ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4 : ปลายทาง ...แก้ไขแล้วครับ
บทที่ 4 : ปลายทาง
“พวกเธอไปได้แล้วล่ะ”
ประธานนักเรียนปี 4 พูดขึ้นในที่สุด เด็กหนุ่มสาวทั้งสามมองผู้พูดด้วยสายตาสงสัย เขาจึงอธิบายเพิ่ม
“พวกเธอมีฝีมือพอตัวทีเดียว ฉันให้พวกเธอไปต่อได้แล้ว สุดเส้นทางนี้คือพิธีต้อนรับนักเรียนใหม่ที่กำลังรอนักเรียนใหม่เดินทางไป”
“เส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดียวที่มีรุ่นพี่ดักต่อสู้อยู่ใช่ไหมคะ หรือมีอยู่ทุกเส้นทาง” เด็กสาวถามพลางนำห่อผ้าที่ใส่กระบี่มาสะพาย
“ไม่ใช่หรอก ทางไหนๆก็มีคนคอยดักซุ่มอยู่ทั้งนั้นแหละ อยู่ที่ดวงว่าจะเจอคนเก่งหรือคนไม่เก่งเท่านั้นแหละ” ทรีเพลตอบ ก่อนที่จะหันหลังและเดินหายไปในความมืดมิด
ทรีเพลเดินไปจนเด็กทั้งสามไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า พอลเปิดปากพูดขึ้นเป็นคนแรก
“ไลท์ เมื่อกี้ตาของนายเป็นสีทองใช่ไหม!” เด็กหนุ่มร่างสูงยิงคำถามตรงประเด็น
หนุ่มร่างบางมองร่างสูงด้วยสายตาเย็นชา “พ่อกับแม่เคยบอกเหมือนกัน ว่าบางครั้งดวงตาฉันจะเป็นสีทอง มันคงเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากความผิดปกติอะไรสักอย่างในร่างกายฉันละมั้ง”
“แล้วเวทมนตร์นั่น มันคืออะไรกันแน่” พอลถามต่อ เขาทำสีหน้าตื่นตระหนก
“ไม่มีอะไร มันเป็นเวทมนตร์ที่พ่อของฉันสอนให้ ฉันใช้ที่บ้านก็ไม่ได้ผลขนาดนี้หรอกนะ แต่พอมาใช้ที่นี่กลับแรงขึ้นมาได้” ไลท์ตอบเสียงเรียบ
“เขตกักกันเวทมนตร์สินะ” เด็กสาวที่ยืนเงียบอยู่นานพูดแทรกขึ้น เด็กหนุ่มทั้งสองหันมามองเธอเป็นตาเดียว
“เขตกักกันเวทมนตร์ คือ เวทมนตร์มนตร์ชนิดพื้นที่ ซึ่งจะสร้างพื้นที่ขึ้นมาและเวทมนตร์ที่ถูกใช้ในพื้นที่นั้นจะเบาลง พ่อของนายคงกางเขตกักกันเวทมนตร์ไว้ก่อน นายถึงใช้เวทมนตร์ที่บ้านไม่แรงเท่าใช้ในโรงเรียนซึ่งไม่มีเขตกักกันไงล่ะ” เด็กสาวอธิบายอย่างละเอียด
“เข้าใจละ พ่อนะพ่อ ไม่อยากให้ลูกใช้เวทมนตร์เก่งๆหรือไงนะ มากางเขตกักกันซะได้” ไลท์รำพึง ก่อนที่จะออกเดินไปข้างหน้า “ไปกันซะที มัวคุยกันอยู่ได้ พอล แล้วก็ เอ่อ ” หนุ่มร่างบางมองไปที่เด็กสาวซึ่งเขายังไม่รู้ชื่อของเธอ
“ฉันชื่อ เมริน เฟลสปาร์ค เรียกว่า ริน ก็ได้” เด็กสาวผู้ใช้กระบี่ตอบ
“ไปกันเถอะ พอล! เมริน!” ไลท์เรียกทั้งสอง แล้วจึงออกเดินไปพร้อมกันสามคน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เด็กหนุ่มสาวทั้งสามก็มาถึงสุดทางเดิน พวกเขาพบประตูเหล็กขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า ไม่สามารถรู้ได้ว่าด้านหลังประตูจะเป็นเช่นไร
เด็กทั้งสามช่วยกันดันประตูเหล็กที่พวกเขาคิดว่ามันต้องหนัก แต่เมื่อพวกเขาดันประตูเบา ๆ ประตูก็เปิดออกอย่างง่ายดาย
หลังประตูนั้นคือห้องโถงขนาดใหญ่ ทางเดินตรงกลางถูกปูด้วยพรมสีแดงสดที่วางยาวไปจากหน้าประตูจนถึงหน้าเวที โต๊ะขนาดยาวมากมายถูกวางเรียงกันอยู่ในห้องนั้น นักเรียนหลายร้อยคนอยู่นั่งอยู่ที่โต๊ะ ดูอายุจากหน้าตาแล้วก็รู้ว่าเป็นรุ่นพี่ของพวกเขา บนเวทีขนาดใหญ่ที่ปลายสุดห้องโถงประดับประดาไปด้วยสิ่งของมากมายที่มีรูปชายหน้าบึ้งในชุดผ้าสีเหลืองทอง มีปีกสีดำคู่หนึ่งด้านหลัง ไลท์นึกสงสัยภาพนี้ตั้งแต่แรกเห็นที่กำแพงทางเดิน จนบัดนี้เขาก็ยังนึกไม่ออกว่ามันคือภาพอะไร
ทันทีที่พวกเขาก้าวแตะพรมสีแดงสด ร่างของพวกเขาทั้งสามก็เคลื่อนที่ตรงไปเรื่อย ๆ บนพรมราวกับมีล้อเลื่อนอยู่ใต้ขาของพวกเขา ร่างทั้งสามไปหยุดที่หน้าบันไดขึ้นเวทีอย่างพอดิบพอดี
บนเวทีมีนักเรียนชั้นเดียวกับพวกเขารออยู่จำนวนหนึ่งแล้ว ไลท์ พอล และเมรินเดินขึ้นบันไดเวทีไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
เสียงเฮดังขึ้นจากกลุ่มรุ่นพี่ด้านล่างเมื่อพวกเขาเห็นเด็กใหม่สามคนมาถึง ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินมาทักพวกเขา เป็นชายที่มีผมสีดำขลับ ใส่แว่นทรงสี่เหลี่ยม เขาใส่ชุดคอปกสีดำสลับขาว ตาสีน้ำตาลของเขามองมาที่เด็กทั้งสามอย่างอ่อนโยน
“พวกเธอมาใหม่หรือ ชื่ออะไรกันมั่งล่ะ”
“ผมชื่อพอลครับ ส่วนตัวเล็กๆนี่ชื่อไลท์ แล้วก็ ” พอลกำลังจะชี้ไปที่เมริน แต่เด็กสาวชิงพูดขึ้นก่อน
“ฉันชื่อเมรินค่ะ” เมรินพูดด้วยสรรพนามที่ดูเป็นผู้ใหญ่
ชายสวมแว่นยิ้มอย่างอ่อนโยน “ฉันเป็นอาจารย์สอนที่นี่ ชื่อ คาซาดัส เซลล์ทอป พวกเธอรอเพื่อนที่ยังมาไม่ถึงก่อนนะ เหลืออีก 4 คน ไปนั่งพักตรงมุมนั้นได้เลย” เขาชี้ไปที่กลุ่มนั่งเรียนใหม่ซึ่งกระจุกตัวกันอยู่ข้าง ๆ เวที
เด็กทั้งสามเดินไปตามคำบอกของคาซาดัส ไม่ที่พวกเขาจะหย่อนตัวลงนั่ง ประตูเหล็กบานใหญ่ก็เปิดขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นร่างทั้งสี่ที่มาถึงเป็นกลุ่มสุดท้าย
“นั่นมัน!” ไลท์อุทานขึ้น กลุ่มที่เพิ่งมาใหม่เป็นชายสองคนและหญิงอีกสองคน เด็กหนุ่มในกลุ่มนั้นเขารู้จักดี เป็นชายร่างใหญ่ที่สู้กับพอลและเขาบนเครื่องบินนั่นเอง แต่แค่นั้นยังไม่ทำให้เขาตกใจได้ ในมือของชายร่างใหญ่มีอีกร่างหนึ่งซึ่งถูกซัดอย่างสะบักสะบอม เด็กหนุ่มคาดว่านั่นคงเป็นรุ่นพี่ที่ดักซุ่มอยู่ตามเส้นทาง
“เด็กปีนี้ร้ายไม่เบาแฮะ ทำเอารุ่นพี่ปีสี่ สะบักสะบอมไปเลย” คาซาดัสพูดพลางมองผู้มาใหม่ทั้งสี่กำลังเคลื่อนมาที่เวที
เด็กทั้งสี่เดินขึ้นเวทีอย่างเชื่องช้า คาซาดัสกล่าวทักทายทันที “พวกเธอชื่ออะไรกันบ้างเหรอ ฉันชื่อ คาซาดัส เป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนนี้”
เด็กเหล่านั้นไม่ตอบ เด็กหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มนั้นก้าวเท้าออกมา เป็นชายร่างเล็กพอๆกับไลท์ แต่สูงกว่าไลท์เล็กน้อย เขากำหมัดแล้วชกใส่ท้องของคาซาดัสอย่างไม่ลังเล
“เฮ้ย!” พอลร้องออกมาด้วยความตกใจ เขาอยากจะร่ายโซ่เวทมนตร์ไปพันธนาการไว้ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะหมัดของเด็กหนุ่มคนนั้นใกล้จะถึงตัวคาซาดัสอยู่รอมร่อ
“ร้ายไม่เบา แต่เล่นกับฉันอย่างนี้คงอยากโดนไล่ออกตั้งแต่วันแรกสินะ” มือของชายสวมแว่นคว้าจับมือของเด็กหนุ่มไว้ได้อย่างหวุดหวิด เขาออกแรงบีบข้อมือเด็กหนุ่มจนร่างเล็กร้องโอดครวญออกมา
เพื่อน ๆ ในกลุ่มทั้งสามไม่รอช้า ร่างของรุ่นพี่ที่ถูกซัดถูกทิ้งลงกับพื้น พวกเขากระโจนเข้าหาคาซาดัสในทันที เขาหรี่ตามองลอดผ่านแว่นอย่างพินิจ ก่อนที่จะออกปากร่ายมนตร์
“อิมพริสซัน โซเน็น Imprison Zonen”
สิ้นเสียงอันกึกก้อง ปรากฏแสงสีฟ้าใต้เท้าของเด็กทั้งสามที่พุ่งเข้ามา แสงเหล่านั้นพุ่งขึ้นมาจากพื้นและล้อมรอบตัวพวกเขาไว้ คาซาดัสบีบข้อมือเต็มแรง ก่อนที่จะปล่อยร่างเล็กนั้นลงสู่พื้น
เด็กหนุ่มหนึ่งคนกับเด็กสาวอีกสองที่พุ่งเข้าใส่คาซาดัสหวังจะช่วยเพื่อน กลับโดนเวทมนตร์พื้นที่ของคาซาดัสที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถขยับออกจากเขตที่ถูกกักกันอยู่ได้ เด็กหนุ่มร่างใหญ่พยายามทุบกำแพงของเขตกักกัน แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเด็กสาวอีกสองก็ซุบซิบกันอยู่ด้านในเขตกักกันนั้น
“เวทมนตร์ ‘เขตคุมขัง’ ของฉันไม่ถูกทำลายง่าย ๆ หรอกน่า อย่าคิดหนีเลยจะดีกว่า” คาซาดัสพูดตัดกำลังใจ เขายิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย
ตูม! กำแพงเขตคุมขังถูกทำลายจากด้านใน เบื้องหลังความเสียหายของเขตคุมขังคือเด็กสาวสองคนที่ประสานมือกัน หน้าตาของเธอทั้งสองเหมือนกันราวกับมาจากพิมพ์เดียวกัน
เมื่อเขตคุมขังถูกทำลาย เด็กทั้งสามด้านในก็พุ่งตัวออกมา เป้าหมายคือคาซาดัสซึ่งมองความเสียหายของเขตคุมขังอย่างตื่นตระหนก
“ชิ! ฉันประมาทพวกเธอมากไปหน่อย” เขาสบถออกมา พลางใช้มือขยับแว่นเล็กน้อย
“พวกเราฝาแฝดแห่งตระกูล ‘อาริเอส’ ท่าประสานเป็นท่าที่ถนัดของพวกเราอยู่แล้ว!” เด็กหญิงคนหนึ่งพูดขึ้น เธอกระโดดเหยียบหลังฝาแฝดของเธอ ก่อนที่จะพุ่งตัวขึ้นไปกลางอากาศ
เด็กหนุ่มร่างใหญ่มาถึงตัวคาซาดัสพอดี เขาซัดหมัดเข้าใส่ชายสวมแว่นเบื้องหน้าเต็มแรง แต่คาซาดัสก็กระโดดหลบหมัดที่พุ่งเข้ามาได้ทันท่วงที
“อะ” ชายสวมแว่นนึกอะไรขึ้นมาได้ ว่าบนอากาศมีเด็กหญิงผู้เป็นแฝดรออยู่ เด็กหญิงคนนั้นเข้ามาใกล้เขาและชกใส่ใบหน้าคาซาดัสซึ่งรักษาสมดุลบนอากาศได้ไม่ดีนัก
คาซาดัสโดนหมัดของเด็กสาวเข้าไปเต็มๆ ทำให้เขาเสียสมดุลและร่วงลงกับพื้น เด็กหนุ่มร่างใหญ่กำลังช่วยพยุงเด็กหนุ่มร่างเล็กซึ่งโดนคาซาดัสบีบข้อมือ ทำให้ไม่สามารถเข้าจู่โจมต่อได้ หน้าที่นี้จึงตกเป็นของเด็กสาวฝาแฝดอีกคนที่โดนเหยียบหลัง
เด็กสาวฝาแฝดค่อยๆเดินเข้าหาคาซาดัสที่นอนอยู่กับพื้น ชายสวมแว่นขยับใบหน้าขึ้นเพื่อมองหน้าเด็กสาว ปากของเขามีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย และกระจกแว่นข้างหนึ่งแตก ส่วนกระจกอีกข้างเป็นรอยร้าว
“หลับฝันดีนะคะ” เด็กสาวพูดขึ้นเบาๆ ก่อนที่จะรีดเร้นพลังเวทมนตร์ทั้งหมดในตัวมารวมไว้ที่หมัดขวา แล้วซัดหมัดนั้นเข้าใส่คาซาดัสอย่างไร้เยื่อใย
“เมจิก คอนไฟน์ เอน อิมพริสซัน โซเน็น Magic Confine n Imprison Zonen”
คาซาดัสร่ายมนตร์ในพริบตาที่หมัดของเด็กสาวอยู่ใกล้เขาเพียงปลายจมูก สิ้นเสียงชายหนุ่ม พลังเวทมนตร์ทั้งหมดในมือเด็กสาวก็สลายไป เธอไม่สามารถขยับตัวได้แม้เพียงนิดเดียว
“นี่แหละ ‘เขตกักกันเวทมนตร์’ ของแท้ และมีความสามารถของ ‘เขตคุมขัง’ เสริมมาด้วย เป็นเวทมนตร์ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่าง ‘เขตกักกันเวทมนตร์’ กับ ‘เขตคุมขัง’ ดูท่าอาจารย์คาซาดัสจะเชี่ยวชาญเวทมนตร์แบบครอบคลุมพื้นที่มากเลยล่ะ” เมรินวิเคราะห์หลังจากการสังเกตการณ์การต่อสู้อยู่พักใหญ่ เด็กสาวมองถัดจากร่างเด็กหญิงคู่แฝดไป ก็พบว่าเด็กหนุ่มร่างใหญ่กับเด็กหนุ่มร่างเล็กและเด็กสาวฝาแฝดอีกคนก็ขยับตัวไม่ได้เช่นกัน เด็กหญิงฝาแฝดคนหนึ่งยังลอยค้างเติ่งอยู่บนอากาศและไม่มีทีท่าว่าจะตกลงมา
“พูดยอมแพ้ซะสิ” คาซาดัสเอ่ยเสียงเรียบ สายตาของเขาสาดส่องไปที่เด็กทั้งสี่
“ผ ผมยอมแพ้ ครับ” เด็กชายร่างเล็กพูดออกมาเป็นคนแรก คาซาดัสยิ้มเยาะ เด็กที่กล้าจู่โจมเขาเป็นคนแรกกลับเอ่ยปากยอมแพ้เป็นคนแรก
“อีกสามคนที่เหลือไม่ยอมแพ้งั้นรึ เด็กปีหนึ่งที่คิดจะมาสู้กับอาจารย์ที่นี่คงอยากได้อะไรตอบแทนบ้างสินะ ได้เลย! ฉันจะตอบแทนอย่างสาสม” คาซาดัสยิ้มกริ่ม
จบ บทที่4
“พวกเธอไปได้แล้วล่ะ”
ประธานนักเรียนปี 4 พูดขึ้นในที่สุด เด็กหนุ่มสาวทั้งสามมองผู้พูดด้วยสายตาสงสัย เขาจึงอธิบายเพิ่ม
“พวกเธอมีฝีมือพอตัวทีเดียว ฉันให้พวกเธอไปต่อได้แล้ว สุดเส้นทางนี้คือพิธีต้อนรับนักเรียนใหม่ที่กำลังรอนักเรียนใหม่เดินทางไป”
“เส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดียวที่มีรุ่นพี่ดักต่อสู้อยู่ใช่ไหมคะ หรือมีอยู่ทุกเส้นทาง” เด็กสาวถามพลางนำห่อผ้าที่ใส่กระบี่มาสะพาย
“ไม่ใช่หรอก ทางไหนๆก็มีคนคอยดักซุ่มอยู่ทั้งนั้นแหละ อยู่ที่ดวงว่าจะเจอคนเก่งหรือคนไม่เก่งเท่านั้นแหละ” ทรีเพลตอบ ก่อนที่จะหันหลังและเดินหายไปในความมืดมิด
ทรีเพลเดินไปจนเด็กทั้งสามไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า พอลเปิดปากพูดขึ้นเป็นคนแรก
“ไลท์ เมื่อกี้ตาของนายเป็นสีทองใช่ไหม!” เด็กหนุ่มร่างสูงยิงคำถามตรงประเด็น
หนุ่มร่างบางมองร่างสูงด้วยสายตาเย็นชา “พ่อกับแม่เคยบอกเหมือนกัน ว่าบางครั้งดวงตาฉันจะเป็นสีทอง มันคงเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากความผิดปกติอะไรสักอย่างในร่างกายฉันละมั้ง”
“แล้วเวทมนตร์นั่น มันคืออะไรกันแน่” พอลถามต่อ เขาทำสีหน้าตื่นตระหนก
“ไม่มีอะไร มันเป็นเวทมนตร์ที่พ่อของฉันสอนให้ ฉันใช้ที่บ้านก็ไม่ได้ผลขนาดนี้หรอกนะ แต่พอมาใช้ที่นี่กลับแรงขึ้นมาได้” ไลท์ตอบเสียงเรียบ
“เขตกักกันเวทมนตร์สินะ” เด็กสาวที่ยืนเงียบอยู่นานพูดแทรกขึ้น เด็กหนุ่มทั้งสองหันมามองเธอเป็นตาเดียว
“เขตกักกันเวทมนตร์ คือ เวทมนตร์มนตร์ชนิดพื้นที่ ซึ่งจะสร้างพื้นที่ขึ้นมาและเวทมนตร์ที่ถูกใช้ในพื้นที่นั้นจะเบาลง พ่อของนายคงกางเขตกักกันเวทมนตร์ไว้ก่อน นายถึงใช้เวทมนตร์ที่บ้านไม่แรงเท่าใช้ในโรงเรียนซึ่งไม่มีเขตกักกันไงล่ะ” เด็กสาวอธิบายอย่างละเอียด
“เข้าใจละ พ่อนะพ่อ ไม่อยากให้ลูกใช้เวทมนตร์เก่งๆหรือไงนะ มากางเขตกักกันซะได้” ไลท์รำพึง ก่อนที่จะออกเดินไปข้างหน้า “ไปกันซะที มัวคุยกันอยู่ได้ พอล แล้วก็ เอ่อ ” หนุ่มร่างบางมองไปที่เด็กสาวซึ่งเขายังไม่รู้ชื่อของเธอ
“ฉันชื่อ เมริน เฟลสปาร์ค เรียกว่า ริน ก็ได้” เด็กสาวผู้ใช้กระบี่ตอบ
“ไปกันเถอะ พอล! เมริน!” ไลท์เรียกทั้งสอง แล้วจึงออกเดินไปพร้อมกันสามคน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เด็กหนุ่มสาวทั้งสามก็มาถึงสุดทางเดิน พวกเขาพบประตูเหล็กขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า ไม่สามารถรู้ได้ว่าด้านหลังประตูจะเป็นเช่นไร
เด็กทั้งสามช่วยกันดันประตูเหล็กที่พวกเขาคิดว่ามันต้องหนัก แต่เมื่อพวกเขาดันประตูเบา ๆ ประตูก็เปิดออกอย่างง่ายดาย
หลังประตูนั้นคือห้องโถงขนาดใหญ่ ทางเดินตรงกลางถูกปูด้วยพรมสีแดงสดที่วางยาวไปจากหน้าประตูจนถึงหน้าเวที โต๊ะขนาดยาวมากมายถูกวางเรียงกันอยู่ในห้องนั้น นักเรียนหลายร้อยคนอยู่นั่งอยู่ที่โต๊ะ ดูอายุจากหน้าตาแล้วก็รู้ว่าเป็นรุ่นพี่ของพวกเขา บนเวทีขนาดใหญ่ที่ปลายสุดห้องโถงประดับประดาไปด้วยสิ่งของมากมายที่มีรูปชายหน้าบึ้งในชุดผ้าสีเหลืองทอง มีปีกสีดำคู่หนึ่งด้านหลัง ไลท์นึกสงสัยภาพนี้ตั้งแต่แรกเห็นที่กำแพงทางเดิน จนบัดนี้เขาก็ยังนึกไม่ออกว่ามันคือภาพอะไร
ทันทีที่พวกเขาก้าวแตะพรมสีแดงสด ร่างของพวกเขาทั้งสามก็เคลื่อนที่ตรงไปเรื่อย ๆ บนพรมราวกับมีล้อเลื่อนอยู่ใต้ขาของพวกเขา ร่างทั้งสามไปหยุดที่หน้าบันไดขึ้นเวทีอย่างพอดิบพอดี
บนเวทีมีนักเรียนชั้นเดียวกับพวกเขารออยู่จำนวนหนึ่งแล้ว ไลท์ พอล และเมรินเดินขึ้นบันไดเวทีไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
เสียงเฮดังขึ้นจากกลุ่มรุ่นพี่ด้านล่างเมื่อพวกเขาเห็นเด็กใหม่สามคนมาถึง ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินมาทักพวกเขา เป็นชายที่มีผมสีดำขลับ ใส่แว่นทรงสี่เหลี่ยม เขาใส่ชุดคอปกสีดำสลับขาว ตาสีน้ำตาลของเขามองมาที่เด็กทั้งสามอย่างอ่อนโยน
“พวกเธอมาใหม่หรือ ชื่ออะไรกันมั่งล่ะ”
“ผมชื่อพอลครับ ส่วนตัวเล็กๆนี่ชื่อไลท์ แล้วก็ ” พอลกำลังจะชี้ไปที่เมริน แต่เด็กสาวชิงพูดขึ้นก่อน
“ฉันชื่อเมรินค่ะ” เมรินพูดด้วยสรรพนามที่ดูเป็นผู้ใหญ่
ชายสวมแว่นยิ้มอย่างอ่อนโยน “ฉันเป็นอาจารย์สอนที่นี่ ชื่อ คาซาดัส เซลล์ทอป พวกเธอรอเพื่อนที่ยังมาไม่ถึงก่อนนะ เหลืออีก 4 คน ไปนั่งพักตรงมุมนั้นได้เลย” เขาชี้ไปที่กลุ่มนั่งเรียนใหม่ซึ่งกระจุกตัวกันอยู่ข้าง ๆ เวที
เด็กทั้งสามเดินไปตามคำบอกของคาซาดัส ไม่ที่พวกเขาจะหย่อนตัวลงนั่ง ประตูเหล็กบานใหญ่ก็เปิดขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นร่างทั้งสี่ที่มาถึงเป็นกลุ่มสุดท้าย
“นั่นมัน!” ไลท์อุทานขึ้น กลุ่มที่เพิ่งมาใหม่เป็นชายสองคนและหญิงอีกสองคน เด็กหนุ่มในกลุ่มนั้นเขารู้จักดี เป็นชายร่างใหญ่ที่สู้กับพอลและเขาบนเครื่องบินนั่นเอง แต่แค่นั้นยังไม่ทำให้เขาตกใจได้ ในมือของชายร่างใหญ่มีอีกร่างหนึ่งซึ่งถูกซัดอย่างสะบักสะบอม เด็กหนุ่มคาดว่านั่นคงเป็นรุ่นพี่ที่ดักซุ่มอยู่ตามเส้นทาง
“เด็กปีนี้ร้ายไม่เบาแฮะ ทำเอารุ่นพี่ปีสี่ สะบักสะบอมไปเลย” คาซาดัสพูดพลางมองผู้มาใหม่ทั้งสี่กำลังเคลื่อนมาที่เวที
เด็กทั้งสี่เดินขึ้นเวทีอย่างเชื่องช้า คาซาดัสกล่าวทักทายทันที “พวกเธอชื่ออะไรกันบ้างเหรอ ฉันชื่อ คาซาดัส เป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนนี้”
เด็กเหล่านั้นไม่ตอบ เด็กหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มนั้นก้าวเท้าออกมา เป็นชายร่างเล็กพอๆกับไลท์ แต่สูงกว่าไลท์เล็กน้อย เขากำหมัดแล้วชกใส่ท้องของคาซาดัสอย่างไม่ลังเล
“เฮ้ย!” พอลร้องออกมาด้วยความตกใจ เขาอยากจะร่ายโซ่เวทมนตร์ไปพันธนาการไว้ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะหมัดของเด็กหนุ่มคนนั้นใกล้จะถึงตัวคาซาดัสอยู่รอมร่อ
“ร้ายไม่เบา แต่เล่นกับฉันอย่างนี้คงอยากโดนไล่ออกตั้งแต่วันแรกสินะ” มือของชายสวมแว่นคว้าจับมือของเด็กหนุ่มไว้ได้อย่างหวุดหวิด เขาออกแรงบีบข้อมือเด็กหนุ่มจนร่างเล็กร้องโอดครวญออกมา
เพื่อน ๆ ในกลุ่มทั้งสามไม่รอช้า ร่างของรุ่นพี่ที่ถูกซัดถูกทิ้งลงกับพื้น พวกเขากระโจนเข้าหาคาซาดัสในทันที เขาหรี่ตามองลอดผ่านแว่นอย่างพินิจ ก่อนที่จะออกปากร่ายมนตร์
“อิมพริสซัน โซเน็น Imprison Zonen”
สิ้นเสียงอันกึกก้อง ปรากฏแสงสีฟ้าใต้เท้าของเด็กทั้งสามที่พุ่งเข้ามา แสงเหล่านั้นพุ่งขึ้นมาจากพื้นและล้อมรอบตัวพวกเขาไว้ คาซาดัสบีบข้อมือเต็มแรง ก่อนที่จะปล่อยร่างเล็กนั้นลงสู่พื้น
เด็กหนุ่มหนึ่งคนกับเด็กสาวอีกสองที่พุ่งเข้าใส่คาซาดัสหวังจะช่วยเพื่อน กลับโดนเวทมนตร์พื้นที่ของคาซาดัสที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถขยับออกจากเขตที่ถูกกักกันอยู่ได้ เด็กหนุ่มร่างใหญ่พยายามทุบกำแพงของเขตกักกัน แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเด็กสาวอีกสองก็ซุบซิบกันอยู่ด้านในเขตกักกันนั้น
“เวทมนตร์ ‘เขตคุมขัง’ ของฉันไม่ถูกทำลายง่าย ๆ หรอกน่า อย่าคิดหนีเลยจะดีกว่า” คาซาดัสพูดตัดกำลังใจ เขายิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย
ตูม! กำแพงเขตคุมขังถูกทำลายจากด้านใน เบื้องหลังความเสียหายของเขตคุมขังคือเด็กสาวสองคนที่ประสานมือกัน หน้าตาของเธอทั้งสองเหมือนกันราวกับมาจากพิมพ์เดียวกัน
เมื่อเขตคุมขังถูกทำลาย เด็กทั้งสามด้านในก็พุ่งตัวออกมา เป้าหมายคือคาซาดัสซึ่งมองความเสียหายของเขตคุมขังอย่างตื่นตระหนก
“ชิ! ฉันประมาทพวกเธอมากไปหน่อย” เขาสบถออกมา พลางใช้มือขยับแว่นเล็กน้อย
“พวกเราฝาแฝดแห่งตระกูล ‘อาริเอส’ ท่าประสานเป็นท่าที่ถนัดของพวกเราอยู่แล้ว!” เด็กหญิงคนหนึ่งพูดขึ้น เธอกระโดดเหยียบหลังฝาแฝดของเธอ ก่อนที่จะพุ่งตัวขึ้นไปกลางอากาศ
เด็กหนุ่มร่างใหญ่มาถึงตัวคาซาดัสพอดี เขาซัดหมัดเข้าใส่ชายสวมแว่นเบื้องหน้าเต็มแรง แต่คาซาดัสก็กระโดดหลบหมัดที่พุ่งเข้ามาได้ทันท่วงที
“อะ” ชายสวมแว่นนึกอะไรขึ้นมาได้ ว่าบนอากาศมีเด็กหญิงผู้เป็นแฝดรออยู่ เด็กหญิงคนนั้นเข้ามาใกล้เขาและชกใส่ใบหน้าคาซาดัสซึ่งรักษาสมดุลบนอากาศได้ไม่ดีนัก
คาซาดัสโดนหมัดของเด็กสาวเข้าไปเต็มๆ ทำให้เขาเสียสมดุลและร่วงลงกับพื้น เด็กหนุ่มร่างใหญ่กำลังช่วยพยุงเด็กหนุ่มร่างเล็กซึ่งโดนคาซาดัสบีบข้อมือ ทำให้ไม่สามารถเข้าจู่โจมต่อได้ หน้าที่นี้จึงตกเป็นของเด็กสาวฝาแฝดอีกคนที่โดนเหยียบหลัง
เด็กสาวฝาแฝดค่อยๆเดินเข้าหาคาซาดัสที่นอนอยู่กับพื้น ชายสวมแว่นขยับใบหน้าขึ้นเพื่อมองหน้าเด็กสาว ปากของเขามีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย และกระจกแว่นข้างหนึ่งแตก ส่วนกระจกอีกข้างเป็นรอยร้าว
“หลับฝันดีนะคะ” เด็กสาวพูดขึ้นเบาๆ ก่อนที่จะรีดเร้นพลังเวทมนตร์ทั้งหมดในตัวมารวมไว้ที่หมัดขวา แล้วซัดหมัดนั้นเข้าใส่คาซาดัสอย่างไร้เยื่อใย
“เมจิก คอนไฟน์ เอน อิมพริสซัน โซเน็น Magic Confine n Imprison Zonen”
คาซาดัสร่ายมนตร์ในพริบตาที่หมัดของเด็กสาวอยู่ใกล้เขาเพียงปลายจมูก สิ้นเสียงชายหนุ่ม พลังเวทมนตร์ทั้งหมดในมือเด็กสาวก็สลายไป เธอไม่สามารถขยับตัวได้แม้เพียงนิดเดียว
“นี่แหละ ‘เขตกักกันเวทมนตร์’ ของแท้ และมีความสามารถของ ‘เขตคุมขัง’ เสริมมาด้วย เป็นเวทมนตร์ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่าง ‘เขตกักกันเวทมนตร์’ กับ ‘เขตคุมขัง’ ดูท่าอาจารย์คาซาดัสจะเชี่ยวชาญเวทมนตร์แบบครอบคลุมพื้นที่มากเลยล่ะ” เมรินวิเคราะห์หลังจากการสังเกตการณ์การต่อสู้อยู่พักใหญ่ เด็กสาวมองถัดจากร่างเด็กหญิงคู่แฝดไป ก็พบว่าเด็กหนุ่มร่างใหญ่กับเด็กหนุ่มร่างเล็กและเด็กสาวฝาแฝดอีกคนก็ขยับตัวไม่ได้เช่นกัน เด็กหญิงฝาแฝดคนหนึ่งยังลอยค้างเติ่งอยู่บนอากาศและไม่มีทีท่าว่าจะตกลงมา
“พูดยอมแพ้ซะสิ” คาซาดัสเอ่ยเสียงเรียบ สายตาของเขาสาดส่องไปที่เด็กทั้งสี่
“ผ ผมยอมแพ้ ครับ” เด็กชายร่างเล็กพูดออกมาเป็นคนแรก คาซาดัสยิ้มเยาะ เด็กที่กล้าจู่โจมเขาเป็นคนแรกกลับเอ่ยปากยอมแพ้เป็นคนแรก
“อีกสามคนที่เหลือไม่ยอมแพ้งั้นรึ เด็กปีหนึ่งที่คิดจะมาสู้กับอาจารย์ที่นี่คงอยากได้อะไรตอบแทนบ้างสินะ ได้เลย! ฉันจะตอบแทนอย่างสาสม” คาซาดัสยิ้มกริ่ม
จบ บทที่4
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น