ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 3 : ปลดปล่อยพลังพิเศษ
บทที่ 3 : ปลดปล่อยพลังพิเศษ
รอบๆอูริคมีพลังความชั่วร้ายอันมหาศาล ตาสีดำของเขากลายเป็นสีเลือดสด น้ำตาแห้งหายไปจาเบ้าตา เขาสลัดชุดคลุมสีม่วงของ ‘มุมมืดแห่งราตรี’ทิ้ง เผยให้เห็นชุดซัมมอนเนอร์สี่ดาวอันทรงเกียรติ มีด้านหลังชุดมีตราสัญลักษณ์สมาพันธ์ซัมมอนเนอร์และสัญลักษณ์ของกลุ่ม ‘มุมมืดแห่งราตรี’ติดอยู่ เขาดึงไม้คทาซัมมอนเนอร์ที่เก็บไว้ในชุดคลุมออกมา เป็นคทาที่ทำจากเหล็กกล้า หัวคทาเป็นวัตถุทรงกลมระยิบระยับ มีปีกสีทองคู่หนึ่งยื่นออกด้านซ้ายขวาของวัตถุนั้น
โจเนสถึงกับมองตาค้าง คทาของเขาเป็นเพียงคทาไม้ธรรมดา หัวคทาก็เป็นรูปสลักสิงโตยืนอยู่บนโขดหิน ไม่หรูหราดังเช่นของอูริค
“มาลองสู้กันดูหน่อยสิ ไอ้อูริค แกจะเก่งขึ้นขนาดไหน!” โจเนสกล่าวท้าทาย เขาเรียกเวิร์ลวินคองออกมาข้างหน้า แต่อูริคไม่สนใจ
“ตอบข้าหน่อยซิ ท่าน ท่านอัลฟ่าสินะ ว่าทำไมมีร่าคนรักข้าถึงโดนมีดเสียบหัวใจตาย” อูริคกล่าวถามอย่างสุภาพ หน้าตาของเขาเคร่งขรึม
“เหตุผลง่ายๆ เกิดจากไอ้คิงคองมีเขาของพวกแกมันอัดกันเองน่ะสิ มีร่าคิดว่าพวกคิงคองจะกันมีดไว้แบบตอนแรกได้ แต่เผอิญพวกมันดันกันจนไปอยู่ที่ผนังแล้ว มีดอยู่ในมุมอับสายตาของมีร่าเพราะตอนแรกพวกคิงคองมันบังอยู่ มีร่าเลยมองไม่เห็น พอพวกมันดันกันไปชนผนัง มีดก็พุ่งเข้าใส่ทันที มีร่าที่คิดว่าจะมีคนมากันมีดไว้เลยโดนมีดปักเต็มๆ สรุปก็คือ ‘ความประมาทเป็นหนทางสู้ความตาย’ !” อัลฟ่าตอบแล้วชี้ผนังส่วนที่สัตว์อสูรของอูริคและโจเนสพุ่งไปชน
“อีกข้อหนึ่ง ท่านอัลฟ่า ท่านคิดว่าสโตนคองเป็นซัมมอนมอนสเตอร์กี่ดาว”
“น่าจะเป็นหนึ่งดาว เพราะมันโดนเวิร์ลวินคองที่มีสองดาวดันจนกระเด็น” อัลฟ่าตอบโดยวิเคราะห์
เขาเว้นระยะแล้วพูดต่อ “นายคงปิดบังระดับ4ดาวของตัวเองมาตลอด คนที่รู้เรื่องนี้คงมีแค่มีร่ากับผู้นำของ‘มุมมืดแห่งราตรี’ เท่านั้นสินะ ”
“ใช่แล้วล่ะ จริงๆแล้วข้าเคยเป็นรองผู้นำกลุ่ม แต่เมื่อท่านผู้นำรู้เรื่องข้ากับมีร่า ท่านก็ลดยศของข้าจนเป็นทหารชั้นต่ำ และห้ามข้ายุ่งกับมีร่า ข้ามารู้ทีหลังว่าท่านผู้นำก็ชอบมีร่าอยู่เหมือนกัน แต่มีร่าก็ไม่สนใจท่านผู้นำ ครั้งนี้ที่ข้าสามารถออกมากับมีร่าได้ก็เพราะแอบหนีออกมา ” อูริคเล่าความหลังอันขมขื่นของตน
“ทำไมท่านผู้นำอะไรนั่นถึงไม่ฆ่าเจ้าทิ้งล่ะ เก็บไว้ก็เป็นมารความรักเปล่าๆ” อัลฟ่าถามอย่างสงสัย
“นั่นแหละ สิ่งที่ข้าสงสัย ถ้าเป็นคนธรรมดาคงไม่ปล่อยให้คนที่ตัวเองรักไปรักคนอื่นหรอก มันอาจจะมีเลศนัยอะไรบางอย่างก็ได้” อูริคครุ่นคิดถึงสาเหตุ แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
โจเนสโมโหที่อูริคไม่ได้สนใจฟังเขาเลย เอาแต่คุยกับอัลฟ่า เขาจึงสั่งสัตว์อสูรโจมตี “เวิร์ลวินคอง จัดการมันเลย!” คิงคองร่างสีเขียวของเขาพุ่งเข้าใส่อูริคที่ยืนห่างกันไม่ถึงสองเมตร!
“ค๊อง ” เวิร์ลวินคองร้องเสียงหลง มันไม่ทันพุ่งถึงอูริค มือทั้งสองข้างของมันก็ขาดร่วงลงพื้น ขาของมันเกิดรอยกรีดเป็นทางยาว แล้วทรุดฮวบลงกับพื้น มันร้องโอดครวญทรมาน
“ผมไม่ได้เรียกสัตว์อสูร4ดาวออกมาตั้งนานแล้วน่ะครับ ก็เลยยังควบคุมมันไม่ค่อยอยู่” อูริคกล่าว
นกสีเขียวนิลเกาะอยู่บนไหล่ของอูริค มันสยายปีกสีเขียวอ่อนอันงดงามของมัน สายตาสีน้ำเงินเข้มเฉียบแหลมคุกคามโจเนสที่ยืนขาสั่นตกตะลึงถึงความแตกต่างของพลัง
“สัตว์อสูรสองดาวของคุณ สู้กับ ‘ซิลเลนท์ฟอลคอน’ที่เป็นสัตว์อสูรสี่ดาวของผม ใครชนะก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจตั้งแต่แรกแล้วนะครับ ท่านโจเนส” รอยยิ้มอันเยือกเย็นจนน่าสยดสยองปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของอูริค
ตูม! ร่างของเวิร์ลวินคองระเบิด เหลือเพียงเศษเนื้อเล็กน้อยของมันกระจายอยู่บนพื้น แล้วต่อมาเศษเนื้อนั้นจึงจางหายไปเพราะหมดพลัง โจเนสยืนตกตะลึง
“ไม่เจอกันนานพลังยังเยอะเหมือนเดิมนะ นิลวิหค” อูริคกล่าวชมสัตว์อสูรของเขา ‘นิลวิหค’เป็นชื่อที่อูริคใช้เรียก‘ซิลเลนท์ฟอลคอน’
อัลฟ่าดูการต่อสู้อย่างระมัดระวัง เพราะบางครั้งอาจมีลูกหลงจากการโจมตีแถมมาด้วย
อูริคเห็นโจเนสจะร่ายเวิร์ลวินคองตัวใหม่ เขาจึงกล่าวว่า “คุณจะร่ายเจ้านั่นออกมาโจมตีผมอีกกี่พันตัวก็ได้ แต่ระวังผมจะยั้งมือไม่อยู่แล้วเผลอฆ่าคุณเข้าล่ะ” จิตสังหารของอูริครุนแรงกว่าเดิม โจเนสพยายามถอยหนี แต่จิตสังหารก็ไม่มีทีท่าจะลดลงเลย
(หนอย! ก็แกใช้สัตว์อสูรสี่ดาวนี่หว่า แล้วจะเอาสัตว์อสูรสองไปสู้ให้โง่เรอะ แค่จิตสังการแกก็รุนแรงเหมือนจะฆ่าข้าได้ทุกเวลา งั้นเราแก้แค้นมันหน่อยคงไม่เป็นไร ท่าทางมันก็อยากได้เจเนซิสเหมือนกัน เราจัดการเจ้าเด็กนั่นแล้วแย่งเจเนซิสหนีไปเลยดีกว่า!) โจเนสคิด เขาแอบยิ้มเยาะในใจ แล้วร่ายเวิร์ลวินคองตัวใหม่ออกมา
อูริคกับอัลฟ่าจ้องอสูรนั้นอย่างระมัดระวัง เจเนซิสร่างเทาอ่านใจของโจเนสได้ แต่ก็ไม่ได้คิดหนีแม้แต่น้อย
“พาวเวอร์ ชาร์จ” โจเนสร่ายคาถาใส่เวิร์ลวินคอง ฉับพลันร่างของเวิร์ลวินคองก็ใหญ่ขึ้น ตัวเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม
[ระวังหน่อยนะลูก เจ้าตัวนี้มันมีพลังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเลย] พ่อของอัลฟ่าเตือนอย่างห่วงใย เมื่อเห็นค่าความสามารถในตัวมันด้วยพลังพิเศษของเจเนซิส
“คาถานั้นมันทำให้สัตว์อสูรดาวเพิ่มขึ้นดาวเดียวเองนะ ตอนนี้คิงคองของคุณก็มี3ดาว ยังสู้สัตว์อสูรของผมที่เป็น4ดาวไม่ได้หรอก” อูริคเอ่ยขึ้น แม้คาถานั้นจะทำให้เวิร์ลวินคองเก่งขึ้น ก็ยังเทียบชั้นกับซิลเลนท์ฟอลคอนไม่ติด
“ข้าจะโจมตีแกให้โง่สิ แกก็รู้นี่ว่าคาถานี้ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘พลังเฮือกสุดท้ายของซัมมอนเนอร์’ คาถานี้จะกินพลังเวทย์เราไปเกือบหมด แถมยังใช้ได้กับสัตว์อสูรแค่ร่างเดียวเท่านั้น ถ้าสัตว์อสูรร่างนั้นตายแล้วร่ายตัวใหม่มันก็ไม่ได้รับพลังจากคาถานี้หรอก” โจเนสเถียง แม้จิตใจยังหวาดกลัวกับจิตสังหารของอูริค
“ฉะนั้น เป้าหมายของฉันคือจัดการเด็กนั่น!” โจเนสกล่าวอย่างมั่นใจ เวิร์ลวินคองพุ่งไปทางอัลฟ่าทันที ความเร็วของมันสูงขึ้นกว่าเดิมเกือบสองเท่า
ผัวะ! สัตว์อสูรนั้นตบใส่อัลฟ่าเต็มแรงด้วยอุ้งมือขนาดใหญ่ของมัน อัลฟ่ากระเด็นไปจะชนผนัง แต่เขาใช้มือยันผนังไว้ทัน พ่อในร่างเจเนซิสเคลื่อนตัวตามลูกชายไป โจเนสหัวเราะชอบใจกับผลของการโจมตี
[ความรู้สึกตอนโดนตบเป็นยังไงบ้างล่ะ ] พ่อของอัลฟ่าติดต่อทางจิตอีกครั้ง
(เจ็บสิครับ มันตบแรงชะมัด แถมเร็วจนผมมองไม่ทันเลย ตอนนี้ผมแทบไม่มีแรงยืนแล้วล่ะครับ พ่อมีอะไรที่ทำให้ผมปราบมันได้ไหมครับ) อัลฟ่าถาม
[ฝ่ายนั้นเขาใช้คาถาเพิ่มพลังเป็นสองเท่า ถ้าเราจะชนะก็ต้องมีพลังที่เหนือกว่าสิ !] พ่อตอบแบบขวานผ่าซาก
(แล้วผมจะหาพลังนั่นจากที่ไหนล่ะ ผมเป็นแค่คนธรรมดานะครับ) อัลฟ่าบอก
[ปลุกพลังในตัวลูกซะก็สิ้นเรื่อง พ่อได้รับพลังนี้มาตั้งแต่เป็นเจเนซิสน่ะ พ่อจะใช้พลังจิตโจมตีใส่ลูกโดยตรงเพื่อปลุกพลัง ถ้าทำสำเร็จลูกก็จะใช้พลังพิเศษแบบพวกนั้นได้ ถ้าไม่สำเร็จคือลูกทนรับพลังนั้นไม่ไหว ร่างกายก็จะแตกสลายไป ]
(ผมไม่เป็นไรหรอกครับ พ่อรีบปลุกพลังเถอะ ถ้าพ่อไม่ทำผมก็ต้องตายเพราะสัตว์อสูรนั่น เราก็อยู่ด้วยกันไม่ได้สิครับ) อัลฟ่ายกเหตุผลมาอ้าง ตอนนี้เขาต้องการพลังเพื่อจัดการสัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้า ‘เราทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดก็พอแล้ว’ นั่นเป็นสิ่งที่เมฟินบอกเขา
[พ่อรู้สึกได้ว่าลูกมีพลังอยู่นิดหนึ่งแล้วนี่ ลูกคงได้รับการปลุกพลังบางส่วนโดยบังเอิญสินะ อืม น่าจะเป็นตอนที่ลูกได้เบาะแสถึงพ่อมั้ง ลูกจำตอนที่ใช้พลังได้ไหมล่ะ]
อัลฟ่าครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่เขาชกโฮกี้ เรื่องที่เขาหลับตาเห็นเจเนซิส เรื่องที่เขาฝันเห็นเมฟินตาย นั่นคงเป็นพลังพิเศษที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หลังจากที่เขาเห็นรายละเอียดงานทำลายการทดลองครั้งนี้
[ถ้าพ่อปลุกพลังแล้วลูกก็จะใช้พลังทั้งหมดได้ ลูกแน่ใจนะว่าพร้อม โอกาสพลาดมันยังมีนะลูก ] พ่อพูดอย่างไม่มั่นใจ
(ผมแน่ใจครับ เริ่มได้เลยครับพ่อ อะ คิงคองนั่นเดินมาทางผมแล้ว รีบปลุกพลังเลยครับ!) อัลฟ่าพูดอย่างเร่งรีบ เมื่อเห็นเวิร์ลวินคองเริ่มก้าวเข้าหาเขา
ร่างกายของอัลฟ่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เวิร์ลวินคองเข้าใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ 5เมตร 4เมตร 3เมตร 2เมตร .ขณะนี้มันยืนห่างกับอัลฟ่าไม่ถึงเมตร มันง้างมือขึ้นเพื่อเตรียมตบเขา อัลฟ่าไม่มีแรงเหลือพอก้าวขาหลบ เขาหลับตาลง
วิ้ง! เกิดแสงสีขาวรอบๆตัวอัลฟ่า แสงนั้นจ้าจนคนภายนอกมองไม่เห็นสถานการณ์ระหว่างอัลฟ่ากับเวิร์ลวินคอง
พลังบางอย่างพุ่งพลุ่านในตัวเขา เหมือนกับตอนที่เขากำลังจะชกโฮกี้ แต่พลังในครั้งนี้รุนแรงกว่ามาก มันเป็นพลังที่ร้อนแรงกัดกร่อนได้ทุกสิ่ง แต่แล้วก็แปรเปลี่ยนไปเป็นพลังอันเย็นยะเยือก สองพลังที่ต่างกันสุดขั้วนี้แปรเปลี่ยนสลับไปมาในตัวเขา
ต่อมา แสงสีขาวก็ค่อยๆจางหายไป เบื้องหน้าของอัลฟ่าเป็นร่างเวิร์ลวินคองที่มีแผลไหม้ มันโดนน้ำแข็งจับเป็นก้อน อูริคและโจเนสมองอย่างฉงน
[พลังของลูกนี่สุดยอดจริงๆ จิตหนึ่งของลูกคือพลังทำลายล้างฆ่าคน แค่อีกจิตหนึ่งกลับบอกว่าไม่อยากฆ่าใครอีก อยากให้การฆ่าฟันจบลงแค่ตรงนี้ ] เสียงพ่อฟังดูตื่นเต้น
อัลฟ่าครุ่นคิดในใจ เขาไม่ต้องการให้ใครตายก็จริง แต่สุดท้ายแล้วถ้าเราไม่ฆ่าศัตรู มันก็ต้องกลับมาฆ่าเราอยู่ดี สัจธรรมความจริงนี้ยังคงใช้ได้แม้โลกปัจจุบันจะก้าวหน้าขึ้นแค่ไหน
ตูม! ร่างของเวิร์ลวินคองระเบิดกระจุย ไม่เหลือแม้แต่เศษผง! อูริคกับโจเนสฉงนกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้แต่ซิลเลนท์ฟอลคอนของอูริคยังระเบิดเวิร์ลวินคองแล้วเหลือเศษเนื้ออยู่เลย อัลฟ่าเป็นใครกันจึงสามารถระเบิดได้ไม่เหลือเศษผงเช่นนี้ ?
[จิตใจของลูกเลือกได้แล้วสินะ ลูกเลือกที่จะเอาพลังทำลาย จริงแล้วพ่อก็รู้อยู่เต็มอกว่าลูกจะเลือกอะไร จะว่าไปมันก็เกี่ยวข้องกับที่ลูกใช้ชีวิตทำภารกิจเสี่ยงอันตรายตอนเด็กๆมาด้วย] พ่อพูดเหมือนกับรู้ว่าเขาโดนใครเก็บไปตอน5ขวบ และถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร
(พ่อครับ แล้วผมจะบังคับพลังนี่ได้ยังไงล่ะ) อัลฟ่าถามอย่างสงสัย ขณะนี้เขายังไม่สามารถบังคับพลังของตัวเองได้
[พลังของลูกเป็นหนึ่งในศาสตร์ที่เรียกว่า‘พลังเหนือธรรมชาติ’หรือ‘พลังพิเศษ’ ซึ่งมีการแยกสาขาพลังพิเศษออกมานับไม่ถ้วน พลังของพวกซัมมอนเนอร์คือ‘พลังแห่งการสร้าง’ ซึ่งจะสามารถเปลี่ยนพลังเวทย์ของตัวเองเป็นวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตได้ ส่วนพลังของลูกคือ‘พลังแห่งลางสังหรณ์’ เป็นพลังที่ทำให้มองเห็นอนาคตได้ และมีลางสังหรณ์อันเยี่ยมยอด ]
(งั้นความสามารถของผมก็ต่อสู้ไม่ได้งั้นสิ แล้วผมทำให้เวิร์ลวินคองระเบิดเมื่อกี้ได้ยังไงล่ะครับ) อัลฟ่ายิ่งสงสัยมากขึ้น
[ลูกยังฟังไม่จบนี่ ในตัวลูกมีพลังอยู่สองแบบ พลังอย่างแรกคือพลังการอ่านอนาคตที่พ่อบอกไป พลังนี้จะเกิดขึ้นอัตโนมัติ ตอนนี้ลูกยังไม่สามารถควบคุมมันให้เกิดขึ้นหรือหยุดลงได้ พลังแบบที่สองคือ‘พลังแห่งความเร็ว’ เป็นพลังที่ทำให้ลูกเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว หรือร่ายคาถาได้รวดเร็ว สรุปก็คือเป็นพลังที่ทำให้เราเร็วขึ้นทุกด้าน] พ่อสรุปความสามารถของอัลฟ่า
(มันก็ยังไม่เห็นเกี่ยวกับการระเบิดของเวิร์ลวินคองเลยนี่ครับ) อัลฟ่ายังท้วงต่อ
[อ๋อ นั่นเพราะพลังธาตุในตัวลูกต่างหาก เราแต่ละคนมีธาตุในตัวต่างกัน ธาตุของลูกก็คือธาตุไฟ ธาตุแห่งการทำลายไงล่ะ พลังธาตุของลูกยังอ่อนอยู่มาก โอกาสเกิดเลยมีน้อย ถ้าลูกใช้ได้อย่างคล่องแคล่วแล้วมันก็จะบังคับได้ง่ายขึ้นล่ะนะ]
(ทำไมเวิร์ลวินคองมันถึงไม่เหลือแม้แต่เศษผงเลยล่ะครับ พลังธาตุของผมยังน้อยอยู่ไม่ใช่เหรอครับ)
[พลังของธาตุน่ะ ความรุนแรงขึ้นอยู่กับพลังเวทย์ของผู้ใช้ ส่วนโอกาสติดนั้นขึ้นอยู่กับพลังธาตุในตัว พลังเวทย์ของลูกสูงมากเลยล่ะ สมแล้วที่เป็นลูกพ่อ ฮ่า ฮ่า] พ่อหัวเราะอย่างดีใจที่ลูกของเขามีพลังเวทย์แข็งแกร่ง
“ท่านอัลฟ่า! ท่านจะลองสู้กับนิลวิหคของผมไหมครับ” เสียงอูริคดังขึ้น การสนทนาของสองพ่อลูกจึงหยุดลง
“กะ ก็ได้” อัลฟ่าตอบอย่างกระอึกระอัก พลังพิเศษของเขามันใช้โจมตีไม่ได้เลยนี่ พลังธาตุที่ใช้โจมตีได้ก็เกิดขึ้นยากอีก
[ลูกไม่รู้เหรอ ว่าถ้าเราต่อยด้วยความเร็วพลังทำลายก็จะเพิ่มขึ้นน่ะ แต่ระวังเสียดสีกับอากาศมากไปแล้วไฟไหม้มือเองล่ะ ฮ่า ฮ่า] เสียงของพ่อดังขึ้นในหัว
อัลฟ่าสังเกตเห็นโจเนสยืนอยู่ข้างหลังอูริค เขารู้สึกว่าโจเนสที่ยืนอยู่เป็นร่างที่ไร้วิญญาณ
ฉึก! อัลฟ่าปามีดใส่โจเนสที่ยืนอยู่ในทันที มีดพุ่งอย่างรวดเร็วจนอูริคมองไม่ทัน มันไปปักลงที่หัวใจของโจเนส ร่างไร้วิญญาณนั้นล้มลง
(พลังพิเศษทำให้เราเก่งขึ้นเยอะจริงด้วย แค่โยนมีดธรรมดายังเร็วขนาดนี้เลย) อัลฟ่าคิดในใจ
“ท่านทำอะไรน่ะ!” อูริคกระชากเสียงถาม
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็แค่ทำตามลางสังหรณ์เท่านั้นแหละ ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าร่างของโจเนสไม่มีวิญญาณอยู่ภายใน” อัลฟ่าตอบตามความจริง
“ช่างเถอะ เจ้าโจเนสตายผมก็ไม่เกี่ยวอยู่แล้ว เรามาเริ่มต่อสู้กันเลยไหม ท่านอัลฟ่า” อูริคท้าทาย
“ก่อนจะสู้ช่วยตอบคำถามข้าหน่อย ท่านไม่อาลัยกับการจากไปของมีร่าคนรักท่านเลยเหรอ” อัลฟ่าถามตรงๆ
อูริคสะดุ้ง ก่อนที่ตอบด้วยเสียงเรียบว่า “ผมอาลัยกับมีร่าพอแล้วล่ะ ในโลกนี้ยังมีหญิงอื่นอีกตั้งเยอะแยะ หาตอนไหนก็ได้ ตอนนี้ผมต้องการสนุกกับการต่อสู้มากกว่า ยิ่งได้เจอคนอย่างท่านแล้วยิ่งอยากสู้เข้าไปอีก”
“หมายความว่าท่านกับมีร่าไม่รักกันจริงงั้นสิ”
“เมื่อก่อนน่ะยังรักกัน แต่ตอนนี้มีร่าตายไปแล้ว ไม่มีทางกลับมามีชีวิตใหม่ได้ แล้วผมก็ไม่ใช่พวกที่จะเฝ้ารอคนรักที่ตายไปแล้วหรอก ขณะนี้จิตใจของผมมีเพียงการต่อสู้เท่านั้น!” อูริคตอบอย่างเด็ดขาด
“ถ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วเราก็เริ่มต่อสู้เลยละกัน!” อัลฟ่าระเบิดพลังเต็มที่ เพราะศัตรูเบื้องหน้าเป็นผู้ไร้ซึ่งความรักความห่วงใย
ผู้ที่เหลือรอดอยู่ขณะนี้มีเพียงสามร่าง อัลฟ่า อูริค และเจเนซิสเผือก ทำให้ห้องทดลองนั้นดูกว้างเหมาะสำหรับการต่อสู้
เวลาขณะนั้นประมาณตีสอง พ่อของอัลฟ่าในร่างเจเนซิสหลบไปอยู่บริเวณบันได ในห้องนั้นเหลือเพียงสองคน บรรยากาศเงียบสงบ ไม่มีแม้เสียงลมพัดผ่าน
“พาวเวอร์ ชาร์จ!” อูริคร่ายคาถาทำให้พลังสัตว์อสูรของเขาเพิ่มสูงสุด สีของนิลวิหคกลายเป็นสีเขียวหยก ร่างของมันใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ขนปีกของมันแหลมคมขึ้น ดูไกลๆคล้ายกับใบมีดเล็กๆ
“เล่นแรงตั้งแต่เริ่มเลยเหรอ!” อัลฟ่าพูดอย่างตื่นเต้น เขาดึงมีดออกมาจากกระเป๋าสำรองที่เมฟินเหลือทิ้งไว้บนพื้น
“ดับเครื่องชน!” อูริคสั่ง ซิลเลนท์ฟอลคอนพุ่งใส่อัลฟ่าด้วยความเร็วสูง แต่อัลฟ่ากลับหลบอย่างสบายๆ
“ยังช้าไปนะ พลังมีแค่นี้เองเหรอ” อัลฟ่าพูด เมื่อกี้เขาเห็นซิลเลนท์ฟอลคอนพุ่งมาเหมือนกับภาพสโลว์โมชั่น
อูริคยังใจเย็น เขาสั่งการนิลวิหคต่อ “เงากระโดด!” ซิลเลนท์ฟอลคอนพุ่งอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นเพียงเงาลางๆ มันพุ่งทะลุตัวอัลฟ่าไป อูริคตกตะลึงเมื่อนิลวิหคพุ่งผ่านตัวอัลฟ่าเหมือนกับร่างนั้นเป็นอากาศ
“ตอนนี้ฉันเริ่มควบคุมพลังได้แล้วล่ะ แค่ปรับความเร็วในการเคลื่อนที่ก็ทำได้สบายๆ” เสียงของอัลฟ่าดังขึ้นจากหน้าประตูห้องทดลอง
อูริคหันไปมองอย่างตกใจ ร่างอัลฟ่าที่นิลวิหคพุ่งทะลุก็ค่อยๆจางหายไปเหลือเพียงร่างอัลฟ่าตัวจริงที่ยืนอยู่หน้าประตู
“ที่เจ้านกนั่นมันพุ่งผ่านร่างของฉันก็เพราะร่างเมื่อกี้เป็นเพียงสิ่งที่แกเห็นหลังฉันขยับตัวออกมาแล้ว หรือจะพูดง่ายๆก็คือฉันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนแกมองเห็นเป็นภาพติดตาอยู่นั่นแหละ” อัลฟ่าอธิบายสั้นๆ แล้วก้าวเข้ามาอยู่กลางห้อง
“งั้นลองนี่หน่อย ดูซิท่านจะหลบทันไหม Circle Attack(จู่โจมทรงกลม)!” อูริคสั่งการนิลวิหคอีกครั้ง คราวนี้มันไม่พุ่งเข้าใส่อัลฟ่าโดยตรง แต่มันบินรอบๆอัลฟ่าเป็นรูปวงกลมแทน
ซิลเลนท์ฟอลคอนบินเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนกับมีซิลเลนท์ฟอลคอนจำนวนมากบินล้อมเขาอยู่ อัลฟ่ายิ้ม ท่าทางสบายๆ
อูริคเริ่มฉุน “คิดว่าแกจะหนีออกจากวงล้อมได้งั้นเหรอ แกหนีจากการโจมตีนี่ให้ได้ก็ก่อนเถอะ นกที่บินรอบแกเป็นร่างแยกที่มีเลือดเนื้อเหมือนกับตัวต้นฉบับ ไม่ใช่แค่ภาพติดตาแบบของแกหรอก! Bird Strike(วิหคจู่โจม)!” เขาเริ่มเรียกอัลฟ่าหยาบขึ้นเมื่อเห็นอัลฟ่าทำท่าทีสบายๆไม่สนใจนิลวิหคของเขาเลย
ซิลเลนท์ฟอลคอนที่บินวนรอบๆพุ่งเข้าใส่อัลฟ่าที่ยืนอยู่กึ่งกลางวงกลมนั้นอย่างรวดเร็ว อัลฟ่ายังยิ้มอยู่ ไม่มีท่าทีจะโจมตี
ตูม! อัลฟ่ากระโดดหลบการโจมตี หัวของนกร่างแยกทั้งหมดและร่างจริงชนกันที่กึ่งกลางวงกลม ด้วยความเร็วทำให้พลังปะทะเพิ่มขึ้น ซิลเลนท์ฟอลคอนร่างจริงที่ปะทะกับนกร่างแยกก็หมดพลัง ร่างของมันค่อยๆจางหายไป
ฉึก! อัลฟ่าที่อยู่บนอากาศปามีดใส่หัวใจของอูริคอย่างแม่นยำ ร่างนั้นสิ้นลมแล้วล้มตึงลงกับพื้นทันที
“เราเองก็ใช่ว่าจะรอดนี่ ” อัลฟ่ารำพึงเบาๆก่อนที่จะสลบไปเพราะใช้พลังเวทย์เกินขีดจำกัด ก่อนจะสลบเขารู้สึกเหมือนกับว่าพ่อกำลังจะจากเขาไป
พ่อของอัลฟ่ากำลังจะเข้าไปช่วย แต่แล้วก็รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่มีพลังมหาศาลเคลื่อนเข้ามาที่นี่ พ่อในร่างเจเนซิสคิดจะไปดูให้แน่ใจ ถ้าปล่อยมันเข้ามาแล้วมันจะอาจจะทำลายตึกนี้ทิ้ง และอัลฟ่าก็จะตายได้ เขาใช้เวทย์สร้างจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่งแล้วสอดไว้ในเสื้อของอัลฟ่า [ถ้าโชคดีคงได้เจอกันอีกนะ ลูกรัก ] เจเนซิสเผือกรำพึง แล้วจึงเคลื่อนตัวลงบันไดอย่างอาลัย
จบ บทที่3
รอบๆอูริคมีพลังความชั่วร้ายอันมหาศาล ตาสีดำของเขากลายเป็นสีเลือดสด น้ำตาแห้งหายไปจาเบ้าตา เขาสลัดชุดคลุมสีม่วงของ ‘มุมมืดแห่งราตรี’ทิ้ง เผยให้เห็นชุดซัมมอนเนอร์สี่ดาวอันทรงเกียรติ มีด้านหลังชุดมีตราสัญลักษณ์สมาพันธ์ซัมมอนเนอร์และสัญลักษณ์ของกลุ่ม ‘มุมมืดแห่งราตรี’ติดอยู่ เขาดึงไม้คทาซัมมอนเนอร์ที่เก็บไว้ในชุดคลุมออกมา เป็นคทาที่ทำจากเหล็กกล้า หัวคทาเป็นวัตถุทรงกลมระยิบระยับ มีปีกสีทองคู่หนึ่งยื่นออกด้านซ้ายขวาของวัตถุนั้น
โจเนสถึงกับมองตาค้าง คทาของเขาเป็นเพียงคทาไม้ธรรมดา หัวคทาก็เป็นรูปสลักสิงโตยืนอยู่บนโขดหิน ไม่หรูหราดังเช่นของอูริค
“มาลองสู้กันดูหน่อยสิ ไอ้อูริค แกจะเก่งขึ้นขนาดไหน!” โจเนสกล่าวท้าทาย เขาเรียกเวิร์ลวินคองออกมาข้างหน้า แต่อูริคไม่สนใจ
“ตอบข้าหน่อยซิ ท่าน ท่านอัลฟ่าสินะ ว่าทำไมมีร่าคนรักข้าถึงโดนมีดเสียบหัวใจตาย” อูริคกล่าวถามอย่างสุภาพ หน้าตาของเขาเคร่งขรึม
“เหตุผลง่ายๆ เกิดจากไอ้คิงคองมีเขาของพวกแกมันอัดกันเองน่ะสิ มีร่าคิดว่าพวกคิงคองจะกันมีดไว้แบบตอนแรกได้ แต่เผอิญพวกมันดันกันจนไปอยู่ที่ผนังแล้ว มีดอยู่ในมุมอับสายตาของมีร่าเพราะตอนแรกพวกคิงคองมันบังอยู่ มีร่าเลยมองไม่เห็น พอพวกมันดันกันไปชนผนัง มีดก็พุ่งเข้าใส่ทันที มีร่าที่คิดว่าจะมีคนมากันมีดไว้เลยโดนมีดปักเต็มๆ สรุปก็คือ ‘ความประมาทเป็นหนทางสู้ความตาย’ !” อัลฟ่าตอบแล้วชี้ผนังส่วนที่สัตว์อสูรของอูริคและโจเนสพุ่งไปชน
“อีกข้อหนึ่ง ท่านอัลฟ่า ท่านคิดว่าสโตนคองเป็นซัมมอนมอนสเตอร์กี่ดาว”
“น่าจะเป็นหนึ่งดาว เพราะมันโดนเวิร์ลวินคองที่มีสองดาวดันจนกระเด็น” อัลฟ่าตอบโดยวิเคราะห์
เขาเว้นระยะแล้วพูดต่อ “นายคงปิดบังระดับ4ดาวของตัวเองมาตลอด คนที่รู้เรื่องนี้คงมีแค่มีร่ากับผู้นำของ‘มุมมืดแห่งราตรี’ เท่านั้นสินะ ”
“ใช่แล้วล่ะ จริงๆแล้วข้าเคยเป็นรองผู้นำกลุ่ม แต่เมื่อท่านผู้นำรู้เรื่องข้ากับมีร่า ท่านก็ลดยศของข้าจนเป็นทหารชั้นต่ำ และห้ามข้ายุ่งกับมีร่า ข้ามารู้ทีหลังว่าท่านผู้นำก็ชอบมีร่าอยู่เหมือนกัน แต่มีร่าก็ไม่สนใจท่านผู้นำ ครั้งนี้ที่ข้าสามารถออกมากับมีร่าได้ก็เพราะแอบหนีออกมา ” อูริคเล่าความหลังอันขมขื่นของตน
“ทำไมท่านผู้นำอะไรนั่นถึงไม่ฆ่าเจ้าทิ้งล่ะ เก็บไว้ก็เป็นมารความรักเปล่าๆ” อัลฟ่าถามอย่างสงสัย
“นั่นแหละ สิ่งที่ข้าสงสัย ถ้าเป็นคนธรรมดาคงไม่ปล่อยให้คนที่ตัวเองรักไปรักคนอื่นหรอก มันอาจจะมีเลศนัยอะไรบางอย่างก็ได้” อูริคครุ่นคิดถึงสาเหตุ แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
โจเนสโมโหที่อูริคไม่ได้สนใจฟังเขาเลย เอาแต่คุยกับอัลฟ่า เขาจึงสั่งสัตว์อสูรโจมตี “เวิร์ลวินคอง จัดการมันเลย!” คิงคองร่างสีเขียวของเขาพุ่งเข้าใส่อูริคที่ยืนห่างกันไม่ถึงสองเมตร!
“ค๊อง ” เวิร์ลวินคองร้องเสียงหลง มันไม่ทันพุ่งถึงอูริค มือทั้งสองข้างของมันก็ขาดร่วงลงพื้น ขาของมันเกิดรอยกรีดเป็นทางยาว แล้วทรุดฮวบลงกับพื้น มันร้องโอดครวญทรมาน
“ผมไม่ได้เรียกสัตว์อสูร4ดาวออกมาตั้งนานแล้วน่ะครับ ก็เลยยังควบคุมมันไม่ค่อยอยู่” อูริคกล่าว
นกสีเขียวนิลเกาะอยู่บนไหล่ของอูริค มันสยายปีกสีเขียวอ่อนอันงดงามของมัน สายตาสีน้ำเงินเข้มเฉียบแหลมคุกคามโจเนสที่ยืนขาสั่นตกตะลึงถึงความแตกต่างของพลัง
“สัตว์อสูรสองดาวของคุณ สู้กับ ‘ซิลเลนท์ฟอลคอน’ที่เป็นสัตว์อสูรสี่ดาวของผม ใครชนะก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจตั้งแต่แรกแล้วนะครับ ท่านโจเนส” รอยยิ้มอันเยือกเย็นจนน่าสยดสยองปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของอูริค
ตูม! ร่างของเวิร์ลวินคองระเบิด เหลือเพียงเศษเนื้อเล็กน้อยของมันกระจายอยู่บนพื้น แล้วต่อมาเศษเนื้อนั้นจึงจางหายไปเพราะหมดพลัง โจเนสยืนตกตะลึง
“ไม่เจอกันนานพลังยังเยอะเหมือนเดิมนะ นิลวิหค” อูริคกล่าวชมสัตว์อสูรของเขา ‘นิลวิหค’เป็นชื่อที่อูริคใช้เรียก‘ซิลเลนท์ฟอลคอน’
อัลฟ่าดูการต่อสู้อย่างระมัดระวัง เพราะบางครั้งอาจมีลูกหลงจากการโจมตีแถมมาด้วย
อูริคเห็นโจเนสจะร่ายเวิร์ลวินคองตัวใหม่ เขาจึงกล่าวว่า “คุณจะร่ายเจ้านั่นออกมาโจมตีผมอีกกี่พันตัวก็ได้ แต่ระวังผมจะยั้งมือไม่อยู่แล้วเผลอฆ่าคุณเข้าล่ะ” จิตสังหารของอูริครุนแรงกว่าเดิม โจเนสพยายามถอยหนี แต่จิตสังหารก็ไม่มีทีท่าจะลดลงเลย
(หนอย! ก็แกใช้สัตว์อสูรสี่ดาวนี่หว่า แล้วจะเอาสัตว์อสูรสองไปสู้ให้โง่เรอะ แค่จิตสังการแกก็รุนแรงเหมือนจะฆ่าข้าได้ทุกเวลา งั้นเราแก้แค้นมันหน่อยคงไม่เป็นไร ท่าทางมันก็อยากได้เจเนซิสเหมือนกัน เราจัดการเจ้าเด็กนั่นแล้วแย่งเจเนซิสหนีไปเลยดีกว่า!) โจเนสคิด เขาแอบยิ้มเยาะในใจ แล้วร่ายเวิร์ลวินคองตัวใหม่ออกมา
อูริคกับอัลฟ่าจ้องอสูรนั้นอย่างระมัดระวัง เจเนซิสร่างเทาอ่านใจของโจเนสได้ แต่ก็ไม่ได้คิดหนีแม้แต่น้อย
“พาวเวอร์ ชาร์จ” โจเนสร่ายคาถาใส่เวิร์ลวินคอง ฉับพลันร่างของเวิร์ลวินคองก็ใหญ่ขึ้น ตัวเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม
[ระวังหน่อยนะลูก เจ้าตัวนี้มันมีพลังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเลย] พ่อของอัลฟ่าเตือนอย่างห่วงใย เมื่อเห็นค่าความสามารถในตัวมันด้วยพลังพิเศษของเจเนซิส
“คาถานั้นมันทำให้สัตว์อสูรดาวเพิ่มขึ้นดาวเดียวเองนะ ตอนนี้คิงคองของคุณก็มี3ดาว ยังสู้สัตว์อสูรของผมที่เป็น4ดาวไม่ได้หรอก” อูริคเอ่ยขึ้น แม้คาถานั้นจะทำให้เวิร์ลวินคองเก่งขึ้น ก็ยังเทียบชั้นกับซิลเลนท์ฟอลคอนไม่ติด
“ข้าจะโจมตีแกให้โง่สิ แกก็รู้นี่ว่าคาถานี้ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘พลังเฮือกสุดท้ายของซัมมอนเนอร์’ คาถานี้จะกินพลังเวทย์เราไปเกือบหมด แถมยังใช้ได้กับสัตว์อสูรแค่ร่างเดียวเท่านั้น ถ้าสัตว์อสูรร่างนั้นตายแล้วร่ายตัวใหม่มันก็ไม่ได้รับพลังจากคาถานี้หรอก” โจเนสเถียง แม้จิตใจยังหวาดกลัวกับจิตสังหารของอูริค
“ฉะนั้น เป้าหมายของฉันคือจัดการเด็กนั่น!” โจเนสกล่าวอย่างมั่นใจ เวิร์ลวินคองพุ่งไปทางอัลฟ่าทันที ความเร็วของมันสูงขึ้นกว่าเดิมเกือบสองเท่า
ผัวะ! สัตว์อสูรนั้นตบใส่อัลฟ่าเต็มแรงด้วยอุ้งมือขนาดใหญ่ของมัน อัลฟ่ากระเด็นไปจะชนผนัง แต่เขาใช้มือยันผนังไว้ทัน พ่อในร่างเจเนซิสเคลื่อนตัวตามลูกชายไป โจเนสหัวเราะชอบใจกับผลของการโจมตี
[ความรู้สึกตอนโดนตบเป็นยังไงบ้างล่ะ ] พ่อของอัลฟ่าติดต่อทางจิตอีกครั้ง
(เจ็บสิครับ มันตบแรงชะมัด แถมเร็วจนผมมองไม่ทันเลย ตอนนี้ผมแทบไม่มีแรงยืนแล้วล่ะครับ พ่อมีอะไรที่ทำให้ผมปราบมันได้ไหมครับ) อัลฟ่าถาม
[ฝ่ายนั้นเขาใช้คาถาเพิ่มพลังเป็นสองเท่า ถ้าเราจะชนะก็ต้องมีพลังที่เหนือกว่าสิ !] พ่อตอบแบบขวานผ่าซาก
(แล้วผมจะหาพลังนั่นจากที่ไหนล่ะ ผมเป็นแค่คนธรรมดานะครับ) อัลฟ่าบอก
[ปลุกพลังในตัวลูกซะก็สิ้นเรื่อง พ่อได้รับพลังนี้มาตั้งแต่เป็นเจเนซิสน่ะ พ่อจะใช้พลังจิตโจมตีใส่ลูกโดยตรงเพื่อปลุกพลัง ถ้าทำสำเร็จลูกก็จะใช้พลังพิเศษแบบพวกนั้นได้ ถ้าไม่สำเร็จคือลูกทนรับพลังนั้นไม่ไหว ร่างกายก็จะแตกสลายไป ]
(ผมไม่เป็นไรหรอกครับ พ่อรีบปลุกพลังเถอะ ถ้าพ่อไม่ทำผมก็ต้องตายเพราะสัตว์อสูรนั่น เราก็อยู่ด้วยกันไม่ได้สิครับ) อัลฟ่ายกเหตุผลมาอ้าง ตอนนี้เขาต้องการพลังเพื่อจัดการสัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้า ‘เราทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดก็พอแล้ว’ นั่นเป็นสิ่งที่เมฟินบอกเขา
[พ่อรู้สึกได้ว่าลูกมีพลังอยู่นิดหนึ่งแล้วนี่ ลูกคงได้รับการปลุกพลังบางส่วนโดยบังเอิญสินะ อืม น่าจะเป็นตอนที่ลูกได้เบาะแสถึงพ่อมั้ง ลูกจำตอนที่ใช้พลังได้ไหมล่ะ]
อัลฟ่าครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่เขาชกโฮกี้ เรื่องที่เขาหลับตาเห็นเจเนซิส เรื่องที่เขาฝันเห็นเมฟินตาย นั่นคงเป็นพลังพิเศษที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หลังจากที่เขาเห็นรายละเอียดงานทำลายการทดลองครั้งนี้
[ถ้าพ่อปลุกพลังแล้วลูกก็จะใช้พลังทั้งหมดได้ ลูกแน่ใจนะว่าพร้อม โอกาสพลาดมันยังมีนะลูก ] พ่อพูดอย่างไม่มั่นใจ
(ผมแน่ใจครับ เริ่มได้เลยครับพ่อ อะ คิงคองนั่นเดินมาทางผมแล้ว รีบปลุกพลังเลยครับ!) อัลฟ่าพูดอย่างเร่งรีบ เมื่อเห็นเวิร์ลวินคองเริ่มก้าวเข้าหาเขา
ร่างกายของอัลฟ่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เวิร์ลวินคองเข้าใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ 5เมตร 4เมตร 3เมตร 2เมตร .ขณะนี้มันยืนห่างกับอัลฟ่าไม่ถึงเมตร มันง้างมือขึ้นเพื่อเตรียมตบเขา อัลฟ่าไม่มีแรงเหลือพอก้าวขาหลบ เขาหลับตาลง
วิ้ง! เกิดแสงสีขาวรอบๆตัวอัลฟ่า แสงนั้นจ้าจนคนภายนอกมองไม่เห็นสถานการณ์ระหว่างอัลฟ่ากับเวิร์ลวินคอง
พลังบางอย่างพุ่งพลุ่านในตัวเขา เหมือนกับตอนที่เขากำลังจะชกโฮกี้ แต่พลังในครั้งนี้รุนแรงกว่ามาก มันเป็นพลังที่ร้อนแรงกัดกร่อนได้ทุกสิ่ง แต่แล้วก็แปรเปลี่ยนไปเป็นพลังอันเย็นยะเยือก สองพลังที่ต่างกันสุดขั้วนี้แปรเปลี่ยนสลับไปมาในตัวเขา
ต่อมา แสงสีขาวก็ค่อยๆจางหายไป เบื้องหน้าของอัลฟ่าเป็นร่างเวิร์ลวินคองที่มีแผลไหม้ มันโดนน้ำแข็งจับเป็นก้อน อูริคและโจเนสมองอย่างฉงน
[พลังของลูกนี่สุดยอดจริงๆ จิตหนึ่งของลูกคือพลังทำลายล้างฆ่าคน แค่อีกจิตหนึ่งกลับบอกว่าไม่อยากฆ่าใครอีก อยากให้การฆ่าฟันจบลงแค่ตรงนี้ ] เสียงพ่อฟังดูตื่นเต้น
อัลฟ่าครุ่นคิดในใจ เขาไม่ต้องการให้ใครตายก็จริง แต่สุดท้ายแล้วถ้าเราไม่ฆ่าศัตรู มันก็ต้องกลับมาฆ่าเราอยู่ดี สัจธรรมความจริงนี้ยังคงใช้ได้แม้โลกปัจจุบันจะก้าวหน้าขึ้นแค่ไหน
ตูม! ร่างของเวิร์ลวินคองระเบิดกระจุย ไม่เหลือแม้แต่เศษผง! อูริคกับโจเนสฉงนกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้แต่ซิลเลนท์ฟอลคอนของอูริคยังระเบิดเวิร์ลวินคองแล้วเหลือเศษเนื้ออยู่เลย อัลฟ่าเป็นใครกันจึงสามารถระเบิดได้ไม่เหลือเศษผงเช่นนี้ ?
[จิตใจของลูกเลือกได้แล้วสินะ ลูกเลือกที่จะเอาพลังทำลาย จริงแล้วพ่อก็รู้อยู่เต็มอกว่าลูกจะเลือกอะไร จะว่าไปมันก็เกี่ยวข้องกับที่ลูกใช้ชีวิตทำภารกิจเสี่ยงอันตรายตอนเด็กๆมาด้วย] พ่อพูดเหมือนกับรู้ว่าเขาโดนใครเก็บไปตอน5ขวบ และถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร
(พ่อครับ แล้วผมจะบังคับพลังนี่ได้ยังไงล่ะ) อัลฟ่าถามอย่างสงสัย ขณะนี้เขายังไม่สามารถบังคับพลังของตัวเองได้
[พลังของลูกเป็นหนึ่งในศาสตร์ที่เรียกว่า‘พลังเหนือธรรมชาติ’หรือ‘พลังพิเศษ’ ซึ่งมีการแยกสาขาพลังพิเศษออกมานับไม่ถ้วน พลังของพวกซัมมอนเนอร์คือ‘พลังแห่งการสร้าง’ ซึ่งจะสามารถเปลี่ยนพลังเวทย์ของตัวเองเป็นวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตได้ ส่วนพลังของลูกคือ‘พลังแห่งลางสังหรณ์’ เป็นพลังที่ทำให้มองเห็นอนาคตได้ และมีลางสังหรณ์อันเยี่ยมยอด ]
(งั้นความสามารถของผมก็ต่อสู้ไม่ได้งั้นสิ แล้วผมทำให้เวิร์ลวินคองระเบิดเมื่อกี้ได้ยังไงล่ะครับ) อัลฟ่ายิ่งสงสัยมากขึ้น
[ลูกยังฟังไม่จบนี่ ในตัวลูกมีพลังอยู่สองแบบ พลังอย่างแรกคือพลังการอ่านอนาคตที่พ่อบอกไป พลังนี้จะเกิดขึ้นอัตโนมัติ ตอนนี้ลูกยังไม่สามารถควบคุมมันให้เกิดขึ้นหรือหยุดลงได้ พลังแบบที่สองคือ‘พลังแห่งความเร็ว’ เป็นพลังที่ทำให้ลูกเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว หรือร่ายคาถาได้รวดเร็ว สรุปก็คือเป็นพลังที่ทำให้เราเร็วขึ้นทุกด้าน] พ่อสรุปความสามารถของอัลฟ่า
(มันก็ยังไม่เห็นเกี่ยวกับการระเบิดของเวิร์ลวินคองเลยนี่ครับ) อัลฟ่ายังท้วงต่อ
[อ๋อ นั่นเพราะพลังธาตุในตัวลูกต่างหาก เราแต่ละคนมีธาตุในตัวต่างกัน ธาตุของลูกก็คือธาตุไฟ ธาตุแห่งการทำลายไงล่ะ พลังธาตุของลูกยังอ่อนอยู่มาก โอกาสเกิดเลยมีน้อย ถ้าลูกใช้ได้อย่างคล่องแคล่วแล้วมันก็จะบังคับได้ง่ายขึ้นล่ะนะ]
(ทำไมเวิร์ลวินคองมันถึงไม่เหลือแม้แต่เศษผงเลยล่ะครับ พลังธาตุของผมยังน้อยอยู่ไม่ใช่เหรอครับ)
[พลังของธาตุน่ะ ความรุนแรงขึ้นอยู่กับพลังเวทย์ของผู้ใช้ ส่วนโอกาสติดนั้นขึ้นอยู่กับพลังธาตุในตัว พลังเวทย์ของลูกสูงมากเลยล่ะ สมแล้วที่เป็นลูกพ่อ ฮ่า ฮ่า] พ่อหัวเราะอย่างดีใจที่ลูกของเขามีพลังเวทย์แข็งแกร่ง
“ท่านอัลฟ่า! ท่านจะลองสู้กับนิลวิหคของผมไหมครับ” เสียงอูริคดังขึ้น การสนทนาของสองพ่อลูกจึงหยุดลง
“กะ ก็ได้” อัลฟ่าตอบอย่างกระอึกระอัก พลังพิเศษของเขามันใช้โจมตีไม่ได้เลยนี่ พลังธาตุที่ใช้โจมตีได้ก็เกิดขึ้นยากอีก
[ลูกไม่รู้เหรอ ว่าถ้าเราต่อยด้วยความเร็วพลังทำลายก็จะเพิ่มขึ้นน่ะ แต่ระวังเสียดสีกับอากาศมากไปแล้วไฟไหม้มือเองล่ะ ฮ่า ฮ่า] เสียงของพ่อดังขึ้นในหัว
อัลฟ่าสังเกตเห็นโจเนสยืนอยู่ข้างหลังอูริค เขารู้สึกว่าโจเนสที่ยืนอยู่เป็นร่างที่ไร้วิญญาณ
ฉึก! อัลฟ่าปามีดใส่โจเนสที่ยืนอยู่ในทันที มีดพุ่งอย่างรวดเร็วจนอูริคมองไม่ทัน มันไปปักลงที่หัวใจของโจเนส ร่างไร้วิญญาณนั้นล้มลง
(พลังพิเศษทำให้เราเก่งขึ้นเยอะจริงด้วย แค่โยนมีดธรรมดายังเร็วขนาดนี้เลย) อัลฟ่าคิดในใจ
“ท่านทำอะไรน่ะ!” อูริคกระชากเสียงถาม
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็แค่ทำตามลางสังหรณ์เท่านั้นแหละ ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าร่างของโจเนสไม่มีวิญญาณอยู่ภายใน” อัลฟ่าตอบตามความจริง
“ช่างเถอะ เจ้าโจเนสตายผมก็ไม่เกี่ยวอยู่แล้ว เรามาเริ่มต่อสู้กันเลยไหม ท่านอัลฟ่า” อูริคท้าทาย
“ก่อนจะสู้ช่วยตอบคำถามข้าหน่อย ท่านไม่อาลัยกับการจากไปของมีร่าคนรักท่านเลยเหรอ” อัลฟ่าถามตรงๆ
อูริคสะดุ้ง ก่อนที่ตอบด้วยเสียงเรียบว่า “ผมอาลัยกับมีร่าพอแล้วล่ะ ในโลกนี้ยังมีหญิงอื่นอีกตั้งเยอะแยะ หาตอนไหนก็ได้ ตอนนี้ผมต้องการสนุกกับการต่อสู้มากกว่า ยิ่งได้เจอคนอย่างท่านแล้วยิ่งอยากสู้เข้าไปอีก”
“หมายความว่าท่านกับมีร่าไม่รักกันจริงงั้นสิ”
“เมื่อก่อนน่ะยังรักกัน แต่ตอนนี้มีร่าตายไปแล้ว ไม่มีทางกลับมามีชีวิตใหม่ได้ แล้วผมก็ไม่ใช่พวกที่จะเฝ้ารอคนรักที่ตายไปแล้วหรอก ขณะนี้จิตใจของผมมีเพียงการต่อสู้เท่านั้น!” อูริคตอบอย่างเด็ดขาด
“ถ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วเราก็เริ่มต่อสู้เลยละกัน!” อัลฟ่าระเบิดพลังเต็มที่ เพราะศัตรูเบื้องหน้าเป็นผู้ไร้ซึ่งความรักความห่วงใย
ผู้ที่เหลือรอดอยู่ขณะนี้มีเพียงสามร่าง อัลฟ่า อูริค และเจเนซิสเผือก ทำให้ห้องทดลองนั้นดูกว้างเหมาะสำหรับการต่อสู้
เวลาขณะนั้นประมาณตีสอง พ่อของอัลฟ่าในร่างเจเนซิสหลบไปอยู่บริเวณบันได ในห้องนั้นเหลือเพียงสองคน บรรยากาศเงียบสงบ ไม่มีแม้เสียงลมพัดผ่าน
“พาวเวอร์ ชาร์จ!” อูริคร่ายคาถาทำให้พลังสัตว์อสูรของเขาเพิ่มสูงสุด สีของนิลวิหคกลายเป็นสีเขียวหยก ร่างของมันใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ขนปีกของมันแหลมคมขึ้น ดูไกลๆคล้ายกับใบมีดเล็กๆ
“เล่นแรงตั้งแต่เริ่มเลยเหรอ!” อัลฟ่าพูดอย่างตื่นเต้น เขาดึงมีดออกมาจากกระเป๋าสำรองที่เมฟินเหลือทิ้งไว้บนพื้น
“ดับเครื่องชน!” อูริคสั่ง ซิลเลนท์ฟอลคอนพุ่งใส่อัลฟ่าด้วยความเร็วสูง แต่อัลฟ่ากลับหลบอย่างสบายๆ
“ยังช้าไปนะ พลังมีแค่นี้เองเหรอ” อัลฟ่าพูด เมื่อกี้เขาเห็นซิลเลนท์ฟอลคอนพุ่งมาเหมือนกับภาพสโลว์โมชั่น
อูริคยังใจเย็น เขาสั่งการนิลวิหคต่อ “เงากระโดด!” ซิลเลนท์ฟอลคอนพุ่งอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นเพียงเงาลางๆ มันพุ่งทะลุตัวอัลฟ่าไป อูริคตกตะลึงเมื่อนิลวิหคพุ่งผ่านตัวอัลฟ่าเหมือนกับร่างนั้นเป็นอากาศ
“ตอนนี้ฉันเริ่มควบคุมพลังได้แล้วล่ะ แค่ปรับความเร็วในการเคลื่อนที่ก็ทำได้สบายๆ” เสียงของอัลฟ่าดังขึ้นจากหน้าประตูห้องทดลอง
อูริคหันไปมองอย่างตกใจ ร่างอัลฟ่าที่นิลวิหคพุ่งทะลุก็ค่อยๆจางหายไปเหลือเพียงร่างอัลฟ่าตัวจริงที่ยืนอยู่หน้าประตู
“ที่เจ้านกนั่นมันพุ่งผ่านร่างของฉันก็เพราะร่างเมื่อกี้เป็นเพียงสิ่งที่แกเห็นหลังฉันขยับตัวออกมาแล้ว หรือจะพูดง่ายๆก็คือฉันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนแกมองเห็นเป็นภาพติดตาอยู่นั่นแหละ” อัลฟ่าอธิบายสั้นๆ แล้วก้าวเข้ามาอยู่กลางห้อง
“งั้นลองนี่หน่อย ดูซิท่านจะหลบทันไหม Circle Attack(จู่โจมทรงกลม)!” อูริคสั่งการนิลวิหคอีกครั้ง คราวนี้มันไม่พุ่งเข้าใส่อัลฟ่าโดยตรง แต่มันบินรอบๆอัลฟ่าเป็นรูปวงกลมแทน
ซิลเลนท์ฟอลคอนบินเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนกับมีซิลเลนท์ฟอลคอนจำนวนมากบินล้อมเขาอยู่ อัลฟ่ายิ้ม ท่าทางสบายๆ
อูริคเริ่มฉุน “คิดว่าแกจะหนีออกจากวงล้อมได้งั้นเหรอ แกหนีจากการโจมตีนี่ให้ได้ก็ก่อนเถอะ นกที่บินรอบแกเป็นร่างแยกที่มีเลือดเนื้อเหมือนกับตัวต้นฉบับ ไม่ใช่แค่ภาพติดตาแบบของแกหรอก! Bird Strike(วิหคจู่โจม)!” เขาเริ่มเรียกอัลฟ่าหยาบขึ้นเมื่อเห็นอัลฟ่าทำท่าทีสบายๆไม่สนใจนิลวิหคของเขาเลย
ซิลเลนท์ฟอลคอนที่บินวนรอบๆพุ่งเข้าใส่อัลฟ่าที่ยืนอยู่กึ่งกลางวงกลมนั้นอย่างรวดเร็ว อัลฟ่ายังยิ้มอยู่ ไม่มีท่าทีจะโจมตี
ตูม! อัลฟ่ากระโดดหลบการโจมตี หัวของนกร่างแยกทั้งหมดและร่างจริงชนกันที่กึ่งกลางวงกลม ด้วยความเร็วทำให้พลังปะทะเพิ่มขึ้น ซิลเลนท์ฟอลคอนร่างจริงที่ปะทะกับนกร่างแยกก็หมดพลัง ร่างของมันค่อยๆจางหายไป
ฉึก! อัลฟ่าที่อยู่บนอากาศปามีดใส่หัวใจของอูริคอย่างแม่นยำ ร่างนั้นสิ้นลมแล้วล้มตึงลงกับพื้นทันที
“เราเองก็ใช่ว่าจะรอดนี่ ” อัลฟ่ารำพึงเบาๆก่อนที่จะสลบไปเพราะใช้พลังเวทย์เกินขีดจำกัด ก่อนจะสลบเขารู้สึกเหมือนกับว่าพ่อกำลังจะจากเขาไป
พ่อของอัลฟ่ากำลังจะเข้าไปช่วย แต่แล้วก็รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่มีพลังมหาศาลเคลื่อนเข้ามาที่นี่ พ่อในร่างเจเนซิสคิดจะไปดูให้แน่ใจ ถ้าปล่อยมันเข้ามาแล้วมันจะอาจจะทำลายตึกนี้ทิ้ง และอัลฟ่าก็จะตายได้ เขาใช้เวทย์สร้างจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่งแล้วสอดไว้ในเสื้อของอัลฟ่า [ถ้าโชคดีคงได้เจอกันอีกนะ ลูกรัก ] เจเนซิสเผือกรำพึง แล้วจึงเคลื่อนตัวลงบันไดอย่างอาลัย
จบ บทที่3
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น