คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : FAKELOVE :: CHAPTER 1 100% [อัพครบ]
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
CHAPTER 01
“ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ฉันยังยืนยันคำเดิมว่าแกมันไม่เอาไหนจริงๆ เลยฟาง”
“นั่นสิคุณ เห็นพ่อกับแม่แกเป็นอะไรไม่ใช่ธนาคารฝากเลี้ยงลูกแกนะ ยังไงฉันกับพ่อแกก็ไม่รับเลี้ยงแน่ๆ”
“จะเอาไปฝากใครก็ไป”
“…”
สิ้นประโยคเสียงถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าของฉันเกิดขึ้นถึงแม้ว่าตอนนี้จะนั่งเผชิญหน้ากับพ่อและแม่บังเกิดเกล้าของตัวเองก็ตามแต่รู้ไหมฉันกับเลือกทำอาการแบบนี้ต่อหน้าท่านอย่างไม่แคร์ด้วยซ้ำเพราะยังไงมันก็เกินคำนั้นมานานแล้ว เรื่องของเรื่องที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นก็คือฉันจะฝากเตแค่เพียงครึ่งวันของวันเสาร์ที่กำลังจะมาถึงนี้แต่สิ่งที่ได้กลับมาเป็นแค่คำปฏิเสธพร้อมกับประโยคที่แฝงไปด้วยการเหยียบย้ำความรู้สึกเล่น
ไม่เพียงแค่ประโยคที่ออกมาจากปากของพวกทั้งสองนะแต่มันยังมีน้ำเสียงท่าทางและก็สายตาที่ทำให้รู้สึกไม่ดีทุกครั้งซึ่งแน่นอนฉันปกติแล้วเมื่อเจอสายตาพวกนี้คอยเล่นงานแต่คนอื่นถ้าได้มาเห็นไม่มีทางที่พวกเขาจะเข้าใจแน่ๆ ฟันธงได้เลยว่ายังไงสายตาคนนอกที่มองมาแว๊บแรกคนพวกนั้นจะมองตัดสินว่าฉันมันไม่ดี ฉันทำให้พ่อแม่เสียใจ ฉันเป็นตัวการทำให้พ่อแม่เสียหน้าและฉันจึงเป็นลูกชังอย่างเต็มตัว
โอเค...
ฉันยอมรับว่าฉันอาจเป็นแบบนั้นจริงๆ
แค่ฉันมีลูกตอนเรียนจบมัธยมปลายพอดีหลังจากไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ
แค่ฉันดรอปเรียนไปปีหนึ่งเลยเข้าเรียนระดับปริญญาช้า
แค่นี้ฉันเหมือนถูกตีค่าว่าสารเลว
ทั้งๆ ที่มีพ่อของลูก
“มันเป็นอะไรนักตั้งแต่เกิดมีปัญหาจริงๆ บอกผัวแกสิ ฝากไว้กับมัน”
“เขาไม่ว่างค่ะพ่อ เขาก็มีเรียนซ่อมตอนเช้า”
ถ้ามีทางเลือกมากกว่านี้คิดเหรอว่าฉันจะเลือกมาขอในสิ่งที่อาจจะเป็นไปได้
แต่ตอนนี้รู้แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้จริงๆ
“ฉันก็ไม่ว่างมีนัดกับเพื่อนเช่นกัน” ฉันรู้ว่าพ่อเอาอารมณ์มาใช้ในการตัดสินใจตั้งแต่แรกถึงจะว่างเขาก็จะบอกว่าไม่ว่างอยู่ดี จะมีอะไรนักแค่นัดกับเพื่อนไปจิบน้ำชาบ้านกงสีพบปะพูดคุยเรื่องไร้สาระทั่วไปแต่เรื่องหลานในไส้กับไม่สนใจใยดี อ้อ... ลืมไปไม่คิดสนใจด้วยซ้ำไป “แค่นี้จบจะไปฝากใครก็เรื่องของแก”
นี่ไงคำตอบของพ่อฉัน
นี่เป็นคำตอบที่ฉันได้รับมาตลอด
“ไม่ใช่ฉันและพ่อแกแน่นอนเลยฟาง”
พอแม่สำทับคำตอบของพ่ออีกฉันก็ไม่ตื้อและไม่ทักท้วงอะไรอีกแล้ว
“ฟางรู้แล้ว”
“ทำไม่เหมือนพี่สาวแกเลยนะฟางต่างกันราวฟ้ากับเหว แฟเอาแต่เรียนๆ และก็เรียนไปแลกเปลี่ยนพร้อมกันก็ยังไม่มีปัญหาอะไรแถมตอนนี้ยังเลือกเรียนต่อใกล้จบจากนอกได้หน้าถือตาส่วนแกเป็นขี้ปากชาวบ้านเต็มไปหมด ฉันปวดหัวเรื่องของแกมากผ่านไปเกือบจะสามปีก็ยังเป็นขี้ปากให้ชาวบ้านได้ถามอยู่เรื่อย” มันจะเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องอดีตของฉันตั้งแต่สองสามปีก่อนที่แม่เจาะจงหยิบยกขึ้นมาเล่าฉายซ้ำแบบไม่มีวันจบในชีวิตนี้ “ฉันไม่ว่างนะบอกไปแล้วทางสโมสรแม่บ้านเขานัดและพ่วงลูกแกไปด้วยไม่ได้”
หึ... ก็แบบนี้แหละ
“อย่ามาใช้สายตาแบบนี้กับฉัน” พ่อเริ่มอยู่ไม่นิ่งเมื่อเจอสายตาของฉันที่มองไปยังตัวเองความร้อนรนบวกกับการแก้สถานการณ์ผิดของท่านสิ่งที่ฉันได้กลับมากับเป็นความไม่พอใจหงุดหงิดขึ้นมากกว่าเดิม ใบหน้าเข้มขรึมตึงขึ้นอย่างอัตโนมัติแถมใช้สายตาแข็งกร้าวเพิ่มขึ้นเท่าตัว “เหมือนแม่แกว่าจริงๆ รู้งี้มีแค่แฟคนเดียวเป็นลูกน่าจะดีเสียอีก”
เหรอ…
งั้นเหรอ...
“โอเคค่ะ”
ใช่ฉันเลือกยอมเพราะไม่อยากให้มันเป็นเรื่องประสาทแดกในชีวิตเกินไปมากกว่านี้และอีกอย่างพูดไปมันก็เท่านั้นในเมื่อมันอยู่ในจุดเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรอย่างมากวันพรุ่งนี้ฉันก็แค่อยู่กับเตเท่านั้นแหละไม่มีอะไรมากมายไปกว่านี้
“แล้วนี่แกจะไปไหน?”
พอฉันลุกขึ้นหันหลังจะจากไปประโยคของแม่ก็รั้งเอาไว้ให้หยุด
จะให้อยู่ต่อเพื่ออะไรล่ะ
“กลับค่ะ”
“ก่อนกลับบ้านแกไปล้างจานให้ฉันก่อนนะ”
“ไม่ค่ะ วันนี้ฟางมีธุระต่อคงอยู่ทำงานบ้านให้แม่ไม่ได้หรอก” ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยทำนะทุกอย่างในบ้านหลังนี้ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือว่าตอนนี้ฉันทำหมดถ้าได้ย่างก้าวเท้าเข้ามาแต่วันนี้คงไม่ได้ “เมื่อก่อนแม่ก็ทำได้ตอนนี้ผ่านมาไม่กี่ปีนะคะแม่ก็คงทำได้”
“อีฟาง!”
“…”
“ใช่สิตั้งแต่มีบ้านหลังโต มีรถเกือบสิบคันให้เลือกใช้ บ้านมีแม่บ้านมันทำแบบนี้กับคนเป็นแม่สินะ” แม่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาใช้ว่าฉันไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้จนพอแม่อ้าปากพูดฉันก็สามารถเดาออกได้เลยว่าประโยคที่ออกจากปากจะเป็นแบบไหน “ฉันขอแม่บ้านมาช่วยบ้างไม่เคยให้”
“จริงเหรอคะที่ฟางไม่เคยให้ แม่นึกดีๆ สิว่าฟางจ้างมาอยู่กับแม่แล้วกี่คน”
“…”
“แต่ไม่มีใครทนได้เพราะแม่กดขี่เขาเกินคนไงคะถึงจะมากี่คนทำแบบนี้คำว่าทนคงใช้ไม่ได้”
มันคือความจริงทั้งนั้นแหละที่คนอย่างฉันเอ่ยออกจากปากไปต่อหน้าพ่อกับแม่ซึ่งมันดูปกติสุดทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่เลยพวกท่านทั้งสองโกรธฉันเข้าเส้นที่ได้กล่าวว่าแบบนี้ออกมาทั้งที่มันเป็นความจริงทุกอย่างแต่คงแทบน้อยครั้งในการหลุดพูดออกจากปากของฉันยกเว้นวันนี้
ไม่ได้โกรธที่ท่านไม่รับฝากเตแต่มันคือสิ่งที่ต้องทำให้ท่านทั้งสองรับรู้เอาไว้บ้างไม่อย่างงั้นมันต้องเป็นไปอีกเรื่อยๆ ไม่หยุดยั้งอีกเหตุผลหนึ่งมันละเอียดอ่อนจนแทบทำการอธิบายไม่ถูกด้วยซ้ำ จากที่ฉันรับรู้เรื่องแม่บ้านมาเข้าหูนี่ไม่ใช่เพราะเห็นกับตานะแต่เพราะได้ยินจากคนอื่นเล่าสืบกันมาทั้งนั้น
ขนาดฉันได้ยินยังรู้สึกว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่
แล้วคนที่ไม่รู้จักได้ยินมันจะเป็นยังไง
ถ้าไม่ตีสีใส่ไข่เพิ่มกันสนุกปาก
โลกของการนินทาไม่มีที่สิ้นสุดหรอกไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็ช่างต่อหน้าไม่กล้าลับหลังอย่าถามหาเลยเละทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเครือญาติ เพื่อนฝูงหรือแม้แต่คนในครอบครัวก็ใช่ว่าจะไม่มี เรื่องนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอหลายเหตุและผลความเกลียดชังมักอยู่ในความจริงและก็การนินทา
“ใครมันบอกแกยัยฟาง”
“ไม่มีใครบอกค่ะแค่รับรู้แล้วเห็นจริงมากกว่า”
“ฉันไม่เชื่อ”
แม่ยิ่งทำหน้าเข้มขึ้นหลายเท่าเมื่อได้ยินคำตอบของฉันที่กลายเป็นว่าทำให้ไม่เชื่อเข้าไปกันใหญ่ ความเชื่อของแม่เมื่อมองคนอื่นหรือว่าเมื่อเจอกับความรู้ทันแปลกที่แม่ท่านจะเกลียดไปโดยปริยาย การปิดกั้นทางคำตอบเกิดขึ้นในทันทีโดยที่ไม่สามารถรับอะไรได้อีก
ไม้อ่อนดัดง่ายไม้แก่ดัดยาก
ประโยคนี้ใช้กับแม่และก็พ่อได้เลย
“ฟางโตแล้วนะแม่รู้ทุกอย่างนั่นแหละอีกอย่างที่ฟางส่งมาก็เป็นแม่บ้านเขาเป็นเด็กที่บ้านฟางมีเหรอเกิดอะไรขึ้นจะไม่รู้” เด็กไม่ได้ฟ้องแต่เลือกปิดบังให้เหตุผลอื่นว่าจะลาออกทั้งที่มาทำงานบ้านแม่ได้ไม่กี่วันแบบนี้มันน่าสงสัยแค่เค้นหรือหลอกถามนิดหน่อยไม่นานทุกอย่างก็รับรู้ได้หมด “ทุกครั้งเลือกไม่สนเพราะคิดว่าเป็นเหตุผลอื่นก็ได้แต่ไม่ใช่เลยหลายคนที่ออกล้วนมีเหตุแบบเดียวกัน”
“หึพวกมันก็ว่าไปเรื่อย ทำงานไม่ดีมาโทษคนจ้างหน้าไม่อาย”
“ฟางกลับก่อนนะคะ”
“นี่คิดว่าปีกกล้าขาแข็งออกไปอยู่กับผัวแล้วคิดจะลืมพวกฉันงั้นเหรอ แกนี่มันเหลือเกินจริงๆ”
เป็นพ่อที่พูดออกมาย้ำเพื่อทำให้ฉันยินยอมทำสิ่งที่พวกท่านต้องการเมื่อก่อนอาจได้แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ฉันควรรู้ว่าตัวเองควรพอมานานแล้วอย่าไปตามใจมากเกินกว่าเหตุด้วยซ้ำ
“ฟางไม่เคยคิด ฟางไม่มีความคิดแบบนั้น”
“แกเถียงฉันทุกคำแบบนี้มันหมายความว่าไม่เคยเหรอ”
“…”
“แกปฏิเสธทั้งที่ทำแบบนี้ต้องการอะไร”
“…”
“แกอิจฉาพี่สาว แกอยากได้รับความสนใจแบบนี้ฉันว่ามันเป็นเด็กมีปัญหาแล้วยัยฟาง”
“…”
ฉันไม่เคยอิจฉา
ฉันไม่เคยอยากเอาชนะพี่แฟ
และฉันก็ไม่ได้เป็นเด็กมีปัญหาเรื่องแบบนี้
“ทำไมไม่เถียงพ่อแกล่ะ”
แม่ลุกขึ้นมาใกล้ฉันมากก่อนใช้มือออกแรงผลักลงบนศีรษะของฉันอย่างแรงจนเมื่อแรงผลักเกิดขึ้นมีเหรอที่ร่างกายฉันเมื่ออยู่นิ่งเฉยมันจะไม่เสียหลักก้าวเท้าถอยไปทางด้านหลังตามแรงผลักที่มีตามมาติดๆ กันอย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด
“…”
“แกมันจะเถียงอะไรในเมื่อเป็นแบบนั้น”
“…” แม่ผลักอีกซ้ำๆ
“เป็นความอับอายของฉัน!”
“…” ได้ยินแล้ว
“เป็นก้อนเนื้อที่ถ้าฉันรู้ว่าเกิดมาแล้วทำให้ชีวิตพังฉันจะเลือกฆ่าให้ตาย”
“…” แต่ก้อนเนื้อก้อนนี้ก็มีหัวใจไม่ใช่ตายด้านเรื่องความเสียใจ
“ได้ยินมั้ยอีฟาง ฉันทำแกตายแน่ๆ แค่นี้ก็อยากบีบคอแกจะตายห่าอยู่แล้ว”
“…” ได้ยินจนไม่อยากจะได้ยิน
“ยิ่งเห็นหน้าลูกแกก็ยิ่งอยากฆ่า”
ปึก... เส้นความอดทนขาดสะบั้นลงเป็นที่เรียบร้อยเมื่อประโยคที่ออกมาจากแม่คือการคิดฆ่าลูกฉันแค่นี้มือของตัวเองมันก็ต้านทานสะบัดมือของแม่ออกไปด้วยความแรงไม่มากนักทว่าเสียงมือฉันกระทบกับมือแม่มันดังกว่าปกติ ความเงียบเป็นชนวนชั้นดีให้สายตาของพ่อที่นั่งไม่ไกลตึงขึ้น
“แกทำร้ายแม่แกทำไมอีฟาง!”
“…” พ่อสติแตกลงในทันทีพร้อมกับวาจาแข็งกร้าวสาดพ่นเข้ามาใส่อีกทั้งยังลุกขึ้นคว้าไม้กวาดใกล้ตัวขึ้นมาติดมือก่อนเดินมุ่งหน้ามาเพื่อกะฟาดฉันแน่ๆ “ฟางไม่ได้ทำร้ายแต่ฟากก็เจ็บเป็นเหมือนกัน”
“แกเป็นลูกบังอาจมาทำกับแม่แบบนี้เหรอ ฉันสอนแกแบบนี้เหรออีกฟาง”
ไม่มีใครสอน
ไม้กวาดถูกยกสูงเตรียมฟาดลงมากระทบเนื้อของฉันทว่าชั่วพริบตาที่ยังมีความรวดเร็วของอะไรบางอย่างเข้ามากันเอาไว้อย่างทันการแถมเสียงด้ามไม้กวาดกระทับกับมันดังปึก
“ทานโทษครับพ่อตาพ่อดีลูกเขยคนนี้อยากถามว่าอย่างไหนจะเจ็บกว่ากันถ้าโดนฟาดระหว่างด้ามไม้กวาดกับ...ไม้เบสบอลในมือผม”
ประโยคคำพูดกวนส้นตีน
น้ำเสียงไม่เชิงไม่เคารพแต่ไม่ใช่ยอม
กิริยาท่าทางที่เลือกใช้แสดงออกมานั้นสมเป็นเขาดี
แค่นี้ก็คาดเดาไม่ผิดว่าผู้มาใหม่ที่เข้ามาร่วมอีกคนเป็นใครอีกทั้งพ่อแม่ทั้งสองไม่สะทกสะท้านกับการมาเท่าไหร่นักแค่นี้ก็ทำให้รู้โดยอัตโนมัติไปโดยปริยายว่าเขาคือพ่อของลูกฉันเอง เรื่องราวความซับซ้อนของครอบครัวฉันมันมีอีกเยอะแยะทั้งที่สามารถรับรู้ได้และที่ไม่สามารถรับรู้ได้
‘ความลับ’ มันมีอยู่ทุกที่แหละ
และถ้าจะไขความลับได้ก็ต้องรอเมื่อ ‘ถึงเวลา’ หรือไม่มันก็จะยังคงที่เป็นความลับไปตลอดกาล
“…”
พ่อเลือกที่จะไม่โต้ตอบและก็ปล่อยด้ามไม้กวาดในมือลงกระทบพื้นไปแต่รู้ไหมว่าสายตาแข็งกร้าวไม่ยอมคนมันยังคงอยู่ไม่จางหายไปประจวบกับไม้เบสบอกของอีกฝ่ายที่อยู่เคียงข้างฉันมันก็ถูกเก็บลงไปอย่างรวดเร็ว เขารอเวลาพ่อยอมแล้วถึงจะยอมลงเช่นเดียวกัน
วิถีชีวิต การใช้ชีวิต การกระทำหรือว่าการตอบโต้ผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนคนอื่นๆ หรอกตั้งแต่รู่จักกันมาคำว่าเสือ Playboy Badboy ฉลาดเป็นกรดคำพวกนี้ทำให้ฉันได้ยินทุกครั้งไม่ว่าจะหลังคบหรือว่าก่อนคบกัน
เขาไม่เหมือนคนอื่น
เขาไม่พูดมากให้เรื่องวุ่นวาย
และเขาก็ซัดอย่างเดียวเมื่อฉันโดยกระทำ
อย่างเช่นในครั้งนี้ก็ตามแค่นัยน์ตาคมสีดำเข้มดุตวัดเข้ามาไล่ดูตามร่างกายของฉันด้วยความละเอียดแต่ว่าแฝงความรวดเร็วก่อนละทิ้งไปมองคนที่มีศักดิ์เป็นพ่อตาตัวเอง
“ตี... ตีได้ไม่ว่าแต่ถามเหตุผลหน่อย ครั้งนี้ตีฟางทำไมครับ”
“รีบเอาอีฟางออกไป”
“ผมยังไม่ได้คำตอบจากพ่อตาเลยแม่ยายคิดว่าผมจะไปเหรอ”
“แกนี่มันขี้หาเรื่องจริงๆ” แม่ตำหนิขึ้นโดยใช้สายตาดุสื่อมองมาทางฉันว่าให้รีบพาเขาออกไปจากบ้านแต่มีเหรอฉันจะทำได้ถ้าอีกฝ่ายยังคงปักหลักยืนนิ่งแสวงหาคำตอบแบบนี้ “อีฟางเอาผัวแกออกไป”
“ผมพูดกับพ่อตาอยากได้ยินแค่พ่อตาไม่ใช่แม่ยายนะ”
“ไอ้...”
“จะตอบได้หรือยังครับพ่อตา”
“กูตีมันเพราะมันทำร้ายแม่ตัวเองไง พ่อตีลูกแค่นี้ไม่ได้เหรอ”
“แล้วที่คนเป็นแม่เข้ามาผลักหัวลูกซ้ำๆ แค่ลูกมีธุระไปทำต่อไม่ล้างจานให้แบบนี้เรียกว่าอะไรครับหรือแค่เรียกว่าแม่แค่สั่งสอน”
พอพ่อท่านได้ยินแบบนี้สิ่งที่ทำได้ในเวลาต่อมาคือยกนิ้วขึ้นชี้ไปทางประตูบ้านในทันทีไม่รีรออะไรทั้งนั้นสมที่จะเป็นพ่อดีเมื่อถกเถียงอะไรไม่ได้ก็ทำแค่ไล่ออกจากบ้าน
“ออกไปจากบ้านกูซะ!”
“หึ...” เขาก็เลยทำได้โดยการส่งเสียงแค่นี้โดยที่ไม่ได้อะไรกับพ่อต่อมีแต่ใช้ไม้เบสบอลดันร่างกายของฉันให้ไปทางประตูเราทั้งสองคนมาหยุดที่หน้าบ้าน “เป็นอะไรเกิดความดีเข้าสิงไม่โต้ตอบอย่างงั้นเหรอ”
เขามองฉันและทิ้งลมหายใจยาวจากนั้นก็เบือนใบหน้าไปทางอื่นเพื่อสะกอดกั้นอารมณ์หนึ่งเอาไว้แทนเพราะความหัวเสียแต่ไม่ได้ทำอะไรนักทำให้เขาเป็นแบบนี้ ฉันในตอนนี้ทำได้แค่จ้องมองเขาในชุดนักศึกษานิ่งๆ ไม่ได้พูดหรือว่าทำอะไรให้อีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำไป
“…”
“มาทำอะไรที่นี่อีกฟาง”
ที่นี่คือสิ่งที่เขาไม่อยากให้ฉันมา
ที่นี่คือสิ่งที่เขาเอ่ยห้ามทุกครั้งด้วยแหละ
และที่นี่ถ้าจะมาก็ต้องให้มีเขาตามมาด้วยมันถึงโอเค
ไม่ใช่ว่าฉันไม่ฟังเขานะแต่วันนี้ฉันเลือกที่จะเข้ามาคนเดียวเพราะอีกฝ่ายเรียนเช้าต่างหากจึงไม่อยากรบกวนอีกอย่างถ้ามาหาพ่อกับแม่ตอนบ่ายรับรองไม่เจอหรอก
“ขอฝากเต”
“ฝากเต?”
“อืม”
“รู้ทั้งรู้ว่ามันจะเป็นยังไงแล้วยังจะมาอีก อย่าฝืนไม่ใช่ก็ไม่ต้องทำเคยบอกเอาไว้ไม่ใช่หรือไง”
“แล้วจะให้ทำยังไงพรุ่งนี้ฟางมีเรียนซ่อมคาบที่หยุดไม่ว่างส่วนพี่ก็มีเรียนนิปล่อยลูกไว้คนเดียวเหรอ” เห้ยนี่มันเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้วนะแต่คงต้องเปลี่ยนแผน “จะเอาแบบไหนคิดบ้างเลย”
“…” เพราะเขาเงียบก็เป็นฉันเองที่เอ่ยปากอีกครั้งหนึ่ง
“ฟางเมื่อยจะขึ้นไปนั่งบนรถ”
แค่นี้เขาก็ปลดล็อคให้พร้อมกับเดินมาเปิดประตูรถให้เสร็จสรรพพอขึ้นรถมาได้อีกฝ่ายก็เช่นกันคนอย่างเขาไม่ยืนอยู่นอกรถประทะอากาศร้อนให้อารมณ์เสียหงุดหงิดหรอก ฉันรีบปลดรองเท้าส้นสูงของตัวเองไว้มุมหนึ่งของรถแล้วเลือกสวมรองเท้าแตะที่มีการเตรียมเอาไว้ให้แทนเป็นแบบนี้เสมอซึ่งมันติดเป็นนิสัยไปแล้วแหละทั้งๆ ที่รถคนนี้ไม่ใช่ของตัวเองนะ ฉันไม่ได้เอารถมาเพราะมีเรียนตอนเช้าแค่สองชั่วโมงจึงรีบมาบ้านพ่อแม่เลยโดยใช้บริการวินมอเตอร์โซค์แทน
“คาดเข็มเข็ดด้วย”
“เป็นไงคิดออกมั้ย” ฉันทำตามที่เขาบอกจากนั้นก็ส่งเป็นประโยคคำถามไปด้วยยังไงตอนนี้สองหัวก็ยังดีกว่าหัวเดียวแล้วกันอย่างน้อยๆ ปัญหาใหญ่เราสองคนก็ผ่านกันมาได้นี่มันเล็กเกินกว่าจะทำอะไรพวกเราได้แน่
“พอเดี๋ยวพี่ดูลูกเอง”
“แน่ใจนะ” ฉันย้ำ
“ทำไมกัน”
“เหอะไม่น่าถาม”
“ถ้าคิดว่าพี่จะไปหาเด็กโปรดเลิกมโนลงซะฟางตอนนี้ไม่มีหรอก”
ประโยคแก้ตัวที่อีกฝ่ายเอามาใช้ทุกครั้งจนฉันจำขึ้นใจในตอนนี้มันถึงขึ้นพื้นฐานเลยแหละ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะสับรางเก่งแค่ไหนหรือว่าจะไปอยู่กับอีหนูน้อยคนไหนฉันไม่สนใจทั้งนั้นตราบใดที่เขายังคุมอยู่
“ก็เอาให้อยู่แล้วกัน อย่าให้วุ่นวาย”
“เธอกำลังหาเรื่องนะ”
“โปรดทำความเข้าใจใหม่นะพี่มันไม่ใช่หาเรื่องแค่เตือนมากกว่า จะมีเยอะก็คุมให้อยู่ซะ”
“เธอกำลังหึงงั้นเหรอ?”
“…” ไม่มีคำตอบมีแต่การถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเป็นที่สุดให้กับคำถามนี้เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเลือกถามแต่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้เยอะจนนับและจดจำไม่ไหวก็ว่าได้ "อันนี้ก็อย่าหลงตัวเองให้มาก"
“มั่นหน้าถามเลยนะ”
“มั่นหน้าให้มันลดลงหน่อยเถอะ” อีกฝ่ายยิ้มพร้อมกับเร่งความเร็วเพื่อให้ทันไฟแดงตรงหน้าและมันก็ฉิวเฉียดผ่านมาได้อย่างไร้กังวลใดๆ ทว่าสิ่งที่นำความกังวลเข้ามาอีกครั้งคงเป็นทางที่แสนคุ้นแต่เป็นทางที่ฉันไม่อยากเข้ามาเท่าไหร่นัก “ทำไมถึงมาทางนี้นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านเรานะ”
“กลับวัง”
“วังอย่างงั้นเหรอ ทำไมมีอะไรพี่”
ใช่เขาเป็นเจ้า
และเขาก็ฐานะใหญ่ด้วย
“...”
“หรือว่ามีเรื่องอีก คราวนี้จะให้ฟางพูดกับหม่อมแม่พี่ว่าอะไรอีก”
“พี่ไม่ได้มี” เขาปฏิเสธนัยน์ตาใสสื่อคู่นั้นทำให้ฉันระแวงขึ้นมาและไม่เชื่อง่ายๆ “จริงๆ แม่แค่อยากทานข้าวด้วย”
“จริงเหรอ”
“มั้ง”
“แบบนี้เรียกว่ามีเรื่องแล้วแหละ” ‘มั้ง’ เป็นคำที่ออกมาจากปากเขาแล้วบอกไว้เลยว่าไม่น่าเชื่อถือสักนิดเดียว มั้งที่มีเรื่อง มั้งที่ไม่ใช่และก็มั้งที่ไว้ใจไม่ได้อย่าหลงเชื่อเด็ดขาด “บอกมาเลยจะได้เตรียมตัวถูก”
“ไอ้ตุลย์มันกลับมาแล้วนะฟาง”
--------------------------------------------------------------------
ฝากเรื่องเฮียต้าด้วยนะคะ
**มีการเว้นวรรคและตัวอักษรผิด
ความคิดเห็น