คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : รู้สึกตัว!!!!
ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยการรอคอยของชายหนุ่มตาสีดำนิลนั้นดูจะผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน เขานั่งมองน้องชายคนเดียวของเขาด้วยสายตาที่แสนหดหู่ ผ่านไปแล้วหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนที่นั่งมองน้องชายของเขาแบบนี้ หมอบอกว่าถ้าคืนนี้น้องชายของเขาไม่ฟื้นก็เท่ากับว่าน้องชายของเขาจะเป็นเจ้าชายนิทราและไม่มีกำหนดว่าจะฟื้นตัวเมื่อไหร่ ตอนี้สิ่งที่เขาจำเป็นที่จะต้องหวังก็คือปาฏิหาริย์ ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยรอบตัวมีสายสีขาวเล็กๆโยงเต็มไปหมด ศีรษะที่พันไว้ด้วยผ้าสีขาวสะอาดหลังจากการผ่าตัดเอาเลือดที่คั่งออกมาเมื่อตอนนี้ทำให้ใบหน้าที่ค่อนข้างซีดนั้นดูดีขึ้นเพียงเล็กน้อย
เขาก้มมองนาฬิกาเรือนแพงนั้นมันบอกถึงเวลาตีหนึ่งแล้ว ผ่านไปอีกหนึ่งวันที่น้องชายของเขาไม่พูดและไม่ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว นางพยาบาลคนหนึ่งเข้ามาทำลายความเงียบนั้น คำบอกเล่าของเธอทำให้เขารีบวางมือที่กุมมือชายหนุ่มคนนั้นไว้อย่างเบามือก่อนที่จะพาตัวเองตรงไปยังประตูทางออกทันที
“มีผู้ชายคนหนึ่งมาขอพบค่ะ เห็นบอกว่าจะมารายงานที่ได้รับมอบหมาย” นั่นคือเสียงของนางพยาบาลเมื่อครู่นี้
ผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าห้องICUถือเอกสารซองสีน้ำตาลไว้แนบตัว พอหันหลังกลับมามองก็พบคนที่เขาต้องการมอบซองสีน้ำตาลนั้นเดินออกมาอย่างเร่งรีบ
“รู้เรื่องแล้วครับท่าน” เขารีบรายงานทันที แล้วยื่นเอกสารสีน้ำตาลนั้น ชายหนุ่มที่เพิ่งออกมารีบยื่นมือไปรับทันที
“เธอชื่อรดา ภมรยุรวงศ์ครับ เป็นลูกสาวของนายอมรเกียรติที่เป็นเจ้าของสินค้าส่งออกผ้าไหมและเครื่องประดับระดับประเทศ ตอนนี้ครอบครัวของเธออยู่ที่อเมริกา นายอมรเกียรติเปิดบริษัทที่นั่น ส่วนลูกสาวของเขาอยู่ที่ประเทศไทย คุณรดามีน้องสาวฝาแฝดอีกคนชื่อรรินทร์ครับ หน้าตาทั้งสองคล้ายกันมาก แต่นิสัยต่างกันอย่างริบลับ วันพุ่งนี้น้องสาวของเธอจะเดินทางไปอเมริกา ส่วนเธอจะอยู่ที่เมืองไทยคนเดียวครับ”
ชายหนุ่มที่รับฟังพยักหน้าเพียงอย่างเดียวก่อนที่จะอ่านข้อมูลเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อรดา ภมรยุรวงศ์ ในนั้นเขียนประวัติของเธออย่างละเอียด จบไฮสกูลจากนิวยอร์ก เรียนต่อปริญญาตรีอิตาลีด้านแฟชั่นดีไซน์
มิน่า...ทำไมแต่งตัวเปรี้ยว...เขาคิด
ก่อนที่รอยยิ้มของเขาจะปรากฏขึ้นที่มุมปากได้รูปนั้น ถ้าเพียงแต่ชายที่ยื่นเอกสารนั้นสังเกตชายหนุ่มตาสีนิลนั้นจะรู้ว่ารอยยิ้มนั้นหน้ากลัวเพียงไร
“ไปสืบมาว่าวันที่น้องสาวของเธอเดินทางผู้หญิงคนนี้จะไปด้วยไหม?” ชายหนุ่มตานิลบอก ก่อนที่จะเดินเข้าไปยังห้องที่เขาออกมาเมื่อครู่ทันทีหลังจากที่อีกฝ่ายรับคำแล้วเดินจากไปเพื่อไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
--------------------------------
ผู้คนมากมายที่เดินขวักไขว่อยู่ที่สนามบินแห่งชาติ ต่างลากกระเป๋ากันเข้าประเทศบ้างออกประเทศบ้าง รรินทร์เดินทางมาส่งพี่สาวฝาแฝดของเธอ แม้ว่าเธอจะพยายามหาตั๋วเครื่องบินเพื่อที่จะเดินทางไปพร้อมกันนั้นแต่ก็หาไม่ได้ เพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ high season นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศต่างพากันจับจองตั๋วจนหมดเกลี้ยง กว่าจะได้ตั๋วอีกทีก็อีกสามอาทิตย์หรือต้นเดือนหน้านั่นเอง รดาโอบกอดน้องสาวของเธอและพูดขึ้นหลังจากคลายอ้อมกอดว่า
“พี่ขอโทษนะรรินทร์ พี่รู้ว่าเธออยากไปหาพ่อกับแม่มาก แต่...” เสียงคนพูดถอนหายใจออกมาดังๆเพื่อให้น้องสาวของตนเองได้ยินแล้วจึงพูดต่อว่า “พี่คิดว่าเธอน่าจะรู้สาเหตุนี้ดี ว่าทำไมพี่ถึงต้องรีบร้อนไปด้วย เอาเป็นว่าถ้าไปถึงที่นั่นแล้วพี่จะโทรมาหานะจ้ะ ส่วนเรื่องพาสปอร์ดของเธอแล้วก็ตั๋วพี่ขอบใจมากนะ แล้วก็พาสปอร์ตของพี่ พี่เก็บอยู่ในลิ้นชักข้างเตียงนะ” สิ้นเสียงของพี่สาว รรินทร์ก็ยิ้มให้ก่อนที่จะพูดขึ้นบ้างว่า
“ไว้รรินทร์จะไปเยี่ยมพี่นันท์ให้นะคะ”
ประโยคบอกเล่าของน้องสาวฝาแฝดทำให้รดาถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว เธอยังไม่กล้าบอกว่าที่นันท์ประสบอุบัติเหตุนั้นสาเหตุมันมาจากตัวเธอ รดาได้แต่ยิ้มอย่างเจื่อนๆก่อนที่จะปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วสวมกอดน้องสาวอีกครั้งก่อนที่จะเดินเข้าไปยังประตูผู้โดยสารขาออก
รรินทร์มองพี่สาวที่เดินเข้าไปยังประตูด้านในก่อนที่จะพาตัวเองมายังรถคันหรูที่จอดไว้ที่โรงจอดของสนามบิน อากาศที่ค่อนข้างอบอ้าวทำให้หญิงสาวเหงื่ออกเล็กน้อย ผ้าเช็ดหน้าที่ควานหาในกระเปาถือใบเล็กดูมันจะถูกซ่อนไว้ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของกระเป๋าทำให้ผู้ที่ต้องการจะใช้หามันไม่เจอ และไม่ทันสังเกตเห็นชายหนุ่มสองคนที่เดินมาประกบข้าง เมื่อรู้ตัวอีกทีใบหน้านวลที่มีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นนั้นก็โดนผ้าสีขาวขนาดเล็กประกบเข้าที่จมูกและปาก กลิ่นเหม็นของตัวยาบางชนิดทำให้หญิงสาวเกิดอาการมึนเล็กน้อยก่อนที่จะรู้สึกตัวด้วยสามัญสำนึกว่ามีคนจ้องทำลายเธอ มือน้อยๆสองข้างพยายามที่ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อควานหาความอิสระต่อการจับกุมนั้น แต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงของเธอจะเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ เธอรู้แต่ว่าร่างของเธอค่อยๆล้มลงแล้วรู้สึกถึงลำแขนของใครคนหนึ่งพยุงเธอไม่ให้เธอล้มลงไปกองกับพื้น เธอพยายามที่จะมองใครกันที่จ้องทำลายเธอ หนังตาที่เริ่มหนักทำให้ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าค่อนข้างเบลอ รรินทร์เห็นเพียงเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มผิวขาว ดวงตาสีดำสนิทเหมือนกับท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เธอไม่มีลืมได้ แล้วทุกอย่างก็มืดลง...
รถยนต์คันหรูที่วิ่งตามเส้นทางถนนที่ตรงออกนอกเขตเมืองด้วยความเร็วโดยไม่สนใจว่าจะผิดกฎจราจรหรือเปล่านั้น ด้านในมีชายหนุ่มสวมแว่นตาดำผมที่ดูจะไม่ได้สนใจนั้นตกลงมาปรกหน้าคนขับช่วยให้เสริมใบหน้านั้นดูคมคายมากยิ่งขึ้น เขาเหลือบมองไปยังด้านเบาะหลังอยู่บ่อยๆ เพื่อตรวจความเรียบร้อยว่าสินค้าที่เขาเพิ่งได้มานั้นยังคงเรียบร้อยดีอยู่ มุมปากได้รูปกระตุกยิ้มที่เรียกได้ว่าเยาะนั้นเล็กน้อย ก่อนที่จะเริ่มเร่งความเร็วให้มากขึ้นตรงไปยังที่เก็บสินค้าของเขา
บ้านไม้ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเล็กๆล้อมรอบด้วยต้นไม้นานาชนิด กลิ่นของดอกปีบที่ปลูกอยู่ข้างตัวบ้านส่งกลิ่นหอมมาเป็นระยะเมื่อมีสายลมพัดผ่าน เสียงนกร้องที่ต่างพากันเริ่มกลับมายังรังที่อยู่อาศัยของมันส่งเสียงราวกับจะต้อนรับผู้มาใหม่ แม่บ้านที่ทำงานอยู่ในห้องครัวตอนนี้กำลังเตรียมสำรับกับข้าวเพื่อต้อนรับนายน้อยที่โทรมาบอกเธอเมื่อวานตอนเย็นว่าวันนี้จะมาให้เตรียมห้องนอนและของกินของใช้ไว้ให้ครบและทำความสะอาดเครื่องใช้ทุกอย่างที่อยู่ในบ้าน เธอมาอยู่ที่บ้านไม้หลังนี้ตั้งแต่เช้าเพื่อทำความสะอาดตามที่นายน้อยเจ้าของบ้านสั่งทุกอย่าง แม้ว่าบ้านไม้หลังนี้จะอยู่ห่างจากไร่ทานตะวันที่นายน้อยเป็นเจ้าของ แต่นายน้อยก็ชอบที่จะแวะเวียนมาที่นี่บ่อยๆ เพราะเป็นบ้านที่เรียกว่าบ้านแห่งความทรงจำ
เสียงรถยนต์ที่ดังใกล้เข้ามา ทำให้แม่บ้านวัยกลางคนที่กำลังจัดอาหารบนโต๊ะนั้นวางมือลงทันที เธอรีบตรงไปเปิดประตูและพบนายน้อยของเธอที่ตอนนี้โตจนเป็นหนุ่มหล่อเหลานั้นเดินลงจากรถคันงามราคาหลายล้านนั้น เธอส่งยิ้มที่แสนอบอุ่นนั้นไปให้ ก่อนที่จะได้รับรอยยิ้มที่ที่เรียกได้ว่าไม่ยิ้มก็คงจะเหมือนกันนั้นกลับมา
“มาเร็วจังเลยคะ เข้ามาทานข้าวเลยซิคะ ป้าเตรียมไว้ให้แล้วนะ ของโปรดของนายน้อยทั้งนั้น” แม่บ้านคนเดิมพูด เธอเห็นนายน้อยของเธอไม่ตอบอะไรแต่เดินไปยังด้านหลังคนขับและเปิดประตูรถออกมาก่อนที่จะก้มลงไปทำอะไรซักอย่าง แม่บ้านยังคงมองอยู่อย่างนั้นด้วยความสงสัย และเมื่อนายน้อยของเธอนำตัวเองออกมาจากรถคันเธอก็ต้องถึงกับตะลึงกับสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของคนที่ก้มลงไปเมื่อครู่
หญิงสาวร่างบางคนหนึ่งหลับใหลไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขนนายน้อยของเธอ!!!!
“อะไรกันคะ?” แม่บ้านเอ่ยถามอย่างตกใจก่อนที่จะพาตัวกลมๆของเธอตรงไปยังร่างบางที่ยังคงหลับอยู่
“เพื่อนของนายน้อยหรอคะนี่” แม่บ้านถามอีกครั้งก่อนที่จะตั้งสติได้ก็รีบพาตัวเองกลับไปยังประตูบ้านพร้อมกับเดินตรงไปยังห้องนอนที่ตนเองจัดเตรียมไว้เพื่อต้อนรับนายน้อยของเธอ โดยมีชายหนุ่มที่อุ้มร่างของหญิงสาวที่ยังคงหลับอยู่นั้นตามหลังไปโดยไม่พูดอะไร
ร่างบางถูกวางลงอย่างไม่ไยดีก่อนที่คนที่อุ้มเข้ามาจะพาตัวเองออกจากห้องนั้นไปโดยไม่เหลียวแลที่จะหันมามองเลยซักนิด แม่บ้านร่างท้วมได้แต่ยืนมองอย่างงงๆ ก่อนที่จะจัดท่านอนของหญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงนุ่มนั้นให้เข้าที่แล้วห่มด้วยผ้าห่มที่ตนเองเพิ่งซักเสร็จและตากแดดเมื่อครู่นี้
ชายหนุ่มเจ้าของบ้านยืนคุยอะไรบางอย่างกับคนงานในไร่แล้วยื่นกุญแจรถให้แล้วรถคันงามก็ถูกขับออกไปโดยทิ้งชายหนุ่มเจ้าของรถคันนั้นไว้เบื้องหลัง
“นายน้อย” เสียงของหญิงร่างท้วมพูดขึ้น
“ขอบคุณป้ามากนะครับที่ช่วยจัดที่นี่ไว้ให้ ยังไงถ้าผมไม่ได้เรียกป้าก็อย่ามาที่นี่เด็ดขาด” ชายหนุ่มที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ ณ ที่เดิมนั้นพูดขึ้น
“นายน้อยคะ เรื่องของนายน้อยนันท์ป้าว่าอย่าคิดมากเลยนะคะ” เธอพูดขึ้น แต่มันก็ดูเหมือนกับว่าเป็นคำพูดที่ลอยตามลมมากกว่า ชายหนุ่มหันหลังกลับเดินเข้าไปยังตัวบ้านโดยมีหญิงร่างท้วมเดินตามไปติดๆและพูดว่า
“เดี๋ยวป้าจะจัดห้องให้ใหม่นะคะ เพราะป้าไม่รู้ว่านายน้อยจะพาเพื่อนมาด้วย”
“เธอไม่ใช่เพื่อนผม!!!!!!!!” เสียงตะคอกของนายน้อยของเธอ ทำให้แม่บ้านร่างท้วมผงะไปเลยทีเดียวและเหมือนกับคนพูดจะรู้สึกตัว เขาจึงค่อยๆพูดออกมาอย่างระงับความโกรธไว้ภายในว่า
“ขอโทษครับป้า ช่วงนี้ผมเจอแต่เรื่องเครียด ยังไงก็ขอบคุณป้าอีกครั้ง แล้วอย่าลืมที่ผมบอก ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากผม ห้ามให้ใครเข้ามาย่างกรายแถวนี้เด็ดขาด”
แม่บ้านร่างท้วมพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่จะมองแผ่นหลังที่เดินไปยังหลังบ้าน และเดินจากไปตามคำสั่งของนายน้อยของเธอ
...ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากผม ห้ามให้ใครเข้ามาย่างกรายแถวนี้เด็ดขาด
อากาศที่เริ่มโรยตัวลงด้วยความมืดของท้องฟ้า ลมเย็นๆพัดเข้ามาข้างในห้อง ทำให้หญิงสาวที่นอนหลับอยู่ใต้ผ้าห่มหนานุ่มนั้นขยับตัวเล็กน้อยก่อนที่หนังตาที่ปิดลงเมื่อครู่นั้นจะค่อยๆลืมขึ้นอย่างช้าเผยให้เห็นถึงดวงตากลมโตนั้น เธอรู้สึกว่าสมองของเธอหนักอึ้ง แล้วยังมึนเล็กน้อย เธอค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นจากที่นอนนุ่มนั้น ก่อนที่จะกวาดสายตามองรอบข้างตัวเธอ แล้วคำถามแรกที่ผุดขึ้นในโสตประมาทของเธอก็คือ ที่นี่ที่ไหน????
เธอพยายามสลัดเอาความมึนงงนั้นออกไป ก่อนที่จะค่อยๆทบทวนความทรงจำ เธอไปส่งพี่รดาที่สนามบินแล้วกำลังจะกลับบ้าน แต่ก็มีใครก็ไม่รู้มาทำร้ายเธอ จากนั้น...
รรินทร์ลุกขึ้นจากที่นอนทันที และตรงไปยังประตูห้องที่อยู่ปลายเตียงนั้น มือขาวบางเอื้อมไปบิดลูกบิดที่ทำมาอย่างดีนั้นอย่างช้าๆ และเธอก็รู้ว่า
ประตูไม่ได้ล็อก!!!!!!!!
ความคิดเห็น