คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ...ผู้จุดชนวน...
เพี้ยะ!!!!!!!
หญิงสาวผมดำยาวสลวยหน้าหันไปตามแรงมือของคนตบ แก้มขาวนวลเป็นรอยแดงทันที เจนิสาเห็นดังนั้นก็เดินตรงไปยังเพื่อนสาวทันที
“เธอทำอะไรน่ะลิซ่า” เจนิสาพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
“เธอก็ถามแม่นั่นเอาซิ เป็นแค่คนใช้ทำตัวเสมอเจ้านาย” เสียงเยาะหยันจากหญิงสาวผมทองพูดขึ้น
“แต่ถึงยังไงก็ไม่น่าทำรุนแรงกับ...” เสียงที่ต้องการเรียกชื่อของเพื่อนสาวหายไปในลำคอ ก่อนที่จะรีบเปลี่ยนสรรพนามใหม่ทันที “ไม่น่าทำรุนแรงแบบนี้”
“เหอะ!!!!”
“ไม่เป็นไรหรอกคะ ดิฉันไม่เป็นไร” รรินทร์พูดออกมาอย่างเก็บความในใจที่ตอนนี้เธอรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำอีกหญิงสาวผมทองเป็นอย่างมาก
“ทำมาเป็นสำออย อยากจะเรียกร้องความสนใจความน่าสงสาร เธอก็น่าจะฉลาดหน่อยนะเจน น่าจะรู้ว่ายัยคนใช้คนนี้มันมารยามากแค่ไหน?” ลิซ่าพูดขึ้น
“เธอไม่มีสิทธิ์มาพูดจาแบบนี้นะ ถึงว่าแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นเพียงคนใช้แต่เขาก็เป็นคนเหมือนกัน” เจนิสาพูดอย่างดุเดือด
“ดูเธอจะเข้าข้างแม่ผู้หญิงคนนี้จังเลยนะเจน”
เจนิสาหันหน้าหนีไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนที่จะถามอย่างเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนสาวว่า
“เป็นอะไรหรือเปล่า? เข้าบ้านไปทายาเถอะ” หญิงสาวจูงมือเพื่อนเดินเข้าบ้านทันที
ชายหนุ่มที่อยู่ในเหตุการณ์มองสองสาวเดินเข้าบ้านไปอย่างเงียบ ลิซ่าได้ทีรีบเดินตรงเข้าไปหาชายหนุ่มพร้อมกับสาธยายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ว่า
“บีบี้คะ คนใช้ของคุณคนนี้คุณน่าจะไล่ออกจริงๆนะคะ ลิซ่าแค่เข้าไปทำความรู้จักไปทักทายด้วยก็มาว่าลิซ่าว่าชอบจับผู้ชาย คอยวิ่งตามผู้ชาย คิดดูซิคะ จะไม่ให้ลิซ่าโมโหได้ยังไง ลิซ่าก็เลย...” หญิงสาวส่งสายตาอ้อนชายหนุ่มที่ยังคงทำสีหน้าเรียบเฉย
“คุณทำถูกแล้วล่ะ” ชายหนุ่มตานิลพูดอย่างเรียบๆ พร้อมกับเดินเข้าบ้านไป โดยทิ้งให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงนั้นยิ้มออกมาอย่างสะใจ
เจนิสาค่อยๆทายาลงบนใบหน้าหญิงสาวที่โดนตบหน้าเมื่อครู่อย่างเบามือ รรินทร์รู้สึกถึงความบวมตรงแก้ข้างซ้ายอย่างดี ชายหนุ่มที่เดินเข้ามามองการกระทำของเจนิสาอย่างไม่พอใจก่อนที่จะพูดว่า
“ไปทายาทำไมเจน? ผู้หญิงคนนี้สมควรโดนแล้ว”
ทั้งสองสาวต่างมองหน้าคนพูดอย่างตกใจ แต่คนที่ดูจะไม่พอใจที่สุดก็คือคนที่ถูกตบนั่นแหละ
“สมควรโดน? ทำไมคะพี่ณุ” เจนิสาถามอย่างสงสัย
“เธอไม่จำเป็นต้องรู้ ไปกันได้แล้วล่ะ เดี๋ยวพี่จะไปส่งลิซ่าในตัวเมืองด้วย จะได้ไม่ต้องแวะมารับเธอที่นี่” ชายหนุ่มพูดจบก็เดินออกจากบ้านตรงไปยังรถทันที หญิงสาวผมทองที่เดินตามหลังชายหนุ่มดูจะมีความสุขมากที่สุด และคงเป็นใครไปไม่ได้ที่จะปากไวเท่าความคิดโพล่งถามออกไปว่า
“เธอไปพูดอะไรให้พี่ณุฟังอีกล่ะ? เขาถึงโกรธอย่างนี้”
หญิงสาวผมทองยักไหล่ก่อนที่จะตอบแบบกวนๆว่า
“ไม่รู้ซิ ถ้าอยากรู้ก็คงต้องถามพี่ของเธอเอาเองแล้วล่ะ” พูดจบก็เดินออกไปทันทีเช่นกัน เจนิสาดูจะหัวเสียมากที่สุด
“ทายานี้บ่อยๆนะรรินทร์ แล้วว่างๆฉันจะมาหา” เจนิสาหันกลับมาพูดกับเพื่อนสาวก่อนที่จะกอดลาแล้วลุกเดินจากไป
ค่ำคืนนั้นรรินทร์นึกถึงบ้านอยากจะกลับไปเสียแต่ตอนนั้น ตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่แม้ว่าเธอจะไม่ได้ติดต่อกลับไปที่บ้าน แต่เธอก็รู้ว่าที่บ้านทุกคนคงจะเป็นห่วงเธอไม่น้อย น้ำตาที่พยายามเก็บไว้เพราะคิดถึงบ้านก็ไหลออกมา เสียงเปิดประตูหน้าบ้านทำให้หญิงสาวรีบเช็ดน้ำตาแล้วค่อยๆเดินไปสำรวจที่กลอนประตูว่าปิดอย่างมิดชิดแล้วค่อยพาตัวเองลงมานอนที่เตียงอันหนานุ่มนั้น เสียงบิดลูกบิดไปมาทำให้หญิงสาวรู้ว่าบุคคลภายนอกต้องการที่จะเข้ามายังภายใน แต่ไม่นานเสียงนั้นก็เงียบหายไปทำให้รรินทร์ถอนใจออกมาอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับชายหน้ายักษ์คนนั้น เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืนก็ทำให้ใบหน้าของเธอแดงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจแต่มันก็เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยได้รับรู้มาก่อน เธอเคยแต่ได้ยินเพื่อนสมัยที่เรียนอยู่เมืองนอกพูดกันมาบ้างแต่ประสบการณ์จริง เธอยังไม่เคยได้เรียนรู้มาก่อนเพราะแม่ของเธอสอนไว้เสมอให้รู้จักรักนวลสงวนตัว แต่สุภาษิตนี้คงจะใช้ไม่ได้กับพี่สาวของเธอ เมื่อรรินทร์นึกถึงพี่สาวฝาแฝดของเธอก็ทำให้เธอรู้สึกสะท้อนใจไม่ได้ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่สาวของเธอจะเป็นสาเหตุให้พี่นันท์ต้องเป็นเจ้าชายนิทรา ความคิดต่างๆประดังเข้ามาก่อนที่จะเข้าสู่นิทรา
เสียงคนบีบแตรหน้าบ้านทำให้รรินทรที่กำลังแปรงผมอยู่นั้นเดินลงมาเปิดประตูให้กับผู้ที่มาเยือน ชายหนุ่มหน้าตาสะอาดคนหนึ่งยืนรออยู่ที่หน้าประตูอยู่ก่อนแล้วส่งยิ้มมาให้หญิงสาวที่เป็นผู้เปิดประตูให้
“สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนกับเจ้าณุ ไม่ทราบว่ามันอยู่หรือเปล่า?” ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยถามอย่างสุภาพ
รรินทร์เชื้อเชิญชายหนุ่มเข้าไปนั่งด้านในก่อนเพราะเห็นว่าชายคนนี้เป็นเพื่อนของเจ้าของบ้านไม้หลังงาม พร้อมกับพูดว่า
“ไม่อยู่ค่ะ ออกไปข้างนอก คิดว่าเย็นๆคงจะกลับ”
ชายหนุ่มพาตัวเองนั่งลงตรงโซฟารับแขกกลางบ้านก่อนที่จะเอ่ยขึ้นว่า
“งั้นไม่เป็นไรครับ ถ้าผมจะรอจนถึงเย็นคงไม่เป็นไรนะ” คำพูดเป็นกันเองของชายหนุ่มหน้าตาสะอาดคนนี้ทำให้รรินทร์รู้สึกเป็นกันเองมากขึ้น
“ได้ค่ะ ไม่เป็นไรอยู่แล้ว ว่าแต่จะรับน้ำอะไรดีคะ?”
“ขอกาแฟใส่น้ำตาลก้อนเดียวนะครับ” ชายหนุ่มคนนั้นพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม พร้อมกับพินิจดูหญิงสาวที่แต่งตัวคล้ายคนใช้นั้นอย่างวิเคราะห์ ดูจากผิวพรรณแล้วไม่น่าที่จะใช่คนใช้หรืออาจจะเป็นแฟนของเจ้าณุมัน ไวไฟจริงๆเพื่อนคนนี้...
รรินทร์เดินเข้าไปในครัวเพื่อชงกาแฟให้กับผู้มาเยี่ยมเยียนหน้าตาสะอาดคนนั้นก่อนที่จะเดินนำกาแฟถ้วยนั้นมาวางไว้บนโต๊ะเพื่อให้ชายหนุ่ม
“ผมชื่ออดิศวรเป็นหมออยู่ในตัวเมืองครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวเองอย่างสุภาพ
“ฉันชื่อ...” รรินทร์อ่ำอึ้งสักพักก่อนที่จะนึกถึงสถานะตัวเองได้ว่าตอนนี้ตนเป็นใครแล้วตอบไปว่า “รดาค่ะ ฉันชื่อรดา”
“คุณรดามาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือครับ?” ชายหนุ่มชวนคุยไปเรื่อยๆอย่างคนอัธยาศัยดี
“ก็ซักพักแล้วค่ะ คุณบูรพาให้ฉันมาอยู่ที่นี่เพื่อเป็นคนดูแลบ้านนี้”
“คนดูแลบ้าน? เอ๊ะ! ผมนึกว่าคุณเป็น...” คำตอบที่ได้จากหญิงสาวหน้าสวยคนนี้ทำให้ชายหนุ่มนึกแปลกใจไม่น้อย เพราะไม่เห็นว่าเจ้าณุจะชอบให้ผู้หญิงคนไหนมายุ่งวุ่นวายกับบ้านหลังนี้มากนัก
คำพูดของชายหนุ่มทำให้รรินทร์อดที่จะถามออกไปไม่ได้
“เป็นอะไรคะ?”
อดิศวรยิ้มออกมาแล้วจึงตอบว่า
“ก็นึกว่าเป็นแฟนเจ้าณุมันน่ะซิครับ” คำตอบของชายหนุ่มทำให้เธอออกจะชักสีหน้าไม่ได้ และนั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างสงสัยกับสีหน้าของหญิงสาวเบื้องหน้า
“ทำไมหรือครับ?”
“ขืนคุณไปพูดแบบนั้นกับคุณบูรพาเข้าล่ะก็เขาคงจะโกรธฉันจนอยากจะฆ่าแน่ๆ”
เมื่อหญิงสาวพูดจบเรียกเสียงหัวเราะเบาๆให้กับผู้ฟังได้ทันที ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเพื่อนของเขานิสัยเป็นยังไง????? ก่อนที่จะพูดสมทบขึ้นว่า
“ครับผมเข้าใจ มันเป็นผู้ชายที่ไม่ชอบมีผู้หญิงคนไหนมาผูกมัดน่ะครับ”
ช่วงเวลาตั้งแต่เช้าถึงเย็นทั้งสองหนุ่มสาวคุยกันอย่างถูกคอ ยิ่งรรินทร์ได้พูดคุยกับชายหนุ่มเพื่อนของบูรพามากเท่าใดก็ยิ่งจะเปรียบเทียบกับชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของบ้านไม้ไม่ได้ เพราะไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่น่ารักคนนี้จะเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่เรียนอยู่อังกฤษกับผู้ชายหน้ายักษ์คนนั้น
บูรพากลับมาถึงบ้านไม้เกือบหกโมงเย็น รถจี๊ปคันเล็กที่จอดอยู่ที่หน้าบ้านทำให้เขารู้ทันทีว่าใครที่เป็นเจ้าของของมัน เมื่อชายหนุ่มเดินเข้าไปในบ้านก็ได้ยินเสียงหัวเราะเฮฮาที่ดังมาจากทางหลังบ้านทำให้ชายหนุ่มอดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่าแม่สาวคนที่เขาใช้ให้ดูแลบ้านนี้หัวเราะร่วนอยู่กับเพื่อนชายของเขาเรื่องอะไร สองเท้าก้าวเร็วเท่าความคิด ภาพที่เห็นชายหนุ่มหญิงสาวนั่งห้อยขาอย่างสบายใจพร้อมกับเสียงสรวลเสเฮฮาทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำให้เขาถึงไม่พอใจ หรือเพราะตั้งแต่คืนนั้นที่เขารับรู้ว่าเธอยังไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อนยิ่งทำให้เขารู้สึกหวงแหนร่างกายที่อวบอิ่มนั้น เขารีบสลัดความคิดนั้นออกทันทีก่อนที่จะก้าวตรงไปยังสะพานไม้ยังด้านหลังของชายหญิงที่ยังไม่รู้ถึงการมาของผู้มาใหม่
“แล้วคุณทำยังไงต่อคะ?” เสียงใสๆจากปากบางอิ่มถามขึ้นเปื้อนรอยยิ้ม
“ผมก็...” ยังไม่ทันที่ผู้ถูกถามจะตอบเสียงขัดของใครบางคนก็ดังขึ้น
“มานานแล้วหรอเจ้าหมอ?”
ทั้งสองที่นั่งห้อยขาอยู่กลางสะพานไม้นั้นหันมามองทางต้นเสียงนั้น
“อ้าว! กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เจ้าหมอถามกลับอย่างแปลกใจ รรินทร์ลุกขึ้นทันทีก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไปอย่างเงียบๆ รอยยิ้มที่สดใสเมื่อครู่หายไปจากใบหน้างามทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มตานิล
“เมื่อกี้” แม้ปากจะตอบแต่สายตาก็ยังคงมองตามหญิงสาวร่างบางที่เดินลับหายเข้าบ้านไป อากัปกิริยาของเพื่อนหนุ่มที่มองหญิงสาวนามว่ารรินทร์ไม่วางตานั้นทำให้คนมีอาชีพเป็นหมอมองอย่างสงสัยและถามขึ้นว่า
“เฮ้ย! เป็นอะไรวะ? มองไม่วางตาเชียว”
เหมือนชายหนุ่มจะรู้สึกตัว รีบหันหลับมามองคู่สนทนาทันทีและปรับสีหน้าให้เป็นปกติพร้อมกับปฏิเสธว่า
“เปล่า ว่าแต่แกมานานแล้วหรอ?”
“นานแล้ว มาอยู่ที่นี่ตั้งนานทำไมไม่บอกกันบ้างวะ ฮะ!” เสียงคาดโทษจากเพื่อนหนุ่มทำให้บูรพายิ้มออกมา
“แล้วนี่รู้ได้ไงล่ะว่าฉันมา”
“เจ้าสัวตะวันบอกมา เมื่อวันก่อนไปตรวจท้องให้กับสะใภ้ของท่านมา ท่านเลยเล่าให้ฟัง”
“เย็นนี้กินข้าวด้วยกันซิ ไหนๆก็มาแล้ว ถือว่าเลี้ยงซักมื้อแล้วกัน” พูดจบก็ตบบ่าเพื่อนหนุ่มแล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปยังตัวบ้าน
อาหารเย็นที่วันนี้รรินทร์ได้รับคำสั่งขากเจ้าของบ้านไม้ที่เธออาศัยอยู่หลายอาทิตย์ว่าเพื่อนของเขาจะทานอาหารเย็นด้วยถูกตั้งไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย พร้อมกับน้ำองุ่นที่เธอเพิ่งคั้นสดๆวางอยู่คู่กัน สองหนุ่มยังคงทานอาหารโดยคุยกันเรื่องสัพเพเหระจนเมื่ออาหารทั้งคาวและหวานหมดลงหมอหนุ่มก็ขอลากลับบ้านโดยมีบูรพาเดินมาส่ง
“เฮ้ย! คนดูแลบ้านนายสวยดีนะ” อดิศวรเอ่ยขึ้นพลางก้าวขึ้นรถจี๊ปคันใหญ่ที่ยังคงจอดไว้อยู่หน้าบ้าน
“แล้วไง?” เสียงเรื่อยๆของเพื่อนทำให้ชายหนุ่มนึกหมั่นไส้
“ก็ไม่แล้วไง ดูจากผิวพรรณไม่น่าที่จะมาเป็นเพียงคนดูแลบ้านนายนะ แต่ก็เอาเถอะ ว่าแต่ว่า นายกับคุณเธอ...” เสียงลากยาวของหมอทำให้เพื่อนหมอมองอย่างสงสัย และเมื่อเห็นแววตาของคนที่พูดก็รีบขึ้นว่า
“เปล๊า...ฉันกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีอะไรอย่างที่นายคิดหรอก ไม่มีวัน”
“งั้นหรอกหรอ? งั้นถ้าฉัน...จะขอจีบเธอล่ะ นายจะว่ายังไง?” เหมือนสายฟ้าผ่าลงมากลางวง ชายหนุ่มตานิลมองเพื่อนหนุ่มอย่างไม่พอใจทันที ก่อนที่จะรีบปรับสีหน้าเพราะกลัวว่าเพื่อนจะผิดสังเกตพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยากจะควบคุมว่า
“แล้วแต่นายสิ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าทันที เหมือนกับเป็นการไล่ทางอ้อมของแขกผู้มาเยือนว่าให้กลับได้แล้ว
อดิศวรมองเพื่อนหนุ่มที่เดินเข้าบ้านไม้หลังงามอย่างสงสัยแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา ได้แต่เก็บความคิดที่ตนเองสงสัยนั้นไว้คนเดียว
รรินทร์ที่ยังคงสาละวนกับการล้างจานและแก้วน้ำอยู่ในครัวไม่ทันได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเข้ามา กว่าเธอจะรู้ตัวก็ได้ยินเสียงแดกดันจากชายหนุ่มคนเดิมที่เธอเริ่มเกลียดเขาขึ้นทุกวัน
“เธอนี่เสน่ห์แรงจังนะ คุยกับเจ้าหมอไม่นานก็ทำให้มันหลงซะแล้ว”
หญิงสาวยังคงไม่สนใจกับคำพูดเหล่านั้น เธอยังคงทำงานของเธอให้เสร็จตามที่เธอได้ตั้งใจไว้ แม้ว่าในใจเธอจะไม่เข้าใจคำพูดของชายหนุ่มก็ตาม บูรพายังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอไปทำอีท่าไหนเข้า เจ้าอดิศถึงกับมาขออนุญาตฉันเพื่อที่จะจีบเธอ”
รรินทร์วางแก้วน้ำใบสุดท้ายที่ชั้นวางของมัน ก่อนที่หันมามองหน้าชายหนุ่มเมื่อครู่นี้อย่างแปลกใจกับคำบอกเล่า
เมื่อบูรพาเห็นสีหน้าของเธอก็นึกว่า หญิงสาวตรงหน้าแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องในสิ่งที่เขาพูด เขาจึงพูดประโยคต่อไปอย่างไม่พอใจว่า
“อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่องรดา เรื่องนี้เธอน่าจะรู้นี่ ว่าวิธีการอ่อยเหยื่อของเธอมักจะได้ผลถึงร้อยครั้งถ้าเธอต้องการให้มันสำเร็จ” คำพูดของชายหนุ่มทำให้คนฟังหน้าชาทันที รรินทร์ที่ตอนนี้ถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นรดาพี่สาวฝาแฝดของเธอพยายามที่จะระงับสติไม่ให้เป็นไปตามอารมณ์โกรธของคำพูดชายหนุ่มตรงหน้า มันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่เธอจะต้องมาโกรธเพียงเพราะว่าเขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นรดา
“เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณหมอมาขออนุญาตคุณเพื่อจะมาจีบฉันงั้นหรอคะ?” รรินทร์ถามด้วยน้ำเสียงเรียบที่สุดเท่าที่ความสามารถในการระงับอารมณ์ของเธอจะเอื้ออำนวย
“ใช่” บูรพาตอบอย่างแข็งๆ เขาออกจะงงด้วยซ้ำที่อยู่ดีๆ หญิงสาวก็ถามคำถามนี้ขึ้นมา และไม่นานนักเขาก็ได้รับคำตอบ และคำตอบนั่นยิ่งเพิ่มเชื้อไฟแห่งความโกรธในตัวเขาให้ลุกมายิ่งขึ้น
“แหม...ความจริงคุณหมอไม่น่าจะต้องมาขออนุญาตคุณให้คุณต้องมาลำบากใจเลยนะคะ ความจริงมาถามฉันตรงๆก็ได้ ในเมื่อฉันก็เตรียมคำตอบไว้อยู่แล้ว” รรินทร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานที่สุด เธอเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้ามองเธอด้วยสายตาที่เธอเกลียดอย่างที่สุด นั่นคือเขามองเธอด้วยสายตาที่ดูถูกและเหยียดหยาม ไม่ทันที่รรินทร์จะก้าวเท้าเพื่อตรงขึ้นไปยังห้องนอนนั้น สองแขนของเธอก็ถูกยึดไว้ด้วยแรงบีบของคนที่ชอบใช้กำลัง
“ในที่สุดเธอก็ยอมรับแล้วนะว่าเธอเป็นอย่างที่ฉันพูด ทำไมถึงชอบอ่อยผู้ชายนักล่ะ ฮึ! น้องชายของฉันคนเดียวยังไม่พออีกหรอไง ฮ่ะ!” เสียงที่เริ่มดังขึ้นตามแรงโมโหของอีกฝ่ายทำให้รรินทร์รู้ทันทีแล้วว่าเธอไม่น่าที่จะพูดแบบนั้นออกไปเลย เธอแค่ต้องการประชดเขาเท่านั้น
บูรพาหรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงที่ลอดออกมาจากไรฟันว่า
“ฉันก็เป็นผู้ชาย...ทำไมเธอไม่คิดที่จะอ่อยบ้างล่ะ? หืม...” แรงบีบที่ต้นแขนเหมือนกับต้องการเอาคำตอบจากปากของเธอ รรินทร์นิ่วหน้าเพราะความเจ็บ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน เธอจะไม่มีวันยอมร้องออกมาอย่างเด็ดขาด
“ว่ายังไงล่ะ? ทำไมไม่ตอบ หรือว่านี่ก็เป็นมารยาของเธออีกอย่างที่ต้องการให้ฉันค้นหาด้วยตัวเอง”
รรินทร์ยังคงไม่ตอบ เธอคิดว่าสถานการณ์แบบนี้ ขืนเธอพูดอะไรออกไปเขาก็จะยิ่งไม่พอใจเท่านั้น เธอจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายเงียบและรับฟังดี
“รดา” เสียงที่ลอดออกมาจากริมฝีปากของชายหนุ่มทำให้รรินทร์ถึงกับเสียงสันหลัง มันเป็นน้ำเสียงที่เธอรู้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้ากำลังโกรธอย่างขีดสุด เธอจึงเลือกที่จะออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย ยิ่งเธอพยายามมากเท่าไหร่ก็ดูเหมือนความพยายามของเธอจะสูญเปล่ามากขึ้นเท่านั้น ออกจากการเกาะกุมอย่างที่ตั้งใจไม่ได้แถมยังโดนเขารุกจนไม่มีทางหนีอีก
หลังของเธอชนเข้ากับเคาน์เตอร์ทำอาหารตามแรงดันของอีกฝ่ายเพื่อต้อนให้เธอจนมุม รรินทร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเรียบว่า
“ปล่อยเถอะค่ะ ตอนนี้คุณกำลังโกรธ ไว้คุณหายโกรธแล้วค่อยมาคุยกันใหม่” พูดพร้อมกับแกะมือของอีกฝ่าย แต่ยิ่งแกะก็ยิ่งแน่น
“เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉันรดา ฉันถามเธอว่า...ทำไมเธอถึงไม่คิดจะอ่อยฉันบ้างล่ะ? ในเมื่อฉันก็เป็นผู้ชาย ว่ายังไง?” บูรพาถามพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นสบู่อ่อนๆจากคนที่อยู่ใต้ล่างเขา รรินทร์เงยหน้าขึ้นสบตาของอีกฝ่าย เธอไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไรดี? เธอไม่เคยคิดที่จะอ่อยใครและที่สำคัญกับผู้ชายตรงหน้าเธอไม่เคยมีความคิดที่จะอยากรู้จักเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งหญิงสาวไม่ตอบก็ยิ่งดูจะทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจมากยิ่งขึ้น ริมฝีบางอุ่นๆของเขาทาบทับลงบนริมฝีปากบางทันที ไม่มีความอ่อนโยนมีแต่ความดุดันที่เขามอบให้เธอ รรินทร์ยืนเบิกตาโพล่งอย่างตกใจกับการกระทำราวสายฟ้าผ่าของอีกฝ่าย สองมือน้อยปัดป้องทั้งหยิกและขวนอย่างไม่ปราณี ลิ้นอุ่นๆของเขากระวัดไปมาเพื่อความหาความหวานจากหญิงสาว มือของชายหนุ่มกระชับเอวบางของอีกฝ่ายแน่นขึ้นจนแทบจะทำให้เธอหายใจไม่ออก รรินทร์รับรู้ถึงมืออุ่นๆที่สอดเข้าไปยังด้านหลังพร้อมกับปลดพันธนาการที่ห่อหุ้มเรือนร่างภายในไว้ เสียงอู้อี้ที่ดังอยู่ใมนลำคอแสดงถึงความไม่ยินยอมของเธอยิ่งทำให้ชายหนุ่มอยากจะเอาชนะ เขาถอนริมฝีปากของเขาออกจากริมฝีปากอย่างเสียดายก่อนที่จะยกตัวผู้หญิงตัวบางขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์โดยที่สองมือน้อยๆนั้นยังคงประทุษร้ายเขาอยู่
*******************
ยังไงก็ขอคำเม้นท์หน่อยนะจ้ะ เพื่อนๆนักอ่านทุกท่าน
และมาตามลุ้นว่า พระ-นาง ของเราจะเป็นยังไงต่อไปเน๊ะ
ความคิดเห็น