ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Elite Wizard School

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 : เสียงเพรียกแห่งราตรี

    • อัปเดตล่าสุด 25 ส.ค. 48


    บทที่ 1 : เสียงเพรียกแห่งราตรี



    “…ไลท์”



    “ใคร… ใครเรียกชื่อฉัน”



    “…ไลท์”



    “แกเป็นใคร รู้ชื่อฉันได้ยังไง!”



    “…ข้าคือ เซลัส หนึ่งในเทพปีศาจทั้งสิบผู้ปกครองโลก”



    “แกเองเรอะ ที่เรียกฉันเข้ามาที่นี่ทุกคืน”



    “…ใช่ เจ้าเข้าใจถูกแล้วล่ะ เด็กน้อย”



    “ทำไมแกต้องเรียกฉันมาที่นี่ทุกคืนล่ะ”



    “…บางเรื่องยังไม่สมควรรู้ตอนนี้ แต่ไม่ต้องห่วง เจ้าจะได้รู้ในเร็ววัน …ข้าไปก่อนล่ะ”



    “แกจะไปไหนน่ะ กลับมาก่อน…!”



    ร่างหนึ่งลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างกระทันหันในเวลากลางคืน แล้วหอบหายใจอย่างรวดเร็วราวกับกลั้นหายใจมานาน เหงื่อกาฬไหลอาบทั่วตัวทั้งที่อากาศบริเวณนั้นปลอดโปร่ง และมีลมพัดผ่านเป็นระยะ



    “ไลท์ ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า ตะโกนดังลั่นบ้านเชียว” พ่อของร่างนั้นเปิดประตูเข้ามา พบลูกชายหอบหายใจไม่เป็นจังหวะ



    “ไม่เป็นไรครับพ่อ” เด็กหนุ่มผมสั้นสีน้ำตาล ตาสีฟ้าใส พูดตอบบิดา



    “แน่ใจนะ” พ่อของเขาหรี่ตามองเหมือนกับจะจับผิด เด็กชายพยักหน้า ก่อนที่จะล้มตัวลงนอน พ่อเห็นดังนั้นจึงปิดประตูแล้ว เดินกลับห้องนอนของตัวเอง



    “เจ็บใจชะมัด เราเพิ่งรู้แค่ว่า มันชื่อเซลัส ทำไมทุกคืนเราต้องฝันว่าอยู่ในสถานที่มืดมิดอย่างนั้นด้วยนะ สถานที่ที่ไม่เห็นใครนอกจากตัวเรา ร่างของเจ้าเซลัสเราก็มองไม่เห็น ได้ยินแค่เสียงเท่านั้น” เด็กหนุ่มพูดกับตัวเอง ก่อนที่จะหลับไปท่ามกลางราตรีกาล



    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



    เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อแสงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า แม่ของไลท์ก็ร้องปลุกเด็กชายให้ตื่นขึ้น เขาสลึมสลือลุกขึ้นแล้วเดินไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำยามเช้า



    “อรุณสวัสดิ์ครับ พี่ไลท์” เสียงเด็กชายที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำร้องทัก เขาตัวสูงพอๆกับไลท์ แต่หน้าตาดูอ่อนกว่าไลท์



    “อืม อรุณสวัสดิ์ เรย์” ไลท์พูดแล้วเดินงัวเงียเข้าห้องน้ำไป



    ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทุกคนในบ้านต่างทำธุระของตนเสร็จกันแล้ว จึงมานั่งกินอาหารพร้อมกัน ที่ห้องรับรองของบ้าน ผนังของห้องทาด้วยสีเขียวอ่อนกับสีขาว ดูแล้วสบายตา กระจกในห้องเป็นกระจกใสที่ถูกตัดเป็นรูปวงกลม แสงแดดอ่อนๆสาดส่องผ่านกระจกเข้ามาในห้องและตกกระทบกับพื้นที่เป็นสีฟ้า โต๊ะกินอาหารซึ่งทำจากไม้สีน้ำตาลเข้มถูกตั้งไว้กลางห้อง เก้าอี้ที่ทำจากไม้ชนิดเดียวกันอีก 4 ตัวตั้งอยู่รอบโต๊ะ



    “วันนี้ไลท์ก็จะอายุครบสิบสี่ปีแล้วนะ ตรงกับวันเปิดเรียนของ ‘โรงเรียนเวทมนตร์ อีลิท วิซ’ พอดีเลย” หญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่ของเด็กชายทั้งสองพูดขึ้น



    “ปีนี้ผมก็อายุสิบสามแล้วนะ ปีหน้าผมจะได้เข้าโรงเรียนเวทมนตร์เหมือนพี่เขาใช่มั้ยครับ” เรย์ น้องชายแท้ๆของไลท์ พูดอย่างตื่นเต้น



    “ใช่แล้วล่ะ ปีนี้ลูกจะไมได้เจอหน้าพี่เขาหลายเดือนเลยล่ะ เพราะโรงเรียนเวทมนตร์จะมีหยุดปิดเทอมกลับบ้านแค่สองครั้งต่อปี” พ่อพูดแล้วหันไปมองไลท์ ที่นั่งเงียบอยู่ “เป็นอะไรไป ไลท์ วันนี้เป็นวันแรกที่จะได้เข้าเรียน ไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ” พ่อถามด้วยความห่วงใย



    “น่าตื่นเต้นอยู่หรอกครับ แต่ตอนนี้ในหัวผมมีแต่เรื่องที่ฝันเมื่อคืนน่ะครับ” เด็กชายตอบ



    “อย่ากังวลไปเลย เรามากินปลาย่างกันดีกว่า ของชอบลูกไม่ใช่เหรอ ไลท์” แม่วางจานปลาย่างที่เพิ่งหยิบออกมาจากเตาลงบนโต๊ะอาหาร กลิ่นหอมของปลาที่เพิ่งย่างใหม่ๆแตะจมูกของผู้ที่นั่งอยู่ ราวกับจะชักชวนให้ทุกคนหยิบมันขึ้นมากิน



    “กินละคร้าบ!” ไลท์กับเรย์พูดขึ้นพร้อมกัน พวกเขาหยิบปลาย่างที่เสียบไม้ขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย พ่อแม่ได้เห็นภาพนั้นแล้วก็อดที่จะปลื้มปิติไม่ได้ เวลาแห่งการลาจากใกล้เข้ามาทุกที กว่าจะได้พบกับไลท์อีกต้องรอเกือบครึ่งปี ถ้าไม่ใช่เพราะกฎของโรงเรียนที่ต้องให้นักเรียนอยู่กิน - นอนที่นั่น พวกเขาคงให้ลูกไป – กลับระหว่างบ้านกับโรงเรียนทุกวันอยู่แล้ว



    เมื่อกินอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อย ไลท์ก็ตรวจตราของในกระเป๋าว่ามีอะไรขาดเหลือหรือไม่ เขานำใบรายชื่อของที่ต้องการมาตรวจดูทีละอย่าง 1. เครื่องแบบนักเรียนห้าชุด มีเสื้อปกสีขาวที่มีกระดุม กางเกงสีน้ำเงินที่ขากางเกงสูงกว่าเข่าเล็กน้อย และชุดคลุมยาวถึงเข่าแบบมีฮูดคลุมศีรษะสีกรมท่า โดยชุดคลุมจะมีเพียงตัวเดียว แต่เสื้อและกางเกงมีห้าชุด



    ส่วนลำดับที่สองลงไปก็จะเป็นของใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ ไลท์อ่านมาจนถึงลำดับสุดท้ายคือลำดับที่ 15 ในกระดาษเขียนไว้ว่า “15. อุปกรณ์เครื่องใช้ในโลกเวทมนตร์ 1 ชุด” ไลท์อ่านด้วยความมึนงงปนสงสัย คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ตาสีฟ้าใสที่ดูร่าเริงฉายแววแห่งความอยากรู้อยากเห็น



    “พ่อครับ อุปกรณ์เครื่องใช้ในโลกเวทมนตร์หมายถึงอะไรเหรอครับ” ไลท์ถามพ่อของเขาที่เคยเรียนโรงเรียนเวทมนตร์มาก่อน และใช้ชีวิตเป็นนักเวทมนตร์อย่างเต็มตัว เพียงแต่คิดอยากมาใช้ชีวิตแบบมนุษย์ธรรมดา จึงวางมือจากการใช้เวทมนตร์มานานแล้ว แม่ของเขาก็เคยเรียนที่โรงเรียนเวทมนตร์เช่นกัน ทั้งคู่พบรักกันในโรงเรียนเวทมนตร์ที่เรียนอยู่



    “อุปกรณ์เครื่องใช้ในโลกเวทมนตร์เหรอ อืม พ่อก็ไม่ค่อยแน่ใจนะ เพราะพ่อไม่ได้เรียนโรงเรียนเวทมนตร์ที่นั่น ตอนนั้นไม่มีใครส่งเสียให้เรียนเพราะค่าเรียนแพงมาก ถึงตอนนี้จะลดลงมาแล้วก็ยังแพงอยู่ดีนั่นแหละ …อุปกรณ์เครื่องใช้น่าจะหมายถึงพวก คทาเวทมนตร์ อาวุธเวทมนตร์ อะไรพวกนี้ล่ะมั้ง” พ่อตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจเท่าใดนัก



    ไลท์วางใบรายชื่อสิ่งของลง เขาหันไปก็พบเรย์เดินมาหยุดที่หน้าเขา พร้อมกับยื่นห่อผ้าสีครีมมาให้



    “เอ๋ อะไรน่ะ” ไลท์ถามด้วยความลังเลใจว่าจะรับดีหรือไม่รับดี เพราะบางครั้งเรย์มักจะเอาของเล่นแปลกๆมาแกล้งเขา เช่น กล่องหมากฝรั่งที่มีแมลงสาบปลอมอยู่ด้านใน หรือกล่องที่เปิดแล้วจะมีตัวประหลาดเด้งออกมา



    “ของขวัญครับ ลองแกะดูสิ” เรย์ยัดเยียดห่อผ้าใส่มือไลท์จนได้ ดวงตาของเขาฉายแววตื่นเต้นเมื่อไลท์กำลังแกะปมห่อผ้านั้น ไลท์รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน เขาเพิ่งเคยได้ยินคำว่า ‘ของขวัญ’ จากปากน้องชายเป็นครั้งแรก โดยปกติที่เรย์ให้ของเล่นแกล้งคนต่างๆ น้องชายมักจะพูดว่า ‘ของฝาก’ หรือ ‘ของที่มีคนให้มา’



    ไลท์แกะห่อผ้าอย่างบรรจง สิ่งของที่ห่อผ้าคลุมอยู่คือสร้อยคอ สายสร้อยเส้นเล็กๆทำจากทองคำที่มีราคาแพงเอาการ สิ่งที่อยู่กลางสร้อยคอคือล็อกเก็ตซึ่งมีรูปไลท์กับเรย์ตอนเป็นเด็กรูปเล็กๆ



    “ผมเอาเงินที่เก็บไว้ไปซื้อสร้อยทองมาน่ะครับ ทองเส้นนี้ราคาไม่เท่าไรเพราะมีทองน้อยมาก ส่วนล็อกเก็ตนั่น…ผมทำเองครับ” เรย์ชี้แจง



    “พี่ไม่ได้ไปแล้วไปลับนา แค่ครึ่งปีก็กลับมาแล้ว ไม่ต้องให้ของมีค่าขนาดนี้หรอก” ไลท์พูดกับน้องชาย เขามองสร้อยคอที่ได้มาอย่างพินิจ



    “เล็กน้อย…สำหรับผมมันเป็นเวลาที่ยาวนานมาก เราสองคนเคยจากกันนานขนาดนี้ไหมล่ะครับ” เด็กชายถาม ไลท์ไม่ตอบก็รู้อยู่แก่ใจว่าคำตอบคือ ‘ไม่เคยเลยแม้สักครั้งเดียว’



    “ขอบคุณมากนะ พี่ว่าตอนนี้คงได้เวลาออกเดินทางแล้วล่ะ” ไลท์นำสร้อยคอมาสวม ทั้งที่เด็กชายมีนิสัยไม่ชอบใส่เครื่องประดับ ครานี้คงเป็นโอกาสพิเศษที่มีเพียงครั้งเดียว เขาลากกระเป๋าที่ใส่ของออกไปนอกบ้านอย่างเชื่องช้า ด้วยเพราะอยากใช้เวลาในบ้านให้นานที่สุด อยู่กับครอบครัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การจากลาครั้งนี้ช่างเป็นการจากลาที่ยาวนานมากสำหรับตัวเขา



    พ่อ แม่ และน้องชาย มาส่งพวกเขาที่หน้าประตูบ้าน สายตาของพ่อและแม่ที่จ้องมาที่เขาบ่งบอกถึงความห่วงใย น้ำตาไหลพรากออกมาจากตาของเรย์ ไลท์ในชุดเสื้อยืดสีส้มกับกางเกงขาสั้นดำยิ้มให้พวกเขา ก่อนที่จะหันหลังและออกเดินเข้าไปในช่องสีฟ้าที่มีแสงสีขาวลอดออกมาจากช่องนั้น เมื่อขาของเขาสัมผัสช่อง ร่างเด็กชายก็อันตรธานหายไปท่ามกลางสายตาของสมาชิกในครอบครัว พวกเขาทั้งสามเห็นว่าไลท์จากไปแล้วจึงเดินกลับเข้าไปในบ้านดังเดิม



    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



    ไลท์ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางดินแดนที่ไร้ธรรมชาติ มองไปรอบๆก็มีเพียงแต่ทราย กับทราย เด็กชายคิดว่าที่นี่คงเป็นทะเลทรายที่ไหนสักแห่งในโลก เขามองไปด้านหลังก็พบจุดหมาย



    เครื่องบินลำยักษ์ตั้งอยู่ตรงนั้น ข้างตัวเครื่องมีบันไดทอดลงมาเพื่อให้ผู้โดยสารเดินขึ้น ไลท์ไม่พบใครยืนอยู่ที่พื้นดินบริเวณนั้น พบแต่เพียงหญิงสาวอายุประมาณ 20 ปีที่ยืนอยู่บนเครื่องบินที่หน้าบันได ไลท์เห็นดังนั้นจึงเดินขึ้นบันไดไป หญิงสาวคนนั้นกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงไพเราะ ประกอบกับใบหน้าเกลี้ยงเกลาและผิวสีขาวปนชมพูของเธอ ทำให้เธอดูมีสเน่ห์กว่าหญิงอื่นๆที่ไลท์เคยพบมา



    “สวัสดีค่ะ คุณเป็นนักเรียนของโรงเรียนเวทมนตร์ อีลิท วิซใช่ไหมคะ ไม่ทราบว่าเป็นนักเรียนเก่าหรือนักเรียนใหม่คะ”



    “นักเรียนใหม่ครับ” ไลท์ตอบกลับทันควัน



    “ลงชื่อเข้าสอบไว้หรือยังคะ ถ้าจะลงตอนนี้มีที่เหลืออีกสามที่เท่านั้นนะคะ คุณชื่ออะไรคะ” หญิงสาวถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะเหมือนเดิม สายตาอ่อนหวานของเธอมองหน้าไลท์เพื่อรอคำตอบ



    “อืม ผมคิดว่าน่าจะลงชื่อแล้วนะครับ ผมชื่อ ไลท์ ดิเคออส ครับ” ไลท์เปิดปากหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง



    หญิงสาวเปิดสมุดรายชื่อเล่มโตในมืออย่างรวดเร็ว สายตาที่อ่อนหวานแปรเปลี่ยนเป็นสายตาอันมั่งมั่นราวกับกลายเป็นคนละคน สักพักก็เงยหน้าขึ้นมา พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดังเดิม “คุณลงชื่อไว้แล้วค่ะ เลขประจำตัวผู้เข้าสอบของคุณคือ 168 นะคะ เชิญเข้าไปนั่งในที่นั่งชั้นหนึ่งได้เลยค่ะ หมายเลขที่นั่งของคุณคือหมายเลขประจำตัวผู้เข้าสอบค่ะ”



    ไลท์เดินลากกระเป๋าของตนเข้าไปด้านในตัวเครื่องบิน เขาพบบันไดทางขึ้น กับทางเลี้ยวขวา เขาคิดว่าที่นั่งชั้นหนึ่งคงไม่ต้องขึ้นบันได จึงลากกระเป๋าเดินไปที่ทางเลี้ยวขวาแทน พื้นบริเวณนี้เป็นพรมสีแดงเข้ม ผนังทางเดินที่สร้างจากพลาสติกสีขาวพาเขาไปยังห้องขนาดใหญ่ที่มีที่นั่งเรียงรายกันไป ตรงกลางห้องมีทางเดินทอดยาวจากหน้าห้องถึงริมห้อง ด้านซ้ายขวาของทางเดินคือที่นั่งจำนวนมากที่เป็นของนักเรียนซึ่งเรียงตามหมายเลขผู้เข้าสอบ ทุกคนในห้องนั้นดูเหมือนจะอายุไล่เลี่ยกับเขา ทางโรงเรียนเวทมนตร์แห่งนี้คงมีการกำหนดอายุนักเรียนที่จะเข้าสอบ ไลท์เดินหาที่นั่งหมายเลข 168 ไปเรื่อย ๆ จนพบ



    …ไลท์เห็นว่ามีคนมานั่งที่นั่งเบอร์ 168 แล้ว เป็นเด็กชายที่ตัวสูงกว่าเขาประมาณ 10 ซม. และยังตัวอ้วนใหญ่กว่าเขาด้วย ไลท์เป็นเพียงเด็กชายร่างผอมบางที่ตัวสูง 152 ซม. เท่านั้น



    “เอ่อ… นาย…ได้เลขประจำตัวผู้เข้าสอบเบอร์อะไรเหรอ ผมได้เบอร์ 168 น่ะ …ที่นั่งนี้ต้องเป็นของผมสิ” ไลท์พูดกระอึกกระอักและสุภาพราวกับเกรงใจผู้ที่นั่งอยู่ตรงหน้า แต่ใจความที่พูดออกไปช่างแตกต่างกับลักษณะท่าทางขณะพูดเสียจริง



    “แล้วจะทำไม ฉันจะนั่งที่นี่ มีปัญหางั้นเรอะ…” ชายร่างใหญ่ตอบแบบยั่วโทสะ แต่ไลท์พยายามเก็บอารมณ์ไว้



    “ช่วยลุกไปหน่อยเถอะครับ …ถือว่าขอร้องละกัน” ไลท์พยายามกลั่นกรองคำพูดให้สุภาพที่สุด เขายังไม่อยากมีเรื่องตั้งแต่ยังไม่ถึงโรงเรียน แต่ถ้าสถานการณ์บีบคั้นก็อาจจะเกิดขึ้นได้ สายตาแสดงความเกรงใจของไลท์จ้องเข้ากับสายตาอันดูหมิ่นเหยียดหยามของเด็กหนุ่มร่างใหญ่นั้น



    “ได้สิ…” สองพยางค์แรกของเด็กชายร่างใหญ่ทำให้ไลท์ใจชื้น หากแต่คำต่อๆมาทำให้ความใจชื้นนั้นหายไปหมดสิ้น “…ถ้าแกยอมกราบฉันสักสิบรอบ แล้วเห่าเหมือนหมาสามครั้ง” เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน สายตาของเขาแสดงถึงความรู้สึกที่คิดว่าตนเหนือกว่า



    ไลท์พยายามระงับอารมณ์ไว้ให้มากที่สุด จะให้เขาทำตามสิ่งที่ฝ่ายนั้นบอกงั้นเหรอ…ฝันไปเถอะ มือของเขาทั้งสองสั่นระริก อยากชกคนตรงหน้าเต็มที่ แต่จิตใจสั่งให้ยั้งมือไว้ก่อน เขามองเด็กหนุ่มเบื้องหน้าด้วยสายตาที่เขาพยายามทำให้มันดูธรรมดามากที่สุด



    “รีบๆเลียเข้าสิ เอ้า!” เด็กหนุ่มร่างอ้วนยกขาของเขาที่สวมรองเท้าบูทขึ้น น้ำเสียงของเขาเย้ยหยันและกวนโทสะกว่าเมื่อครู่เสียอีก



    ก่อนที่ไลท์จะทันพูดอะไร เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นก่อน



    “ลุกไปซะ! นั่นไม่ใช่ที่นั่งของนาย”



    ไลท์กับเด็กหนุ่มร่างใหญ่หันไปแทบจะพร้อมกัน ต้นเสียงของคำที่แทรกขึ้นคือเด็กชายร่างสูง มีกล้ามเล็กน้อย ผมของเขาเป็นผมสั้นสีเทาอ่อน สายตาสีขาวปนเทาที่มองมาเป็นสายตาที่แสดงถึงความเย็นชาและแฝงไปด้วยความพิศวงบางอย่าง ไลท์นึกสงสัยว่าทำไมเด็กหนุ่มคนนี้ถึงช่วยเขา



    “มายุ่งอะไรล่ะ ไม่เห็นหรือว่ากำลังมีเรื่องกันอยู่” เด็กหนุ่มร่างใหญ่ตอบกลับ



    “แค่รู้สึกเกะกะสายตานิดหน่อย เลยอยากจัดการ…” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ รอบๆร่างของเขาปรากฏคลื่นพลังสีเทาอ่อนห่อหุ้มไว้ มันคือพลังเวทมนตร์ นักเรียนที่มาสมัครโรงเรียนนี้แล้วใช้เวทมนตร์ได้ก็ไม่แปลก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นลูกหลานของผู้ใช้เวทมนตร์อยู่แล้ว



    “อะ อย่าใช้เวทมนตร์ในห้องนี้นะ” ไลท์ร้องห้าม ถ้าใช้เวทมนตร์ในที่ที่มีประชากรแออัดอาจทำให้มีคนโดนลูกหลงได้ เมื่อเด็กร่างใหญ่ได้ยินคำของเขา ก็ตอบด้วยการใช้เท้ายันเข้าที่ท้องของเด็กชาย



    “อุ๊บ!” ไลท์อุทานออกมา แรงของร่างใหญ่ทำให้ตัวเขากระเด็นไปกองกับพื้น เขากุมมือเข้าที่ท้องด้วยความเจ็บปวด



    “เจ้าคนโง่ มีคนช่วยแล้วยังสอดปากมาอีก ไม่ฆ่าเจ้าก็บุญเท่าไรแล้ว” เด็กหนุ่มร่างใหญ่ตะโกนใส่ไลท์ที่นุ่งอยู่ที่พื้น ก่อนที่จะเกิดคลื่นพลังสีส้มห่อหุ้มมือทั้งสองข้างของเขาไว้ สายตาอันแหลมคมของเขาจ้องไปที่เด็กชายร่างสูง



    “นึกว่าฉันจะปล่อยให้นายฆ่างั้นเรอะ” ร่างสูงพูดขึ้น คลื่นพลังสีเทารอบตัวเขาแปรเปลี่ยนเป็นโซ่สีเทาที่คล้องอยู่บริเวณข้อมือของเด็กชายร่างสูง โซ่ที่สร้างจากเวทมนตร์พุ่งเข้าใส่ร่างใหญ่ทันทีที่ร่างสูงสะบัดมือ



    ”ย้าก!” เด็กชายร่างใหญ่ใช้หมัดที่อาบด้วยพลังเวทมนตร์สีส้มชกเข้าที่โซ่เวทมนตร์ แทนที่โซ่เวทมนตร์จะสลายไป มันกลับเลี้ยวหลบและย้อนกลับมารัดมือของชายร่างใหญ่ไม่ให้ขยับได้



    “แกใช้มือไม่ได้ข้างหนึ่งแล้ว ยอมแพ้ซะเถอะ” เด็กชายร่างสูงพูดแล้วสะบัดมืออีกครั้ง โซ่เวทมนตร์สายใหม่พุ่งเข้าใส่ร่างใหญ่ที่โดนพันธนาการมือไปข้างหนึ่ง ร่างใหญ่ยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วง้างหมัดเต็มที่ พลังเวทมนตร์สีส้มที่อาบบริเวณมืออีกข้างหายไป พลังเวทมนตร์ในมือที่ง้างอยู่เพิ่มขึ้นแทน



    “มือซ้ายที่ถูกโซ่รัดเป็นมือที่ฉันไม่ถนัด ฉันถนัดขวาต่างหากเล่า!”



    ทันทีที่หมัดขวาปะทะเข้ากับโซ่สีเทา โซ่สีเทาพยายามเบี่ยงตัวหลบ แต่ก็หนีไม่พ้นพลังเวทมนตร์สีส้มที่กระจายออกมา โซ่สีเทาจึงแตกสลายไปด้วยหมัดที่บรรจุพลังเวทมนตร์เหนือกว่า เด็กหนุ่มร่างใหญ่ยิ้มกริ่ม สายตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความเย้ยหยันเหมือนเมื่อครั้งที่เขาต่อปากกับไลท์



    “..ดูท่า ..ศึกนี้จะหนักเอาการ” ไลท์เปรยขึ้นขณะพยุงตัวยืน บริเวณท้องของเขายังเจ็บอยู่เล็กน้อยจากฤทธิ์บาทา



    “นายดีแต่พลังเท่านั้นแหละ รอดูท่าต่อไปของฉันดีกว่า” ชายร่างสูงกระตุกมือเพื่อดึงโซ่ที่รัดมือซ้ายของร่างใหญ่กลับมา



    “จะทำอะไรก็ทำมาเถอะ มือขวาของฉันจะชกมันให้กระเด็นไปทั้งหมด!” เด็กหนุ่มร่างใหญ่พูดด้วยเสียงแข็งกร้าว พลังเวทมนตร์ทั้งหมดในตัวเขาถูกรวมไว้ในหมัดขวา พลังเวทมนตร์บริเวณนั้นจึงมหาศาลมาก แต่ส่วนอื่นๆก็จะไร้พลังเวทมนตร์เช่นกัน



    “ร้อยสายพันธนะ!” เด็กหนุ่มร่างสูงร้องขึ้น พลังเวทมนตร์ของเขาแปรเปลี่ยนเป็นโซ่สีเทาหลายสิบเส้น และพุ่งเข้าสู่เป้าหมายเดียวกัน นั่นคือร่างของเด็กหนุ่มร่างใหญ่



    “หมัดกระสุนทะลวง!” ร่างใหญ่ร้องขึ้นเช่นกัน เขาง้างหมัดขวาเตรียมรอไว้แล้ว สายตาของเขาจับจ้องสายโซ่จำนวนมากที่เคลื่อนตัวมากใกล้เขาเรื่อยๆ



    ตูม! เกิดการระเบิดขึ้นเมื่อหมัดที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการทำลายปะทะเข้ากับสายโซ่เวทมนตร์ที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการพันธนาการ ไม่มีผู้ใดบาดเจ็บ แต่ก็ไม่มีผู้ใดยืนหยัดอยู่ได้…



    ทั้งคู่ล้มตัวลงบนพื้น เพราะทุ่มเทพลังเวทมนตร์ไปกับการโจมตีครั้งสุดท้ายจนหมด ไลท์พยุงร่างทั้งสองขึ้นแล้วนำไปพิงเข้ากับผนังด้านหนึ่งเนื่องจากไม่รู้ว่าที่นั่งของสองคนนี้อยู่ไหน ก่อนที่เด็กชายจะเดินกลับไปนั่งที่นั่งเบอร์ 168 ของตน



    จบ บทที่1
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×