คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
เช้าวันรุ่งขึ้นรรินทร์รีบลุกจากเตียงนอนแทบจะไม่ทันเมื่อชายหนุ่มหน้าตาดุนั้นยืนอยู่ปลายเตียงเธอด้วยสายตาเอาเรื่อง
“อยู่ที่นี่ห้ามตื่นสาย ฉันไม่ได้เอาตัวเธอมาที่นี่เพื่อที่เธอจะได้พักผ่อนนะ เธอจะต้องทำงานในบ้านหลังนี้ทุกอย่าง ตั้งแต่ตัดหญ้าสนามหน้าบ้าน จนไปถึงซักผ้ารีดผ้าของคนงานในไร่ อย่าคิดอู้เด็ดขาด ไปได้แล้ว”
รรินทร์เดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ข้างตู้เสื้อผ้านั้นทันที เสียงประตูห้องน้ำปิดอย่างแผ่วเบา และเธอก็ได้ยินเสียงประตูห้องนอนที่จะเป็นใครไม่ได้นอกจากเจ้าของบ้านหลังนี้เป็นคนปิด
หญิงสาวมองหน้าตัวเองในกระจก พลางพยายามปลอบตัวเองว่า มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักกับอีแค่ทำงานบ้าน ตอนที่เธอไปเรียนอยู่ที่ฝรั่งเศสเธอยังเคยหางานพิเศษทำเลยด้วยซ้ำไป แค่นี้ก็นับว่าดีแล้ว
เสื้อผ้าที่วางอยู่บนเตียงประมาณห้าหกชุดนั้นเป็นเสื้อผ้าที่เรียกได้ว่าคงไปขอบริจาคมาแน่ๆนั้นถูกหยิบขึ้นมาใส่ด้วยหญิงสาวใบหน้าเรียวยาวรูปไข่ แม้ว่าเธอออกจะไม่ชินสำหรับการใส่เสื้อผ้าแบบนี้ แต่เมื่อตอนเด็กคุณยายก็เคยสอนให้เธอนุ่งผ้าซิ่นบ่อยๆ เสื้อคอป่านสีขาวที่ซักอย่างสะอาดกับผ้าซิ่นสีน้ำเงินเข้มทำให้หญิงสาวนึกอย่างขบขันว่า ถ้าเธอใส่ชุดนี้อยู่ในบ้านของเธอล่ะก็ ทุกคนคงคิดว่าเธอเป็นคนใช้แน่ๆ ผมยาวสลวยของเธอมัดรวบไว้กลางศีรษะอย่างลวกๆ ทำให้ปอยผมที่สั้นประลงมายังใบหน้าเรียวนั้นอย่างเก๋
รรินทร์ยืนมองตัวเองในกระจกเพื่อสำรวจความเรียบร้อยของตนเองก่อนที่จะลงไปข้างล่างเพื่อทำงานตามที่เจ้าของบ้านเมื่อครู่สั่ง
กองผ้าที่ทับถมจนเป็นภูเขาลูกย่อมทำให้รรินทร์ถึงกับใจอ่อนเลยทันที เธอรู้อยู่หรอกว่าจะต้องซักผ้า แต่ไม่นึกว่าจะต้องซักเยอะขนาดนี้ อีกอย่างถ้ามีเครื่องซักผ้าก็ว่าไปอย่างแต่นี่ต้องซักมือทั้งหมด รรินทร์คิดอย่างอ่อนใจก่อนที่ขยับตัวเองนั่งลงรับชะตากรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ
แสงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า รรินทร์เดินสำรวจดูรอบๆบ้านหลังจากที่ทำงานบ้านมาทั้งวันอย่างมีความสุข แม้ว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรก็ตาม แต่ก็นับว่าคุ้มที่ทำให้เธอได้มาอยู่ที่นี่ รรินทร์ชอบบรรยากาศแบบบ้านๆซึ่งแตกต่างจากพี่สาวฝาแฝดที่ชอบแสงสีเสียงเหมือนวัยรุ่นทั่วไป ทะเลสาบขนาดเล็กอยู่ด้านหลังของบ้าน รรินทร์เดินมาถึงที่นี่ก็อดยิ้มให้กับมันไม่ได้ แสงอาทิตย์ที่ส่องกระทบกับพื้นน้ำเป็นสีส้มปนเหลืองและแดงน่าดูมากขึ้น เธอเดินไปยังสะพานไม้เล็กๆที่สร้างยื่นออกไปริมน้ำนั้น ก่อนที่จะพาตัวเองนั่งลงพร้อมกับห้อยขาระพื้นน้ำอย่างมีความสุข
“มานั่งทำอะไรตรงนี้?” เสียงดุของผู้ชายตัวโตดังขึ้น รรินทร์หันกลับไปมองยังต้นเสียงและพบว่าชายหนุ่มเรือนผมดกดำนั้นคือนายบูรพาหน้ายักษ์นั่นเอง หญิงสาวลุกขึ้นพร้อมๆกับชายหนุ่มที่ก้าวเดินมาประชิดตัวเธอ รรินทร์พยายามเบี่ยงกายเพื่อรักษาระยะห่างกับชายหนุ่มตรงหน้ามากที่สุด
“ทำงานบ้านเสร็จแล้วหรือไง?” เสียงห้วนๆเสียงเดิมถามขึ้น
“เสร็จแล้ว” รรินทร์ตอบ แล้วเดินหลบเพื่อตรงไปยังตัวบ้าน เธอไม่รู้ว่าทำถึงต้องหลบหน้าผู้ชายร่างยักษ์คนนี้ด้วย แต่สัญชาติญาณบอกเธอว่า อยู่ห่างจากชายหนุ่มคนนี้ได้มากที่สุดยิ่งดี มือแข็งแรงของอีกฝ่ายคว้าต้นแขนกลมกลึงนั้นไว้ก่อนที่เธอจะหลบเข้าบ้าน
“ทำไม? อยู่กับฉันมันน่ากลัวนักหรือไง?” เสียงกวนประสาทพูดขึ้น
รรินทร์ไม่ตอบ ถึงแม้ว่าเธออยากจะตอบใจจะขาดว่าใช่ก็ตาม หญิงสาวพยายามแกะมือหนานั้นออก แต่มันก็ได้ผลเหมือนอย่างเมื่อคืนนี้ รรินทร์ถอนหายใจออกมา
“ถอนหายใจทำไม?”
เอ้า! ขนาดเธอถอนหายใจยังไม่ได้อีก ผู้ชายคนนี้จะเอายังไงกับเธอกันแน่ เห็นๆกันอยู่ว่าเขาจับเธอมาที่นี่เพราะต้องการแก้แค้นแทนน้องชายตัวเอง แล้วยังจะมายุ่งวุ่นวายอะไรกับเธออีกล่ะเนี่ย...
“เปล่า”
“พูดกับฉันต้องมีค่ะด้วย”
“เปล่าค่ะ” รรินทร์เปลี่ยนคำพูดทันที เธอยังไม่อยากเจอหน้ายักษ์ตั้งแต่หัวค่ำนี่
“ดี” เขาพูดแค่นั้นก็เดินเข้าบ้านไปปล่อยให้หญิงสาวงงกับการกระทำของเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย น่าจะจับส่งศรีธัญญา แล้วรรินทร์ก็เดินตามเข้าบ้านไป
หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านไป ไม่ได้สร้างความยุ่งยากหรือลำบากใจให้กับหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย เธอออกจะชอบซะด้วยซ้ำที่ต้องมาอยู่ที่นี่ แม้ว่าในใจของเธอนึกอยากจะโทรกลับไปหาที่บ้านเพื่อบอกว่าตอนนี้เธอสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง แต่นั่นก็เป็นได้แค่ความคิดเท่านั้น บูรพาหรือที่เธอรู้จักอีกชื่อหนึ่งก็คือณุนั้นไม่ค่อยที่จะกลับมานอนที่บ้านไม้หลังนี้ซักเท่าไหร่? เขาจะมาเฉพาะตอนเช้าและตอนเย็น พร้อมกับสั่งเกี่ยวกับรายละเอียดของงานแต่ละวันที่เขาให้เธอทำ รรินทร์รู้ว่างานแต่ละอย่างที่เขาสั่งมาค่อนข้างโหด บางวันก็ให้เธอถางหญ้าด้วยมือจนมือเธอเลือดออกแต่ก็ไม่หนักเท่าให้เธอจัดแต่งต้นไม้ที่อยู่รายล้อมบ้านหลังนั้นบางวันทำเอาเธอเหงื่อตกเลยทีเดียว แต่ในแต่ละวันเขาจะอยู่คุยกับเธอเพียงไม่กี่คำเท่านั้น จากนั้นเขาก็จะออกไปข้างนอก เธอไม่รู้ว่านอกจากที่นี่แล้ว บ้านใกล้เรือนเคียงที่อยู่ติดกันนั้นอยู่ที่ไหน เพราะไม่ว่าเธอมองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นไม้เรียงรายเต็มไปหมด แม้ว่าเธอจะรู้สึกเหงาบ้างแต่ก็ไม่มากมายอะไรนัก
เสียงรถยนตืดังมากจากหน้าบ้านทำให้หญิงสาวในชุดเหมือนคนใช้นั้นเดินไปยังหน้าบ้านเพื่อมองผู้มาเยือน ประตูหน้าบ้านที่ประจำเธอไม่เคยล็อกเปิดออกด้วยผู้หญิงหน้าสะสวยคนหนึ่ง ผมสีทองอร่ามตาเป็นลอนนั้นขับให้ใบหน้าดูสวยมากยิ่งขึ้น รรินทร์มองผู้มาใหม่อย่างงงๆ
หญิงสาวที่เพิ่งกลับจากฝรั่งเศสมองหน้าผู้หญิงที่แต่งตัวเหมือนกับคนใช้นั้นด้วยสายตาที่ค่อนไปทางแปลกใจเล็กน้อยก่อนที่จะไม่สนใจแล้วพูดว่า
“มายกกระเป๋าไปซิ”
รรินทร์มองหญิงสาวขึ้นเมื่อครู่อย่างเข้าใจความหมาย ก่อนที่จะเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบโตนั้นอย่างทุลักทุเลเพราะความหนักของมัน
“เบาๆหน่อยซิ รู้ไหมว่ามันราคาแพงนะ เงินเดือนแกทั้งเดือนคงไม่มีปัญญาชดใช้หรอก” เสียงของหญิงสาวผมทองยังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ
รรินทร์ได้แต่ยกกระเป๋าใบนั้นด้วยท่าทางที่เธอคิดว่าถนอมมันที่สุดนั้น แม้ในใจเธอแทบอยากจะถีบยอดหน้าผู้หญิงที่สวยแต่หน้าแต่ปากยิ่งกว่ามีดพันเล่มเอารวมกันซะอีก
“บีบี้ไปไหนล่ะ?” เสียงของหญิงสาวปากเหมือนมีดนั้นถามขึ้นอย่างมะนาวไม่มีน้ำ
รรินทร์วางกระเป๋าใบใหญ่นั้นก่อนที่จะเงยหน้ามองคนพูดด้วยสายตาไม่เข้าใจว่าหมายถึงใคร ในนี้ไม่มีใครชื่อบีบี้ซักหน่อย...
หญิงสาวผู้มาใหม่ทำสีหน้ารำคาญใจเล็กน้อยก่อนที่จะตอบด้วยน้ำเสียงเช่นเดิมว่า
“ก็ณุไงล่ะ?”
เท่านั้นแหละรรินทร์ถึงกับบางอ้อทันที ...เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าหนุ่มหน้ายักษ์คนนั้นมีชื่อว่าบีบี้อีกชื่อ
“ไม่ทราบค่ะ” รรินทร์ตอบ แล้วทันทีที่ได้คำตอบ หญิงสาวผมทองก็ตวาดขึ้นมาทันที
“อะไรกัน!!!! เป็นคนใช้ประสาอะไร ถึงไม่รู้ว่าเจ้านายของตัวเองไปไหน? ทำงานประสาอะไรเนี่ย!!!! อย่างนี้ต้องให้พี่บีบี้ไล่ออก” พูดจบก็เดินออกจากบ้านทันที ทิ้งไว้แต่หญิงสาวที่ถูกยกฐานะให้เป็นคนใช้มองตามหลังไป
ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวที่เมื่อตอนกลางวันเธอเจอแล้วนั้นทำให้หญิงสาวที่ถูกยกระดับเป็นคนใช้อย่างรรินทร์อดที่คิดไม่ได้ว่าสองหนุ่มสาวคู่นี้คงจะเป็นแฟนกันแน่ๆ เธอจึงไม่คิดที่จะเข้าไปย่างกรายในรัศมีที่สองหนุ่มสาวนั่งอยู่
“สาวใช้ของคุณดูจะไม่ได้เรื่องเลยนะคะ ลิซ่าถามว่าคุณอยู่ไหน เธอก็ตอบว่าไม่รู้ เป็นสาวใช้ประสาอะไร ไม่รู้ว่าเจ้านายไปไหน?”
บูรพาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะเข้าใจในคำพูดของเพื่อนสาวที่มาจากต่างแดนคนนี้
“อย่างนั้นหรอ?” เสียงของชายหนุ่มไม่บ่งบอกอารมณ์อะไรทั้งสิ้น พร้อมกับพาตัวเองมานั่งลงโซฟาที่ตั้งอยู่ข้างๆนั้น ลิซ่าเห็นชายหนุ่มเดินไปนั่งตรงโซฟาเธอจึงตาไปนั่งข้างๆด้วย
“ลิซ่าตั้งใจว่าจะมานอนค้างที่นี่ระหว่างที่ลิซ่าอยู่เมืองไทยน่ะคะ บีบี้ไม่ว่าลิซ่านะ” ลิซ่าพูดจาออดอ้อนพลางไล้มือที่ทาเล็บสีแดงนั้นไปตามใบหน้าที่หล่อเหลาของชายหนุ่มอย่างหลงใหล
“ผมคิดว่าคงไม่ได้”
“ทำไมละคะ?” มือที่ไล้อยู่เมื่อครู่ชะงักลงทันที
“คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับที่นี่” ชายหนุ่มตอบอย่างเสียไม่ได้
“แล้วทีกับคนใช้คุณละคะ อย่านึกนะว่าลิซ่าไม่รู้ว่าคุณให้คนใช้ของคุณอยู่ที่นี่”
บูรพาหรือณุถอนใจออกมากับความดื้อรั้นของหญิงสาว
“มันคนละเรื่องกันนะลิซ่า คุณไปหาโรงแรมในเมืองนอนก็ได้นี่ ที่นี่ไม่มีอะไรที่คุณจะสามารถอยู่ได้หรอก”
ลิซ่าหน้าง้ำก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนชายหนุ่มว่า
“ก็ได้คะ แต่ว่า...คุณต้องไปนอนกับลิซ่านะ คุณก็รู้ว่าลิซ่ามาที่นี่ก็เพราะคุณ นะคะ นะ”
บูรพาหันไปสบตาหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกายก็เข้าใจความหมาย มือน้อยๆของเจ้าของเล็บแดงนั้นเอื้อมไปยังท้ายทอยของชายหนุ่มก่อนที่จะยื่นหน้าตนเองเพื่อให้ริมฝีปากอิ่มคู่นั้นไปประกบกับริมฝีปากของชายหนุ่ม ความหวานที่ทั้งเธอและเขาได้มอบให้แก่กันทำให้ร่างทั้งร่างของหญิงสาวอ่อนระทวยในอ้อมกอดนั้น ชายหนุ่มค่อยๆรั้งร่างบางลงนอนกับโซฟาที่พวกเขานั่งกันอยู่ ใบหน้าที่สากไปด้วยเคราที่เริ่มขึ้นไล้ไปตามซอกคออย่างชำนาญมือทั้งสองเริ่มทำงานทันที เสื้อที่ลิซ่าใส่เป็นเสื้อคอลึกแค่ดึงสายเสื้อออกก็ทำให้เสื้อด้านบนหลุดออกมายังนวลไหล่ขาวนวลนั้นทันที มือหนาที่ลุกเข้าไปยังสาบเสื้อด้านเนื้อเริ่มบีบเค้นเนินเนื้อนั้นตามแรงปรารถนา พร้อมกับเสียงเร่งที่เกิดจากฝ่ายหญิงทำให้เขาหยุดอารมณ์ไว้ไม่อยู่
**************
ช่วยเม้นท์หน่อยนะค่ะ
ความคิดเห็น