ตอนที่ 8 : Chapter 8 Hug me tight and don’t let go [100%]
Chapter 8
Hug me tight and don’t let go
“ฮัดชิ้ว!”
“ไม่สบายหรือคะน้องหมอแบม” พยาบาลสาวเอ่ยถามเมื่อเห็นคุณหมอที่นั่งอยู่ข้าง ๆ รีบกุลีกุจอหยิบทิชชูมาเช็ดน้ำตาน้ำมูกและใส่หน้ากากอนามัยกลับเข้าไปใหม่
“น่าจะเป็นหวัดน่ะครับ”
ที่จริงแบมรู้สึกเหมือนจะไม่สบายมาสองสามวันแล้วและก็กินยากันไว้แล้วด้วย แต่สุดท้ายก็ป่วยอยู่ดี สงสัยช่วงนี้เขาคงพักผ่อนน้อยเกินไปหน่อย
“อยู่เวรติดกันมาหลายวันก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ แต่เดี๋ยวอีกสักพักคุณหมออีกคนก็คงมาแล้ว น้องหมอกลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่านะคะ ไม่ต้องรอเลิกงานหรอก เดี๋ยวภูมิแพ้ถามหาอีกจะแย่เอานะ เวลาน้องหมอไม่สบายพี่ ๆ ใจไม่ดีเลยรู้ไหมคะ เป็นห่วงน้องหมอมาก ๆ เลย”
“อย่าลืมกินยาด้วยนะคะน้องหมอแบม หายไว ๆ นะคะลูก” คุณหมออีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลชะโงกหน้ามาแสดงความห่วงใยแบมด้วย
“ครับ ขอบคุณพี่ ๆ มากนะครับ”
แบมยกมือไหว้รุ่นพี่อย่างนอบน้อม ก่อนจะขอตัวไปส่งใบลาป่วยกับฝ่ายบุคคลและกลับไปเคลียร์เอกสารที่ห้องทำงานของตนก่อนกลับบ้าน
ถ้ายังดันทุรังทำงานต่อก็คงจะเป็นการเอาเชื้อโรคไปปล่อยให้คนไข้เปล่า ๆ อีกอย่างถ้าป่วยขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมพัก มีหวังแบมโดยใครบางคนบ่นจนหูชาแน่ ๆ
“คุณแบมจะไปกินข้าวแล้วหรือครับ”
พอลงมาจากห้องของแผนกบุคคลแล้ว แบมก็เจอคุณลุงคนขับรถกำลังถือแก้วกาแฟเดินผ่านเขาพอดี คุณลุงคนนี้เป็นหนึ่งในลูกน้องของมาร์ค หน้าที่ของคุณลุงคือรับส่งแบมมาทำงาน กลับคอนโด จนกระทั่งพาแบมไปส่งให้มาร์ค วันไหนที่แบมอยู่เวรคุณลุงก็จะคอยส่งข้าว ส่งน้ำ ส่งเสื้อผ้าที่ซักรีดเรียบร้อยแล้วให้เขาด้วย
ทำงานดีไม่มีที่ติจนแบมอดไม่ได้ที่จะชมให้มาร์คฟังบ่อย ๆ และอยู่ดี ๆ คุณมาร์คของทุกคนก็มีนโยบายเพิ่มโบนัสให้บอดี้การ์ดกับคนขับรถขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
“ไม่ได้จะไปกินข้าวครับ ผมว่าจะกลับบ้านแล้ว ทำไมคุณลุงมาไวจังเลยครับ”
ตอนนี้พึ่งจะสิบเอ็ดโมงกว่า ๆ เอง ปกติแล้วคุณลุงมาส่งแบมเสร็จก็จะไปที่บริษัทของมาร์ค พอใกล้ถึงเวลาที่แบมจะเลิกงานค่อยมารอรับ แต่วันนี้แบมยังไม่ได้บอกใครเลยนะว่าเขาจะกลับเร็ว
“วันนี้นายให้ผมอยู่ที่นี่ทั้งวันครับ คุณแบมจะกลับเลยไหมครับ เดี๋ยวผมไปเตรียมรถรอ”
เพราะไม่รู้จะไปไหนคนขับรถก็เลยไปคุยเล่นกับรปภ.หน้าตึกแล้วก็ซื้อกาแฟ กะว่าจะกลับมารอดูว่าคุณแบมได้กินข้าวกลางวันหรือยัง พอดีเห็นคุณเขาเดินออกมาจากลิฟต์โดยที่ถอดเสื้อกาวน์ออกมาถือไว้แล้วเลยคิดว่าวันนี้คุณหมออาจจะหิวข้าวไว แต่พอถามไถ่กลายเป็นว่าคุณแบมจะกลับบ้านแล้ว
“ผมขอเคลียร์งานเอกสารแป๊บนึงก่อนนะ เสร็จแล้วเดี๋ยวจะโทรบอกนะครับ”
“ครับคุณแบม”
เห็นคนขับรถพยักหน้าเอ่ยรับคำแล้ว แบมจึงเดินเลี่ยงไปทางห้องทำงานของตัวเอง คุณหมออมยิ้มไปตลอดทางเมื่อนึกถึงเจ้านายของคุณลุง
ตั้งแต่วันนั้น วันที่…เป็นของกันและกันแล้ว มาร์คก็เจ้ากี้เจ้าการกับแบมขึ้นเยอะเลย อันนู้นก็ไม่ให้หมอทำ อันนี้ก็ไม่ให้หมอแตะ อยากจะเทคแคร์เขาไปทุกเรื่อง นี่ขนาดว่าเจ้าตัวไม่ค่อยว่างก็ยังจะดื้อส่งลูกน้องมาดูแลแทนอยู่ตลอด ถามว่าแบมอึดอัดไหม แรก ๆ เขาก็เกร็งอยู่ล่ะ หลัง ๆ ก็ชักจะชินกับความคุณมาร์คแล้ว
แค่ได้เห็นแฟนยิ้มสบายใจ แบมอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ
..
พอคุณหมอแบมหายเข้าห้องทำงานไปแล้ว ลูกน้องผู้ภักดีก็รีบกดโทรศัพท์โทรหามาร์คทันที
เลิกงานก่อนเวลา หน้ากากอนามัย ไอร้อนจากร่างกายและเสียงแหบเป็นลูกเป็ดของคุณแบมบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคุณหมอป่วยเข้าให้แล้ว…
มาร์คได้รับโทรศัพท์รายงานจากคนขับรถประจำของแบมว่าแฟนเขาเหมือนจะไม่สบาย ได้ยินอย่างนั้นร่างสูงก็ร้อนใจเสียจนไม่เป็นอันทำอะไร ยิ่งได้รู้ว่าแบมยังไม่ยอมกลับ ยังจะเคลียร์งานต่ออีกก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วง
“ยกเลิกประชุมบ่ายนี้ให้ผมหน่อย”
มาร์คหันไปบอกเลขาคนสนิทที่นั่งเช็คเอกสารช่วยเขาอยู่ไม่ไกล
ไหน ๆ ใจก็ไม่อยากทำงานแล้ว กลับบ้านดีกว่า อันที่จริงการประชุมบ่ายนี้ก็ไม่ได้สำคัญหรือเร่งด่วนอะไรอยู่แล้ว หรือต่อให้มันสำคัญ ก็ไม่มากเท่าหมอของมาร์คอยู่ดี
“เลื่อนเป็นวันไหนครับนาย”
“พรุ่งนี้ตอนบ่ายแล้วกัน”
“ครับนาย” เลขาคนสนิทกำลังจะเดินออกไปแจ้งเลขาที่จัดการงานที่บริษัทนี้ให้รับรู้และปฏิบัติตาม แต่พอเห็นเจ้านายเก็บคอมพิวเตอร์และเอกสารเรียบร้อยพร้อมทั้งหยิบเสื้อสูทตัวนอกมาสวมก็รู้ได้ทันทีว่ามาร์คจะออกไปข้างนอก “นายจะไปไหนครับ?”
“ไปโรงพยาบาล” มาร์คตอบเสียงเครียด “น้องแบมไม่สบาย”
คนเป็นลูกน้องพยักหน้ารับรู้พลางลอบยิ้มให้ความอบอุ่นของคนเป็นนาย ก่อนจะรีบโทรศัพท์ไปแจ้งคนขับรถให้เตรียมรถพาคุณมาร์คไปรับคุณแบม
คุณแบมนี่เป็นเรื่องใหญ่ของนายเขาเลยล่ะ แค่คุณเขาไม่สบายเจ้านายเขาก็ทำหน้าเครียดเหมือนโลกจะแตกวันนี้อย่างไรอย่างนั้น หุ้นบริษัทตกติดต่อกันสามเดือนคุณมาร์คยังไม่ดูเครียดเท่านี้เลย
เขายืนยันได้ว่านอกจากคุณแบมแล้ว ไม่เคยมีใครทำให้เจ้านายเขาอาการหนักขนาดนี้มาก่อน
ก็นะ นายเขารักของเขามาก…
✧Vitamin B ✧
แบมปวดหัวมาก น้ำตาก็เริ่มจะไหลไม่หยุดเพราะภูมิแพ้มาทักทาย เขากินยาแล้วแต่ยาก็ไม่ยอมทำหน้าที่ของมันสักที อยากกลับบ้านไปนอนเต็มแก่ แต่งานเอกสารที่เร่งด่วนต้องส่งวันนี้ก็เป็นเหตุผลให้ทำอย่างนั้นไม่ได้
ทำมาประมาณหนึ่งชั่วโมงในที่สุดก็เสร็จเรียบร้อย มือขาวบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากำลังจะกดโทรหามาร์คเพื่อบอกว่าเขาจะกลับแล้ว กะว่าคุยกับมาร์คจบค่อยโทรเรียกให้คุณลุงคนขับรถมารับแบมหน่อย เพราะแบมง่วงมาก ไม่ไหวแล้วจริง ๆ จะนอนที่โรงพยาบาลก็ไม่อยากนอน ไม่รู้มันเป็นอะไร คิดถึงบ้าน คิดถึงมาร์ค…
“ได้ยินว่าคุณไม่สบาย”
แบมชะงักมือที่จับโทรศัพท์อยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่
เข้ามาก็ไม่เคาะประตูก่อนเลย เป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย หมอเจมส์…
“ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณนี่ครับ”
แบมไม่ได้ประชดประชันเหมือนนางเอกละครอะไรหรอกนะ แต่เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับอีกฝ่ายจริง ๆ นอกจากเรื่องงานที่นาน ๆ จะได้ร่วมกันที นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วทั้งนั้น
“อยากกลับไปพักผ่อนที่คอนโดไหม เดี๋ยวผมไปส่ง” เจมส์อาสา คิดว่าหากแบมตกลงคงเป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้ปรับความเข้าใจกัน
“ไม่จำเป็นครับ” แบมไม่ได้เป็นคนตอบออกไปอย่างนั้นหรอก ชายร่างสูงในชุดสูทเรียบกริบที่แบมคุ้นหน้าคุ้นตาและกำลังคิดถึงมาก ๆ ต่างหากที่เอ่ยกับหมอเจมส์ “แฟนผม ผมดูแลเองได้”
“คุณ…”
แบมยิ้มออกมาเมื่อเจอมาร์ค มองหน้าอกหนั่นแน่นกับไหล่กว้าง ๆ ของคนรักแล้วรู้สึกง่วงยิ่งกว่าเก่า อยากซบหน้าลงตรงนั้นแล้วหลับไปเลยตอนนี้…
“ไม่สบายทำไมไม่โทรหาผมล่ะครับคุณหมอ” มาร์คเดินเข้าไปใกล้แบมก่อนจะยกมือแตะใบหน้าน่ารักอย่างแสนห่วงหา น้ำตาใส ๆ กับไออุ่นร้อน ๆ ที่แผ่ออกมาทำให้คิ้วเข้มขมวดมุ่น
เวลาหมอของเขาเป็นหวัดทีไร น้ำตาก็มาทุกที แบบนี้แล้วยิ่งดูน่าสงสารไปใหญ่เลย
“ผมกำลังจะโทรเลยครับ”
แบมยกโทรศัพท์ในมือชูให้มาร์คดูเป็นการยืนยัน หน้าจอที่ขึ้นเบอร์ของมาร์คเป็นเบอร์แรกทำให้ร่างสูงยกยิ้มออกมา มือใหญ่เลื่อนไปลูบศีรษะกลมเบา ๆ
“กลับบ้านไปพักผ่อนกันดีกว่าครับ อยู่ตรงนี้เชื้อโรคมันเยอะ”
มาร์คหันไปมองหน้าเจมส์สักพัก ไม่เข้าใจว่ามันจะอยู่ตรงนี้ทำไม ห้องทำงานตัวเองก็ไม่ใช่ แฟนตัวจริงอย่างเขาก็มาแล้ว ทำไมไม่ไสหัวไปสักทีก็ไม่รู้
“ครับ ผมเก็บของก่อนนะ”
“ผมช่วยนะครับ”
มาร์คเข้าไปช่วยแบมเก็บเอกสารให้เข้าที่เข้าทาง เก็บของที่ปกติหมอจะเอากลับบ้านด้วยใส่กระเป๋าให้ เรียบร้อยแล้วร่างสูงก็ถอดสูทตัวนอกของตัวเองออกมาใส่ให้คุณหมอเพราะวันนี้คนตัวเล็กไม่ได้เอาเสื้อคลุมมา ก่อนที่มาร์คจะหยิบกระเป๋าสะพายของแบมมาถือไว้เตรียมพากันกลับบ้าน
“แฟนใหม่คุณหรอ?”
มาร์คปรายตามองหมออีกคนที่อยู่ในห้องนี้ด้วย ก่อนจะหันไปมองหน้าแบม คุณหมอของเขาพยักหน้ารับพร้อมตอบคำถามไอ้หมอที่เป็นได้แค่แฟนเก่าอย่างชัดเจน
“ครับ คุณมาร์คเป็นแฟนผม”
เจมส์พยายามมองข้ามสายตาเฉยชาของคนรักเก่าไป แบมเคยรักเขาแบบที่เขามั่นใจมาก ๆ ว่าอีกคนจะไม่มีทางไปจากชีวิตเขาได้ถ้าเขาไม่ยอมให้ไป
“ผมไม่เชื่อนักหรอกว่าคุณจะลืมผมได้”
“แต่ผมก็ลืมไปแล้ว”
แบมไม่เข้าใจว่าหมอเจมส์ต้องการอะไร เลิกกันไปนานแล้ว เขาก็มีแฟนใหม่แล้วด้วย ยังจะมาวุ่นวายให้ชีวิตเขาไม่มีความสงบสุขอีกทำไมก็ไม่รู้
“ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้กับผมล่ะ ทีเมื่อก่อน…”
“อย่าแตะตัวน้องแบม คนนี้ผมหวงมากครับ”
มาร์คขยับไปยืนขวางหมอเจมส์เอาไว้เมื่ออีกคนทำท่าจะจับแขนแฟนของเขา ฝ่ายนั้นถึงกับนิ่งไปเพราะไม่คิดว่ามาร์คจะทำเสียงจริงจังจนดูเหมือนโกรธมากขนาดนั้นกับคนที่ไม่เคยรู้จักกัน
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ขอทางหน่อยครับ ผมรีบ”
แบมเอ่ยเสียงอ่อนเพราะพิษไข้ และครั้งนี้เจมส์ก็ไม่กล้ารั้งไว้ เขาขยับตัวหลีกทางให้ทั้งสองคนแต่สายตาไม่เป็นมิตรยังคงจับจ้องอยู่ที่มาร์ค แน่นอนว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้หลบสายตาจนกระทั่งประตูถูกปิดไป
มาร์คใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มตัวเองนิดหน่อยเพราะรู้สึกหงุดหงิด แต่พอคุณหมอเอนตัวมากอดแขนเขาเอาไว้ร่างสูงก็เลิกนึกถึงเรื่องไม่จรรโลงใจทั้งหลายไปเลย
หมอเจมส์แล้วยังไง ก็ไม่มีหมอเป็นของตัวเองอยู่ดีไม่ใช่หรือไงวะ…
✧Vitamin B ✧
35%
มาร์คพาแบมมายังเพนท์เฮ้าส์ใจกลางเมืองของตน แบมมาที่นี่บ่อยจนคุ้นชินแล้วจึงไม่งอแงอยากจะกลับคอนโดตัวเองเท่าไร คุณหมอถูกอุ้มไปนอนบนเตียง มาร์คจัดการถอดรองเท้า ถุงเท้า อะไรที่ใส่แล้วไม่สบายตัวมาร์คก็เปลี่ยนให้ ร่างสูงเช็ดตัวให้แบมอย่างเบามือเหมือนกลัวว่าคุณหมอจะถลอก
แบมง่วง แต่ก็ยังพยายามฝืนตัวเองไม่ให้หลับเพราะอยากดูสิ่งที่มาร์คตั้งใจทำให้เขาทุก ๆ อย่าง
แบมชอบ…ชอบมากเลย
“เดี๋ยวผมออกไปดูข้าวให้หมอก่อนนะ”
มาร์คโทรศัพท์บอกแม่บ้านจัดการให้ตั้งแต่ก่อนที่จะมาถึงแล้ว และร่างสูงเพียงแค่จะออกไปยกข้าวมาป้อนแฟนตัวเล็กของเขาก็แค่นั้น แต่ไม่ทันได้ลุกขึ้นยืนเต็มตัวมือขาวบางก็ดึงเสื้อเขาเอาไว้เสียก่อน
“ไม่ไปได้ไหมครับ”
โอเค ไม่ไปก็ไม่ไป เขาจะรอป้อนเด็กเขาอยู่ตรงนี้แหละ
“งอแงแบบนี้จะเอาอะไรครับคนเก่ง”
มาร์คเรียกลูกน้องให้ไปยกข้าวมาให้แทน ก่อนที่ร่างสูงจะทรุดตัวนั่งลงข้างเตียงตามเดิม มือใหญ่ยกขึ้นลูบหน้าผากร้อน ๆ ของคนที่ทำหน้าดื้ออยู่เบา ๆ
“คุณพูดเหมือนผมเป็นเด็ก ๆ เลย”
อย่างน้อยหมอก็เด็กกว่ามาร์คตั้งห้าปีไม่ใช่หรือไง…
“ไม่ได้หมายความว่าหมอเป็นเด็ก แต่หมายความว่าผมเอ็นดูหมอมาก ๆ ต่างหากครับ” มาร์คเอ่ยเสียงอ่อน
คุณหมอของเขาน่ะชอบทำตัวเป็นคนเก่งของโลกใบนี้เสียเหลือเกิน แต่ในสายตาของมาร์ค หมอแบมก็เป็นแค่ลูกกวางตัวน้อย ๆ เท่านั้นแหละ
“เอาวางทิ้งไว้ก่อนได้ไหมครับ ผมยังไม่หิวเลย”
แบมร้องบอกมาร์คทันทีที่เห็นคนถือถาดใส่ถ้วยข้าวต้มร้อน ๆ กับเครื่องเคียงหลายอย่างเข้ามาให้ มาร์ครับมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะบอกให้ลูกน้องกลับไปพักได้
“เดี๋ยวมันไม่ร้อนแล้วไม่จะอร่อยนะครับ”
“ขออีกสักห้านาทีได้ไหมครับ ตอนนี้ผมไม่อยากกินข้าว”
“แล้วหมออยากทำอะไรครับ”
มาร์คยิ้มให้คนป่วยที่ยกแขนสองข้างขึ้นชูกลางอากาศ ริมฝีปากน่ารักยื่นออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยบอกความต้องการของตัวเอง
“อยากกอดคุณ แต่กลัวคุณติดหวัด”
อ้อนแบบนี้อย่าว่าแต่หวัดเลย อะไรมาร์คก็ยอมติดด้วยแล้วจุด ๆ นี้
“แต่ผมกลัวไม่ได้กอดหมอมากกว่า มาครับ…” มาร์คขยับเข้าไปช้อนตัวแบมขึ้นมากอดไว้โดยที่เขานั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง คุณหมอพลิกตัวตะแคงข้างเอนแก้มซบลงบนอกอุ่น “ปวดหัวอยู่ไหมครับ?”
“ดีขึ้นบ้างแล้วครับ”
อาจจะเพราะกินยาไปก่อนหน้าแบมเลยไม่ค่อยปวดหัวมากแล้ว แต่ผิวกายที่ยังร้อนรุม ๆ อยู่ก็บอกแบมว่าเขาไม่น่าจะหายดีได้ในหนึ่งวัน
“ต่อให้เป็นหมอก็ต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ หมอต้องกินผักผลไม้บ้าง ต้องออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะ ๆ ยิ่งทำงานหนัก ๆ แล้วยิ่งต้องพยายามกินข้าวให้ตรงเวลาด้วยนะครับ”
“รู้แล้วครับ”
คนถูกบ่นทำหน้ามุ่ยให้มาร์คก้มลงมาจุ๊บแก้มใสเบา ๆ อย่างนึกเอ็นดูในท่าที
“รู้แล้วก็ไม่เห็นทำเลย” มาร์คว่าต่อนิดหน่อย
เขาเองก็ทำงานหนักเข้าใจอยู่แล้วว่าต้องดูแลและระวังตัวเองขนาดไหน มาร์คออกกำลังกายทุกวัน พยายามจัดสรรเวลาพักผ่อนให้มันไม่น้อยจนเกินไป นอกจากนี้เขายังมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่คอยดูแลเรื่องอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนและเพียงพอให้เขาได้ดีมากด้วย
มาร์คให้คนของเขาจัดการเรื่องพวกนั้นให้น้องแบมเหมือนกัน แต่บางทีเจ้าตัวก็ดื้อ เป็นหมอแท้ ๆ แต่กินข้าวไม่ตรงเวลา ไม่ค่อยจะกินผักกินผลไม้ให้เยอะเท่าที่ควร เหลือกลับไปตลอด ออกกำลังกายก็ได้แค่วันเว้นวัน ไหนจะทำงานเกินเวลาคนปกติ พักผ่อนน้อยอีกต่างหาก เห็นทีจากนี้เขาคงต้องเข้มงวดกับหมอบ้างแล้ว
“บางทีคนไข้เยอะ ๆ จะเลี่ยงมากินข้าวก็ไม่ได้น่ะสิครับ”
ได้ยินอย่างนั้นมาร์คก็อยากจะให้หมอลาออกมานั่งอยู่บ้านเฉย ๆ วัน ๆ ไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากใช้เงิน เขาจะเลี้ยงหมอเอง อยากจะพูดอย่างนั้น แต่ก็รู้ว่าคนในอ้อมกอดรักอาชีพนี้ขนาดไหน เพราะฉะนั้นมาร์คจะไม่พูดไปให้บั่นทอนกำลังใจของหมอหรอก
“ผมไม่อยากให้หมอเหนื่อยเลย”
“แต่ผมมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่นะครับ”
แบมรู้ว่าชีวิตเขามันจะต้องเหนื่อยอยู่แล้วถ้าเลือกทางนี้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าอยากหยุดทำ ไม่ใช่ไม่มีทางเลือกอื่นในชีวิต แต่เพราะแบมชอบ ชอบที่จะทำอาชีพนี้จริง ๆ
“ผมรู้ครับ” มาร์คลูบศีรษะกลมเบา ๆ พลางกดจูบลงไปบนกลุ่มผมนุ่มนิ่ม “แต่ถ้าหมอไม่ไหว หมอบอกผมนะ หมอยังมีผมอยู่ข้าง ๆ เสมอนะครับ”
“ขอบคุณนะครับ”
แบมเงยหน้ามองมาร์คด้วยความรู้สึกตื้นตันในหัวใจ ไม่ว่าจะทำอะไรมาร์คก็เคารพการตัดสินใจของเขาเสมอ มาร์คเป็นคนที่ทำให้แบมรู้สึกว่าชีวิตนี้เป็นของเขาเอง เขามีสิทธิ์ที่จะเลือก แต่ในขณะเดียวกัน การที่มีมาร์คอยู่ด้วย มันก็ทำให้ชีวิตแบมสมบูรณ์แบบและมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม
“มองผมนาน ๆ แบบนี้หมอมีอะไรในใจอีกแล้วใช่ไหมครับ”
เห็นแบมมองหน้าเขาตาแป๋วอยู่อย่างนั้นมาร์คก็นึกสงสัย ปกติคุณหมอกล้าจ้องเขานาน ๆ ที่ไหนล่ะ
“คุณเลิกคิดมากเรื่องแฟนเก่าของผมได้ไหมครับ”
แบมเห็นมาร์คทำหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ตั้งแต่ไปรับเขาที่โรงพยาบาลและเจอหมอเจมส์แล้ว แบมไม่คิดว่ามาร์คจะเครียดเรื่องงาน เพราะเท่าที่รู้จักกันมาร่างสูงไม่เคยเอาอารมณ์จากที่ทำงานมาลงที่แบมเลย
เพราะฉะนั้นจะเหลือเรื่องอะไรที่ทำให้มาร์คทำหน้านิ่วคิ้วขมวดได้อีกล่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องของแบม…
“ผมไม่ได้คิดมากครับ แค่หงุดหงิดนิดหน่อย”
มาร์คไม่คิดว่าหมอจะกลับไปดีกับแฟนเก่าและไม่คิดว่าหมอจะมองหาใครอีกนอกจากเขา มาร์คมั่นใจในความมั่นคงของหมอ
แต่เขาแค่ไม่ชอบหมอเจมส์ ไม่ชอบท่าทาง ไม่ชอบคำพูด ไม่ชอบสายตา พอเห็นหน้าแล้วคิดว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นคนที่หมอรักและหักอกหมอ เขาก็อยากจะเดินไปชักปืนจ่อหัวยิงทิ้งลงท่อไปเลย
“ขอโทษนะครับ”
แบมก้มหน้าเอ่ยเสียงหงอย พอรู้ตัวว่าเป็นต้นเหตุให้มาร์คอารมณ์ไม่ดีก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา อาจจะเพราะป่วยด้วย อะไร ๆ มันเลยอ่อนไหวไปหมด
“หมออย่าโทษตัวเองสิครับ”
“แล้วจะให้ผมโทษใครล่ะครับ”
แบมรู้ว่าหมอเจมส์ไม่ยอมคนมากขนาดไหน และถ้าเลือกจะกลับมาทักทายแบมขนาดนั้นอีกฝ่ายคงไม่ได้คิดแค่อยากกลับมาเป็นเพื่อนกันแน่ ๆ แบมตัดสินใจพลาดเองที่กลับไปทำงานที่เก่าโดยคิดตื้น ๆ ว่ามันจะไม่เป็นไร
“…”
ทั้งหมดเป็นความผิดของแบมเอง
“คุณ…อยากให้ผมย้ายงานไหมครับ”
“หมอครับ อย่าพูดอย่างนี้”
มาร์ครีบช้อนใบหน้าคนรักให้เงยขึ้นมาสบตากัน ตากลมรื้นน้ำใสไหวสั่นเพราะความกังวลคู่นั้นทำให้ร่างสูงใจเย็นวาบลงทันที เวลาแบบนี้หมอของเขาตัวเล็กลงมาก ๆ แล้วเขาจะใจร้ายกับหมอลงได้ยังไง “อย่าพูดว่าจะทิ้งสิ่งที่ตัวเองชอบเพราะผมอีกนะครับ”
“ผมแค่ไม่อยากเห็นคุณไม่สบายใจ”
ถึงจะชอบงานและชอบเพื่อนร่วมงานที่โรงพยาบาลนั้นมากแต่หากมาร์ครู้สึกไม่ดีที่แบมยังอยู่ใกล้หมอเจมส์ แบมก็พร้อมที่จะอยู่ห่างทางนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
“โธ่ คุณคนดีของผม…” มาร์คกระชับกอดกายบางให้แน่นขึ้นไปอีกทั้งยังพรมจูบไปทั่วศีรษะกลม รักจนไม่รู้จะรักยังไงแล้วกับคน ๆ นี้ “ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมแค่ไม่ชอบใจไม่ได้หมายความว่าทนไม่ได้ และหมอรู้ไว้เลยนะครับว่าผมเชื่อใจหมอมาก เชื่อใจหมอที่หนึ่งเลย”
“ครับ แต่ว่าคุณ…ไม่อยากให้ผมย้ายจริง ๆ ใช่ไหมครับ”
แบมเงยหน้าถามย้ำอีกครั้ง อยากจะมั่นใจว่ามาร์คโอเคจริง ๆ
“ผมไม่ให้ย้ายเพราะเรื่องแค่นี้หรอกครับ”
เพราะนอกจากมันจะดูไม่มีเหตุผลที่สมควรมาก ๆ แล้ว มาร์คยังคิดว่ามันไม่น่าจะใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง คนมันจะอยากได้ ต่อให้น้องแบมย้ายไปสิบที่มันก็คงจะย้ายตามไปอยู่ดี “ผมรักหมอนะครับ ผมอยากให้หมอรักผมเหมือนกันก็จริง แต่อย่ามากไปกว่ารักตัวเองเลยนะ หมอพยายามมาตั้งเท่าไรกว่าจะมาถึงจุดนี้ อย่าทิ้งมันแค่เพราะว่าผมบอกให้ทิ้งเลยนะครับ”
และก็เพราะว่ามาร์ครักหมอนี่แหละ เขาเลยทำไม่ได้ เขาพรากความสุขไปจากหมอของเขาไม่ได้หรอก โรงพยาบาลที่หมอทำงานอยู่ไม่ใช่ว่าใครคิดจะเข้าไปทำก็ได้ มาร์ครู้ว่าหมอชอบที่นั่น และแม่กับมาร์คก็ภูมิใจมาก ๆ ที่หมอได้ทำงานในที่ ๆ ตัวเองใฝ่ฝัน
“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจผม” แบมขยับใบหน้าขึ้นไปจุ๊บคางมาร์คเบา ๆ เพื่อเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่เขาจะพูดจากนี้เป็นความจริงที่ออกมาจากใจ คุณหมอหลุบตาลงต่ำมองปกเสื้อของร่างสูงแล้วเอ่ยเสียงเบา “ผมก็รักคุณนะ”
“ครับ ผมรู้ครับ”
มาร์คลูบกรอบหน้าเนียนใสเบา ๆ ใจฟูทุกครั้งที่ได้ยินคำรักจากปากคุณหมอที่เขินได้น่ารักระดับจักรวาล
“แล้วคุณว่าผมควรจะทำยังไงดีครับ”
มาร์คยกยิ้มให้คำถามนั้น เขาชอบที่พอถึงจุดหนึ่งที่ควรจะปรึกษากันคุณหมอของเขาก็ไม่เคยปิดใจ ที่เคยตกลงกันไว้ว่ามีอะไรจะหันหน้าคุยกันเขาสองคนก็ทำได้ดีมาโดยตลอด แบบนั้นจึงไม่เคยทะเลาะกันจริงจังเลยสักครั้ง
“ทำงานของหมอไปตามปกตินั่นแหละครับ แต่พยายามอย่าอยู่กับเขาสองต่อสองนะ รู้ไว้เลยว่าต่อให้มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ทำให้ได้อยู่กันสองคนผมก็จะรู้แน่ ๆ”
“แบบนั้นจะถือว่าเป็นความผิดของผมหรือเปล่าครับ”
มาร์คลอบถอนหายใจให้ความเจ้ากังวลของคนรัก ถ้าจะมีใครสักคนผิดในเรื่องนี้ ก็โน่นเลย มาร์คโยนให้ไอ้หมอเวรนั่นหมดเลย ทำแฟนเขาเครียดจนจะย้ายงานหนีอยู่แล้วเนี่ย
“บอกแล้วว่าอย่าโทษตัวเองไงครับ”
“ก็คุณทำเสียงดุ” คุณหมอทำปากยื่นนิดหน่อย เวลาใจดีมาร์คก็ดีเสียจนหาคนมาเปรียบไม่ได้ เวลาจะดุขึ้นมาแบมเองยังไม่กล้าพูดอะไรเลย
“ผมแค่บอกว่าผมจะรู้เฉย ๆ ครับ ไม่ได้ดุครับ” ร่างสูงปรับเสียงให้อ่อนลงพลางจูบขมับหมออีกสองครั้ง
ถ้าหมอเห็นเวลาเขาทำงานไม่ร้องไห้หนีกลับบ้านเลยหรือไงเนี่ย…
“ถ้าเลี่ยงไม่ได้ คุณให้คนของคุณเขามาช่วยผมด้วยนะครับ”
มาร์คหัวเราะด้วยความเอ็นดูออกมาทันทีที่ได้ยินหมอพูดแบบนั้น ดูท่าหมอของเขาก็คงกลัวเจ้านั่นเหมือนกัน
“เขาทำอะไรแฟนผมไม่ได้หรอกครับ”
เพราะหมอเป็นคนที่มาร์คให้สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าเขาจะดูแลเท่าชีวิต ใครที่คิดจะทำอะไรหมอก็ผ่านมาร์คไปก่อนแล้วกัน
“เขาคงมาตื๊อผมสักพัก แต่ถ้าผมไม่เล่นด้วยยังไงเขาก็คงไม่เสียเวลานานหรอกครับ ผมรู้จักนิสัยเขาดี ขะ…”
แบมชะงักคำพูดไปเมื่อมาร์คยกสองนิ้วขึ้นมาแตะปากเขาห้ามไม่ให้เอ่ยต่อ
“พูดว่ารู้จักนิสัยผู้ชายคนอื่นดีต่อหน้าแฟนแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะครับคุณหมอ”
แบมครางงื้อในลำคอ มาร์คเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเลย พอหึงทีไรก็ชอบทำหน้าเอาเรื่องที่มันแบบว่า…พ่ออ่ะ
แล้วแบมจะเอาอะไรไปสู้ล่ะทีนี้…
“ขอโทษครับ จะไม่พูดถึงเขาแล้ว” คุณหมอมองสบตาคมเพียงแวบเดียว ก่อนจะก้มหน้าเขี่ยกระดุมเสื้อมาร์คเล่นเหมือนมันสนุกนักหนา “แต่คุณมั่นใจเถอะนะครับ ว่าสำหรับผม..ไม่มีใครสู้คุณได้แล้ว”
อ้อ วิธีแก้เขินของคุณเขาน่ะครับ…
“หมอน่ารักอีกแล้ว” และมาร์คก็เป็นคนหนึ่งที่พ่ายแพ้ให้ความหมอทุกครั้งไป “สำหรับผมก็ไม่มีใครสู้หมอได้เหมือนกันครับ”
แบมยิ้มออกมาแล้วซบหน้าลงกับอกแกร่งของคนรัก รู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อยู่ตรงนี้ มาร์คเองก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น กดจูบศีรษะกลมซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่รู้จักเบื่อ
“พรุ่งนี้เย็นเพื่อนผมนัดทานข้าว คุณไปด้วยกันไหมครับ แฟนเพื่อนผมก็ไปด้วยนะ”
แบมเอ่ยชวนมาร์คเมื่อนึกเรื่องนี้ขึ้นได้ จินโทรศัพท์มาหาเมื่อเช้าและแบมก็รับปากแล้วด้วยว่าจะไป ถ้ามาร์คไม่ว่างแบมก็คงต้องไปคนเดียว
“ผมไปได้หรือครับ?”
มาร์คทำตาวิบวับ รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอคนสนิทของแฟนบ้าง เขาอยากรู้จักทุกคนที่สำคัญในชีวิตหมอ อยากให้เขาเหล่านั้นรู้จักมาร์คเหมือนกัน อยากให้มั่นใจว่าเขาจะดูแลแบมของทุกคนให้ดีที่สุด
“ได้สิครับ”
ได้แน่นอนอยู่แล้ว มาร์คไปไม่ได้ในโลกนี้ก็ไม่มีใครไปได้แล้วนอกจากแม่กับรถถัง…
“งั้นเดี๋ยวผมเคลียร์คิวให้เลยนะครับ แต่หมอยังป่วยอยู่เลยอ่ะ”
มาร์คเป็นห่วงว่าถ้าออกไปเจออากาศข้างนอก เจอเชื้อโรค จะทำให้หมอป่วยหนักยิ่งกว่าเดิม ถึงหมอจะแค่เป็นไข้หวัด แต่สำหรับมาร์คเขาถือว่าเป็นเรื่องใหญ่
“พรุ่งนี้ผมก็หายแล้วน่า”
“ให้มันจริงเถอะครับ คุณคนเก่ง”
ป่วยทีไรไม่เคยต่ำกว่าสามวันสักทีหมออ่ะ แล้วถ้าภูมิแพ้มาด้วยนะ หมอแทบไม่ได้หลับได้นอนเพราะทรมานกับอาการคัดจมูก มาร์คเองก็พลอยหลับไม่ลงไปด้วยทุกครั้งเพราะเป็นห่วงใจจะขาด
“ผมแข็งแรงจะตาย”
ทานข้าวทานยาให้ตรงเวลา เป็นไข้หวัดแค่นี้แป๊บเดียวก็ดีขึ้นแล้ว แบมไม่อยากจะยกเลิกนัดกับจิน เพราะกว่าเขาและเพื่อนจะมีเวลาตรงกันได้นั้นมันยากพอตัว อีกอย่างคืออยากจะแนะนำแฟนตัวเองให้เพื่อนรู้จักอย่างเป็นทางการด้วยแม้จินมันจะรู้ประวัติคุณมาร์คมามากแล้วก็ตาม
“อย่าให้ผมเห็นว่ากลับมาแล้วไข้ขึ้น ลุกมานั่งเช็ดน้ำมูกน้ำตาตอนกลางคืนนะครับ หมอไม่ได้ไปทำงานยาวแน่”
คุณหมอร้องฮื่อประท้วงทันทีที่มาร์คยื่นคำขาดแบบนั้น ทุกครั้งที่ป่วยแบมก็มักจะดึงดันไปทำงานตลอดแม้จะโดนบ่นแค่ไหนก็ตาม แต่เห็นทีรอบนี้ถ้าไม่รีบหายคงจะดื้อไม่ได้แล้วจริง ๆ
“คุณอย่าใจร้ายสิครับ”
แบมขยับตัวเปลี่ยนเป็นท่านั่งคร่อมมาร์คเอาไว้ มือขาวบางวางอยู่บนไหล่แกร่งก่อนจะช้อนตากลม ๆ รื้นน้ำใสเพราะเป็นหวัดของตนมองแฟนตัวใหญ่พลางอมยิ้มน่ารัก
“หมอแกล้งผมอยู่ใช่ไหมครับเนี่ย”
“ผมแกล้งอะไรครับ”
ทำหน้าซื่อตาใสทั้ง ๆ ที่แอบบดสะโพกใส่หน้าท้องแข็งของมาร์คถี่ ๆ อย่างนี้ก็ได้ด้วย
“หมอรู้ว่าผมจะไม่รังแกคนป่วยแน่ ๆ…” มาร์คเลื่อนมือไปโอบเอวบางเอาไว้ ไล้นิ้วสัมผัสผิวเนียนใต้ร่มผ้าของแบมเบา ๆ เขาลากมือลงต่ำ หวังหยอกเย้าก้อนเนื้อนุ่มให้สมใจ “เลยอยากจะลองดีใช่ไหมครับ...น้องแบม”
“หิวข้าวแล้วครับ ไหนมีอะไรกินน๊า~”
แล้วก็นู่น พอมาร์คกำลังจะได้ที่ คุณหมอก็ปีนลงจากตักไปหาข้าวต้มที่ตอนแรกบ่นไม่อยากกินนู่นแล้ว
อ่อนอกอ่อนใจกับคุณเขาจริง ๆ เลยครับ คนอะไรทำตัวน่าขย้ำได้กระทั่งเวลาป่วย…
✧Vitamin B ✧
70%
แล้วก็เป็นไปตามคาดที่ว่าแบมไม่สามารถหายป่วยได้ในเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน แต่เพราะอาการไม่ได้หนักมากและไข้ก็ลดลงแล้วมาร์คจึงอนุญาตให้คุณหมอออกมาเจอเพื่อนได้
คุณนักธุรกิจลางานตอนเช้าเพื่อเฝ้าแบม พอตกบ่ายก็ไปประชุมจนถึงห้าโมงเย็น ตอนแรกแบมคิดว่ามาร์คคงเลิกไม่ทันเวลานัดเลยกะว่าจะนั่งแท็กซี่ไปเอง แต่พอเขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จร่างสูงก็เปิดประตูห้องเข้ามาพอดี
วันนี้มาร์คขับรถเองโดยที่มีแบมนั่งอยู่ข้าง ๆ คอยฟังคนบ่นถึงสาเหตุที่คุณหมอป่วยเป็นรอบที่เก้าสิบ จุดหมายปลายทางคือร้านอาหารไทยที่แบมกับจินเคยมากินบ่อย ๆ สมัยเรียน
“หมอ ทางนี้!”
แบมมองตามเสียงเรียก คุณหมอยกยิ้มออกมาเมื่อเจอหน้าจินก่อนจะเดินเข้าไปหา โต๊ะริมในสุดยังคงเป็นมุมโปรดของพวกเขาเสมอ…
“สวัสดีครับพี่เจ” แบมยกมือไหว้แฟนเพื่อนที่อายุมากกว่า ฝ่ายนั้นยิ้มรับด้วยท่าทางใจดีแบบที่แบมคุ้นเคย
“สวัสดีครับ ไม่สบายหรือเรา เสียงแหบเป็นลูกเป็ดเชียว”
“เป็นหวัดนิดหน่อยครับ แต่ใกล้จะหายแล้วแหละ” แบมนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามจินกับเจ เขาค้อมหัวให้พนักงานที่มารินน้ำให้นิดหน่อยเพื่อเป็นการขอบคุณ “มากันนานยัง?”
“พึ่งถึงเหมือนกัน ไม่สบายยังจะดื้อออกมา เลื่อนนัดก็ได้ไหม” จินดุแบมเข้าให้ หมอมันไม่บอกสักคำว่าป่วย เขาก็รู้สึกผิดที่ชวนไม่ถูกเวลาไปดิ
“เลื่อนไปตอนไหนอ่ะ ปีหน้างี้หรอ?”
“ประชดเก่ง พูดเหมือนคนที่ไม่ค่อยว่างจะเจอเพื่อนเป็นกูเลยจ้า” จินยื่นมือไปบีบแก้มร้อน ๆ ของแบมเบา ๆ
“วันนี้ก็มาแล้วนี่ไง ไม่งอแงดิวะจิน”
เจมองคนตัวขาว ๆ สองคนทะเลาะกันก็ได้แต่นั่งยิ้มลำพัง คือเวลาน้องคุยกันก็ไม่ใช่ว่าพูดเพราะหรอก แต่ฟังทีไรเขาก็ไม่เคยสัมผัสความหยาบคายของประโยคพวกนั้นได้เลยสักครั้ง ทุกอย่างรอบกายสองคนนี้ดูยังไงมันก็น่ารักมุ้งมิ้งเป็นโทนพาสเทลไปหมดเลย
“เออ งั้นเข้าเรื่องเลยแล้วกัน”
“เรื่องอะไร” แบมขมวดคิ้วทำหน้างง นึกว่าจะชวนมานั่งกินข้าวกันชิลล์ ๆ มีธุระหรอกหรอ?
“คุณมาร์คของมึงเขาแบบว่า..เป็นผู้ชายโรแมนติกไหมวะ”
จินทำหน้าอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ ผิดกับแฟนตัวโตของมันที่นั่งยิ้มเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ เปล่าหรอก พี่เจไม่ใช่คนสงบปากสงบคำอะไรอย่างนั้น แค่พูดไม่ทันจินมันพี่ท่านเลยเลือกที่จะอยู่เฉย ๆ เท่านั้นเอง
“เดี๋ยว ๆ เข้าเรื่องนี้เนี่ยนะ?”
“จะมีเรื่องไหนสำคัญกว่าเรื่องของมึงอีกวะหมอ กูรีบเคลียร์งานทั้งหมดเพื่อให้มีเวลาว่างมายุ่งเรื่องของมึงโดยเฉพาะเลยนะ รู้บ้างไหมเนี่ย”
แบมมองหน้าเพื่อนแล้วก็ถอนหายใจอย่างนึกเหนื่อยอ่อนกับความจิน ประโยคที่ว่าเรื่องชาวบ้านคืองานของจินไม่ได้ได้มาเพราะความบังเอิญแน่ ๆ
“ก็ไม่เท่าไร”
“จริงอ่ะ” จินหรี่ตามองเหมือนไม่เชื่อ เห็นแบบนั้นแบมก็ส่งยิ้มกวนตอบกลับไป
“กูจะโกหกให้ได้ล่ะจ๊ะ”
จินก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี ขนาดคนที่เป็นข่าวกันที่ผ่าน ๆ มาไม่เรียกว่าแฟน คุณมาร์คยังเปย์หนักดูแลดีขนาดว่าสาวน้อยหนุ่มน้อยตามตื๊ออยากจะเป็นตัวจริงกันไม่หยุด แล้วเพื่อนเขานี่ขึ้นแท่นตัวจริงเลยนะเว้ย เป็นไปได้ยังไงที่มันจะไม่เท่าไรวะ?
“แล้วแบบว่า สวีทกันบ่อยป้ะ จับมือ จุ๊บกัน งุ้งงิ้ง ๆ ไรงี้”
จินไม่ละความพยายามที่จะล้วงข้อมูลจากแบม ปกติไม่ค่อยอยากยุ่งเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของหมอมันหรอกเพราะคนก่อน ๆ เขาไม่ค่อยชอบขี้หน้าเท่าไร แต่คนนี้จินเชียร์สุดใจจึงอยากจะรู้ความเป็นไปของความสัมพันธ์คนทั้งคู่บ้าง
“ก็บอกว่าไม่เท่าไรไง”
มาอีหรอบนี้จินก็ได้แต่กรอกตาเซ็ง ถามหมอมันไปก็เท่านั้น รอดูแววตาท่าทางคุณมาร์คเอาเองน่าจะได้อะไรกว่าเยอะ
“กั๊กว่ะ แล้วคุณเขาไปไหนเนี่ย ไม่ได้มาพร้อมมึงหรอกหรอ?”
“มาพร้อมกันนี่แหละ แต่เขาคุยโทรศัพท์กับลูกค้าอยู่ มาแล้ว นู่น”
แบมบุ้ยปากให้ทั้งจินและเจมองไปทางมาร์คที่กำลังรีบเดินมาหาพวกเขา ชายหนุ่มร่างสูงในชุดทำงานแบบไม่เป็นทางการสีสะอาดตายิ้มอย่างเป็นมิตรเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ
จินและเจรีบลุกขึ้นยืนพรึ่บจนแบมแอบหัวเราะให้ท่าทีเลิ่กลั่กของทั้งคู่
“ขอโทษที่ช้านะครับ พอดีงานมีปัญหานิดหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับ นี่จินเป็นเพื่อนผมและนี่พี่เจ แฟนจินครับ” แบมแนะนำให้มาร์คได้รู้จักเจกับจิน ส่วนฝั่งเพื่อนเขาน่ะไม่ต้องหรอก มันรู้จักคุณมาร์คมากกว่าที่คุณเขารู้จักตัวเองอีกมั้ง
“สวัสดีครับคุณมาร์ค”
เจกับจินยื่นมือไปจับทักทาย มาร์คเองก็รีบตอบรับทั้งรอยยิ้ม
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณเจคุณจิน เชิญนั่งครับเชิญนั่ง ไม่ต้องเกรงใจนะครับ”
“ขอบคุณครับ”
ถึงจะว่าอย่างนั้นจินกับเจก็ยังรอให้มาร์คนั่งลงก่อนแล้วค่อยนั่งตามอยู่ดี เล่นเอาคุณหมอยิ่งหัวเราะคิกคักเพราะความชอบใจไปใหญ่
มาร์คเรียกบริกรให้มารับออเดอร์อาหาร วันนี้เขาอาสาเป็นเจ้ามือ แม้เจจะปฏิเสธด้วยความเกรงใจในครั้งแรก แต่พอบอกว่าเขาตั้งใจจริง ๆ เพื่อนใหม่ก็ยอมรับมันแต่โดยดี
“คุณเจกับคุณจินทำงานอะไรกันอยู่หรือครับ”
ระหว่างนั่งรออาหารมาเสิร์ฟมาร์คก็เป็นฝ่ายชวนคุยก่อน เพราะถ้าเขาไม่เริ่มเห็นทีว่าทั้งจินและเจคงยิ้มเกร็งกันอยู่อย่างนั้นจนเมื่อย
เพื่อนแฟนก็เหมือนเพื่อนเรา มาร์คไม่อยากให้รู้สึกว่าเป็นคนอื่นคนไกลกันเท่าไร ดีใจอยู่ไม่น้อยเลยแหละที่ได้เจอเพื่อนของแบมบ้าง อย่างน้อย ๆ ถ้าวันไหนหาหมอไม่เจอก็ถามกับเพื่อนหมอได้
“เราทำธุรกิจส่วนตัวด้วยกันน่ะครับ ทำพวกเครื่องแต่งกาย” เจตอบ
“คุณสองคนคงทำธุรกิจเก่งมากแน่ ๆ”
จินกับเจคิดว่าต่อให้พวกเขาเก่งยังไงก็คงยังเก่งไม่เท่ามาร์ค ที่ทำธุรกิจเยอะแยะให้ประสบความสำเร็จได้มากมายหลายอย่างแบบทุกวันนี้
“พวกผมยังต้องเรียนรู้อีกเยอะเลยครับ”
“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกน่าจิน”
แบมยิ้มล้อเพื่อนตัวเอง ปกติขี้โม้จะตายพอมาเจอมาร์คทำมาเป็นมือใหม่ โธ่เอ้ย
“อย่าให้ถึงตากูนะหมอนะ”
จินถลึงตาใส่แบมคาดโทษ เห็นแบบนั้นคุณหมอก็โคลงหัวไปมาเพราะอารมณ์ดีที่แกล้งจินได้บ้าง
“จินกับพี่เจเก่งมาก ๆ เลยนะครับ ตอนนี้ผมหันไปทางไหนก็เห็นแต่คนใส่แบรนด์ของจินกับพี่เจทั้งนั้นเลย”
แบมหันไปเล่าให้มาร์คฟังบ้าง เขาเองก็อุดหนุนเพื่อนอยู่บ่อย ๆ เหมือนกัน แบมชอบรสนิยมของเจกับจินที่ดูเรียบง่ายแต่เก๋ไก๋ไปในตัว
“ครับ เดี๋ยววันหลังเราก็ไปซื้อบ้างเนอะ” มาร์คก้มมองคนข้างกายพลางส่งยิ้มไปให้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาคุยกับเพื่อนแบมต่อ “ยังไงถ้ามีอะไรให้ผมช่วย คุณเจคุณจินบอกได้เสมอนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณคุณมาร์คมากเลยครับ”
แบมเคยบอกจินกับเจว่าเวลามาร์คพูดอะไรคือหมายความตามนั้นจริง ๆ ไม่ได้พูดเพราะมารยาท เห็นทีว่างานนี้จะไม่ขอคำปรึกษาก็คงจะไม่ได้ ได้รู้จักตัวพ่อทางธุรกิจขนาดนี้แล้ว
“คนกันเองครับ ทานข้าวกันดีกว่าครับ” มาร์คเชื้อเชิญทุกคนเมื่ออาหารเริ่มเข้ามาเสิร์ฟแล้ว
ตลอดมื้อเย็นที่ไม่ได้เป็นทางการนี้ มาร์คพูดคุยกับเพื่อนของแบมได้อย่างเป็นกันเองสุด ๆ อาจจะเพราะว่าทั้งจินและเจก็เป็นคนง่าย ๆ อยู่แล้ว จากเรื่องธุรกิจ ไป ๆ มา ๆ ก็คุยเรื่องแบมสมัยเรียนบ้าง
มาร์คฟังไปก็อมยิ้มชอบใจตลอดเวลา เสียดายที่เจอกันช้าไปหน่อย เขาอยากเห็นน้องแบมใส่ชุดนักศึกษาบ้าง
คงแบบว่า…โมเอะสุด ๆ
“อันนี้ก็ดูน่าอร่อยนะครับ หมอลองดูนะ”
“ทำไมคุณไม่กินเลยล่ะครับ เอาแต่ตักให้ผมอย่างเดียวเลย”
แบมไม่เห็นมาร์คจะสนใจกินอาหารในจานตัวเองเท่าไรเลย มัวแต่ดูแลเขาเดี๋ยวนู่นนั่นนี่อยู่ได้
“อยากให้หมอกินเยอะ ๆ ก่อน ไว้ผมค่อยกินก็ได้ครับ”
“ขอบคุณนะครับ” แบมยิ้มให้มาร์ค มือเล็กจิ้มอาหารที่แฟนตักให้เข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะตักของที่มาร์คชอบกินไปวางบนจานของร่างสูงบ้าง “ผมก็อยากให้คุณกินเยอะ ๆ เหมือนกันนะ”
“ขอบคุณครับ” มาร์คยกมือลูบศีรษะกลมของแบมเบา ๆ “อิ่มแล้วอย่าลืมกินยาหลังอาหารด้วยนะครับ”
เพราะเสียงของแบมที่ยังอู้อี้อยู่เป็นตัวบ่งบอกว่าคุณหมอยังไม่หายดี แบบนั้นมาร์คก็ยังไม่วางใจเท่าไร
“เอ๊ พูดถึงยา ผมว่าผมลืมเอายามาแน่ ๆ เลย”
“ไม่เป็นไรครับ อยู่ที่ผมก็มี”
มาร์ครู้ว่าคุณหมอไม่ค่อยจะใส่ใจสุขภาพตัวเองเท่าไร เขาเลยอาสาทำหน้าที่นั้นแทน
“…”
ในขณะที่มาร์คกับแบมคุยกันไปเรื่อย จินกับเจก็เฝ้ามองการกระทำของทั้งคู่ไม่วางตา มองไปก็ยิ้มไปบ้างล่ะ หันมามองกันแล้วทำหน้ากรุ้มกริ่มบ้างล่ะ ไอ้หมอแบมมันก็ไม่ได้สนใจหรอก นู่น งุ้งงิ้ง ๆ อยู่กับแฟนตัวเองนู่น
ไม่เห็นจะเหมือนที่พูดก่อนหน้าสักนิดเลย…
“ขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปรับโทรศัพท์แป๊บนึงนะ” มาร์คเอ่ยบอกทุกคนน้ำเสียงสุภาพเมื่อโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นครืด พอหยิบขึ้นมาดูเห็นว่าเป็นลูกค้าก็เลี่ยงไม่ได้
เขาว่าจะไม่รับงานจากบริษัทนี้แล้วแหละ บอกไปหลายรอบแล้วว่ามีอะไรให้ติดต่อเลขาของเขาก็ไม่ฟังกันเลย ร่วมงานกันยากอย่างนี้มาร์คก็ไม่ไหวจะเสียเวลาด้วยเหมือนกัน
“กลับมาเร็ว ๆ นะครับ”
แบมเงยหน้าบอกเพราะมาร์คพึ่งจะกินข้าวไปได้นิดเดียวเอง
“ครับ หมอคุยกับเพื่อนรอผมไปก่อนนะครับ” มาร์คเอื้อมมือไปลูบศีรษะกลมเบา ๆ พอแบมพยักหน้าส่งยิ้มให้ร่างสูงค่อยเดินออกไป
พอมาร์คเลี้ยวออกจากห้องอาหารเท่านั้นแหละ ทั้งจินและเจก็ชะโงกหน้าเข้ามาหาแบมใกล้ ๆ เพื่อเริ่มปฏิบัติการเม้าท์มอยทันที
“เนี่ยนะไม่เท่าไรของมึง อีกนิดนึงพวกกูก็จะตายเพราะเบาหวานอยู่แล้วครับหมอ”
“ก็เกินไป”
แบมบอกปัด ไม่ได้คิดว่าคู่ของตัวเองจะหวานอะไรขนาดนั้น เพราะมาร์คก็เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว
“เขาเรียกว่าหวานกันเป็นเรื่องปกติ เราไม่เข้าใจหรอก” เจหันไปพูดกับจินทั้งรอยยิ้มกริ่ม จินเองก็หัวเราะคิกคักเออออไปกับแฟนตัวเองด้วย
แบมคิดว่าสองคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นของกันและกันจริง ๆ นะ เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยไปทุกเรื่องเลย
“เขาดูรักมึงแบบ..รักมึงฉิบหายเลยไรงี้อ่ะหมอ”
จินไม่ได้พูดเกินจริงเลยนะ เชื่อว่าใครได้มาเห็นสายตาที่มาร์คมองแบมก็คงพูดเหมือนเขานี่แหละ
พ่อคุณเอ้ย หวานได้อีก หวานหยดมดตอม หวานจนอินซูลินก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้
“อื้ม” แบมยักคิ้วอมยิ้มตอบเพื่อน
ก็นะ ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงเพราะแบมเองก็รับรู้ความรักของมาร์คได้เหมือนกันว่ามันเยอะแยะขนาดไหน
“สายตาแบบว่า โอ้ยยย กินมึงได้ตรงนี้เขาคงกินมึงเข้าไปแล้ว มึงไม่เขินเวลาเขามองบ้างหรอวะ”
ขนาดจินที่เป็นคนอื่นเห็นสายตามาร์คที่มองแบมยังเขินแทนเลย แล้วเจ้าแห่งความเขินอย่างหมอมันจะขนาดไหนเนี่ย
“ก็…นิดหน่อยแหละ”
ที่ไหนล่ะ มากจนไม่รู้จะมากยังไงแล้ว แต่แบมจะไม่พูดออกไปให้อายเพื่อนหรอกว่าเขาแทบจะมุดดินหนีทุกครั้งอ่ะ
“มึงหน้าแดงมากหมอ ฮื่อออ” จินยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมแก้มตัวเองแล้วยิ้มเป็นบ้าเป็นหลัง “ทำไมกูมีความสุขขนาดนี้วะเนี่ย มันแบบ…เหมือนกูประสบความสำเร็จในชีวิตอ่ะมึง”
“ขนาดนั้นเลย”
“เออดิ เหมือนกูรอวันนี้มานาน รอวันที่จะได้ส่งมึงถึงมือใครสักคนที่เขารักมึงมากพอ และก็เป็นคนที่คู่ควรที่จะได้รับความรักจากมึงด้วยอ่ะ”
“เท่าที่พี่ดู แบมเองก็ดูรักเขาไม่น้อยเลยนะ” เจมองคุณหมอตัวเล็กที่นั่งเขินหน้าแดงแจ๋ ไม่ใช่แค่คุณมาร์คหรอกที่มองน้องด้วยสายตารักใคร่เกินใคร แบมเองก็ไม่ได้ต่างกันเลย “ดูติดคุณเขามากด้วย”
“พี่เจ~”
แบมเอ่ยเสียงอ่อนก่อนจะยกสองมือมาปิดหน้าตัวเองเอาไว้ครู่หนึ่งเพราะมันร้อนขึ้นจนจะระเบิดอยู่แล้ว ยิ่งทำหน้าเง้างอนด้วยยิ่งดูน่ารักน่าแกล้งไปกันใหญ่
“ไม่งอแงดิวะแบม พี่เจก็แค่พูดตามที่พี่เขาเห็นเฉย ๆ เนอะที่รักเนอะ” จินหันไปขอความเห็นจากเจที่ก็พยักหน้าหงึกหงักรับอย่างรู้งาน
“ไม่แซวแล้วได้ไหมจิน” ก็รู้อยู่ว่าเขาเขินเนี่ย จริง ๆ เลย!
“บอกแล้วว่าอย่าให้ถึงตากูไงหมอ”
“มึงแกล้งกูอ่ะ…”
จินยิ้มกว้างจนตาหยี ชอบใจยังไงไม่รู้ที่เห็นหมอแบมไปไม่เป็นขนาดนี้ หน้าแดงหูแดง เริ่มก้มหน้าบ่นไม่เป็นภาษาแถมยังเขี่ยข้าวในจานเล่นทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่นิสัยแล้ว
เฮ้อ เหมือนแม่ในคืนส่งลูกเข้าห้องหอเลยแฮะ…
✧Vitamin B ✧
To be continue…
#มบย่อมาจาก
ความจินก็ยังคือความจินค่ะ
ให้เขาหน่อย เขาเทรนมาดี ให้เขาเป็นแม่เพื่อนตัวเองหน่อยค่ะ5555
ไม่ต้องกลัวมาม่านะคะทุกคน ปิดเตาแก๊สที่ต้มน้ำไว้ได้เลยค่ะ ไม่มีแน่นอน
วันนี้มาดึกมาก ใครยังไม่นอนแวบมาอ่านได้นะคะ ใครที่หลับแล้วค่อยตื่นมาอ่านตอนว่าง ๆ ก็ได้ค่ะ พักผ่อนให้เพียงพอกันทุกคนนะค๊าา
ติชมหรือบลา ๆ ๆ ร่วมกันได้ตลอดที่ #มบย่อมาจาก
ขอบคุณทุก ๆ คนที่ติดตามอ่านกันมาก ๆ เลยนะคะ งานเยอะแค่ไหนก็มีกำลังใจมาปั่นต่อค่ะงานนี้ ไปค่ะ เรามาไปให้ถึงหน้าสุดท้ายด้วยกันนะคะ ❤️
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อย่างน่ารักเลย
อยู่กันสี่คน ยิ่งน่ารัก เอ็นดูความรักละมุนของมาร์คแบมจนเพื่อนต้องกรี๊ดตาม จินเจก็น่ารัก
///เขิน
โครตจะน่ารักเลย