ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 4 : สู่ทางเดินใหม่
บทที่ 4 : สู่ทางเดินใหม่
เจเนซิสร่างเทามุ่งออกจากซีออนทาวเวอร์ไปยังตรอกมืดด้านหน้า คลื่นพลังอันมหาศาลเคลื่อนตัวเข้ามาเรื่อยๆไม่มีทีท่าจะหยุด พ่อของอัลฟ่าในร่างเจเนซิสหวังเพียงจะหยุดพลังนั้นไว้ก่อนที่มันจะทำลายซีออนทาวเวอร์และคร่าชีวิตลูกชายของเขา ครู่ต่อมาเขาก็วิ่งมาพบต้นเหตุของคลื่นพลังอันรุนแรงนั้น เจเนซิสเผือกตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
เป็นร่างชายวัยกลางคน ผมสั้นสีเทา สวมชุดซัมมอนเนอร์เก้าดาวอันน่าเกรงขาม มีโครงกระดูกกะโหลกของ‘เจนอส มังกรแห่งสายลม’ประดับอยู่ที่ไหล่ซ้าย และโครงกระดูกกะโหลกของ‘ซีบิล มังกรจ้าววารี’ประดับอยู่ที่ไหล่ขวา ผ้าคลุมหนังสัตว์สีน้ำตาลอ่อนด้านหลังมีสัญลักษณ์อาคมเวทดาวหกแฉก ชุดซัมมอนเนอร์สีเงินของเขาส่องประกายระยิบระยับท่ามกลางตรอกที่มีแสงไฟเพียงน้อยนิด ท่าทางการยืนของชายผู้นี้ไร้ช่องโหว่ พลังอันมหาศาลเอ่อทะลักออกมาจากตัวเขาจนเห็นเป็นออร่าสีม่วงเข้มในอากาศ
[พลังมหาศาลนั่นเป็นของเจ้าเองเหรอ แม่ชีฟรีเดล ] เจเนซิสเผือกคุยกับชายคนนั้นทางจิต
“ข้าไม่ได้เป็นแม่ชีแล้วล่ะ ตอนนี้ข้าคือฟรีเดล ซัมมอนเนอร์เก้าดาว” ชายคนนั้นกล่าว
[แปลกแฮะ เจ้าคิดยังไงถึงมาเป็นซัมมอนเนอร์ล่ะ เป็นแม่ชีอยู่ไม่สบายงั้นเหรอ แถมตอนนี้เจ้ายังทำตัวเป็นชายอีกด้วย]
“ชีวิตแม่ชีทำอะไรก็ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ทั้งนั้น เวทโจมตีก็มีแต่ธาตุศักดิ์สิทธิ์ สู้ชีวิตซัมมอนเนอร์ไม่ได้ เราจะเรียกตัวอะไรธาตุอะไรก็ได้ทั้งนั้น ความอิสระในการต่อสู้มันคนละชั้นกับแม่ชีเลยล่ะ แล้วที่ข้าปลอมเป็นชายก็เพราะถ้าใครรู้ว่าข้าเป็นหญิงก็จะไม่ยอมเคารพข้าในฐานะ‘ผู้นำขององค์กร‘มุมมืดแห่งราตรี’’น่ะสิ” ฟรีเดลถอดวิกผมสั้นสีเทาที่ใส่อยู่ออก เผยให้เห็นทรงผมที่แท้จริงเป็นผมสีทองยาวสลวย
[เจ้าเป็นผู้นำองค์กรนั่นนี่เอง งั้นเจ้าก็คงมาตามลูกน้องที่อยู่บนตึกซีออน ทาวเวอร์สินะ] เจเนซิสร่างเทากล่าวอย่างรู้ดี
“ใช่แล้วล่ะ ว่าแต่ เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าเคยเป็นแม่ชีมาก่อน เจ้ารู้ได้ยังไงว่าลูกน้องข้าอยู่บนตึกนั่น เจ้าเป็นใครกันแน่!” ฟรีเดลกระชากเสียงถาม
[จำเสียงข้าไม่ได้งั้นเหรอ ข้าคือ ‘อัลบัส เครเอท’ ผู้ที่เคยเป็นสามีของเจ้าก่อนที่เจ้าจะบวชเป็นแม่ชีไงล่ะ] ฟรีเดลตกใจมากเมื่อได้ยินเจเนซิสกล่าวเช่นนั้น
“ข้าก็ว่าเสียงคุ้นๆตั้งแต่ได้ยินแล้ว ถ้างั้นลูกชายที่อยู่กับเจ้าไปไหนแล้วล่ะ”
[หมายถึงอัลฟ่าสินะ ตั้งแต่เด็กนั่นคลอดออกมา เจ้าก็ตัดสินใจบวชเลยไม่ใช่เหรอ แถมยังบอกอีกว่า ‘พ่อเอาลูกชายของเราไปเลี้ยงเถอะ ลูกชายคนนี้เกิดในวันเวลาที่อัปมงคลนัก แม่จะบวชเป็นชีคอยทำบุญเพื่อลดกรรมที่เด็กคนนี้ได้รับมาตอนเกิด’ แล้วตอนนี้เจ้าก็มาเป็นซัมมอนเนอร์แทน หมายความว่าเจ้าไม่คิดจะทำบุญช่วยลูกตัวเองแล้วล่ะสิ ] คำพูดของอัลบัสทำให้ฟรีเดลเถียงไม่ออก
“ใช่! ข้ามันไม่ใช่คนดีอยู่แล้วล่ะ เด็กนั่นจะตายยังไงข้าก็ไม่สนหรอก!” ฟรีเดลได้แต่กล่าวประชดตัวเอง
อัลบัสนั้นรู้ดีว่าฟรีเดลรักและเป็นห่วงลูกของตัวเองยิ่งกว่าใคร ที่เลิกเป็นแม่ชีก็อาจเพราะได้ทำบุญลบล้างกรรมของอัลฟ่าไปหมดแล้ว ขนาดสามีตัวเองยังไม่ถามเลยว่าทำไมเขากลายเป็นเจเนซิส แต่กลับถามถึงเรื่องทุกข์สุขของลูกตัวเอง แค่นี้ก็เป็นหลักฐานเพียงพอสำหรับความห่วงใยที่เธอมีต่อลูกแล้ว
[ตอนนี้ลูกของเรายังสบายดี ลูกน้องของเจ้าโดนเด็กนั่นปราบหมดแล้วล่ะ ตอนนี้เขากำลังนอนอยู่บนตึกนั่น ว่าแต่เจ้ายังต้องการให้เขากลับมาอยู่กับเจ้าไหม] อัลบัสถาม
“อย่าดีกว่า ถ้าเกิดลูกของเรารู้ว่าข้าเป็นผู้นำองค์กร ‘มุมมืดแห่งราตรี’ ก็คงไม่ดี เจ้าปิดเรื่องนี้ไว้อย่าบอกลูกล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าก็จะกลับองค์กรแล้วล่ะนะ” ฟรีเดลหันหลังจะเดินกลับ แต่อัลบัสกล่าวขึ้นมาก่อน
[เจ้าไม่คิดจะถามเลยเหรอ ว่าทำไมข้าถึงอยู่ในร่างสัตว์ประหลาดแบบนี้]
“ร่างนั่นเป็นร่างของสัตว์ประหลาดในการทดลองที่ชื่อว่า‘เจเนซิส’ เจ้าคงถูกจับไปทดลองล่ะสิ จริงๆแล้วองค์กรของข้าก็สนับสนุนการทดลองครั้งนี้ด้วยเหมือนกัน เลยได้รู้ความเคลื่อนไหวในการทดลองทั้งหมด”
[งั้นเจ้าก็รู้สิ ว่าข้าจะออกจากร่างทดลองนี้ได้ยังไง] อัลบัสถามอย่างมีความหวัง
“ข้าเองก็ไม่รู้หรอกนะ ถ้าเจ้าต้องการกลับมาเป็นมนุษย์ปกติล่ะก็ ลองไปดูที่เมืองเวทมนตร์ ฟรินเนีย(Frynnya)สิ คนที่นั่นคงช่วยเจ้าได้” ฟรีเดลสร้างแผนที่ด้วยเวทมนตร์ ซึ่งเป็นแผนที่ยังไปเมืองฟรินเนีย เธอยื่นแผนที่นั้นให้อัลบัส
[ขอบใจเจ้ามาก น่าเสียดายที่เราต้องแยกทางกันตั้งแต่มีลูกคนแรก ถ้าตอนนี้เรายังอยู่ด้วยกันก็คงเป็นครอบครัวที่มีความสุขดีล่ะนะ] อัลบัสกล่าว สายตาของเขาเศร้าหมอง
“เจ้าอย่าลืมสิ ข้าเป็นผู้นำองค์กร เจ้าเป็นคนที่โดนทดลองจนกลายเป็นสัตว์ประหลาด แล้วลูกเราจะยืนอยู่ในสังคมนักเวทแบบไหนล่ะ ข้าไม่อยากให้เด็กคนนั้นกลายเป็นตัวประหลาดในสังคมหรอกนะ ความคิดของเจ้าตอนนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”
[นั่นสินะ ตอนนี้เด็กนั่นเพิ่งได้เรียนรู้พลังพิเศษ พลังเวทของเขาเยอะมากเชียวล่ะ ข้าคิดจะให้เขาเข้าโรงเรียนผู้ใช้พลังพิเศษที่ใดที่หนึ่ง ส่วนข้าจะเดินทางไปที่ฟรินเนีย เจ้าก็คงจะกลับองค์กรสินะ ข้าเชื่อว่าสักวันเจ้าคงจะได้เจอเด็กนั่นแน่ๆ เขาชื่อ‘อัลฟ่า เครเอท’ จำไว้ให้ดีล่ะ ] อัลบัสกล่าวแล้วเดินไปทางทิศของเมืองฟรินเนียตามแผนที่ ปล่อยให้ฟรีเดลยืนอยู่เพียงผู้เดียว
“เป็นผู้ใช้พลังพิเศษเก่งๆให้ได้ล่ะ ลูกรัก เมื่อถึงเวลานั้นครอบครัวของเราคงจะได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง ” ฟรีเดลรำพึง เธอสวมวิกผมผู้ชายใส่ดังเดิม แล้วเดินกลับไปทางตรอกอันมืดมิดโดยไร้เสียงฝีเท้า
เช้าวันต่อมา อากาศสดใส เสียงไก่ขันดังขึ้นปลุกชาวบ้านที่ยังนอนอยู่ อัลฟ่าสลึมสลือตื่นมาในห้องที่ศพนอนกันเกลื่อนกลาด
สมองของอัลฟ่าเริ่มทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น เขามาที่นี่กับเมฟิน เจอสัตว์ประหลาดที่คนเรียกกันว่า‘เจเนซิส’ แล้วเมฟินก็ถูกเจ้าตัวสีดำฆ่าตาย แล้วเขาก็ฆ่าเจ้าตัวสีดำทิ้ง แล้วเจเนซิสตัวสีเทาเป็นพ่อของเขา แล้วมีคนสามคนจาก‘มุมมืดแห่งราตรี’จะมาจับเจเนซิส แล้วเขาก็ฆ่าทั้งสามคนนั้นทิ้ง หลังจากนั้นเขาก็สลบไป
แต่รอบกายเขาในขณะนี้กลับไม่มีพ่อ ในบริเวณนั้นมีเพียงศพของมีร่า เวเซ่ เมฟิน และอูริค ศพของโจเนสก็หายไปด้วย! พ่อของเขาออกไปพร้อมกับศพของโจเนสงั้นเหรอ?
อัลฟ่าลุกขึ้นยืน ของบางอย่างที่ถูกสอดไว้ในเสื้อของเขาก็ร่วงลงมา เป็นจดหมายและห่อของห่อหนึ่ง เขารีบเปิดจดหมายอ่าน
“ถึงอัลฟ่าลูกรัก แม้ลูกตื่นขึ้นมาไม่เจอพ่อก็อย่าตกใจ ขณะนี้พ่อกำลังออกเดินทางเพื่อหาผู้ที่จะทำให้พ่อกลับมาเป็นมนุษย์ ห่อของที่พ่อทิ้งไว้คือผลึกนางฟ้า ลูกต้องใช้พลังเวทใส่ผลึกนี้ แล้วจะมีนางฟ้า 5 ตนออกมาปรากฏกาย นางฟ้าเหล่านั้นจะอธิบายทุกอย่างให้ลูกเข้าใจเอง อีกเรื่องหนึ่ง จดหมายนี้เป็นจดหมายเวทมนตร์ ข้อความทั้งหมดนี้พ่อสามารถเปลี่ยนได้ทุกเวลา ข้อความพวกนี้จึงเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เมื่อลูกอ่านจบจดหมายฉบับนี้ก็จะทำลายตัวเองทิ้ง หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะ ลูกรัก จากอัลบัส เครเอท” เมื่ออัลฟ่าอ่านจบ จดหมายก็ค่อยๆสลายหายไปในอากาศ
น้ำตาของอัลฟ่าไหลรินออกมา ตอนนี้เขาสูญเสียทุกสิ่ง ทั้งเพื่อนสนิทอย่างเมฟิน ทั้งพ่อของตนที่เพิ่งจะได้พบกัน ชีวิตดูเหมือนจะไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว ความหวังสุดท้ายของเขาก็มีเพียงสิ่งที่พ่อเหลือไว้เท่านั้น ผลึกนางฟ้า
อัลฟ่าเช็ดน้ำตา แล้วหยิบห่อของนั้นขึ้นมาเปิดดู เป็นผลึกทรงกลมที่มีวัตถุคล้ายปีกสีขาวอยู่ด้านใน เขาถือมันไว้ในมือแล้วคิดถึงการใช้พลังเวทใส่ผลึก (สงสัยต้องทำแบบที่เราเคยทำตอนใช้พลังพิเศษ เราต้องคิดในใจว่าทั่วร่างกายมีพลังเวทอยู่) เขาหลับตารวบรวมสมาธิเพ่งไปที่ผลึกนางฟ้า (พลังเวท พลังเวท พลังเวท )
วิ้ง! อัลฟ่าลืมตาขึ้น แสงสีขาวส่องออกมาจากผลึกนั้น แล้วจึงมีแสงพุ่งออกมา 5 สายแยกกันไปคนละจุดของห้อง ปลายแสงแต่ละสายเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นร่างนางฟ้า 5 ตน
ตนหนึ่งชุดสีดำ ตนหนึ่งชุดสีแดง ตนหนึ่งชุดสีเขียว ตนหนึ่งชุดสีขาว ตนหนึ่งชุดสีฟ้า ทุกตนเป็นผู้หญิง มีปีกสีขาวคู่หนึ่งที่หลัง ท่วงท่าดูสง่างามทุกตน
“พวกเราคือนางฟ้าผู้คัดเลือกของสถาบันเวทมนตร์ 5 แห่งในโลกเวทมนตร์” นางฟ้าชุดสีแดงกล่าวขึ้น
“หน้าที่ของพวกเราคือคัดเลือกว่าเธอจะเรียนที่สถาบันเวทมนตร์ไหน” นางฟ้าชุดสีดำเสริม
“พ่อต้องการให้ผมเรียนการใช้เวทมนตร์งั้นเหรอ” อัลฟ่าถามอย่างสงสัย
“ใช่แล้วล่ะ พ่อของเธอฝากบอกมาด้วยว่า ”
นางฟ้าชุดเขียวเสกวัตถุคล้ายลูกบอลสีเทาเล็กๆขึ้นมา เธอกดปุ่มแล้วมีเสียงของพ่อดังขึ้น “ลูกเข้าสถาบันเวทมนตร์แล้วเรียนให้เก่งๆเข้าล่ะ ถ้าลูกใช้พลังพิเศษและเวทมนตร์เก่งเมื่อไรลูกก็จะได้พบพ่อเมื่อนั้น ”
อัลฟ่าไม่มีทางเลือก เขาถามนางฟ้าชุดดำที่ยืนอยู่ข้างหน้า “แล้วผมจะได้เรียนสถาบันเวทมนตร์ไหนล่ะ?”
“อืม สถาบันเวทมนตร์มีทั้งหมด 5 ที่ ก็คือ ” นางฟ้าชุดดำหันหน้าไปทางนางฟ้าชุดขาว
“1.‘โรงเรียนศาสนจักรเวทมนตร์ เซนต์ไบรนา(Saint Bryna)’ นักเรียนที่นี่ต้องบวชเป็นนักบวช(Monk)หรือแม่ชี(Priest)เสียก่อน วิชาหลักที่สอนคือเวทมนตร์ขาว” นางฟ้าชุดขาวอธิบาย
“2.‘โรงเรียนเวทมนตร์ ใบไม้จตุรธาตุ(4 Elements Leaves)’ นักเรียนที่นี่จะเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ธาตุ(Elemental Magician)เสียส่วนใหญ่ วิชาหลักคือการบังคับพลังธาตุ” นางฟ้าชุดเขียวอธิบายต่อ
“3.‘โรงเรียนเวทมนตร์ มรกตความมืด(Dark Emerald)’ นักเรียนส่วนใหญ่ที่นี่จะเป็นผู้เรียกสัตว์อสูร(Summoner) วิชาหลักคือความสามารถของสัตว์อสูร” นางฟ้าชุดดำอธิบายบ้าง
“4.‘โรงเรียนเวทมนตร์ ฟีนิกซ์เพลิง(Fire Phoenix)’ นักเรียนส่วนใหญ่ที่นี่จะเป็นนักสู้พลังเวท(Magic Fighter) วิชาหลักคือการใส่พลังเวทเพิ่มประสิทธิภาพให้วัตถุ” นางฟ้าชุดแดงอธิบายต่อ
“5.‘โรงเรียนเวทมนตร์ คลื่นลวงตา(Mirage Wave)’ ที่นี่จะมีนักเรียนทุกอาชีพพอๆกัน วิชาหลักหลักคือการใช้พลังพิเศษ” นางฟ้าชุดสีฟ้าอธิบายเป็นคนสุดท้าย
มีโรงเรียนเยอะจนอัลฟ่าเลือกไม่ถูก ในใจเขาอยากเรียนทุกโรงเรียนถ้าเป็นไปได้
“เอาล่ะ เราจะทำการคัดเลือกโรงเรียนให้เธอล่ะนะ หลับตาทำสมองให้ว่างเข้าไว้” นางฟ้าชุดเขียวกล่าวขึ้น อัลฟ่าหลับตาตามที่เธอบอก
นางฟ้าทั้งห้าจับมือกันล้อมอัลฟ่าไว้ พวกเธอร่ายคาถาด้วยภาษาแปลกๆพร้อมกัน ฉับพลันในหัวของอัลฟ่าก็มีภาพเหตุการณ์ในอดีตของเขาสลับกันไปมา มีตั้งแต่ภาพตอนเขาเป็นเด็กไปถึงภาพเหตุการณ์ไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ในหัวของเขาปั่นป่วนไปหมด
ประมาณสามนาที ภาพทั้งหมดก็หายไป นางฟ้าทั้งห้าหยุดร่ายคาถา ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ อัลฟ่าลืมตาขึ้น
“การคัดเลือกเสร็จแล้วสินะครับ ผลเป็นยังไงบ้างล่ะ” อัลฟ่ากล่าวถามทันที
นางฟ้าทั้งห้ามองหน้ากันแล้วพยักหน้า ก่อนที่นางฟ้าชุดสีฟ้าจะพูดขึ้น “เธอได้อยู่โรงเรียนเวทมนตร์ มิราจเวฟหรืออีกชื่อหนึ่งคือ โรงเรียนเวทมนตร์ คลื่นลวงตา”
“พวกเราไปก่อนล่ะ อาเทมิสจัดการต่อด้วยละกัน” นางฟ้าชุดแดงกล่าวขึ้น แล้วนางฟ้าทั้งสี่ตนหายวับไปเหลือเพียงนางฟ้าชุดสีฟ้ายืนอยู่
“โรงเรียนของเราสอนเกี่ยวกับพลังพิเศษ ซึ่งต่างจากโรงเรียนเวทมนตร์อื่นๆที่สอนเกี่ยวกับพลังเวท ตอนที่ทำการคัดเลือกในใจของเธอคิดแต่เรื่องพลังพิเศษล่ะสิ นักเรียนของเราในปีหนึ่งๆมีน้อยกว่าโรงเรียนอื่นๆเกือบเท่าตัว ฉะนั้นเราจึงมีการให้ของขวัญกับนักเรียนเข้าใหม่ทุกคน !” นางฟ้าอาเทมิสพูดอย่างตื่นเต้น
“ของขวัญ งั้นเหรอครับ?” อัลฟ่าสงสัย
อาเทมิสยิ้ม เธอร่ายคาถาบทหนึ่ง เมื่อร่ายจบก็มีลูกเต๋าเล็กๆลูกหนึ่งปรากฏขึ้น เธอยื่นมันให้อัลฟ่า
“ลูกเต๋าเนี่ยเหรอครับ ของขวัญที่ว่าน่ะ?” อัลฟ่าขมวดคิ้ว
“เธอต้องทอยลูกเต๋าลงบนพื้น ของขวัญที่เธอจะได้รับขึ้นอยู่กับจำนวนจุดของหน้าลูกเต๋าที่ทอยได้ กับสีของจุดบนหน้าลูกเต๋า สีของจุดจะเปลี่ยนตามอุณหภูมิและความแรงในการกระแทกพื้นของลูกเต๋าน่ะ” เสียงของอาเทมิสยังตื่นเต้นอยู่
อัลฟ่าปาลูกเต๋าลงพื้นอย่างแรง เมื่อมันแตะพื้นครั้งแรกก็กระเด้งขึ้นไปทางซ้าย พอมันตกพื้นมันก็กระเด้งไปข้างหน้า พอมันตกอีกครั้งก็กระเด้งไปทางขวา เมื่อมันตกถึงพื้นอีกคราวนี้มันก็เลิกกระเด้ง แล้วหมุนตัวของมันต่อ
อัลฟ่ารอดูอย่างใจจดใจจ่อ ความเร็วในการหมุนตัวของลูกเต๋าลดลงเรื่อยๆ สีของจุดบนลูกเต๋าก็เปลี่ยนทุกครั้งที่มันหมุนครบรอบ อาเทมิสยืนยิ้มอยู่ห่างๆ
และแล้วเวลาแห่งการรอคอยก็หมดลง ลูกเต๋าหยุดหมุน หน้าด้านบนของลูกเต๋าปรากฏจุดจำนวนหนึ่งขึ้นมา
“มี3จุด เป็นจุดสีทองทั้งหมดครับ” อัลฟ่าบอกอาเทมิสที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“เธอนี่โชคดีจริงๆนะ เธอคงเป็นคนแรกที่ได้จุดสีทอง เพราะตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยเห็นเลย ” เสียงอาเทมิสตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีก
อาเทมิสร่างคาถาบทหนึ่งใส่ลูกเต๋า “กิฟเท็น กิฟวีน(Giften Givene)” ลูกเต๋าแปรสภาพกลายเป็นแสงสีขาวทันที แสงนั้นเริ่มกลายร่างจนเหมือนเป็นรูปร่างคนตัวเตี้ยๆ
“นักเรียนใหม่งั้นเหรอ อาเทมิส” เสียงแหบๆดังออกมาจากแสงนั้น แสงสีขาวค่อยๆเปลี่ยนเป็นมนุษย์ ชายแก่ตัวเตี้ยในชุดผ้าฝ้ายสีครีมปรากฏกายขึ้น
“ค่ะ ท่านมาริค เด็กคนนี้ชื่อ ‘อัลฟ่า เครเอท’ ค่ะ” อาเทมิสตอบอย่างสุภาพ
“ถ้า‘รองผู้อำนวยการโรงเรียน’มาแบบนี้ต้องเป็นของขวัญที่สุดยอดแน่เลย ใช่ไหมคะ” เธอถาม
มาริคพยักหน้าตอบแล้วหันไปทางอัลฟ่า “ของขวัญที่เธอได้รับคือ การเรียกวิญญาณ” เขาพูดด้วยเสียงแหบแห้ง
“หมายถึงวิชาของ‘เนโครแมนเซอร์(Necromancer หรือ ผู้เรียกวิญญาณ)’เหรอคะ” อาเทมิสถามอย่างตื่นเต้น
มาริคพยักหน้าตอบอีกครั้ง อัลฟ่ายังยืนงงกับของขวัญที่มาริคบอกอยู่ มาริคจึงอธิบายเรื่องของขวัญให้อัลฟ่าเข้าใจ
“ของขวัญที่เธอได้รับ คือ ฉันจะเรียกวิญญาณคนที่เธอต้องการให้มาอยู่ในตัวเธอ วิญญาณที่เรียกมานั้นจะมีแต่เธอเท่านั้นที่เห็นและได้ยินเสียง ส่วนคนอื่นๆจะไม่สามารถได้ยินหรือเห็นวิญญาณนั้นได้ ยกเว้นเธอจะทำพันธะสัญญาเลือดกับคนที่ต้องการให้เห็นและได้ยินเสียง”
“พันธะสัญญาเลือด ?” อัลฟ่าย้ำคำอย่างสงสัย
มาริคบอกเพียงสั้นๆ “เดี๋ยวเธอก็รู้ ” เขาร่ายคาถาเรียกคทาสีดำออกมา ปลายคทาเป็นวัตถุแกะสลักรูปวิญญาณ ชุดผ้าฝ้ายของเขาเปลี่ยนเป็นชุดคลุมหนังสีดำ ภายในชุดคลุมเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำมีตัวอักษรสีขาวพิมพ์ว่า‘NCM’ ซึ่งย่อมาจาก ‘NeCroMancer’
“แด่สวรรค์ชั้นฟ้าเบื้องบน ในนามแห่งข้า มาริค ผู้เรียกวิญญาณขั้นสูงสุด ขออำนาจเรียกดวงวิญญาณมาสถิต ณ ที่นี้!” ท้องฟ้ามืดครึ้มทันทีเมื่อมาริคร่ายคาถา อัลฟ่ากับอาเทมิสเฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่อ
“สู่นรกภูมิเบื้องล่าง จงฟังข้าในฐานะตัวแทนแห่งเทพสวรรค์ ” มาริคร่ายคาถาอีกต่อ เขาหันไปพยักหน้ากับอาเทมิส
“บอกชื่อของคนที่เธอต้องให้นำกลับมาหน่อยสิ” อาเทมิสถามอัลฟ่า เพื่อให้มาริคเรียกวิญญาณออกมา
สมองอัลฟ่าคิดไปเรื่อยๆ พ่อ ก็ออกเดินทางไปแล้ว แม่ พ่อก็บอกว่าหายสาบสูญไป แต่เขาก็ไม่รู้ชื่อของแม่ กลุ่มนรกทมิฬ(Greyhell)ที่อัลฟ่าเคยอยู่ เขาก็ไม่คิดจะกลับไปแล้ว ตอนนี้ในความคิดจึงเหลือเพียงเพื่อนสนิทที่สุดของเขา เมฟิน
“เมฟิน เมฟิน นอร์ทเวย์ ครับ” อัลฟ่าตอบ หัวใจของเขาเต้นแรงเมื่อคิดว่าเมฟินกำลังจะกลับมาอีกครั้ง เขาเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ
“จงส่งดวงวิญญาณที่ข้าต้องการมา ณ บัดนี้ นามแห่งวิญญาณนั้นคือ ‘เมฟิน นอร์ทเวย์’ !” เปรี้ยง! เมื่อร่ายคาถาจบฟ้าก็ผ่าลงมาทันที เบื้องหน้าอัลฟ่าปรากฏของใสๆกำลังรวมตัวกันอยู่
“บอกแล้วไงว่าเราจะไม่ทิ้งกัน อัลฟ่า” เสียงนั้นคุ้นหูยิ่งนัก ของใสๆเบื้องหน้ารวมตัวกันเป็นร่างเมฟิน ร่างนั้นใสเล็กน้อย อัลฟ่าสามารถมองทะลุผ่านไปได้
อัลฟ่ากอดเมฟินจนแน่น เหมือนไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องจากไปอีก อาเทมิสกับมาริคยืนอยู่ห่างๆและยิ้มอย่างพอใจ
“เฮ้! เลิกกอดกันได้แล้ว อัลฟ่า พวกเราไม่ใช่เกย์สักหน่อย” เมฟินพูดขึ้น ก่อนที่จะผละออกจากอ้อมกอด นิสัยของเขายังชอบพูดกวนประสาทผู้อื่นเช่นเคย
“เจ้าหนูนี่โชคดีจริงๆนะ ของขวัญการเรียกวิญญาณเป็นของขวัญที่เพิ่งตั้งมาใหม่ปีนี้ แล้วฉันจะทำแค่ครั้งเดียวต่อปีเท่านั้นด้วย ผ่านปีใหม่มาไม่กี่เดือนเจ้าหนูนี่ได้ของขวัญที่ไม่มีใครเคยได้ไปซะแล้ว ฮ่า ฮ่า!” มาริคพูด เขาหัวเราะเสียงดัง
“มิน่าเล่า หนูทำงานมาหลายปีแล้วยังไม่เคยเห็นใครได้ของขวัญนี่เลย” อาเทมิสกล่าว เธอหัวเราะแม้จะมองไม่เห็นเมฟิน
น้ำตาอุ่นๆของอัลฟ่าไหลออกมา คราวนี้มิใช่น้ำตาแห่งความโศกเศร้าที่เสียคนรักไป หากแต่เป็นน้ำตาแห่งความปีติที่ได้พบคนรักอีกครั้ง ในใจของอัลฟ่าหวังแต่เพียงว่า ขอให้เรื่องนี้ไม่ใช่ความฝัน
จบ บทที่4
เจเนซิสร่างเทามุ่งออกจากซีออนทาวเวอร์ไปยังตรอกมืดด้านหน้า คลื่นพลังอันมหาศาลเคลื่อนตัวเข้ามาเรื่อยๆไม่มีทีท่าจะหยุด พ่อของอัลฟ่าในร่างเจเนซิสหวังเพียงจะหยุดพลังนั้นไว้ก่อนที่มันจะทำลายซีออนทาวเวอร์และคร่าชีวิตลูกชายของเขา ครู่ต่อมาเขาก็วิ่งมาพบต้นเหตุของคลื่นพลังอันรุนแรงนั้น เจเนซิสเผือกตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
เป็นร่างชายวัยกลางคน ผมสั้นสีเทา สวมชุดซัมมอนเนอร์เก้าดาวอันน่าเกรงขาม มีโครงกระดูกกะโหลกของ‘เจนอส มังกรแห่งสายลม’ประดับอยู่ที่ไหล่ซ้าย และโครงกระดูกกะโหลกของ‘ซีบิล มังกรจ้าววารี’ประดับอยู่ที่ไหล่ขวา ผ้าคลุมหนังสัตว์สีน้ำตาลอ่อนด้านหลังมีสัญลักษณ์อาคมเวทดาวหกแฉก ชุดซัมมอนเนอร์สีเงินของเขาส่องประกายระยิบระยับท่ามกลางตรอกที่มีแสงไฟเพียงน้อยนิด ท่าทางการยืนของชายผู้นี้ไร้ช่องโหว่ พลังอันมหาศาลเอ่อทะลักออกมาจากตัวเขาจนเห็นเป็นออร่าสีม่วงเข้มในอากาศ
[พลังมหาศาลนั่นเป็นของเจ้าเองเหรอ แม่ชีฟรีเดล ] เจเนซิสเผือกคุยกับชายคนนั้นทางจิต
“ข้าไม่ได้เป็นแม่ชีแล้วล่ะ ตอนนี้ข้าคือฟรีเดล ซัมมอนเนอร์เก้าดาว” ชายคนนั้นกล่าว
[แปลกแฮะ เจ้าคิดยังไงถึงมาเป็นซัมมอนเนอร์ล่ะ เป็นแม่ชีอยู่ไม่สบายงั้นเหรอ แถมตอนนี้เจ้ายังทำตัวเป็นชายอีกด้วย]
“ชีวิตแม่ชีทำอะไรก็ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ทั้งนั้น เวทโจมตีก็มีแต่ธาตุศักดิ์สิทธิ์ สู้ชีวิตซัมมอนเนอร์ไม่ได้ เราจะเรียกตัวอะไรธาตุอะไรก็ได้ทั้งนั้น ความอิสระในการต่อสู้มันคนละชั้นกับแม่ชีเลยล่ะ แล้วที่ข้าปลอมเป็นชายก็เพราะถ้าใครรู้ว่าข้าเป็นหญิงก็จะไม่ยอมเคารพข้าในฐานะ‘ผู้นำขององค์กร‘มุมมืดแห่งราตรี’’น่ะสิ” ฟรีเดลถอดวิกผมสั้นสีเทาที่ใส่อยู่ออก เผยให้เห็นทรงผมที่แท้จริงเป็นผมสีทองยาวสลวย
[เจ้าเป็นผู้นำองค์กรนั่นนี่เอง งั้นเจ้าก็คงมาตามลูกน้องที่อยู่บนตึกซีออน ทาวเวอร์สินะ] เจเนซิสร่างเทากล่าวอย่างรู้ดี
“ใช่แล้วล่ะ ว่าแต่ เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าเคยเป็นแม่ชีมาก่อน เจ้ารู้ได้ยังไงว่าลูกน้องข้าอยู่บนตึกนั่น เจ้าเป็นใครกันแน่!” ฟรีเดลกระชากเสียงถาม
[จำเสียงข้าไม่ได้งั้นเหรอ ข้าคือ ‘อัลบัส เครเอท’ ผู้ที่เคยเป็นสามีของเจ้าก่อนที่เจ้าจะบวชเป็นแม่ชีไงล่ะ] ฟรีเดลตกใจมากเมื่อได้ยินเจเนซิสกล่าวเช่นนั้น
“ข้าก็ว่าเสียงคุ้นๆตั้งแต่ได้ยินแล้ว ถ้างั้นลูกชายที่อยู่กับเจ้าไปไหนแล้วล่ะ”
[หมายถึงอัลฟ่าสินะ ตั้งแต่เด็กนั่นคลอดออกมา เจ้าก็ตัดสินใจบวชเลยไม่ใช่เหรอ แถมยังบอกอีกว่า ‘พ่อเอาลูกชายของเราไปเลี้ยงเถอะ ลูกชายคนนี้เกิดในวันเวลาที่อัปมงคลนัก แม่จะบวชเป็นชีคอยทำบุญเพื่อลดกรรมที่เด็กคนนี้ได้รับมาตอนเกิด’ แล้วตอนนี้เจ้าก็มาเป็นซัมมอนเนอร์แทน หมายความว่าเจ้าไม่คิดจะทำบุญช่วยลูกตัวเองแล้วล่ะสิ ] คำพูดของอัลบัสทำให้ฟรีเดลเถียงไม่ออก
“ใช่! ข้ามันไม่ใช่คนดีอยู่แล้วล่ะ เด็กนั่นจะตายยังไงข้าก็ไม่สนหรอก!” ฟรีเดลได้แต่กล่าวประชดตัวเอง
อัลบัสนั้นรู้ดีว่าฟรีเดลรักและเป็นห่วงลูกของตัวเองยิ่งกว่าใคร ที่เลิกเป็นแม่ชีก็อาจเพราะได้ทำบุญลบล้างกรรมของอัลฟ่าไปหมดแล้ว ขนาดสามีตัวเองยังไม่ถามเลยว่าทำไมเขากลายเป็นเจเนซิส แต่กลับถามถึงเรื่องทุกข์สุขของลูกตัวเอง แค่นี้ก็เป็นหลักฐานเพียงพอสำหรับความห่วงใยที่เธอมีต่อลูกแล้ว
[ตอนนี้ลูกของเรายังสบายดี ลูกน้องของเจ้าโดนเด็กนั่นปราบหมดแล้วล่ะ ตอนนี้เขากำลังนอนอยู่บนตึกนั่น ว่าแต่เจ้ายังต้องการให้เขากลับมาอยู่กับเจ้าไหม] อัลบัสถาม
“อย่าดีกว่า ถ้าเกิดลูกของเรารู้ว่าข้าเป็นผู้นำองค์กร ‘มุมมืดแห่งราตรี’ ก็คงไม่ดี เจ้าปิดเรื่องนี้ไว้อย่าบอกลูกล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าก็จะกลับองค์กรแล้วล่ะนะ” ฟรีเดลหันหลังจะเดินกลับ แต่อัลบัสกล่าวขึ้นมาก่อน
[เจ้าไม่คิดจะถามเลยเหรอ ว่าทำไมข้าถึงอยู่ในร่างสัตว์ประหลาดแบบนี้]
“ร่างนั่นเป็นร่างของสัตว์ประหลาดในการทดลองที่ชื่อว่า‘เจเนซิส’ เจ้าคงถูกจับไปทดลองล่ะสิ จริงๆแล้วองค์กรของข้าก็สนับสนุนการทดลองครั้งนี้ด้วยเหมือนกัน เลยได้รู้ความเคลื่อนไหวในการทดลองทั้งหมด”
[งั้นเจ้าก็รู้สิ ว่าข้าจะออกจากร่างทดลองนี้ได้ยังไง] อัลบัสถามอย่างมีความหวัง
“ข้าเองก็ไม่รู้หรอกนะ ถ้าเจ้าต้องการกลับมาเป็นมนุษย์ปกติล่ะก็ ลองไปดูที่เมืองเวทมนตร์ ฟรินเนีย(Frynnya)สิ คนที่นั่นคงช่วยเจ้าได้” ฟรีเดลสร้างแผนที่ด้วยเวทมนตร์ ซึ่งเป็นแผนที่ยังไปเมืองฟรินเนีย เธอยื่นแผนที่นั้นให้อัลบัส
[ขอบใจเจ้ามาก น่าเสียดายที่เราต้องแยกทางกันตั้งแต่มีลูกคนแรก ถ้าตอนนี้เรายังอยู่ด้วยกันก็คงเป็นครอบครัวที่มีความสุขดีล่ะนะ] อัลบัสกล่าว สายตาของเขาเศร้าหมอง
“เจ้าอย่าลืมสิ ข้าเป็นผู้นำองค์กร เจ้าเป็นคนที่โดนทดลองจนกลายเป็นสัตว์ประหลาด แล้วลูกเราจะยืนอยู่ในสังคมนักเวทแบบไหนล่ะ ข้าไม่อยากให้เด็กคนนั้นกลายเป็นตัวประหลาดในสังคมหรอกนะ ความคิดของเจ้าตอนนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”
[นั่นสินะ ตอนนี้เด็กนั่นเพิ่งได้เรียนรู้พลังพิเศษ พลังเวทของเขาเยอะมากเชียวล่ะ ข้าคิดจะให้เขาเข้าโรงเรียนผู้ใช้พลังพิเศษที่ใดที่หนึ่ง ส่วนข้าจะเดินทางไปที่ฟรินเนีย เจ้าก็คงจะกลับองค์กรสินะ ข้าเชื่อว่าสักวันเจ้าคงจะได้เจอเด็กนั่นแน่ๆ เขาชื่อ‘อัลฟ่า เครเอท’ จำไว้ให้ดีล่ะ ] อัลบัสกล่าวแล้วเดินไปทางทิศของเมืองฟรินเนียตามแผนที่ ปล่อยให้ฟรีเดลยืนอยู่เพียงผู้เดียว
“เป็นผู้ใช้พลังพิเศษเก่งๆให้ได้ล่ะ ลูกรัก เมื่อถึงเวลานั้นครอบครัวของเราคงจะได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง ” ฟรีเดลรำพึง เธอสวมวิกผมผู้ชายใส่ดังเดิม แล้วเดินกลับไปทางตรอกอันมืดมิดโดยไร้เสียงฝีเท้า
เช้าวันต่อมา อากาศสดใส เสียงไก่ขันดังขึ้นปลุกชาวบ้านที่ยังนอนอยู่ อัลฟ่าสลึมสลือตื่นมาในห้องที่ศพนอนกันเกลื่อนกลาด
สมองของอัลฟ่าเริ่มทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น เขามาที่นี่กับเมฟิน เจอสัตว์ประหลาดที่คนเรียกกันว่า‘เจเนซิส’ แล้วเมฟินก็ถูกเจ้าตัวสีดำฆ่าตาย แล้วเขาก็ฆ่าเจ้าตัวสีดำทิ้ง แล้วเจเนซิสตัวสีเทาเป็นพ่อของเขา แล้วมีคนสามคนจาก‘มุมมืดแห่งราตรี’จะมาจับเจเนซิส แล้วเขาก็ฆ่าทั้งสามคนนั้นทิ้ง หลังจากนั้นเขาก็สลบไป
แต่รอบกายเขาในขณะนี้กลับไม่มีพ่อ ในบริเวณนั้นมีเพียงศพของมีร่า เวเซ่ เมฟิน และอูริค ศพของโจเนสก็หายไปด้วย! พ่อของเขาออกไปพร้อมกับศพของโจเนสงั้นเหรอ?
อัลฟ่าลุกขึ้นยืน ของบางอย่างที่ถูกสอดไว้ในเสื้อของเขาก็ร่วงลงมา เป็นจดหมายและห่อของห่อหนึ่ง เขารีบเปิดจดหมายอ่าน
“ถึงอัลฟ่าลูกรัก แม้ลูกตื่นขึ้นมาไม่เจอพ่อก็อย่าตกใจ ขณะนี้พ่อกำลังออกเดินทางเพื่อหาผู้ที่จะทำให้พ่อกลับมาเป็นมนุษย์ ห่อของที่พ่อทิ้งไว้คือผลึกนางฟ้า ลูกต้องใช้พลังเวทใส่ผลึกนี้ แล้วจะมีนางฟ้า 5 ตนออกมาปรากฏกาย นางฟ้าเหล่านั้นจะอธิบายทุกอย่างให้ลูกเข้าใจเอง อีกเรื่องหนึ่ง จดหมายนี้เป็นจดหมายเวทมนตร์ ข้อความทั้งหมดนี้พ่อสามารถเปลี่ยนได้ทุกเวลา ข้อความพวกนี้จึงเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เมื่อลูกอ่านจบจดหมายฉบับนี้ก็จะทำลายตัวเองทิ้ง หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะ ลูกรัก จากอัลบัส เครเอท” เมื่ออัลฟ่าอ่านจบ จดหมายก็ค่อยๆสลายหายไปในอากาศ
น้ำตาของอัลฟ่าไหลรินออกมา ตอนนี้เขาสูญเสียทุกสิ่ง ทั้งเพื่อนสนิทอย่างเมฟิน ทั้งพ่อของตนที่เพิ่งจะได้พบกัน ชีวิตดูเหมือนจะไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว ความหวังสุดท้ายของเขาก็มีเพียงสิ่งที่พ่อเหลือไว้เท่านั้น ผลึกนางฟ้า
อัลฟ่าเช็ดน้ำตา แล้วหยิบห่อของนั้นขึ้นมาเปิดดู เป็นผลึกทรงกลมที่มีวัตถุคล้ายปีกสีขาวอยู่ด้านใน เขาถือมันไว้ในมือแล้วคิดถึงการใช้พลังเวทใส่ผลึก (สงสัยต้องทำแบบที่เราเคยทำตอนใช้พลังพิเศษ เราต้องคิดในใจว่าทั่วร่างกายมีพลังเวทอยู่) เขาหลับตารวบรวมสมาธิเพ่งไปที่ผลึกนางฟ้า (พลังเวท พลังเวท พลังเวท )
วิ้ง! อัลฟ่าลืมตาขึ้น แสงสีขาวส่องออกมาจากผลึกนั้น แล้วจึงมีแสงพุ่งออกมา 5 สายแยกกันไปคนละจุดของห้อง ปลายแสงแต่ละสายเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นร่างนางฟ้า 5 ตน
ตนหนึ่งชุดสีดำ ตนหนึ่งชุดสีแดง ตนหนึ่งชุดสีเขียว ตนหนึ่งชุดสีขาว ตนหนึ่งชุดสีฟ้า ทุกตนเป็นผู้หญิง มีปีกสีขาวคู่หนึ่งที่หลัง ท่วงท่าดูสง่างามทุกตน
“พวกเราคือนางฟ้าผู้คัดเลือกของสถาบันเวทมนตร์ 5 แห่งในโลกเวทมนตร์” นางฟ้าชุดสีแดงกล่าวขึ้น
“หน้าที่ของพวกเราคือคัดเลือกว่าเธอจะเรียนที่สถาบันเวทมนตร์ไหน” นางฟ้าชุดสีดำเสริม
“พ่อต้องการให้ผมเรียนการใช้เวทมนตร์งั้นเหรอ” อัลฟ่าถามอย่างสงสัย
“ใช่แล้วล่ะ พ่อของเธอฝากบอกมาด้วยว่า ”
นางฟ้าชุดเขียวเสกวัตถุคล้ายลูกบอลสีเทาเล็กๆขึ้นมา เธอกดปุ่มแล้วมีเสียงของพ่อดังขึ้น “ลูกเข้าสถาบันเวทมนตร์แล้วเรียนให้เก่งๆเข้าล่ะ ถ้าลูกใช้พลังพิเศษและเวทมนตร์เก่งเมื่อไรลูกก็จะได้พบพ่อเมื่อนั้น ”
อัลฟ่าไม่มีทางเลือก เขาถามนางฟ้าชุดดำที่ยืนอยู่ข้างหน้า “แล้วผมจะได้เรียนสถาบันเวทมนตร์ไหนล่ะ?”
“อืม สถาบันเวทมนตร์มีทั้งหมด 5 ที่ ก็คือ ” นางฟ้าชุดดำหันหน้าไปทางนางฟ้าชุดขาว
“1.‘โรงเรียนศาสนจักรเวทมนตร์ เซนต์ไบรนา(Saint Bryna)’ นักเรียนที่นี่ต้องบวชเป็นนักบวช(Monk)หรือแม่ชี(Priest)เสียก่อน วิชาหลักที่สอนคือเวทมนตร์ขาว” นางฟ้าชุดขาวอธิบาย
“2.‘โรงเรียนเวทมนตร์ ใบไม้จตุรธาตุ(4 Elements Leaves)’ นักเรียนที่นี่จะเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ธาตุ(Elemental Magician)เสียส่วนใหญ่ วิชาหลักคือการบังคับพลังธาตุ” นางฟ้าชุดเขียวอธิบายต่อ
“3.‘โรงเรียนเวทมนตร์ มรกตความมืด(Dark Emerald)’ นักเรียนส่วนใหญ่ที่นี่จะเป็นผู้เรียกสัตว์อสูร(Summoner) วิชาหลักคือความสามารถของสัตว์อสูร” นางฟ้าชุดดำอธิบายบ้าง
“4.‘โรงเรียนเวทมนตร์ ฟีนิกซ์เพลิง(Fire Phoenix)’ นักเรียนส่วนใหญ่ที่นี่จะเป็นนักสู้พลังเวท(Magic Fighter) วิชาหลักคือการใส่พลังเวทเพิ่มประสิทธิภาพให้วัตถุ” นางฟ้าชุดแดงอธิบายต่อ
“5.‘โรงเรียนเวทมนตร์ คลื่นลวงตา(Mirage Wave)’ ที่นี่จะมีนักเรียนทุกอาชีพพอๆกัน วิชาหลักหลักคือการใช้พลังพิเศษ” นางฟ้าชุดสีฟ้าอธิบายเป็นคนสุดท้าย
มีโรงเรียนเยอะจนอัลฟ่าเลือกไม่ถูก ในใจเขาอยากเรียนทุกโรงเรียนถ้าเป็นไปได้
“เอาล่ะ เราจะทำการคัดเลือกโรงเรียนให้เธอล่ะนะ หลับตาทำสมองให้ว่างเข้าไว้” นางฟ้าชุดเขียวกล่าวขึ้น อัลฟ่าหลับตาตามที่เธอบอก
นางฟ้าทั้งห้าจับมือกันล้อมอัลฟ่าไว้ พวกเธอร่ายคาถาด้วยภาษาแปลกๆพร้อมกัน ฉับพลันในหัวของอัลฟ่าก็มีภาพเหตุการณ์ในอดีตของเขาสลับกันไปมา มีตั้งแต่ภาพตอนเขาเป็นเด็กไปถึงภาพเหตุการณ์ไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ในหัวของเขาปั่นป่วนไปหมด
ประมาณสามนาที ภาพทั้งหมดก็หายไป นางฟ้าทั้งห้าหยุดร่ายคาถา ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ อัลฟ่าลืมตาขึ้น
“การคัดเลือกเสร็จแล้วสินะครับ ผลเป็นยังไงบ้างล่ะ” อัลฟ่ากล่าวถามทันที
นางฟ้าทั้งห้ามองหน้ากันแล้วพยักหน้า ก่อนที่นางฟ้าชุดสีฟ้าจะพูดขึ้น “เธอได้อยู่โรงเรียนเวทมนตร์ มิราจเวฟหรืออีกชื่อหนึ่งคือ โรงเรียนเวทมนตร์ คลื่นลวงตา”
“พวกเราไปก่อนล่ะ อาเทมิสจัดการต่อด้วยละกัน” นางฟ้าชุดแดงกล่าวขึ้น แล้วนางฟ้าทั้งสี่ตนหายวับไปเหลือเพียงนางฟ้าชุดสีฟ้ายืนอยู่
“โรงเรียนของเราสอนเกี่ยวกับพลังพิเศษ ซึ่งต่างจากโรงเรียนเวทมนตร์อื่นๆที่สอนเกี่ยวกับพลังเวท ตอนที่ทำการคัดเลือกในใจของเธอคิดแต่เรื่องพลังพิเศษล่ะสิ นักเรียนของเราในปีหนึ่งๆมีน้อยกว่าโรงเรียนอื่นๆเกือบเท่าตัว ฉะนั้นเราจึงมีการให้ของขวัญกับนักเรียนเข้าใหม่ทุกคน !” นางฟ้าอาเทมิสพูดอย่างตื่นเต้น
“ของขวัญ งั้นเหรอครับ?” อัลฟ่าสงสัย
อาเทมิสยิ้ม เธอร่ายคาถาบทหนึ่ง เมื่อร่ายจบก็มีลูกเต๋าเล็กๆลูกหนึ่งปรากฏขึ้น เธอยื่นมันให้อัลฟ่า
“ลูกเต๋าเนี่ยเหรอครับ ของขวัญที่ว่าน่ะ?” อัลฟ่าขมวดคิ้ว
“เธอต้องทอยลูกเต๋าลงบนพื้น ของขวัญที่เธอจะได้รับขึ้นอยู่กับจำนวนจุดของหน้าลูกเต๋าที่ทอยได้ กับสีของจุดบนหน้าลูกเต๋า สีของจุดจะเปลี่ยนตามอุณหภูมิและความแรงในการกระแทกพื้นของลูกเต๋าน่ะ” เสียงของอาเทมิสยังตื่นเต้นอยู่
อัลฟ่าปาลูกเต๋าลงพื้นอย่างแรง เมื่อมันแตะพื้นครั้งแรกก็กระเด้งขึ้นไปทางซ้าย พอมันตกพื้นมันก็กระเด้งไปข้างหน้า พอมันตกอีกครั้งก็กระเด้งไปทางขวา เมื่อมันตกถึงพื้นอีกคราวนี้มันก็เลิกกระเด้ง แล้วหมุนตัวของมันต่อ
อัลฟ่ารอดูอย่างใจจดใจจ่อ ความเร็วในการหมุนตัวของลูกเต๋าลดลงเรื่อยๆ สีของจุดบนลูกเต๋าก็เปลี่ยนทุกครั้งที่มันหมุนครบรอบ อาเทมิสยืนยิ้มอยู่ห่างๆ
และแล้วเวลาแห่งการรอคอยก็หมดลง ลูกเต๋าหยุดหมุน หน้าด้านบนของลูกเต๋าปรากฏจุดจำนวนหนึ่งขึ้นมา
“มี3จุด เป็นจุดสีทองทั้งหมดครับ” อัลฟ่าบอกอาเทมิสที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“เธอนี่โชคดีจริงๆนะ เธอคงเป็นคนแรกที่ได้จุดสีทอง เพราะตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยเห็นเลย ” เสียงอาเทมิสตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีก
อาเทมิสร่างคาถาบทหนึ่งใส่ลูกเต๋า “กิฟเท็น กิฟวีน(Giften Givene)” ลูกเต๋าแปรสภาพกลายเป็นแสงสีขาวทันที แสงนั้นเริ่มกลายร่างจนเหมือนเป็นรูปร่างคนตัวเตี้ยๆ
“นักเรียนใหม่งั้นเหรอ อาเทมิส” เสียงแหบๆดังออกมาจากแสงนั้น แสงสีขาวค่อยๆเปลี่ยนเป็นมนุษย์ ชายแก่ตัวเตี้ยในชุดผ้าฝ้ายสีครีมปรากฏกายขึ้น
“ค่ะ ท่านมาริค เด็กคนนี้ชื่อ ‘อัลฟ่า เครเอท’ ค่ะ” อาเทมิสตอบอย่างสุภาพ
“ถ้า‘รองผู้อำนวยการโรงเรียน’มาแบบนี้ต้องเป็นของขวัญที่สุดยอดแน่เลย ใช่ไหมคะ” เธอถาม
มาริคพยักหน้าตอบแล้วหันไปทางอัลฟ่า “ของขวัญที่เธอได้รับคือ การเรียกวิญญาณ” เขาพูดด้วยเสียงแหบแห้ง
“หมายถึงวิชาของ‘เนโครแมนเซอร์(Necromancer หรือ ผู้เรียกวิญญาณ)’เหรอคะ” อาเทมิสถามอย่างตื่นเต้น
มาริคพยักหน้าตอบอีกครั้ง อัลฟ่ายังยืนงงกับของขวัญที่มาริคบอกอยู่ มาริคจึงอธิบายเรื่องของขวัญให้อัลฟ่าเข้าใจ
“ของขวัญที่เธอได้รับ คือ ฉันจะเรียกวิญญาณคนที่เธอต้องการให้มาอยู่ในตัวเธอ วิญญาณที่เรียกมานั้นจะมีแต่เธอเท่านั้นที่เห็นและได้ยินเสียง ส่วนคนอื่นๆจะไม่สามารถได้ยินหรือเห็นวิญญาณนั้นได้ ยกเว้นเธอจะทำพันธะสัญญาเลือดกับคนที่ต้องการให้เห็นและได้ยินเสียง”
“พันธะสัญญาเลือด ?” อัลฟ่าย้ำคำอย่างสงสัย
มาริคบอกเพียงสั้นๆ “เดี๋ยวเธอก็รู้ ” เขาร่ายคาถาเรียกคทาสีดำออกมา ปลายคทาเป็นวัตถุแกะสลักรูปวิญญาณ ชุดผ้าฝ้ายของเขาเปลี่ยนเป็นชุดคลุมหนังสีดำ ภายในชุดคลุมเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำมีตัวอักษรสีขาวพิมพ์ว่า‘NCM’ ซึ่งย่อมาจาก ‘NeCroMancer’
“แด่สวรรค์ชั้นฟ้าเบื้องบน ในนามแห่งข้า มาริค ผู้เรียกวิญญาณขั้นสูงสุด ขออำนาจเรียกดวงวิญญาณมาสถิต ณ ที่นี้!” ท้องฟ้ามืดครึ้มทันทีเมื่อมาริคร่ายคาถา อัลฟ่ากับอาเทมิสเฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่อ
“สู่นรกภูมิเบื้องล่าง จงฟังข้าในฐานะตัวแทนแห่งเทพสวรรค์ ” มาริคร่ายคาถาอีกต่อ เขาหันไปพยักหน้ากับอาเทมิส
“บอกชื่อของคนที่เธอต้องให้นำกลับมาหน่อยสิ” อาเทมิสถามอัลฟ่า เพื่อให้มาริคเรียกวิญญาณออกมา
สมองอัลฟ่าคิดไปเรื่อยๆ พ่อ ก็ออกเดินทางไปแล้ว แม่ พ่อก็บอกว่าหายสาบสูญไป แต่เขาก็ไม่รู้ชื่อของแม่ กลุ่มนรกทมิฬ(Greyhell)ที่อัลฟ่าเคยอยู่ เขาก็ไม่คิดจะกลับไปแล้ว ตอนนี้ในความคิดจึงเหลือเพียงเพื่อนสนิทที่สุดของเขา เมฟิน
“เมฟิน เมฟิน นอร์ทเวย์ ครับ” อัลฟ่าตอบ หัวใจของเขาเต้นแรงเมื่อคิดว่าเมฟินกำลังจะกลับมาอีกครั้ง เขาเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ
“จงส่งดวงวิญญาณที่ข้าต้องการมา ณ บัดนี้ นามแห่งวิญญาณนั้นคือ ‘เมฟิน นอร์ทเวย์’ !” เปรี้ยง! เมื่อร่ายคาถาจบฟ้าก็ผ่าลงมาทันที เบื้องหน้าอัลฟ่าปรากฏของใสๆกำลังรวมตัวกันอยู่
“บอกแล้วไงว่าเราจะไม่ทิ้งกัน อัลฟ่า” เสียงนั้นคุ้นหูยิ่งนัก ของใสๆเบื้องหน้ารวมตัวกันเป็นร่างเมฟิน ร่างนั้นใสเล็กน้อย อัลฟ่าสามารถมองทะลุผ่านไปได้
อัลฟ่ากอดเมฟินจนแน่น เหมือนไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องจากไปอีก อาเทมิสกับมาริคยืนอยู่ห่างๆและยิ้มอย่างพอใจ
“เฮ้! เลิกกอดกันได้แล้ว อัลฟ่า พวกเราไม่ใช่เกย์สักหน่อย” เมฟินพูดขึ้น ก่อนที่จะผละออกจากอ้อมกอด นิสัยของเขายังชอบพูดกวนประสาทผู้อื่นเช่นเคย
“เจ้าหนูนี่โชคดีจริงๆนะ ของขวัญการเรียกวิญญาณเป็นของขวัญที่เพิ่งตั้งมาใหม่ปีนี้ แล้วฉันจะทำแค่ครั้งเดียวต่อปีเท่านั้นด้วย ผ่านปีใหม่มาไม่กี่เดือนเจ้าหนูนี่ได้ของขวัญที่ไม่มีใครเคยได้ไปซะแล้ว ฮ่า ฮ่า!” มาริคพูด เขาหัวเราะเสียงดัง
“มิน่าเล่า หนูทำงานมาหลายปีแล้วยังไม่เคยเห็นใครได้ของขวัญนี่เลย” อาเทมิสกล่าว เธอหัวเราะแม้จะมองไม่เห็นเมฟิน
น้ำตาอุ่นๆของอัลฟ่าไหลออกมา คราวนี้มิใช่น้ำตาแห่งความโศกเศร้าที่เสียคนรักไป หากแต่เป็นน้ำตาแห่งความปีติที่ได้พบคนรักอีกครั้ง ในใจของอัลฟ่าหวังแต่เพียงว่า ขอให้เรื่องนี้ไม่ใช่ความฝัน
จบ บทที่4
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น