ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE CUTE หินลาวา

    ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 2 :: หินลาวา = 100% [อัพครบ]

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 64


    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
    เนื้อเรื่องมีฉากรุนแรงหนักหน่วงและไม่เหมาะสม



    :. CHAPTER 02 .:


    @Valdez, Alaska, USA 

    23.45 P.M

    ลูกไฟลักษณะวงกลมหลากหลายสีสันส่องประกายสะท้อนไปทั่วทุกสารทิศในเมืองใหญ่ความแวววาวของสีสันหลากหลายเฉกสีพวกนั้นฉายสว่างออกท่ามกลางความมืดมิดของรัตติกาลที่ปกคลุมไปด้วยสีขาวสะอาดแทบทุกจุดในเมืองนี้ Valdez Alaska ได้รับการขนานนามว่ามีหิมะตกหนักสุดของสหรัฐอเมริกาถึงจะเป็นเมืองขนาดเล็กทว่ากับถูกโอบล้อมไปด้วยธารน้ำแข็งของภูเขา Chugach เมืองนี้ส่วนมากอาชีพหลักเกี่ยวกับการประมงและธุรกิจสกีรีสอร์ทด้วยเหตุผลนี้ไงฉันถึงมาอยู่ที่นี่

    เพราะธุรกิจ

    เพราะมันหลีกเลี่ยงไม่ได้

    การโปรยปรายของสิ่งหนึ่งที่เบาปลิวตกมาจากท้องฟ้าสาเหตุทำให้คืนอันหนาวเหน็บพอมีอะไรให้น่ามองขึ้นมาหน่อยซึ่งต่างจากเมืองร้อนอย่างสิ้นเชิง แน่นอนบรรยากาศนอกอุณหภูมิติดลบแน่ถึงได้เกิดหิมะโปรยลงมาแบบนี้ถัดกันหลายชั่วโมงแล้วจุดสูงสุดของที่อยู่ของฉันมันสามารถเห็นได้ชัดเจนรอบทิศทางจะเรียกว่าเป็นที่ให้เห็นวิวหลักล้านก็ไม่แปลกอะไรเท่าไหร่นัก ท่ามกลางอุณหภูมิข้างนอกติดลบทว่ากลับกันด้านในนี้มันอบอุ่นยิ่งเมื่อมีแก้วไวน์สีแดงรสชาติเยี่ยมการรันตีด้วยรางวัลระดับโลกมาให้จิบผ่อนคลายอีกทั้งยังอบอวนไปด้วยเทียนหอมกลิ่นโปรด

    การแช่อาบน้ำนมโดยมีกลีบกุหลาบสีแดงล่องลอยเอาไว้เต็มอ่างถือว่าเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดสำหรับผู้หญิงใช้เงินเปลืองแบบฉัน เงินเป็นตัวสำคัญในการทำแบบนี้เพราะนึกเสมอว่า เงินสามารถซื้อความสุขให้กับตัวเองได้ และฉันก็ได้ใช้มันซื้อความสุขแบบนี้มาเรื่อยด้วยอิทธิพลของคำว่าเงิน นาทีที่ศีรษะวางกระทบกับผ้านุ่มเหมาะกับลำคอบนขอบอ่างส่วนลำตัวก็ยังแช่น้ำนมทำเอาความรู้สึกผ่อนคลายดีขึ้นมาคลายความเมื่อยล้าสะสมระหว่างวันลง

    แกร็ก...

    กระทั่งเสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นมาพร้อมกับการเคลื่อนตัวที่เงียบสงบแต่ก็ยังไร้ซึ่งประโยคเอ่ยพูดอะไรทั้งนั้นตอนนี้จึงมีแค่ความเงียบงันเกิดขึ้นเท่านั้นในตอนนี้

    คนนี้รู้เวลา

    คนนี้รู้หน้าที่ตัวเอง

    และคนนี้ก็อยู่กับฉันมานานมาก ด้วยการทำงานที่ค่อนข้างฉับไวรวดเร็วไม่ต้องให้เอ่ยหรือสั่งซ้ำแม้สักครั้งเดียวอีกอย่างคือมีมารยาทสูงรู้จักเวลาไหนควรผ่อนปรนเวลาไหนควรจริงจัง ความเป็นมืออาชีพที่หาใครรู้ใจได้ไม่เท่าในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมาถือว่าคนนี้สอบผ่านมาตราฐานสูงของตัวฉันที่สุด

    ว่ามา

    การพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบและไม่ขยับตัวออกจากอ่างอีกทั้งยังหลับตาของฉันมันคือเรื่องปกติมากกว่า การทำแบบนี้เป็นประจำวันในทุกวันที่มีเวลาทำให้อีกฝ่ายรับรู้และไม่ค่อยเข้ามาวุ่นวายนักหากเรื่องด่วนที่เข้ามาไม่ได้สำคัญ

    แต่คงไม่ใช่กับตอนนี้แน่ๆ

    เรื่องงานที่ไทยมีปัญหาค่ะนายหญิง

    จากใคร

    ทราบดีว่าการทำงานมันไม่ได้ราบรื่นเสมอไปหรอกอย่างน้อยๆ ก็จะมีปัญหามาให้ปวดสมองมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวและแปลกนะปัญหาจะเกิดขึ้นจากอีกฝ่ายมากกว่าฝ่ายของตัวเองเสียอีก

    นางแบบที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ตัวหลัก

    แทรีน่า?”

    น่าสนใจขึ้นมานิดหน่อยหากเป็นเรื่องคนนั้น

    รู้สึกอยากรู้จักมากกว่านี้

    ใช่ค่ะ

    ยังไง

    เพราะอยากรู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรถึงจะเคยได้ยินมาบ้างรับรู้ประวัติอะไรหลายๆ บ้าง วีรกรรมอันแสบสาหัสของหล่อนที่ทำให้ทั่วทั้งวงการขยาดจะเกิดขึ้นกับงานปัจจุบันเช่นไรในทางกลับกันทำให้เกิดผลเสียมากหรือน้อยแค่ไหนจะได้คิดทบทวนอีกครั้งหนึ่ง

    คำว่าธุรกิจ คำว่าลงทุก คำว่าเม็ดเงินหากมันเกิดขึ้นจากสกุลเจอร์รีสไม่มีทางที่จะเอาคำว่ากำไรกลับมาไม่ได้ถึงแม้อีกฝ่ายอาจจะมีแบล็คหลังก็เถอะ แค่อำนาจมันจะสู้กับมหาอำนาจได้ยังไงกัน

    วันนี้ทางนั้นส่งข่าวมาบอกว่าเธอไม่มาถ่ายงานตามแพลนที่กำหนดไว้ ปล่อยให้คนทั้งกองรอกว่าร้อยชีวิตพอผ่านมาตอนเย็นจึงค่อยให้ผู้จัดการมาบอกว่ามีธุระสำคัญมากและฝากขอโทษค่ะ

    เด็กจัง...เมื่อได้ยินแบบนั้นริมฝีปากของตัวเองกลับยกยิ้มขึ้นนิดๆ ก่อนยกไวน์ขึ้นมาดื่มให้รสชาติผ่านกลืนลงลำคอ คิดไว้ไม่มีผิดว่าต้องเจออะไรทำนองแบบนี้เมื่อจะเลิกเสียทีกับการที่คิดว่าใหญ่ เด่น ดัง นามสกุลที่คนให้ความสนใจจะสามารถเป็นจุดศูนย์กลางทุกอย่างได้ ไม่คิดว่าจะเด็กขนาดนี้

    คิดว่าพ่อฉันใหญ่มั้งค่ะนายหญิง” 

    คงงั้นมั้ง

    ผลเสียมันแค่เงินยิบมือของฉันแต่ชื่อเสียที่อีกฝ่ายแลกมานี้สิมันจะคุ้มเหรอหากสปอนเซอร์ยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกาถอนตัวออกจากงานตัวใหม่ที่ทุ่มทุนกับบริษัทใหญ่ของไทยโดยมีนางแบบสาวแทริน่าเป็นพรีเซ็นเตอร์พร้อมทั้งทำการฟ้องร้องเกิดขึ้น

    แค่นี้ก็สนุกแล้วสิ

    แต่ถ้าทางเราฟ้องจะเปิดทางให้ตะวันพิศาลทันทีเลยนะคะ

    “…”

    ธุระที่แทริน่ากล่าวอ้างคือการไปบ้านตะวันพิศาลค่ะนายหญิง

    ยื่นฟ้องแล้วถอนสปอนเซอร์ออกซะ


    การตัดสินใจเด็ดขาดโดยใช้เวลาไม่กี่วินาทีทำให้อีกคนที่อยู่ในวงสนทนาเงียบลงก่อนโค้งตัวแล้วเดินจากออกไปอย่างเงียบที่สุดเหมือนเฉกเช่นทุกครั้งเพราะสายตาของฉันเห็นชัดเจนจากการสะท้อนเงากระจกภายในห้อง


    ความเงียบเข้ามาควบคุมอีกครั้ง


    ณ เวลานี้


    การตัดสินใจยังไงก็ยังยืนยันในจุดมุ่งหมายของตัวเองอยู่แล้ว การทำงานที่มีเส้นสัญญากับตัวเองเสมอว่าจะไม่เอาเรื่องงานมาปนกับเรื่องส่วนตัวไม่ว่ากรณีไหนทั้งสิ้นถ้าหากทุกอย่างมีทางออกเป็นของตัวเองอย่างน้อยๆ ความเด็ดเดี่ยวที่ตัวเองมีจะไม่กระทบเป็นวงกว้างมากกว่าเดิม


    การเลือกครอบครัวแล้วทิ้งพนักงานร้อยพันของบริษัทตัวเองมันก็เกินเรื่องไปหน่อยฉะนั้นทางเดียวคือเลือกเดินตรงกลางถึงแม้จะสร้างความไม่พอใจให้คนนอกก็ตาม หากจะพังก็พังทั้งสองและถ้าหากจะได้ก็ได้ทั้งสองเป็นนี้ไม่ดีกว่าเหรอ นิสัยของคนเราที่ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์มักแสดงออกต่างกันไปในตามแต่ละบุคคลจะแสดงออกมาให้เห็นจะไปในรูปแบบใดก็ตามทว่าหากเป็นแทรีน่าแล้วแค่มองก็รู้ว่าคนแบบนั้นจะแสดงอะไรออกมามีสิ่งเดียวจริงก็คือความโกรธเสร็จก็อารมณ์ร้ายระรานพาลโกรธคนอื่นไปทั่วไม่นานหล่อนก็จะได้พบกับคำว่าหายนะ


    วงการบันเทิง สื่อสมัยนี้เชื่อมต่อถึงกันหมดเพราะแต่ละคนที่เข้ามาทำงานก็ร้อยพ่อพันแม่ทั้งนั้นเรื่องผิดใจกันไม่ชอบหน้ากันหรือแม้กระทั่งว่าเกลียดกันคิดเหรอว่าไม่มีแต่เพียงแค่ไม่มีใครแสดงออกมากกว่าเหตุผลก็เพื่อความอยู่รอดและก็เงินจึงก้มหน้ากัดฟันทำงานอย่างไม่ลืมหูลืมตาปล่อยปะเรื่องพวกนั้นเอาไว้มันก็แค่นั้นเอง


    แต่หากวันหนึ่งคนที่เกลียดล้ม... ทุกคนพร้อมใส่กระจาย


    ฉันอยากให้มันเป็นแบบนั้นมากกว่า

     


    @Thailand

    2 อาทิตย์ต่อมา


    และวันนี้ก็มาถึงโดยใช้เวลาค่อยข้างรวดเร็วเอากา ช่วงนี้เป็นช่วงย่างเข้าหน้าร้อนของประเทศไทยที่ถือว่าอากาศจะร้อนสุดแต่ภายในสนามบินระหว่างประเทศกับคึกคักไปด้วยผู้คนเพราะภายนอกสภาพอากาศค่อนข้างแปลเปลี่ยนจากที่ร้อนมีแดดออกนาทีนี้กับมีฝนตกกระหน่ำอย่างแรง


    “ชาร้อนค่ะนายน้อย”


    “อืม”


    ถ้วยชาที่ใส่ในถ้วยกระดากสีขาวขุ่นถูกมือเรียวส่งมาให้กับฉันโดยที่สายตาตัวเองกับโฟกัสไปยังบรรยากาศด้านนอกบานกระจกสูงสามารถมองเห็นทุกอย่างได้แบบชัดเจน มีเครื่องบินลำใหญ่จอดอยู่หลายคันท่ามกลางสายตาที่กระหน่ำลงจากท้องฟ้าเรื่อยๆ


    การเดินทางครั้งนี้มีแค่ฉันและคนติดตามไม่ถึงห้าคนส่วนคนอื่นๆ ก็อยู่ในส่วนที่ถูกจัดเอาไว้เหลือแค่เลขาคู่กายเท่านั้นที่นั่งถัดจาดฉันไปหนึ่งเก้าอี้


    “มาครั้งนี้พักที่ Blue home นายหญิงต้องการอะไรเพิ่มไหม”


    “ไม่แล้ว”


    เพราะฉันปฏิเสธไปจึงเข้าสู่สภาวะความเงียบอีกครั้งซึ่งภายใต้แว่นตาที่ตัวเองได้สวมใส่กลับมองไปอีกฝั่งหนึ่งซึ่งตอนนี้มีบุคคลตัวสูงสองคนกำลังจ้องมาทางนี้พร้อมกับพูดคุยกระซิบกัน


    “คงเป็นนักข่าวค่ะ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาแทรีน่าจับจองหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์มาตลอดพอทางเราปล่อยข่าวว่าจะมาทำธุรกิจที่ไทยนักข่าวจึงพยายามหาข่าวตลอด”


    “เชื่อมโยงกับข่าวแทรีน่าสินะแล้วได้บอกหรือเปล่าว่าฉันมาในฐานะไหน”


    “ทราบค่ะ คนพวกนั้นไม่รู้ รู้แค่ว่านายหญิงมีหุ้นกับบริษัทที่ตัดสปอนเซอร์กับแทรีน่าเท่านั้น”


    “โอเค” ให้คนพวกนั้นรู้จักฉันในนามไอรีนก็พอส่วนอื่นขอให้มันเก็บไว้ในส่วนอื่น ความจริงไม่ต้องใส่ใจก็ได้เพียงแค่ว่าภายภาคหน้าอาจจำเป็นต้องใช้สื่อพวกนี้ให้เกิดประโยชน์ขึ้นหน่อย จากการคาดการณ์ของตัวเองต้องได้ใช้งานแน่นอนแต่ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะเป็นในทิศทางไหน “แล้วเรื่องให้ติดต่อสัมภาษณ์... เป็นยังไงบ้าง”


    “ทางนั้นตอบตกลงค่ะนายหญิง”


    “ดีอีกอย่างเรียกฉันว่าไอรีนได้แล้วเจเนียส ที่นี่ฉันคือไอรีน”


    “ค่ะคุณไอรีน” ใช้เวลาต่อจากนั้นไม่นานฉันเดินออกมาจากสนามบินพอเห็นว่าฝนได้ทิ้งช่วงในการตกไปมากพอสมควรก่อนหน้าที่ไม่ออกมาเพราะไม่ชอบขับรถในช่วงฝนตกรอไม่นาน Audi R8 สีแดงก็จอดเทียบด้วยฝีมือของบุคคลหนึ่งเขากำลังลงจากรถก่อนโค้งให้ฉันเล็กน้อย “เจอกันที่ Blue home เลยนะเจเนียส”


    แค่นี้รถก็ถูกขับด้วยฝีมือของตัวเองออกมาโลดแล่นบนท้องถนนที่ยังคงติดเหมือนเดิม ท้องฟ้ามืดครึ้มยิ่งทำให้ความไม่ชอบก่อเกิดจนแล้วจนรอดการขับรถจึงสิ้นสุดลงด้วยฝีมือตัวเองเพราะเลี้ยวแวะร้านกาแฟใหญ่แห่งหนึ่งจากสายตาสำรวจน่าพึ่งสร้างได้ไม่นานนัก เป็นร้านที่โล่งโปร่งแต่งสไตล์บ้านมีกลิ่นกาแฟหอมตีขึ้นมาตรงจมูกเมื่อเปิดประตูเข้าไปเยือนด้านในร้านกาแฟแห่งนี้


    “สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ”


    “อเมริกาโน่”


    “ได้ค่ะ ทั้งหมด...”


    ฉันเลือกจ่ายแล้วรอไม่นานก็ได้กาแฟมาแก้วหนึ่งในมือทางเลือกต่อมาคือไม่นั่งในร้านแต่จะนั่งโซนเอาน์เดอร์นอกร้านที่มีต้นสนสูงคั่นระหว่างโต๊ะให้ความส่วนตัว การนั่งในที่นี้เหมาะกับการดื่มกาแฟสูดกลิ่นไอดินไปด้วยแต่ถ้าไม่มีเสียงสนทนาหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังให้ได้ยินเสียก่อน


    “คิดให้ดีก่อนตอบนะไอ้เวร”


    “นัดมาเพื่อถามอะไรแบบนี้เหรอวะ”


    เหมือนพี่น้องทะเลาะกันฉันไม่อยากยุ่งเท่าไหร่แต่ประโยคต่อมานี่สิทำให้ชะงัก


    “จะทำอะไรคิดถึงลิลลี่หน่อย ลูกมึงอ่ะไอ้หิน” 


    ลิลลี่งั้นเหรอ?


    หินงั้นเหรอ?


    “…”


    “ไม่อยากเจอเขาแน่เหรอวะ”


    “…”


    “ตกลงจบยังไงกันแน่ ไม่มีใครรู้เลยนะ”


    "ถ้าตอนนั้นมันดี ตอนนี้จะมาไม่อยากเจอทำเหี้ยอะไร"


    “…”


    “เลิกเสือกเรื่องนี้ได้แล้วไอ้สัส มันควรจบตั้งนานแล้ว”


    “จบหรือพึ่งเริ่ม?”


    “มึงรู้อะไรมาเว”


    แบบนี้อีกฝ่ายจะโกหกไม่ได้แล้วนะ ทางเดียวก็คือต้องพูดความจริงเท่านั้น


    คนชื่อเวพลาดไปแล้ว


    และฉันก็ค้นพบว่าตลอดเวลาตัวเองก็พลาดเช่นกันที่คอยให้เลอาสืบอะไรต่างๆ จากคนชื่อเวเพราะเขาคงรู้หมดแล้วถึงได้หาทางป้องกันทุกอย่างในช่วงหลายปีอีกทั้งยังย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ ก็เพราะแบบนี้สินะ


    ไม่ฉลาดเอาเสียเลยสำหรับคนชื่อเว


    พลาดเพราะปากพล่อย


    “...”


    “อย่าคิดไม่บอกไม่งั้นได้ยำตีนจากกู”


    “เออ กูรู้ว่ามึงอยู่ที่โน้นมึงทำอะไรบ้างแล้วมึงก็รู้หลีกเลี่ยงกับเธอ”


    “แล้วมันเกี่ยวอะไร?”


    “แสดงว่ามึงตั้งใจทำสินะหิน กีดกันขนาดนี้เลยเหรอวะ”


    “มันควรเป็นแบบนั้น” ประโยคเฉยชาเล่นเข้าโสตประสาทการรับรู้ของตัวเองรู้ไหมประโยคนี้ทำเอาบรรยากาศที่ดีเหมาะสำหรับดื่มกาแฟจางหายลงไปในพริบตา แก้วกาแฟอยู่ตรงหน้าโดยมีดวงตาของฉันภายใต้แว่นตาจับจ้องไปคลาดสายตาไปไหนมองมันซ้ำๆ แบบนั้นเรื่อยๆ กระทั่งประโยคต่อมามันทำลายลง “หรือจะให้บอกลูกว่าแม่มีผัวใหม่”


    “ไอ้หิน”


    “นี่ไง ขนาดมึงยังรับไม่ได้แล้วคิดเหรอว่าเด็กแบบลิลลี่จะรับได้ ไม่มีทางหรอกมึงก็รู้ว่าลิลลี่เป็นยังไง”


    หมายความว่าไง


    “…”


    “มันต้องทำแบบนี้”


    “แต่วงกว้างที่มึงตีกรอบเอาไว้สุดท้ายแล้วมันไม่ได้อะไรเลยนะ”


    “…”


    “อยากให้มึงคิดข้อนี้ด้วยหิน อย่าคิดเพียงแค่ว่ากลัวลูกจะรับไม่ได้ว่าแม่ไปมีครอบครัวใหม่”


    “…”


    การเค้นยิ้มให้กับตัวเองโดยปราศจากคำอธิบายใดๆ เพราะมันจริงทุกอย่าง


    “ว่าแต่เธอไปมีครอบครัวใหม่จริงๆ หรือมึงมโนเองไอ้หิน”


    “ไม่รู้”


    “ไม่รู้นี่หมายถึงปฏิเสธหรือว่าปัดส่งๆ”


    “จะเอาอะไรนักหนาเว” เสียงหงุดหงิดอีกทั้งตอบปัดรำคาญไม่พอใจทำให้คู่สนทนาเงียบลง “เขาบอกกูเองให้คิดว่าไงล่ะ”


    “เห้อปวดหัวกับเรื่องของพวกมึงว่ะ” ไม่ใช่การประชดนะแต่เป็นการใช้น้ำเสียงพร้อมทั้งถอดถอนลมหายใจที่แสดงถึงความเหนื่อยและเบื่อหน่ายมากจริงๆ หากคาดเดาไม่ผิดอีกคนที่เป็นคู่สนทนาจะเงียบไม่แสดงอาการอะไรออกมาทั้งนั้นเพราะไม่อยากให้ใครเข้ามารับรู้ความคิด “แล้วก็เบื่อการทำหน้าแบบนี้ของมึงด้วยหิน”


    นั่นไง... เชื่อไหมล่ะ


    ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะรับรู้เรื่องของคนอื่นได้ไปทั่วทว่ากับคนๆ นี้มันง่ายนิดเดียวเท่านั้น ความราบเรียบความนิ่งไม่ตื่นเต้นอะไรนั่นแหละคือจุดที่ควรมาร์กเน้นสีเด่นเอาไว้เลยว่าคนนี้มีแผนรองรับเอาไว้สำรองอยู่แล้วแต่จะเอ่ยออกมาหรือเก็บเอาไว้รับรู้เองมันเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งอยากในการคาดเดา


    “…”


    “แต่ดีหน่อยที่พาลิลลี่หลานรักมาอยู่ด้วยไม่ต้องไปๆ มาๆ ทัวร์อเมริกาเหมือนหลายๆ ปีที่ผ่านมาแล้ว”


    “…”


    “มีแค่นี้แหละที่กูรักมึงนอกนั้นอยากถีบลงเหว”


    “แล้วถ้ากูพาลูกหนีมึงไปอีกอ่ะ”


    “เรื่องนี้ไม่ต้องถึงกูเลยแค่แม่มึงคนเดียวมึงก็ตายห่าแล้วจ้ะ”


    “กวนตีนเว”


    “แต่จะว่าก็ว่าเถอะอีกเรื่องที่เกิดขึ้นมึงจะทำยังไง”


    “เรื่องไหน?”


    “แท”


    “ให้แก้เอง” ไม่ต้องใช้เวลาคิดในการตอบน้ำเสียงเดิมก็เอ่ยขึ้นแต่ลดเสียงกว่าเดิมมากกว่าเนื่องจากเป็นที่สาธารณะควรเซฟนิดหนึ่ง “กูไม่เข้าไปยุ่งหรอกอีกอย่างปัญหาก็เกิดขึ้นมาจากตัวแทเองนะเว”


    “ไหนว่าคุยๆ กันอยู่วะ”


    “คุย ก็แค่คุยไม่ใช่ตัวรับแทนปัญหาทั้งหมดแล้วถ้าจะถ้าว่าจะเข้าไปเป็นสปอนเซอร์แทน JR หรือเปล่านั้นตอบได้เลยว่าไม่มีทาง”


    “ไอ้หิน”


    “ขนาดคุณลาแอลนักธุรกิจชื่อดังระดับโลกยังถอนออกแล้วกูจะเอาตะวันพิศาลไปเสี่ยงเหี้ยอะไรล่ะ จริงมั้ย?”


    “ลาแอล?”


    “ผู้มีอิทธิพลหญิงจากฝั่งตะวันตก เด็ดขาด น่าเกรงขาม ร่ำรวยแล้วก็เลือดเย็น มึงควรไปหาประวัติอ่านนะเว”


    “…”


    “อ้อ... ผู้หญิงคนนี้ไม่มีรูปภาพนะ ไม่รู้สิว่าหน้าตาจะสวยขนาดไหน”


    “อะไรวะแล้วมึงอยากเห็นอยากเจอหรือเปล่าคุณลาแอลอะไรเนี่ย”


    “ไม่ ไม่อยากเจอ”


    เป็นประโยคเบาหวิวที่ดังก้องเข้ามาในการได้ยินของตัวฉันเอง ไม่อยากเจอ เล่นวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนพลอยทำให้ยกมุมปากยิ้มออกมาอย่างไม่แคร์ ลาแอลน่ะเหรอ...อืม


    ผู้หญิงคนนี้สวยนะ


    ผู้หญิงคนนี้ฉลาดมาก


    ผู้หญิงคนนี้เท่าทันคนมาหมด


    และสุดท้ายผู้หญิงคนนี้ก็ร้ายสุดเช่นกัน


    การกำจัดความของความร้ายกาจไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดตรงไหนหากใครเคยร่วมทุนก็น่าจะรับรู้ดีว่าคนๆ นี้ไม่ใช่เล่นๆ ขนาดระดับเดียวกันยังสามารถทำให้ร่วงตกลงมาได้เลยนับประสาอะไรหากจะต่อกรสู้เล่นๆ การเอาตัวเข้าไปเป็นตัวเล่นภายในเกมของเธอไม่ใช่เรื่องสนุกเท่าไหร่นักเพราะถ้าหากจบเกมส์ไม่ตายก็เจ็บหนัก


    “โหดขนาดนั้นเชียว”


    “ไม่รู้ดิ กูไม่เคยเจอนิ”


    “พูดวกวนว่ะหิน มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย”


    “มึงนั่นแหละเป็นเหี้ยอะไรไอ้สัส”


    แล้วทั้งสองคนนั้นก็พูดเรื่องอื่นซึ่งมันไม่ได้มีความหมายอะไรกับฉันอีกเพราะเป็นเรื่องอื่นๆ ไร้ความหมายหากจะฟังอีกอย่างไม่เกี่ยวอะไรกับฉันไม่อยากสาระแนเรื่องคนอื่นชีวิตของตัวเองยุ่งยากขนาดนี้หากไปยุ่งคนอื่นไม่ตายเหรอ การเข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่นบอกเลยเสียเวลาชีวิตมากนอกจากจะไม่ได้เรื่องอะไรก็ยังถ่วงชีวิตและความคิดอีกประเด็นหลักที่สามารถเห็นได้ทั่วไปเลยคือการอิจฉา มนุษย์เป็นบุคคลทำให้โลกยุ่งเหยิง ทำให้สิ่งต่างๆ ต่ำลงหรือมันไม่จริง


    การกระทำของมนุษย์ใช่ว่าจะดีหมด ไม่มีใครขาวสะอาดเท่ากับเด็กไปได้ตลอดหรอกแม้กระทั่งตัวเด็กเอง การเติบโตคือการแต่งแต้มสีสันลงบนตัวนั่นเสมือนเป็นตัวเลือกที่จะเลือกแต่งสีขาวหรือว่าดำ อย่างฉันเองที่ไม่ได้ดีเด่นอะไรมากกว่าใครทั้งนั้นแล้วชีวิตก็ไม่ได้น่าอิจฉาด้วยซ้ำ การเลือกมองว่าชีวิตก็เหมือนเหรียญแต่เหรียญที่มองมันมีอยู่สามด้านด้วยกัน ด้านของตัวเองด้านของคนอื่นและก็ด้านที่ปลอมขึ้น


    มันเป็นแบบนี้จริงๆ นะ


    ไม่เชื่อก็ลองสังเกตดูสิว่าคนรอบตัวเป็นยังไง


    “วันนี้กูไปหาหลานนะหิน”


    “ถ้าบอกไม่มึงก็จะไปแล้วจะถามทำเหี้ยอะไร”


    “ไม่กวนสักครั้งมันจะตายมั้ย”


    “มึงอ่ะตายห่าแน่”


    “กูตลอด กูที่เป็นพี่มึงเนี่ย”


    “เลิกไร้สาระเถอะเว”


    เสียงถกเถียงกันดังขึ้นแล้วก็จางหายลงไปเรื่อยๆ กระทั่งกลับมาเงียบกว่าปกติได้ การได้นั่งดื่มกาแฟใช้เวลากับตัวเองไปเรื่อยจวบจนเป็นที่พอใจก็ถึงเวลากลับ ความจริงแล้วฉันต้องการกลับทีหลังสองคนนั้นต่างหากแล้วก็เป็นแบบนั้นแบบที่เป็นความต้องการของตัวเองใช้เวลาเดินจากร้านกาแฟมายังรถใช้เวลาไม่นานนักก่อนเท้าจะหยุดลง


    มีข้อความหนึ่งโชว์ขึ้นท่ามกลางสายตาของฉัน


    ข้อความจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่สาว


    และก็เป็นข้อความที่ฉันเลือกไม่ตอบและก็ไม่สนใจมัน นิ้วมือเคลื่อนกดสลับแชตไปยังอีกแชตหนึ่งซึ่งถูกใช้งานบ่อยกว่าใครทั้งนั้น

    J CHAT

    LL[ll]: สืบรายละเอียดทุกอย่างของลลิสา ตะวันพิศาล

    LL[ll]: ขอด่วน

    J: รับทราบค่ะ

     

    พึ่งเห็นช่องโหว่ของตัวเองในรอบหลายปีที่ผ่านมาซึ่งมันเป็นความผิดพลาดของตัวเองอย่างไม่ต้องไปโทษใครได้เลย รู้ตัวว่าแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยตัวเองรับรู้หมดทุกอย่างทว่ากับเรื่องหนึ่งซึ่งอยู่ในบทสนทนาของสองคนนั้นทำให้ฉันกังวลว่าอาจมีเรื่องหนึ่งหรือหลายเรื่องที่ยังไม่รู้


    สำหรับลิลลี่ฉันเองรู้ทุกเรื่อง


    ฉันต้องการรู้ทุกเรื่อง


    “ไอ้เหี้ยดีนะที่กุญแจไม่หายไอ้สะ...”


    น้ำเสียงทุ้มที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์จนโสตประสาทของฉันคุ้นเคยแยกเสียงได้ถึงแม้ไม่ได้เจอหรือพูดคุยกันเลย ประโยคนั้นยังเอ่ยพูดไม่จบแบบสมบูรณ์กับต้องมาหยุดลงเมื่อฉันและเขาสบสายตากัน ระยะห่างของพวกเราไม่มากเพียงแค่สามก้าวก็ชิดกันแล้วงั้นแสดงว่ารถคันสีขาวจอดข้างกับรถฉันก็คือรถเขาสินะ 


    โลกกลมหรือเวรกรรมกำลังจะวนเกิดอีกรอบกัน


    อย่างหลังน่าจะใช่กว่า


    “มึงหยุดทำเหี้ยอะ.... ไอ้เหี้ย...”


    ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากคนเรือนผมสีแดงอ่อนเข้ากับนัยน์ตาสีดำขลับคู่นั้น


    กระทั่ง... เขาเดินผ่านฉันไปราวกับไม่มีตัวตนหลงเหลือเพียงแค่กลิ่นน้ำหอมล่องลอยตามลม


    ----------------- 
    ฝากเม้นให้พ่อหินด้วยนะคะ

    **มีตัวอักษรและการเว้นวรรคผิด

        




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×