสิ” ไลท์รำพึงเบาๆ ก่อนจะหยุดเดินเนื่องจากเบื้องหน้าของเขามีวัตถุบางอย่างกั้นทางอยู่
“ประตู งั้นเหรอ เย็นเฉียบเลยแฮะ” ไลท์แตะวัตถุนั้นเพียงเล็กน้อยก็ทราบว่าเป็นประตูเหล็กที่เย็นมาก ราวกับสิ่งที่เขาจับอยู่คือประตูที่สร้างจากน้ำแข็ง เด็กชายค่อย ๆ ผลักประตู แสงสว่างจากด้านในก็ทำให้เขาแสบตา เพราะสายตาเขาเคยชินกับความมืดแล้ว
ใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าสายตาของไลท์จะสามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ปกติ สิ่งที่เขาเห็นคือห้องขนาดเล็กที่มีแสงไฟจากตะเกียงรอบห้อง ริมห้องมีกรงเหล็กอยู่กรงหนึ่ง เมื่อเขามองเข้าไปในกรงก็พบเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเขาคุ้นตา เป็นเด็กหนุ่มที่สูงกว่าเขาเล็กน้อย อยู่ในชุดทูพีซสีชมพูดลายดอกไม้ เด็กหนุ่มคนนั้นกอดตนเองแน่นด้วยความหนาวเย็น
“! โดคุ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” ไลท์ร้องถามขณะก้าวเข้าไปในห้อง เขามองซ้ายขวาหาศัตรูแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร เมื่อเด็กชายเคลื่อนเข้าใกล้กรงเหล็ก ก็มีอะไรบางอย่างมามัดตัวเขาไว้ ไลท์พยายามมองก็ไม่พบอะไร นอกจากเงาสีดำแปลกประหลาดบนตัวเขา เงานั้นสามารถขยับเขยื้อนไปมาได้
“ศัตรูคราวนี้เป็น เงา งั้นเหรอ” ไลท์พูดเสียงราบเรียบ แต่ดวงตาสีฟ้าของเขากลับฉายแววตื่นเต้น
“ถึงรู้ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก เจ้าหนู” เงาสีดำที่เกาะตัวของไลท์อยู่กล่าวขึ้น ก่อนที่จะปล่อยเด็กชายจากพันธนาการ และหายเข้าไปในเงาของไลท์ เมื่อเด็กชายหลุดจากการพันธนาการก็รีบมองหาเงาลึกลับที่โจมตีเขา แต่กลับไม่พบสิ่งใดที่จะบ่งบอกถึงการมีตัวตนของเงานั้นได้เลย
ไลท์จะเคลื่อนเข้าหากรงอีกครั้ง แต่ทันทีที่เขาขยับขาก็ปรากฏเงาสีดำพุ่งมาเกาะตัวเขาไว้อีก เด็กชายพยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่ช่วยอะไรแม้แต่หน่อย เขาจึงตัดสินใจยืนนิ่ง ครู่หนึ่งเงาสีดำก็หายเข้าไปในเงาของเขาอีก
‘ถ้าเราขยับขามันก็จะพุ่งออกมายึดตัวเราไม่ให้ขยับ แล้วถ้าเราขยับมือจะเป็นยังไงนะ’ ไลท์วิเคราะห์การต่อสู้ เขาลองแกว่งมือก็พบว่าเงาดำนั้นพุ่งมาเกาะกุมตัวของเขาไว้ และทุกครั้งที่มันสัมผัสโดนตัวเขา พลังเวทมนตร์ก็จะโดนดูดไปเรื่อย ๆ ด้วย
‘แย่ล่ะสิ จะขยับอะไรก็ทำไม่ได้เลย ไม่งั้นพลังเวทมนตร์หมดก่อนแน่ เรายิ่งมีพลังเวทมนตร์น้อย ๆ อยู่’ เด็กชายรู้ถึงความเสียเปรียบของตัวเอง จากสองครั้งที่เขาโดนพันธนาการก็ทำให้ได้รู้ว่ากว่าเงาลึกลับจะพุ่งออกมาก็ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งวินาที ‘เวลาร่ายมนตร์มีแค่วินาทีเดียว ต้องใช้คาถาที่ไม่ต้องพูดร่ายมนตร์หรือคาถาที่ร่ายจบในหนึ่งวินาที’ เขาคิด พลางยิ้มด้วยความพอใจ
“ซัน ไลเทล Sun Lightel”
สิ้นเสียง เงาลึกลับก็โผล่ขึ้นมาพันธนาการร่างเขาพอดี ไลท์ยิ้มกริ่มเนื่องจากเวทมนตร์ที่ร่ายได้ทำงานแล้ว แสงในห้องค่อย ๆ สว่างขึ้น ไม่มีทิศทางจุดกำเนิดแสงปรากฏให้เห็น เงาสีดำที่เกาะกุมร่างเด็กชายจึงหายไปเพราะเจอแสงไฟส่องสว่างทั่วห้อง
“เงากับแสงสว่างไม่ใช่ของคู่กันเสมอไป ถ้าจุดกำเนิดแสงอยู่ในด้านที่พอเหมาะก็จะเกิดเงา แต่ถ้ามีแสงสว่างที่หาจุดกำเนิดแสงไม่ได้ เงาก็เป็นเพียงสิ่งไร้ความหมาย” ไลท์กล่าวเสียงราบเรียบ ร่างของเขาชโลมไปด้วยเหงื่อกาฬทั้งที่เพิ่งใช้เวทมนตร์ไปเพียงบทเดียว เด็กชายหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน
“เฮ้อ ไม่น่าใช้เวทมนตร์ที่ไม่ถนัดเลย มันกินพลังเวทมนตร์มากกว่าปกติอีก” ไลท์บ่นพลางเดินเข้าหากรงเหล็ก แสงสว่างจากเวทมนตร์ ‘ซัน ไลเทล’ ทำให้เงาลึกลับไม่สามารถปรากฏตัวออกมาได้ เขาลองเปิดประตูกรงเหล็กแต่เปิดไม่ออก เขาพบว่ามียันต์แผ่นหนึ่งติดอยู่ที่กลอนประตู ซึ่งเขาพยายามดึงแต่ก็ไม่ยอมออกเช่นกัน
“หนาว ” โดคุซึ่งอยู่ในห้องนั้นพูดด้วยเสียงอันโรยแรง สายตาที่ใกล้ปิดลงของเขาจ้องมาที่ไลท์คล้ายกับจะขอความช่วยเหลือ
เด็กหนุ่มร่างผอมบางพยายามหาวิธีเปิดประตู ขณะนี้เวทมนตร์ของเขาเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว แสงสว่างจากเวทมนตร์ ‘ซัน ไลเทล’ค่อย ๆ อ่อนลง ร่างเงาลึกลับค่อย ๆ ปรากฏให้เห็น มันกำลังพันธนาการตัวเขาอยู่ แต่ด้วยเพราะเวทมนตร์ของเขาที่ยังไม่สิ้นฤทธิ์จึงทำให้เงานั้นมีแรงไม่มาก
‘วิธีที่จะเข้าไปในกรงเหล็กนั่นโดยไม่ต้องผ่านประตู มีเพียงวิธีเดียว แต่เมื่อเราเข้าไปแล้วใช่ว่าเราจะพาโดคุออกมาได้’ ไลท์คิดในใจ ก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาด ‘เข้าไปให้ได้ก่อนจะดีที่สุด!’
“ซัน ไลเทล Sun Lightel”
“เทเลพอร์เทต้า Teleporteta”
เขาร่ายมนตร์สองบทติดต่อกัน เวทมนตร์ ‘ซัน ไลเทล’ สร้างแสงเจิดจ้าอีกครั้ง เงาลึกลับที่กำลังจะพันธนาการไลท์สำเร็จก็อันตรธานหายไปในทันที ไลท์หอบหายใจหนักขึ้นเนื่องจากใช้เวทมนตร์สร้างแสงซึ่งเขาไม่ถนัดเป็นอย่างมาก
ร่างของเขาหายไปก่อนจะมาปรากฏที่หน้าโดคุซึ่งนั่งขดตัวอยู่ ไลท์ยิ้มให้เด็กหนุ่มเบื้องหน้าอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าของโดคุในทันที
“หนาว ” โดคุพูดด้วยเสียงสั่นเทา ไลท์จึงปลดกระดุมเสื้อนักเรียนของตนเองแล้วยื่นให้
“เอาเสื้อฉันไปใส่ซะสิ” ไลท์พูดขณะยื่นให้
“เอ๋ แล้วนายไม่หนาวเหรอ” โดคุรับเสื้อมาใส่แล้วถามอย่างแปลกใจ เขามองร่างของไลท์ที่เปลือยท่อนบนเนื่องจากไม่ได้ใส่เสื้อกล้ามหรือเสื้อคอกลมไว้ด้านใน
“ถ้าฉันหนาว นายก็คงหนาวกว่า จริงไหม” ไลท์ยิ้มให้ ร่างท่อนบนของเขารู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่แผ่พุ่งเข้ามาไม่สิ้นสุด แต่ก็ยังพยายามตีหน้าตาย ด้วยความคิดที่ว่า ‘ถ้าออกไปจากห้องนี้ได้ ความหนาวก็คงหายไปเอง’
โดคุเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ไลท์ แล้วจู่ ๆ ไลท์ก็รู้สึกถึงพลังบางอย่างที่อัดเข้ามาบริเวณท้องของเขา ทำให้ร่างเด็กหนุ่มร่างบางกระเด็นไปหลังชนกรงเหล็กอันเย็นเยียบ สิ่งที่ดวงตาของไลท์มองเห็น คือ โดคุกำลังอยู่ในท่าที่เพิ่งใช้เท้ายันเขาไปเมื่อครู่
“ทำไม!” ไลท์ร้องออกมา มือกุมท้องของตนไว้ ความหนาวเย็นกับพลังเวทมนตร์ของเขาที่ลดน้อยลงเนื่องจากใช้มนตร์ที่ไม่ถนัดทำให้ประสาทสัมผัสของเขาช้ากว่าปกติ หลังของเขาพิงเข้ากับผนังกรงเหล็กด้วยความอ่อนแรง
“เจ้าโง่ ชุดนักเรียนของโรงเรียนนี้จะช่วยปรับอุณหภูมิที่อยู่ในอากาศรอบ ๆ ได้ ถ้าถอดเมื่อไรพลังนี้ก็จะหายไปท อุณหภูมิติดลบตอนนี้จะทำให้แกเหมือนตกอยู่ในนรกทั้งเป็นเชียวล่ะ” โดคุพูดขึ้น ก่อนที่ร่างของเด็กหนุ่มร่างเล็กเบื้องหน้าไลท์จะค่อย ๆ กลายเป็นเงาดำ และขยายตัวเล็กน้อย
เงาดำแปรเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์อีกครั้ง ร่างโดคุที่ยืนอยู่บัดนี้กลายเป็นร่างของชายหนุ่มผู้มีผมชี้ขึ้นฟ้าสีแดงสด ร่างนั้นมองมาทางไลท์ที่อิดโรยจากการต่อสู้พลางยิ้มเยาะ
“ฉันชื่อ เอลโฟน โอบิรัส คณะกรรมการนักเรียนชั้นปี 4 โรงเรียนอีลิท วิซ พลังของฉันคือ เงา ร่างเด็กปีหนึ่งที่แกเห็นเป็นร่างปลอมที่ฉันใช้เงาสร้าง คราวนี้เป็นแค่การทดสอบหรอกนะ ไม่งั้นฉันใช้พลังเต็มที่ออกมาจัดการตั้งแต่เริ่มแล้ว ตอนนี้แกหลับไปซะเถอะ”
จบ บทที่6
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น