ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic-Y-SHINHWA] ECHO and WISH

    ลำดับตอนที่ #3 : [Chapter II] Just 2 Be with You

    • อัปเดตล่าสุด 6 มิ.ย. 51



    [Chapter II] Just 2 Be with You


         
    ผม ทำไมหัวผมมันถึงได้ปวดขนาดนี้ ปวดตัวอีกต่างหาก มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย
          หัวที่แสนหนักอึ้ง ดูท่าผมคงจะนอนนานไปหรือเปล่านะ แต่เดี๋ยวก่อนเท่าที่จำได้ล่าสุดผมอยู่ในห้องครัวนี่น่า   แต่ว่าตอนนี้ไม่อยากลุกจากเตียงไปไหนเลย ดูมันอุ่นจังวันนี้ ว่าแต่ทำไมมันหนักๆจัง จะว่าผ้าห่มหนักก็คงไม่ใช่เพราะมันก็เป็นผ้านวมผืนเดิมนิ แล้วอะไรกันที่มันหนัก
          ผมค่อยๆลืมตาขึ้น ปวดหัวชะมัดเลยวันนี้ แต่สิ่งแรกที่ผมมองเห็นคือนาฬิกาบนผนังห้อง เข็มสั้นอยู่ที่เลขหนึ่ง เข็มยาวอยู่ที่เลยหก บ่ายโมงครึ่ง ตายแล้ว ปาไปบ่ายโมงครึ่งแล้ว เจ้าตัวยุ่งมันกินข้าวหรือยัง อยู่บ้านหรือเปล่าเนี่ย แต่สิ่งที่ผมต้องตกใจคือสาเหตุของสิ่งที่ผมบ่นว่ามันหนัก
          .............จอนจิน............. แขนของเค้าทั้งสองข้างกอดผมเอาไว้ซะแน่เชียว หน้าตอนเค้าหลับมันน่ารักน่าชังจริงๆครับ พอผมขยับตัวนิดนึง เค้าก็กลับกอดผมแน่นไปกว่าเดิมเสียอีก นานแล้วที่ผมไม่ได้อยู่ใกล้กับเค้าแบบนี้ ใจนึงผมก็อยากจะลุกออกไปจากตรงนี้ หนีความรู้สึกดีๆแบบนี้ออกไปให้ไกลก่อนที่ผมจะหลงจนถอนตัวไม่ขึ้น แต่อีกใจนึงผมก็อยากจะซึมซับเอาความอบอุ่นครั้งนี้หล่อเลี้ยงหัวใจให้มันยังเต้นอยู่
          แต่ยังไงซะวันนี้ขอละกัน ให้ผมได้ซึมซับน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจต่ออีกหน่อย  ตาผมค่อยๆหลับลงก่อนที่จะเบียดตัวให้ใกล้กับน้องชายที่ผมรักมากที่สุด แม้ว่าเค้าอาจจะเป็นแค่น้องชายในความคิดของผม แต่ในใจเค้ากลับไม่เคยเป็นแบบนั้น
     
          ......................ฉันขอโทษนะจอนจิน ขอโทษที่ฉันคงเลือกทางนี้ให้กับเราสองคน ขอโทษที่ทำให้นายเสียใจ และขอบคุณที่นายยังไม่ทิ้งฉันไปไหน ขอบคุณที่ทนอยู่กับฉัน ทนทำหน้าที่ทั้งๆที่รู้ว่ามันเจ็บ ขอบคุณ...........................
     
          หลังจากที่เวลาล่วงเลยผ่านไปจนตกบ่ายแก่ๆ แสงแดดที่เคยส่องสว่างค่อยๆมืดลง อากาศเลยพาลเย็นขึ้นเรื่อยๆ หนุ่มกล้ามโตของเราก็คงได้เลิกตื่นซะที
          จอนจินงัวเงียเมาขี้ตาตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ แต่ เอ๊ะ คนข้างๆที่เค้านอนกอดไว้ไปไหนซะละ แถมมีกลิ่มหอมๆลอยออกมาจากในครัวเสียด้วย
     
          กลิ่นหอมที่โฉยมาจากในครัวทำให้ผมสาวเท้าออกจากพี่เฮซองอย่างรวดเร็วพร้อมกับตรงไปที่ครัวโดยทันที
          “ ตื่นแล้วหรอจิน ไปล้างหน้าก่อนไป แล้วเดี๋ยวมากินข้าวกัน ” เฮซองที่กำลังง่วนอยู่หน้าตาพูดขึ้นเมื่อเห็นคนนึงเดินมา
          “ พี่ไม่สบายอยู่นะ ทำไมไม่ปลุกผมมาช่วยละ ” จอนจินพูดพร้อมน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
          “ ก็ไม่เป็นไรแล้วนิ ไปล้างหน้าก่อนเหอะ แล้วถ้าอยากช่วยละก็มาช่วยกินละกัน วันเบลอไปหน่อยทำเยอะไป ฮาๆๆ ”
          “ เอางั้นก็ได้ งั้นผมไปล้างหน้านะ แล้วเดี๋ยวมาช่วยออมม่าหม่ำข้าวต้ม อิอิ ” ว่าแล้วจอนจินก็ผลุบหายเข้าห้องน้ำไปตามกริยาอีกคนที่สายหัวพลางอมยิ้มไปอย่างเอ็นดู
     
          ข้าวต้มปลาหอมฉุยแสนอร่อยถูกตักใส่ชามคอยท่าคนไปล้างหน้ามาช่วยหม่ำ...
          “ อร่อยจัง ว่าแต่พี่โอเคแล้วนะ ที่หลังป่วยก็ไม่ต้องลุกมาก็ได้ พี่ไม่สบายก็หัดอยู่เฉยๆซะบ้าง ผมเป็นห่วงนะรู้ไหม ”
          “ เออน่า รู้แล้ว ไม่ต้องมาสอนหรอก ฉันเป็นพี่นายนะ ไม่ใช่คนรักสักหน่อย ไม่ต้องห่วงขนาดนั้นหรอก ” เฮซองเผลอพูดอะไรออกไปเนี่ย
          “ ก็เพราะพี่เป็นคนที่ผมรักนะซิ ผมถึงได้ห่วง ” น้ำเสียงของจอนจินเปลี่ยนไป แววตาที่สดใสเปลี่ยนเป็นแววตาที่แสนเจ็บปวด
          “ นายว่าไงนะ เราคุยกันเรื่องนี้แล้วนะจิน พอซะทีเถอะ เลิกฝันบ้าๆบอๆแบบนี้ซะที ” เฮซองขึ้นเสียงหนัก
          บรรยากาศชักอึมครึมไปทุกที   และเฮซองก็ทำท่าจะลุกออกไปจากโต๊ะ แต่พอหนุ่มหน้าสวยลุกไปมือของคนตัวโตกว่าคว้าข้อมือไว้ก่อน
          “ เมื่อไหร่พี่จะยอมรับซะทีห๊า.... หันมาคุยกับผมก่อนได้ไหม จะหลบหน้ากันไปถึงไหน ” จอนจินหลังจากคว้าข้อมือบางไว้แล้วดึงให้อีกคนหันหน้ามาคุยกันก่อน
     
          “ เมื่อพี่จะยอมรับว่าพี่ก็รักผม พี่จะสนใจอะไรอีกเล่า เราก็เหลือกันอยู่แค่สองคน พี่จะรักผมไม่เหรอ ” เสียงที่เริ่มอ่อนลงของจอนจิน แววตาที่มองผมอย่างเจ็บปวดยิ่งทำให้ใจของผมเต้นช้าลงเรื่อยๆ
          “ ก็ใช่นะซิ เพราะเหลือกันอยู่สองคนไง ฉัน....ฉันถึง... ” ยิ่งพูดเสียงผมก็กลับหายลงคอไป ใจที่มันเจ็บปวดเหมือนมีดที่กรีดแทงลงเป็นแผลลึกในหัวใจ
          “ ถึงอะไรพี่ ตอบผมมาซิว่าถึงอะไร ตอบมา ” ผมไม่เคยเห็นเค้าเสียงดังขนาดนี้มาก่อน มันก็สมควรแล้วละที่เค้าจะตวาดผม สมควรแล้ว.................................
     
          สติของเฮซองขาดผึง ร่างโปร่งที่เคยยืนอยู่ซุดลงไปกองอยู่กับพื้นห้อง คงเพราะไข้กลับละมั้งที่ทำให้คนสวยหมดสติบวกกับความเครียดที่ถูกสั่งสมมายาวนาน
          จอนจินจึงอุ้มร่างที่ไร้สติขึ้นอย่างแผ่วเบา 
          “ ผมขอโทษนะครับพี่ที่ต้องทำอย่างนี้ เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้พี่ได้พัก ”
     
          เกิดอะไรขึ้นกันแน่.....................................
     
          >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
          >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
          >>>>>>>>
     
          เมื่อช่วงเช้าที่คุณหมอคิมเดินทางมาตรวจอากาศเฮซอง
          “ พี่เป็นยังไงบ้างครับอาจารย์คิม ” จอนจินถามหมออย่างร้อนรน
          “ จริงๆแล้วก็เป็นไข้หวัดธรรมดานี่แหละ แต่คงเพราะเครียดมากไปหน่อยหนะเลยยิ่งทำให้อาการน่าเป็นห่วงไปหน่อย ว่าแต่เราพอจะรู้ไหมว่าพี่เค้าเครียดอะไร ” เนื่องจากคุณหมอคิมเคยเป็นแพทย์ประจำตัวของคุณพ่อพี่น้องคู่นี้จึงดูสนิทสนมเป็นพิเศษ
          “ ไม่ทราบเหมือนกันครับ  แต่อาจจะเป็นเรื่อง..เอออ..... ” ชายหนุ่มรู้อยู่เต็มอกว่าเรื่องอะไรแต่หากให้พูดไปก็กระไรอยู่
          “ ไม่เป็นไรหรอก ไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไรหรอกนะจอนจิน แต่จำเอาไว้ว่าพี่เค้าดื้อมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ดูแลเค้าหน่อยแล้วกัน อย่าใจร้อน ฉันฝากดูแลเฮซองด้วยนะ รายนั้นถ้าไม่ถึงที่สุดไม่ยอมพูดหรือปริปากเรื่องอะไรเลย แม้กระทั่งป่วยก็ตาม ”
          “ ครับ ทราบแล้วครับ ขอบคุณอาจารย์มากๆเลยนะครับ ว่าแต่สรุปแล้วว่าพี่เค้าต้องทานยาอะไรยังไงบ้างฮะ ”
          “ จริงๆแล้ว ยาพวกลดไข้ก็ใช้ได้ ที่บ้านก็มีอยู่ใช่ไหม แล้วก็นี่แล้วกัน อันนี้ยานอนหลับนะ ” อาจารย์คิมส่งซองยานอนหลับขนาดเล็กให้จอนจิน
          “ ยานอนหลับ ทำไมหรอครับนี่อะฮะ ” ชายหนุ่มขมวดคิ้มหนัก ทำไม่หมอถึงสั่งยานอนหลับละ
          “ พี่เค้าไม่ค่อยได้พักใช่ไหม ถึงป่วยก็ไม่ยอมหยุดหรอก เอายานอนหลับไปดีกว่ามันคงช่วยได้เยอะหน่อย แต่อย่าไปบอกเค้าละว่ายาอะไรเดี๋ยวจะทะเลอะกันบ้านจะแตกซะก่อน ” คุณหมอยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย
          “ ครับ ขอบคุณอาจารย์มากนะครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่ง ” ชายหนุ่มเดินไปส่งผู้อาวุโสที่ประตู
     
          >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
          >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
          >>>>>>>>
     
     
          พี่เฮซองฮะ ผมขอโทษที่ต้องทำตามที่อาจารย์สั่งนะครับ ไม่งั้นพี่ก็เครียดหนักกว่าเดิม ผมอยากรู้จริงๆว่าตอนนี้พี่กำลังเครียดเรื่องอะไรกันแน่ สรุปแล้วมันคือเรื่องของผมหรือเรื่องอื่น แล้วผมจะหาวิธีไหนดีละครับที่จะเค้นเอาเรื่องราวเหล่านั้นออกมาจากปากของพี่ ทำยังไงดีน้า....
          แต่สักวันผมจะต้องทำสำเร็จแน่ๆ ตอนนี้ผมจะปล่อยพี่ไปก่อน แต่อีกไม่นานหรอกครับ ผมจะเป็นเด็กดื้อที่ไม่เชื่อฟังพี่อีกแล้ว จะไม่ยอม ไม่ยอมให้พี่ต้องนั่งอมพนำความรู้สึกแบบนี้เรื่อยๆ มันจะต้องจบลงซะทีเรื่องที่ต่างทำเราสองคนต้องเจ็บปวด...
     
          ผมอุ้มพี่เค้ามาที่เตียงเดิม ค่อยๆว่างร่างกายที่เหนื่อยอ่อนจากความเครียดอย่างแผ่วเบาที่สุด   แม้ว่าหน้าตาพี่จะดูอิดโรยแต่ริมฝีปากบาง และพวงแก้มเปื้อนไปด้วยสีแดงๆเพราะพิษไข้ก็ชวนให้ผมหลงใหลอยู่ดี   ไม่เคยมีวันไหนเลยที่ผมจะลืมริมฝีปากสีชมพูนี้ได้ นึกย้อนถึงครั้งที่เคยได้สัมผัส ครั้งที่เคยมอบความหวานให้แก่กัน พี่ยังไม่ลืมใช่ไหม ผมไม่เคยลืมได้เลย ไม่เคย
     
          พี่ครับ ไม่นานจริงๆ พี่เตรียมตัวไว้ได้เลย ผมทำแน่..........................................





    -------------------The end of Chapter II-------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×