ตอนที่ 9 : Chapter 9 But he’s mine [100%]
Chapter 9
But he’s mine
“เย็นพรุ่งนี้ผมจองมื้อดินเนอร์ที่โรงแรมไว้ หมอไปด้วยกันนะครับ”
มาร์คเอ่ยปากชวนระหว่างมื้อกลางวันค่อนไปทางบ่ายในโรงอาหารของโรงพยาบาล วันนี้เขามากินข้าวเที่ยงกับแบมเพราะครึ่งวันหลังไม่มีงานอะไรสำคัญแล้ว แบบว่าอยู่ออฟฟิศไปก็พาลจะหยิบนู่นนี่มาทำให้ปวดหัว หนีมานั่งมองคุณหมอหน้าใสกินข้าวมีความสุขกว่าเยอะ
“ที่จริงเรากินร้านธรรมดา ๆ กันก็ได้นะครับ”
ตั้งแต่คบกันมานี่มาร์คทำเหมือนแบมเป็นเจ้าชายก็ไม่ปาน มีคนจัดการทุกอย่างในชีวิตให้ ตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผม อาหารการกิน ไปจนถึงการเดินทางในทุก ๆ วัน
มาร์คบอกว่าอาชีพหมอมันเหนื่อยอยู่แล้ว เขาไม่อยากให้แบมมาเหนื่อยเรื่องจุกจิกอื่น ๆ ในชีวิตเพิ่มอีก จินแนะนำแบมว่าปล่อยให้คุณมาร์คเขาทำไป และในเมื่อมันเป็นความสุขของมาร์ค แบมก็ไม่กล้าขัด
แต่ว่าก็ว่าเถอะ แบมกลัวตัวเองจะนิสัยเสียเข้าสักวันจริง ๆ ยิ่งขยันเอาใจเขาแบบนี้แบมก็ยิ่งติดมาร์คไปอีก ถ้าช่วงไหนจะไม่ได้เจอกันเป็นเดือนแบมต้องร้องไห้หามาร์คแน่ ๆ
“หมอทำงานหนัก ผมก็อยากให้หมอได้ผ่อนคลาย อยากให้หมอกินอาหารดี ๆ อยู่ในบรรยากาศดี ๆ บ้าง”
“คุณเองก็ทำงานหนักเหมือนกัน”
มาร์คทำงานหนักกว่าแบมด้วยซ้ำ ทำงานที่ออฟฟิศเกือบทุกวันไม่พอยังชอบหอบงานกลับไปมาทำที่บ้านอีก ขยันจนนึกว่าบ้านเป็นหนี้ ทั้ง ๆ ที่รวยล้นฟ้าขนาดนี้แท้ ๆ
“แค่ได้ใช้เวลากับหมอผมก็หายเหนื่อยแล้วครับ” โอเค พูดมาแบบนี้แล้วแบมจะทำอะไรได้นอกจากยิ้มรับ “งั้นพรุ่งนี้ผมมารับหมอนะ”
มาร์คยกมือเกลี่ยแก้มใสของแฟนตัวเองอย่างนึกรักใคร่ เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาร่วมกันกับแบม เหมือนได้ชาร์จพลังงานชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
“เจอกันที่โรงแรมก็ได้ครับ ไม่อยากให้คุณเหนื่อย ตอนเย็นวันศุกร์รถติดด้วย”
โรงพยาบาลที่แบมทำงานอยู่ไม่ไกลจากคอนโดของแบมและไม่ไกลจากเพนท์เฮ้าส์ของมาร์ค แต่ดันไกลจากที่ทำงานของมาร์ค แบบนั้นแบมก็เลยไม่ค่อยให้มาร์คมารับเพราะกลัวมาร์คเหนื่อย ถึงมาร์คจะมีคนขับรถให้ แต่การนั่งบนห้องโดยสารแคบ ๆ นาน ๆ ก็คงไม่สบายตัวเท่าไร
“ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งครับว่าเรื่องของหมอผมไม่เคยเหนื่อยเลย”
ต่อให้รถมันจะติดขนาดไหน โรงพยาบาลจะอยู่ไกลเท่าไรมาร์คก็ไม่ได้คิดว่าเขาลำบากอะไร เพราะทุกอย่างที่เขาทำให้หมอ เขาเต็มใจทั้งนั้น
“ผมแค่ห่วงคุณ”
มาร์คสบตากลมใสของแบม รับรู้ได้ถึงความห่วงใยของแฟน แบบนั้นแล้วก็ดื้อไม่ลง ร่างสูงถอนหายใจออกมาอย่างนึกยอมแพ้ก่อนจะยกยิ้มอ่อน
“ก็ได้ครับ เจอที่โรงแรมก็ได้ เดี๋ยวผมให้คนขับรถมารอรับหมอเหมือนเดิมนะครับ”
อย่างน้อยให้เขาเบาใจว่าหมอจะได้นั่งพักผ่อนอย่างสบายบนรถ ไม่ต้องเหนื่อยนั่งรถไฟฟ้า อันที่จริงมาร์คจะพาแบมไปซื้อรถหลายครั้งแล้ว แต่คุณหมอไม่ยอมให้ซื้อ บอกว่าซื้อมาก็ไม่ค่อยได้ขับเพราะมาร์คให้คนมารับตลอด ซื้อมาทำไม เปลืองเงิน
มาร์คเห็นด้วยกับประโยคที่ว่าซื้อมาก็ไม่ค่อยได้ขับ แต่เปลืองเงินนี่เขาไม่เห็นด้วย เพราะเขาไม่เคยรู้สึกว่าของทุกอย่างที่ซื้อให้หมอเป็นของสิ้นเปลือง ทุกอย่างที่เขาอยากให้หมอมันก็จำเป็นทั้งนั้นแหละ แฟนเขาต้องได้มีทุกอย่างที่ควรจะมีสิ
“ไหน ๆ บ่ายนี้ผมก็ว่างแล้ว เดี๋ยวผมแวะไปดูรถให้หมอดีไหมครับ”
แค่คิดว่าแฟนตัวเองควรจะมีมาร์คก็ไม่รีรอที่จะถามอีกครั้ง และเขาก็กะว่าจะไม่ยอมให้หมอปฏิเสธแล้วด้วย
“ผมบอกไปแล้วไงครับว่าผมยังไม่คิดจะซื้อ”
“หมอครับ…” มาร์คเอื้อมมือไปจับมือแบมมากุมเอาไว้ ไล้นิ้วลงไปบนผิวละเอียดแล้วก้มหน้าลงพูดกับคุณหมอเสียงนุ่ม “ซื้อนะครับ นะ”
“คุณงี้ตลอดเลยอ่ะ”
แบมทำหน้ามุ่ย มาร์คเล่นมาทำเสียงทำหน้าทำตาอ้อนขนาดนี้แล้วจะให้เขาทำยังไงล่ะ
“ให้ผมซื้อให้นะครับ”
“ไม่ได้หรอกครับ รถผมผมต้องซื้อเองสิ”
แบมไม่เคยคิดอยากจะใช้เงินมาร์คเพราะเขาก็ไม่ได้ขัดสนอะไร แต่คุณนักธุรกิจนี่ก็ทำตัวเหมือนไม่มีที่ระบายเงิน จะเอานั่นเอานี่มาให้เขาอยู่ได้
“หมอครับ…”
“หยุดเลยครับ ไม่ต้องแบบเมื่อกี้แล้ว ซื้อก็ได้ครับ แต่ต้องเป็นเงินผมนะ” แบมรีบยกมือห้ามไม่ให้มาร์คทำอ้อนเขาเหมือนเมื่อกี้อีก เขายอมแล้ว ใจบางไปหมดแล้วเนี่ย
“งั้นเดี๋ยวผมซื้อเสร็จแล้วขับมาส่งให้หมอเลยนะครับ เรื่องเงินค่อยว่ากันเนอะ” มาร์คยิ้มร่าเริงออกมาในทันทีที่ได้ดั่งใจ ในหัวก็เริ่มคิดแล้วว่าจะเอารุ่นไหนยี่ห้อไหนดี “หมออยู่เวรทั้งคืนเลยใช่ไหมครับวันนี้”
“ครับ จนถึงเย็นพรุ่งนี้เลย”
“งั้นพรุ่งนี้ก็ยังต้องใช้คนขับรถนะครับ ห้ามขับรถเอง แล้วก็…เดี๋ยววันนี้ผมขอไปนอนที่คอนโดหมอนะ”
“คุณไม่คิดจะกลับบ้านตัวเองเลยหรือครับ”
ปกติแล้วถ้าแบมไม่มีเวรเขาก็จะไปค้างกับมาร์คบ้างมาร์คมาค้างกับเขาบ้าง แต่ถ้าวันไหนอยู่เวรมาร์คก็จะขอไปนอนที่คอนโดแบมตลอด ทั้ง ๆ ที่ห้องเขาเล็กกว่าห้องของมาร์คเยอะเลย
“พรุ่งนี้ค่อยกลับพร้อมหมอดีกว่าครับ”
มาร์คยอมรับเลยว่าเขาติดกลิ่นของหมอ เพราะมันทำให้เขานอนหลับสบายมากขึ้น ที่ห้องเขาก็พอมีแหละแต่ห้องของหมอมีเยอะกว่า และถ้าจะให้สุดก็ต้องหมอตัวเป็น ๆ นอนด้วยกันทีไรมาร์คแทบไม่อยากตื่นเลย
“ค้างบ่อยขนาดนี้เก็บเสื้อผ้าไปอยู่เลยดีไหมครับ”
“ก็รอหมออนุญาตก่อนไงครับ”
มาร์คยิ้มหวานเท้าคางมองคุณหมอแล้วขยิบตาให้ เล่นเอาคนตัวเล็กหน้าแดงฉ่ารีบยกมือมาผลักแก้มร่างสูงให้หันหนีไปทางอื่น
“ไม่ต้องเลย”
ทุกวันนี้นอนด้วยกันแค่อาทิตย์ละสองสามวันแบมก็เหนื่อยแล้ว อย่าให้ถึงขั้นว่าเขาต้องเดินขัด ๆ ไปตรวจคนไข้เลย อายคนเขา…
✧Vitamin B ✧
วันถัดมางานก็ยังเยอะเป็นปกติ แต่เยอะแค่ไหนแบมก็ยังพอมีเวลาว่างมารับโทรศัพท์มาร์คในตอนเที่ยงอยู่ วันนี้คุณมาร์คของทุกคนประชุมทั้งวันแต่ก็ยังไม่ลืมเตือนแบมว่าเย็นนี้มีนัดกัน คุณเลขาแอบโทรศัพท์มารายงานด้วยว่าคุณเขาบ่นเป็นหมีกินผึ้งที่ดันมีคิวประชุมด่วนตอนห้าโมงเย็น ซึ่งหมายความว่ามาร์คอาจจะไปถึงที่นัดหมายช้าไปสักนิด
“คุยกันหน่อยได้ไหม”
หมอเจมส์มาอีกแล้ว…
แบมลอบถอนหายใจพลางมองไปยังข้างนอกห้องทำงานว่ามีคนของมาร์คอยู่ใกล้ ๆ หรือเปล่า เห็นคุณลุงคนขับรถนั่งอยู่ไม่ไกลก็เบาใจหน่อย
“คุณจะคุยเรื่องอะไรก็ว่ามาเลยครับ ผมไม่ได้มีเวลามาก” แบมพูดไปมือก็รีบเก็บของไปด้วย ตาสวยเหลือบมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ พอเห็นว่าใกล้มื้ออาหารเย็นที่นัดมาร์คไว้แล้วก็ร้อนใจเพราะเขาอยากจะเป็นฝ่ายไปรอมาร์คก่อนบ้าง
“เรื่องของเรา”
แบมขมวดคิ้วไม่เข้าใจนิดหน่อยว่าเขามีอะไรจะต้องคุยกับหมอเจมส์อีก ไม่ใช่ว่าบอกไปแล้วหรอกหรือว่าเขามีแฟนแล้ว…
“มันจบไปนานแล้วนี่ครับ ไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว ขอโทษนะครับ ขอทางหน่อย”
เพราะหมอเจมส์มายืนบังประตูไว้ แบมเลยออกจากห้องไม่ได้ เขาหิวแล้ว แค่นึกถึงอาหารบนโรงแรมที่มาร์คจองไว้ท้องก็ร้องประท้วงแล้วเนี่ย
“คุณจะไปไหน”
“ทานข้าวเย็นครับ”
“ไปกับใคร” แบมถอนหายใจอีกครั้ง ใช่เรื่องที่จะต้องมายืนเล่ามายืนบอกแฟนเก่าไหมเนี่ย
“ไปกับแฟนครับ” แบมตอบกลับชัดเจน เกือบหลุดพูดว่าไม่น่าถามคำถามนี้ออกมาเลยแล้วนะ เขามีแฟนก็ต้องไปกับแฟนสิ “หรือคุณจะไปด้วย?”
แบมถามไปเพราะรำคาญเท่านั้นแหละ และถ้าคนฟังมีมารยาทมากพอก็คงจะปฏิเสธ เพราะมันคงไม่มีคนปกติที่ไหนอยากไปเป็นก้างขวางคอคนเป็นแฟนกันหรอก
“ไปครับ”
แล้วหมอเจมส์กลายเป็นคนไม่มีมารยาทขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย โอ้ย แบมปวดหัวแล้ว!
“งั้นก็ตามใจคุณเลยครับ” คุณหมอตัวเล็กกัดฟันตอบ พอเจมส์ยอมเปิดทางให้แล้ว แบมก็รีบเดินดุ่ม ๆ ออกมาจากห้องทำงานแล้วตรงไปที่ลานจอดรถ ฝ่ายนั้นจะไปยังไงก็ได้แต่ไม่ให้ขึ้นรถแบมไปด้วยหรอกนะ
“คุณซื้อรถใหม่หรือครับ”
เพราะมันเป็นรถที่มาร์คพึ่งซื้อให้…
“ครับ”
เจมส์รู้ว่าที่บ้านแบมฐานะดีระดับหนึ่ง แต่มั่นใจว่า โรลส์ รอยซ์ สี่ประตูราคาเกือบหกสิบล้านคันนี้แบมไม่ได้เป็นคนซื้อเองแน่ ๆ
“คุณคงไม่ได้ขอให้เขาซื้อให้หรอกใช่ไหม”
“ครับ ผมไม่ได้ขอ…” ตอนมาร์คเอารถมาส่งให้แล้วบอกว่าไม่ยอมให้หมอจ่ายหรอกแบมก็งอแงแทบตายเพราะหวังว่าจะได้ใช้เงินตัวเองบ้าง แต่พอรู้ราคามันแล้วคุณหมอก็ได้แต่ยิ้มแห้งให้คุณมาร์คเขาลูบผมลูบหน้าเล่นเบา ๆ เท่านั้น “แต่เขาบอกว่าอยากให้ครับ”
เจมส์หน้าถอดสีลงไป จากที่เคยคิดว่าแบมอาจจะได้เป็นแค่ของเล่นไฮโซก็เหมือนว่าเขาจะคิดผิดเสียแล้ว…
“เชิญครับคุณแบม เดี๋ยวนายจะรอนานนะครับ”
มีคนขับรถให้ด้วย…
“ครับ ขอบคุณครับ” แบมก้าวขาขึ้นรถที่คุณลุงคนขับเปิดประตูไว้รอแล้ว กำลังจะปิดประตูเจมส์ก็รีบเอ่ยบอกไว้ก่อน
“เดี๋ยวผมขับตามไปแล้วกันครับ”
แบมพยักหน้ารับมองตามหมอเจมส์ที่รีบเดินไปยังรถของตัวเอง ก่อนที่คุณหมอจะหันมาทำสีหน้าลำบากใจกับคนขับรถที่ก็หน้าซีดพอกัน
“เราต้องสู้ ๆ ไปด้วยกันนะครับคุณลุง”
คุณลุงคนขับรถหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินแฟนเจ้านายว่าอย่างนั้น
“คุณแบมน่ะไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ผมนี่สิ ถ้าขับรถให้เขาตามไปถึงที่ได้ นายต้องหักเงินเดือนผมแน่เลย”
“รถติดแบบนี้ยังไงก็ทันครับ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมช่วยออกเงินส่วนที่ขาดให้คุณลุงเองนะครับ”
คนขับรถหัวเราะอีกที ตั้งแต่เขาคอยดูแลคุณหมอแบมมาก็ไม่เคยจะเห็นคุณเขาไม่น่ารักเลยสักวัน
เข้าใจแล้วว่าทำไมกับคุณคนนี้นายเขาถึงได้รักนักรักหนา…
✧Vitamin B ✧
มาร์คมาถึงทีหลัง เขาเพียงแค่เดินเข้ามาในโรงแรมพร้อมลูกน้องอีกสองคนก็มีคนมาต้อนรับให้ขึ้นไปบนชั้นห้องอาหารทันที คนขับรถประจำตัวของแบมวันนี้ทำหน้าเจื่อน ๆ จนมาร์คขมวดคิ้วนิดหน่อย แต่พอเข้ามาในห้องอาหารแล้วความสงสัยที่มีก็คลายลงไป
แฟนเก่าของแฟนเขาก็มาด้วย…
แบมยืนขึ้นเมื่อเจอหน้ามาร์ค คุณหมอตัวเล็กส่งสายตาเหมือนอยากจะขอโทษมาให้ มาร์คจึงเดินเข้าไปใกล้ ยกมือลูบศีรษะกลมของคนรักเบา ๆ เชิงบอกว่าไม่เป็นไร
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ”
มาร์คเอ่ยทักทายไปตามมารยาท หมอเจมส์ก็ตอบกลับตามมารยาทพอกัน มาร์คจะไม่ถามหรอกว่าเสนอหน้ามาทำไมเพราะไม่ได้อยากรู้
แต่มาก็ดี เขาจะได้จัดการอะไร ๆ ให้มันจบ ๆ ไปสักที
“นั่งได้แล้วครับน้องแบม” มาร์คยิ้มให้คุณหมอตัวเล็กที่กลัวเขาโกรธจนไม่ยอมนั่งลงบนเก้าอี้ ร่างสูงจึงขยับเข้าไปเลื่อนเก้าอี้ออกให้ ดันไหล่บางลงเบา ๆ แล้วนั่งลงข้าง ๆ กัน “วันนี้เหนื่อยไหมครับ”
“นิดหน่อยครับ คุณล่ะ”
“เห็นหน้าน้องแบมก็หายแล้วครับ” มาร์คเอ่ยทั้งรอยยิ้ม ไม่ได้จะโอ้อวดให้แฟนเก่าน้องหมั่นไส้หรืออะไร แต่เขาพูดแบบนี้ปกติของเขาอยู่แล้ว และที่บอกไปก็เป็นเรื่องจริงจากใจทั้งนั้นเลยด้วย
“ผมสั่งอาหารไปบ้างแล้ว คุณเอาอะไรเพิ่มไหมครับ” แบมเอ่ยถามมาร์ค
ที่เขาสั่งก่อนเพราะกลัวว่าหมอเจมส์จะหิว อยากให้อีกฝ่ายรีบ ๆ กินรีบ ๆ ไป แต่ฝั่งนั้นก็อ้อยอิ่งเหลือเกิน ถามแบมมาตั้งสองครั้งแน่ะว่ามาร์คจะมาจริงไหม ไม่ใช่ปล่อยแบมมารอเก้อ
อยากจะพูดอยู่หรอกว่ามาร์คไม่เคยผิดนัดแบมเลยสักครั้ง แต่ก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเล่าให้ ‘คนอื่น’ ฟัง
“มีของที่ผมชอบหรือยังครับ”
“สั่งไปแล้วครับ”
“น่ารักที่สุดเลย” มาร์คเอื้อมมือไปจับมือแบมที่วางอยู่บนตักของน้องแล้วบีบเบา ๆ
หลัง ๆ มานี้คุณหมอของเขาเอาใจเก่งเสียจนหัวใจมาร์คทำงานหนักขึ้นทุกวันแล้ว
ยังไม่ทันที่มาร์คจะชวนแบมคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้เหมือนเคย ๆ ของที่สั่งไว้ก่อนหน้าก็เริ่มเข้ามาเสิร์ฟ ทั้งหมดเลยหันไปให้ความสนใจอาหารบนโต๊ะแทน
“คุณชอบทานอันนี้ไม่ใช่หรือครับ”
เจมส์ตักอาหารที่เมื่อก่อนเห็นแบมกินบ่อย ๆ ให้ร่างเล็ก จานนี้เขาเป็นคนสั่งเอง
“ทานได้ ไม่ได้แปลว่าชอบเสมอไปหรอกนะครับ” มาร์คใช้ช้อนของตัวเองตักของที่แบมไม่ชอบกินออกมาวางไว้ในจานเปล่าให้ “น้องแบมไม่ชอบกระเทียม”
จริงอยู่ว่าแบมชอบเมนูนี้แต่ถ้าจะสั่งต้องบอกว่าไม่ใส่กระเทียม…
“ขอบคุณครับ” แบมเอ่ยทั้งรอยยิ้ม รู้สึกได้รับความใส่ใจ แม้เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกี่ยวกับเขา มาร์คก็จดจำมันได้ดี
เจมส์หน้าเจื่อนลง แต่ก็เก็บสีหน้าไม่ให้แสดงท่าทางไม่พอใจอะไรออกไป เขาเริ่มกินข้าวของตัวเองไปเงียบ ๆ สังเกตท่าทางของสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไปเรื่อย ๆ
เขาพยายามหาข้อมาติมาร์ค พยายามจะดูว่ามาร์คไม่รักแบมตรงไหน
แต่พยายามเท่าไรเขาก็หาไม่เจอ…
“น้องแบมเอาน้ำมะนาวไหมครับ”
มาร์คก้มลงไปกระซิบถามคนเป็นแฟน เพราะเห็นว่าทั้งโต๊ะมีเพียงน้ำเปล่ากับไวน์เท่านั้น ปกติหากกินอาหารที่มีเมนูปลาดิบแบบวันนี้ แบมจะต้องมีน้ำมะนาวไม่ใส่น้ำตาลด้วย
“เอาครับ” แบมพยักหน้ารับและมาร์คก็รีบเรียกบริกรเพื่อสั่งให้น้องทันที “คุณทานบ้างสิครับ”
“น้องแบมป้อนหน่อยได้ไหมครับ”
“ตลอดเลย” บ่นไปอย่างนั้นแต่แบมก็ใช้ตะเกียบคีบอาหารขึ้นมาป้อนใส่ปากมาร์คอยู่ดี
เจมส์นั่งเงียบตลอดการทานอาหารมื้อเย็น เขาไม่ค่อยหิวแต่แรกอยู่แล้ว มาเห็นอะไรแบบนี้ก็ยิ่งกินอะไรไม่ลงไปกันใหญ่ อันที่จริงเขาไม่ควรจะมาด้วยซ้ำ แต่เพราะกลัว…กลัวว่าถ้าช้าไปมากกว่านี้เขาจะไม่ได้ของรักคืน
“ผมขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะครับ”
แบมเช็ดปากตัวเองก่อนจะเอ่ยขออนุญาตคนทั้งโต๊ะ ทั้งมาร์คและเจมส์พยักหน้าให้พร้อมกัน
“ผมไปเป็นเพื่อนไหม?”
มาร์คอาสาแต่แบมส่ายหน้าให้ เพราะถ้าปล่อยให้หมอเจมส์นั่งอยู่คนเดียวมันก็คงดูจะใจร้ายเกินไปหน่อย
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปแป๊บเดียว”
แบมบอกมาร์คและร่างสูงก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี มาร์คส่งสายตาให้ลูกน้องเดินตามไปดูแลแบมอยู่ห่าง ๆ ด้วย เผื่อคุณเขาจะต้องการอะไร พอหันกลับมาก็เจอสายตาคู่หนึ่งที่มองเขามาก่อนอยู่แล้ว
แขกที่ไม่ได้รับเชิญ ไม่เคยคิดอยากจะเชิญเลยด้วย…
“คุณต้องการอะไรกันแน่”
เจมส์เอ่ยถามเมื่อเขาทั้งคู่นิ่งกันอยู่สักพักแล้ว เขารอให้มาร์คพูดก่อนแต่มาร์คก็ไม่ได้เห็นความจำเป็นอะไรที่ต้องพูดกับคนอย่างหมอเจมส์
“คำถามนั้นควรจะเป็นผมที่ถามมากกว่าไม่ใช่หรือไง”
มาร์คแสยะยิ้มเล็กน้อยเมื่อตอบไปแล้วอีกฝ่ายมีท่าทีไม่พอใจกลับมา
“ผมรู้ว่าคุณรู้ว่าผมต้องการอะไร”
“งั้นก็ต้องขอโทษด้วยครับที่ผมให้ไม่ได้จริง ๆ”
“ผมกับแบมเคยคบกันมาสี่ปี เผื่อคุณจะไม่รู้”
เจมส์กับแบมเคยรักกันมาก เขาเคยเป็นโลกทั้งใบของแบม เจมส์จึงไม่คิดว่าแบมจะลืมเขาได้ง่ายดายอย่างนั้น
“รู้ครับ น้องแบมเคยเล่าให้ผมฟังเรื่องที่เลิกกับแฟนเก่า และเขาคนนั้นบอกว่าหมดแพชชั่นในตัวน้องแล้ว” มาร์คเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วยกแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นจิบเล็กน้อย
“แล้วยังไงครับ”
เจมส์จำประโยคที่เขาเคยพูดกับแบมประโยคนั้นได้ดี แต่ตอนนั้นเขาเพียงแค่พูดไปตามอารมณ์ เขาหงุดหงิดที่ถูกจับได้ เขาไม่ชอบความรู้สึกของการเป็นคนผิด ไม่ชอบให้ตัวเองเป็นตัวเลือก เขาเลยโยนตำแหน่งนั้นให้แบม เขากลายเป็นคนที่เลือก
และเขาเลือกคนอื่น…
“มาตอนนี้…คนปากดีตอนนั้นไปอยู่ไหนแล้วล่ะครับ” ตาคมของมาร์คปรายมองหมอเจมส์ รู้สึกสงสารอีกคนที่รู้ตัวช้าเสียเหลือเกิน แต่ก็นะ โอกาสแก้ตัวมันไม่ได้มีอยู่เสมอไปนี่นา “อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเสียดายน้องแบมขึ้นมาหรือยังไง”
“ผมกับเขารัก ๆ เลิก ๆ กันบ่อย แต่ก็ดีกันได้ทุกครั้ง”
“เลยคิดว่าเล่นสนุกกับคนอื่นพอแล้วจะกลับมาง้อน้องให้กลับไปตอนไหนก็ได้?”
“...”
เจมส์ก็พอจะรู้มาบ้างว่ามาร์คเป็นคนตรงไปตรงมา แต่ก็ไม่คิดว่าตนเองจะไม่ได้รับการไว้หน้าถึงเพียงนี้
“คุณโคตรจะเห็นแก่ตัวเลย” มาร์คเอ่ยไปตามที่ใจคิด รู้สึกสงสารคนรักขึ้นมายิ่งกว่าเดิม
น้องแบมเป็นคนดีเกินไปสำหรับคนแบบนี้ ดีแล้วที่น้องหลุดพ้นออกมาได้ ดีมากแล้วจริง ๆ
“นั่นมันก็เป็นเรื่องของผมกับเขา คุณไม่เกี่ยว”
“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูกทั้งหมดหรอกครับ เพราะตอนนี้น้องแบมเป็นแฟนผม ที่คุณกำลังคิดจะแย่ง” มาร์คเอ่ยเสียงจริงจังติดไม่พอใจอยู่มาก เขาเคยบอกไปหรือยังนะว่าเขาน่ะหวงแฟนมาก โคตรหวงเลยด้วย
“…”
“ผมถามคุณจริง ๆ เลยนะคุณเจมส์...” มาร์ควางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะด้วยท่วงท่าสง่าและดูมีอำนาจ เขาสบตาคู่กรณีแล้วถามออกไปตรง ๆ “คุณคิดว่าคุณมีอะไรที่สู้ผมได้อย่างนั้นหรือครับ?”
เจมส์หลบสายตามาร์คเพื่อครุ่นคิด เขากำลังคิดจะแย่งผู้ชายคนเดียวกันกับมาร์ค คนที่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังหาที่ติไม่เจอ หน้าตาหรือมาร์คก็ไม่ได้ด้อยกว่า หน้าที่การงานฐานะทางสังคมและเงินทองหรือเจมส์ก็เทียบไม่ติด
ไม่มี...ไม่มีอะไรที่เจมส์จะสู้ผู้ชายที่มีชีวิตสมบูรณ์แบบคนนี้ได้สักอย่าง
“ผมรักแบม”
อาจจะเป็นเพียงหนึ่งสิ่งที่เจมส์คิดว่าน่าจะสู้มาร์คได้ เขารู้ว่าเขารักแบมและยังรักอยู่ เขาเพียงแค่ทำพลาดไปและอยากขอโอกาสเหมือนทุก ๆ ครั้ง
มาร์คส่งเสียงหึในลำคอเมื่อได้ยินคำตอบนั้นจากคู่สนทนา ดวงตาคมมองสบคนตรงหน้านิ่ง
“ผมเองก็รักก็หวงของผมมากเหมือนกัน เผื่อคุณจะไม่รู้”
“คุณมีคนมากมายที่เข้ามาในชีวิต จะรักเขาไปได้นานสักเท่าไรเชียว”
คำพูดคำจาไม่เข้าหูเสียจนไม่อยากจะเสียเวลาพูดดี ๆ ด้วย แต่พอนึกถึงหน้าคนรัก มาร์คก็วู่วามไม่ลง
“อย่าหาว่าผมสอนเลยนะครับ แต่คุณพูดจาเหมือนคนไม่ได้รับการอบรมมาดีเลย”
มาร์คไม่ได้ใช้คำหยาบคายในการด่า แต่กลับทำให้หมอเจมส์ผู้ที่ใครหลายคนต่างออกปากเป็นเสียงเดียวกันว่าผู้ดีอย่างนั้นอย่างนี้รู้สึกหน้าชาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“...”
“อย่าดูถูกความรู้สึกของใครเขาไปทั่วแบบนี้ล่ะ เพราะถ้าคุณไม่เจอคนใจดีแบบผม คุณอาจจะโดนยิงตายไปแล้วก็ได้”
พอมาร์คเอ่ยประโยคนั้นจบ ลูกน้องคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็ยิ้มกริ่มพลางขยับแขนให้สูทตัวนอกเลิกขึ้นจนเห็นอาวุธอันตรายสีดำสนิท
“...”
เจมส์ไม่ได้กลัวและรู้อยู่แล้วว่ามาร์คจะไม่ทำ เพราะดูแล้วคนตรงหน้าเขาค่อนข้างมีความเป็นผู้ใหญ่สูง แต่ที่เจมส์ยังนิ่งเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ที่มาร์คพูดมามันก็จริงทุกอย่างจนเขาไม่มีอะไรจะเถียง
“ผมรักน้องแบมแค่ไหน ไม่จำเป็นต้องบอกให้คนนอกอย่างคุณรู้หรอกครับ แค่คนที่ผมรักรับรู้ได้เท่านั้นก็พอแล้ว”
ตามตรงเลยนะ มาร์คไม่รู้เจมส์ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนที่คิดจะมาสู้กับคนอย่างเขา ดูท่าคงจะไม่เคยแพ้ เคยชินกับการได้ทุกอย่างที่ต้องการ เลยไม่รู้ว่าคำว่าเหนือกว่ามันมีอยู่จริง
รักหรือ ก็อาจจะรักน้องแบมของเขาอย่างที่ปากว่าล่ะมั้งถึงได้มาตามง้อ แต่เขาคงต้องเสียใจด้วยเพราะเขาก็รักน้องมากพอที่จะไม่ยอมปล่อยมือไปให้ใครเหมือนกัน
“อ..อิ่มกันแล้วหรือครับ?”
เห็นนั่งนิ่งทำหน้าเครียดกันทั้งคู่ แบมที่พึ่งกลับมาจากเข้าห้องน้ำจึงเอ่ยถามแบบกล้า ๆ กลัว ๆ และเสียงแหบหวานของคุณหมอตัวเล็กก็เรียกให้ทั้งมาร์คทั้งเจมส์ออกจากภวังค์ได้เป็นอย่างดี
“ทำไมน้องแบมไปนานจังครับ”
มาร์คขยับเก้าอี้ให้แบมนั่ง จับแก้วน้ำมาวางไว้ให้ใกล้ ๆ มือเผื่อว่าน้องจะหิว
“จินโทรมาน่ะครับ เลยคุยก่อน” แบมยกโทรศัพท์ให้มาร์คดู มาร์คดูผ่าน ๆ ก็พยักหน้าเข้าใจ
“ครับ น้องแบมรับของหวานเลยไหม”
“คุณสั่งให้ได้เลยครับ”
มาร์คพยักหน้ารับแล้วเรียกบริกรมาเพื่อขอดูเมนูขนม เขารู้ว่าแบมชอบอะไรของที่นี่ แต่จะให้น้องกินของหวาน ๆ เยอะก็ไม่ดี คงต้องเลือกสักสองสามอย่าง
“ไม่ได้เจอจินนานเลย เขาสบายดีไหม” หมอเจมส์เอ่ยถามแบมพลางยกยิ้มออกมา
อย่างน้อยเขาก็รู้จักเพื่อนสนิทของแบมมานานกว่ามาร์คก็แล้วกัน
“จินบอกว่าเจอคุณอยู่นะครับ”
แบมจะไม่พูดไปหรอกว่าจินบอกว่าเจอที่ไหน แต่แค่จากสีหน้าที่เจื่อนลงของอีกฝ่ายก็บอกเขาได้แล้วว่าที่จินเล่ามามันจริงทุกอย่าง
สถานที่อโคจรน่ะ เป็นที่ ๆ หมอเจมส์ชอบไปมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผิดกับแบมที่เขาไปนับครั้งได้เพราะไม่ชอบที่ ๆ คนเยอะ ๆ และเสียงดัง
“จำผิดหรือเปล่าครับ”
แบมยิ้มบาง ๆ ให้ไม่คิดจะถามเรื่องนั้นต่อเพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขา
“จินสบายดีครับ อาทิตย์ก่อนยังไปทานข้าวกับผมกับคุณมาร์คอยู่เลย”
“แฟนเขาก็ไปครับ คุณเจน่ะ” มาร์คเล่าบ้าง นึกไปถึงจินกับเจก็ยิ้มออกมาให้ความน่ารักของคู่นั้น ถึงจะพูดมากไปหน่อยแต่ก็น่าคบหาทั้งสองคน
“งั้นหรือครับ”
หมอเจมส์ค่อย ๆ หุบยิ้มลงแต่มาร์คกลับมีรอยยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
หมดแล้วล่ะสิ เรื่องเก่า ๆ ที่จะเอามาชวนน้องแบมของเขาคุยน่ะ ทุกคนสำคัญในชีวิตน้องมาร์คก็เจอมาหมดแล้วด้วย ยิ่งเป็นคุณแม่ มาร์คยิ่งบอกได้เลยว่าเขาน่ะ ได้เป็นลูกเขยบ้านหมอแน่นอน
..
ทั้งสามคนนั่งกินขนมกับจิบไวน์กันไปอีกสักพัก แบมรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเขามันแปลก ๆ แต่เพราะมีมาร์คที่นั่งอารมณ์ดีอยู่ข้าง ๆ เลยไม่ได้แย่อะไร จะมีก็แต่หมอเจมส์ที่เริ่มอึดอัดมากจนจะทนไม่ไหวแล้ว
“ผมขอคุยกับแบมเป็นการส่วนตัวได้ไหม”
ในที่สุดเจมส์ก็เอ่ยปากขอออกไป เพราะหากมื้อเย็นนี้จบลงแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้คุยกับแบมอีกหรือเปล่า
“ผมออกไปรออยู่ระเบียงตรงนั้นก็ได้ครับ”
มาร์ครู้ว่าถ้าเขายังนั่งอยู่ตรงนี้เจมส์ก็จะไม่ยอมพูดอะไรเพราะกลัวเขาขัด เดี๋ยวจะหาว่าเขาไม่แฟร์พอ เอาเป็นว่าเขาจะให้ไอ้คุณหมอเจมส์ฟังจากปากน้องแบมของเขาเองก็ได้ ว่ามันน่ะ…ยังไม่แข่งก็แพ้แล้ว
“คุณอยู่ตรงนี้ด้วยกันก็ได้ครับ”
แบมจับแขนมาร์คเพื่อรั้งเอาไว้ กลัวมาร์คจะไม่สบายใจที่ปล่อยให้เขาอยู่กับแฟนเก่าแบบนี้ แบมรู้ว่ามาร์คเชื่อใจกัน แต่เขาก็ไม่อยากมีอะไรปิดบังอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไรครับ น้องแบมคุยกับเขาเถอะ” มาร์คยกมือลูบศีรษะกลมเบา ๆ ให้วางใจว่าเขาเข้าใจ
ร่างสูงลุกขึ้นพร้อมแก้วไวน์ มาร์คเดินไปรออยู่ที่จุดชมวิวจากตึกสูง เขาสั่งลูกน้องให้ขยับตัวออกห่างจากทั้งคู่เล็กน้อย เปิดทางให้ทั้งสองคนที่เหลือบนโต๊ะอาหารได้พูดคุยกันอย่างเป็นส่วนตัว
“ผมรู้ว่าผมอาจจะพูดช้าไป แต่ว่าผมคิดถึงคุณนะแบม คิดถึงคุณจริง ๆ”
หมอเจมส์เอ่ยบอกแบมอย่างไม่ปิดบัง ตอนที่เลิกกันแรก ๆ เขาพยายามจะติดต่อไปง้อขอคืนดีแต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้งเพราะจินไม่ให้ความร่วมมือ พอได้กลับมาเจอกันอีก เวลาเห็นหน้าหมอแบมที่โรงพยาบาลทีไร เขาก็รู้สึกอยากจะกลับไปเป็นคนที่ยืนข้างแบมอยู่บ่อย ๆ
“อย่าพูดอย่างนี้เลยครับ ผมมีแฟนแล้ว มันดูไม่ดี”
“ผมรักคุณนะแบม ผมอาจจะทำผิดพลาดไปบ้างเพราะผมหลงผิด แต่ผมขอโทษ ผมสัญญาว่าผมจะปรับปรุงตัว ผมจะไม่ทำให้คุณร้องไห้อีกแล้ว”
แบมยิ้มบาง ๆ เขาเคยตกหลุมพรางนั้นหลายต่อหลายครั้งจนรู้แล้วล่ะว่าคำว่าจะไม่ทำของหมอเจมส์มันไม่มีอยู่จริง
“ผมให้อภัยคุณ ผมไม่ได้โกรธไม่ได้เกลียดอะไรคุณแล้วครับ ไม่ต้องคิดมาก”
ในทีแรกแบมก็โกรธอยู่หรอกเพราะอีกฝ่ายทำให้เสียหลักขนาดนั้น ยอมรับเลยว่าเคยรักมากและไม่คิดว่าจะมีวันที่เลิกกัน แบมไม่เคยคาดหวังความสมบูรณ์แบบจากใครเพราะรู้ว่ามนุษย์เราไม่มีใครไม่มีข้อเสีย แต่บังเอิญว่าข้อเสียที่หมอเจมส์มี แบมรับมันไม่ได้อีกต่อไปก็เท่านั้น
“ผมอยากให้คุณให้โอกาสผมอีกครั้ง ถ้าถึงตอนนั้นแล้วคุณไม่เลือกผม ผมก็จะยอมถอย”
“เสียใจด้วยนะครับ ตอนนี้คุณหรือใครก็ไม่ได้เป็นหนึ่งในตัวเลือกของผมทั้งนั้น”
“...”
“เพราะผมมีคนที่ผมรักและไม่คิดจะเลิกรักอยู่แล้ว”
“เขาอาจจะไม่ได้รักคุณ เห็นคุณเป็นของเล่น คนรวย ๆ แบบนั้นคิดว่าเขาจะจริงจังกับคุณหรือไง”
“เขารักผม และรักมากพอที่จะจริงจังแน่ครับ” แบมตอบกลับด้วยน้ำเสียงและสีหน้ามั่นใจ “ผมเชื่อความรู้สึกตัวเองมากกว่าคำพูดคนอื่นครับ ไม่ต้องพยายามพูดอะไรแล้ว”
“คุณไม่เสียดายเวลาที่ผ่านมาของเราบ้างหรือครับ”
แบมถอนหายใจให้ความดื้อดึงของหมอเจมส์ จะบอกว่าไม่เสียดายก็ไม่ถูกทั้งหมดหรอกเพราะเคยคบมานานขนาดนั้น แต่แบมก็รู้ว่าคนเราจะมีความสุขได้ถ้ารู้จักปล่อยวางเรื่องอดีตและอยู่กับปัจจุบัน ยิ่งปัจจุบันของแบมดีแสนดีขนาดนี้ ไม่ต้องถามก็น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วไหมว่าแบมควรจะเสียดายอะไรมากกว่ากัน…
“คุณก็น่าจะรู้อยู่แล้วนะครับว่าผมเป็นคนยังไง”
“…”
แบมพูดไปแค่นั้นแต่เจมส์ถึงกับนิ่งไป ใช่ เขาน่าจะรู้อยู่แล้วว่าเปล่าประโยชน์ที่จะมาทำอย่างนี้…
“เรายังเป็นเพื่อนร่วมงานกันได้นะครับ แต่ถ้าคุณหวังมากกว่านั้น ผมก็ขอบอกตรง ๆ เลยแล้วกัน” แบมมองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วเอ่ยบอกเสียงจริงจัง “อย่าเสียเวลาเลยครับ”
เจมส์สบตากลมโตแสนหวานที่เขาพลาดพลั้งทำมันหลุดลอยไป จำได้ว่าตอนเจอกันครั้งแรกเขาก็ชอบอีกคนได้ในทันที ยิ่งรู้จักกันความดีของแบมยิ่งทำให้เขายกขึ้นหิ้งเป็นตัวจริงเสมอมา
หมอแบมก็ยังคงเป็นหมอแบมคนที่ซื่อสัตย์มั่นคงและมั่นใจในคนที่ตัวเองรักอย่างถึงที่สุด หมอแบมยังเป็นคนเดิม แต่คนที่หมอแบมรัก…ไม่ใช่หมอเจมส์อีกต่อไปแล้ว
เขาพลาดเองที่ทำลายความไว้วางใจที่มากมายนั้นทิ้ง เขามันโง่เองที่ปล่อยคน ๆ นี้ไป และต่อให้เขาพยายามให้ตายยังไงก็คงไม่ได้คืน
เพราะผู้ชายโชคดีที่ได้ดูแลหมอแบมคนนั้น ดันเป็นคนที่สมบูรณ์พร้อมไปทุกอย่างจนเจมส์ไม่มีทางสู้ได้เลย…
“งั้นผมขอตัวกลับเลยแล้วกันครับ”
เจมส์ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ตรงนี้ต่อเพราะทุกอย่างมันชัดเจนแล้ว หมอแบมไม่เหลือความรู้สึกอะไรให้เขาแล้ว แม้สักนิดก็ไม่มี เขากับหมอแบมมาไกลกันได้เพียงเท่านี้ และทั้งหมดเป็นความผิดของเขาคนเดียว
“ครับ”
แบมลุกขึ้นตามอีกฝ่ายไม่คิดจะรั้งอะไร รู้สึกสงสารหมอเจมส์อยู่หรอกแต่ก็สงสารตัวเองมากกว่า ถ้าไม่พูดตรง ๆ แบบนั้นเจมส์คงยังตามเขาไม่เลิก มาร์คคงไม่สบายใจ และแบมเองก็ไม่ชอบให้มาร์ครู้สึกแย่
“ถ้าเจอกันที่โรงพยาบาลก็ทักกันบ้างนะครับหมอแบม”
“ครับ หมอเจมส์”
แบมยืนส่งแขกจนหมอเจมส์ออกไปไกลจนลับตา แล้วจึงหันกลับไปมองมาร์ค ร่างสูงมองเขาก่อนอยู่แล้ว และเพียงแค่มาร์คส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ แบมก็รีบเดินเข้าไปกอดลำแขนแกร่ง ท่าทางออดอ้อนโดยไม่รู้ตัวของหมอทำให้มาร์คหัวใจเต้นแรงได้ทุกครั้ง
“ขอโทษที่ให้เขามาด้วยนะครับ ผมแค่ชวนแบบส่ง ๆ ไม่คิดว่าเขาจะกล้ามาจริง ๆ” แบมช้อนตามองมาร์คอย่างรู้สึกผิด ร่างสูงก้มหน้าลงจุมพิตหน้าผากมนเบา ๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าก็ดีเหมือนกัน”
“ดียังไงครับ”
“เขาจะได้ไม่มาวุ่นวายกับคุณหมอของผมอีก”
ได้ยินกับหูได้เห็นกับตาถึงขนาดนั้นถ้าจะยังมาตามตื๊ออยู่อีกก็คงหน้าด้านหน้าทนอยู่พอตัว และมาร์คก็ไม่คิดว่าไอ้หมอเจมส์มันจะทำอย่างนั้น ตอนนี้คงรู้แล้วว่าเสียเวลาเปล่า ไม่พอเผลอ ๆ รู้สึกเสียหน้าด้วยมั้งน่ะ รีบไปหาเด็กใหม่มากกแล้วมั้ง
“คงไม่มาจริง ๆ แล้วล่ะครับ ว่าแต่คุณยิ้มอะไรนักหนาอ่ะ”
มือเล็กเขย่าแขนร่างสูงเบา ๆ มาร์คเอาแต่ยิ้มมองเขาตาเยิ้มอยู่ได้ เหมือนเรื่องหมอเจมส์เป็นแค่ลมที่พัดผ่านมาแล้วก็ผ่านไปแค่นั้น ก็คือหมอจงหมอเจมส์เป็นใครมาร์คไม่รู้จักแล้ว
“ยิ้มให้แฟนไม่ได้หรือครับ”
“คนบ้าอะไรยิ้มอยู่ได้ทั้งวัน”
คนบ้าอะไรน่ารักอยู่ได้ทั้งวัน…มาร์คก็อยากจะดุหมอแบบนั้นอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าพูดไปหมอก็จะเขินแล้วตีแขนเขา ท่าทางที่น่ารักกว่าเก่าอาจจะทำหัวใจเขาหยุดเต้นไปเลยก็ได้
มาร์ควางแก้วไวน์ลงบนบาร์ใกล้ ๆ ก่อนจะโอบเอวคุณหมอเข้ามาแนบชิดกาย มือเล็ก ๆ ของหมอวางลงบนอกแกร่ง หน้าเริ่มแดงเพราะการกระทำของมาร์ครอบที่ล้านสอง
“ผมดีใจที่หมอรับรู้ว่าผมจริงจังกับเรื่องของเราแค่ไหน”
แบมยิ้มออกมา คิดอยู่แล้วว่ามาร์คต้องให้ลูกน้องแอบฟังที่เขาคุยกับหมอเจมส์ แต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร เพราะมาร์คเป็นหนึ่งในความส่วนตัวของแบมอยู่แล้ว
“ก็คุณชัดเจนออกอย่างนี้”
“หมอเป็นคนที่ทำให้ผมอยากชัดเจนในทุก ๆ เรื่องของชีวิตนะครับ”
“…” หมอไม่ตอบอะไรแต่หมอยิ้ม ยิ้มแบบที่มาร์คเห็นทีไรก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ทุกที
ร่างสูงกดริมฝีปากจูบขมับสวยของแบมเบา ๆ ด้วยความรู้สึกขอบคุณ…ขอบคุณที่หมอเลือกเขา
“รักหมอนะครับ”
หมอก็ไม่แพ้กันหรอกน่า…
✧Vitamin B ✧
To be continue…
#มบย่อมาจาก
โอ้ยยย พิมพ์เองกะเขินเองอยู่เด้อออ งือออ ><
มาช้าแต่มาชัวร์นะคะ อย่าพึ่งทิ้งนุ๊กกันไปไหน มาอยู่ด้วยกันไปจนถึงตอนสุดท้ายเถอะนะคะ
ติชมหรือบลา ๆ ร่วมกันได้เสมอที่ #มบย่อมาจาก
ขอบคุณทุก ๆ คนมาก ๆ เลยนะค๊าาา ด้วยรักมาก ๆ ❤️
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตัดใจซะเถอะคุณเจมส์..
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 7 มิถุนายน 2563 / 02:24
อบอุ่นละมุนไปหมดเลยค่ะ เเล้วก็เขินหนักมาก เหมาะสมกันที่สุดแล้วพี่มาร์คน้องแบม
เคลียร์ชัดมาก มาร์คคือให้ความสตแบมไว้ใจเชื่อใจ ใส่ใจแบมคือเป็นผชที่โคตรดีอ่ะ แบมก็ใส่ใจไม่ทำให้มาร์คคิดมาก แฟนเก่าโง่เองที่ปล่อยแบมหลุดมือแต่ก็ดีตรงทำให้แบมเจอมาร์ค คนแสนดี
คือของมากกกแบมโคตรชัดเจนกับแฟนเก่าไม่ให้ความหวังไม่แคร์ และใส่ใจคนรัก ดีมากกชอบคำว่าลังเลไม่มีเลย ดีอ่ะ มารฺค์ก็ชัดเจนเคยอ่านอีกเรื่องแบมลังเลกะแฟนเก่าคือรักมาร์คแต่ยังไปคุยเหมือนแคร์เรานั่เทเลยไม่อย่กอ่านต่อ มาเจอเรื่องนี้ คือดีมากชอบ????????????????